ชดใช้ เป็นเรื่องราวของเด็กหญิงสี่คนที่เป็นพยานในที่เกิดเหตุฆาตกรรมของเพื่อนร่วมชั้นเมื่อสิบห้าปีก่อน ได้แก่ ซะเอะ มะกิ อะกิโกะและยุกะ
เด็กหญิงทั้งสี่ถูกแม่ของเด็กที่ถูกฆ่าตายตาหน้าว่าพวกเธอนั่นแหละที่ต้องชดใช้ พวกเธอคือฆาตกร นับจากวันนั้น เด็กหญิงทั้งสี่ต่างเติบโตขึ้นมาโดยใช้ชีวิตตามทางของตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นเหตุการณ์ในอดีตก็ยังคงคอยวนเวียนอยู่ในจิตใจพวกเธอ
ซะเอะเติบโตขึ้นมาโดยที่หวั่นกลัวการที่จะโตเป็นสาวจนร่างกายผิดปกติ มะกิเติบโตมาโดยหวังว่าตัวเองจะทำตัวให้มีประโยชน์ต่อผู้อื่นได้มากที่สุด อะกิโกะเติบโตมาโดยคิดว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ที่มีมิตรภาพดีๆ กับใครและตัวเองไม่เหมาะสมกับสิ่งสวยงาม ส่วนยุกะต้องมีปมในใจเรื่องการได้รับความรักจากครอบครัวหรือใครสักคน
คำพูดของแม่ของเด็กสาวที่ตายในวันนั้นยังคงติดตรึงอยู่ในใจของพวกเธอ จนส่งผลให้เกิดห่วงโซ่ให้การชดใช้ความผิดและโศกนาฏกรรมที่ไม่คาดคิดตามมา
charin t –
เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของคดีฆาตกรรมของเด็กผู้หญิงน่าตาน่ารักที่เพื่อนๆและแม่ของเด็กหญิงต่างได้ผลกระทบที่น่าสะเทือนใจ เรื่องนี้คะนะเอซ้งใช้ตุ๊กตาฝรั่งเศสเป็นจุดเชื่อมต่อ แต่ความมืดมนชวนรันทดไม่ใช่อยู่ที่การฆาตกรรม แต่อยู่ที่ภายในจิตใจของคนที่สลับซับซ้อน น่าอ่านมากค่ะ Confirm!
kamons –
นี่เป็นเรื่องราวสั้น ๆ จำนวน 4+1 ตอนของหญิงสาวที่เคยเป็นพยานรู้เห็นเหตุการณ์ฆาตกรรมในวัยเด็กและ 1 ตอนบทสรุปสุดท้ายของมารดาเด็กหญิงที่ถูกฆาตกรรม ต้องบอกว่าสไตล์ของผู้เขียนจะไม่ได้เน้นหนักไปที่เรื่องราวการสืบสวนแต่เน้นไปทางจิตวิทยาเสียมากกว่า เหตุการณ์ในครั้งนั้นกระทบต่อความคิด ตวามรู้สึกและเลือกการดำเนินชีวิตของเด็กๆ ให้แตกต่างไปอย่างไม่น่าเชื่อ ตอนจบในแต่ละตอนขอรับรองว่าไม่ธรรมดาและบางตอนผู้เขียนช่างเล่นประเด็นที่โหดร้ายและละเอียดอ่อนจนไม่นึกว่าจะอยู่ในเล่มนี้
ถึงอย่างนั้นก็นับว่านิยายเล่มนี้ยังอ่านง่าย และเป็นผลงานที่ดีเล่มหนึ่งของผู้เขียน
Saranya Lee –
เนื้อหาเข้มข้น ตามสไตล์นิยายญี่ปุ่น ไม่เน้นเรื่องราวให้สมจริง แต่เน้นความรู้สึกนึกคิดกมลสันดานของคน อ่านเพลินๆ วันเดียวจบ
白云 –
เป็นนิยายแปลญี่ปุ่นเล่มแรกที่อ่าน เรื่องราวจะดำเนินผ่านมุมมองของแต่ละตัวละครที่มีภูมิหลังแตกต่างกันไป ผูกเรื่องได้ดี ประทับใจ
snooppy –
การเขียนจะใช้ฉากเดียวกัน แต่เล่าผ่านมุมมองของแต่ละตัวละครที่อยู่ในเหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้เห็นว่าแต่ละคนต้องชดใช้ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนั้นอย่างไร
Mirai | Rook a Bead –
“โทษคนอื่นมันง่ายกว่าโทษตัวเองอยู่แล้ว”
เหตุการณ์สะเทือนขวัญในอดีตกับคำสาปแช่งของผู้เป็นแม่ที่สูญเสียลูกสาวไป ทำให้เด็กทั้งสี่ตกที่อยู่ในที่เกิดเหตุต้องอยู่ในโลกที่มืดมนฝังใจและเติบโตขึ้นด้วยความรู้สึกผิดตลอดมาจนชีวิตพวกเขาบิดเบี้ยวไร้ความสุข
เนย –
มีโอกาสอ่านงานของอาจารย์คานาเอะมาหลายเล่มแล้ว แต่ว่าเล่มนี้คือเรื่องที่ชอบที่สุด
“ชดใช้” เป็นเสมือนหนังสือรวมเรื่องสั้น 5 เรื่องที่มีแก่นโครงปัญหาหลักจาก 1 เรื่องหลัก
แค่บทสรุปของเรื่องราว “เหยื่อ” รายแรกของการ “ชดใช้” ก็เปิดตัวมาอย่างทำให้ขนลุกได้แล้ว
เมื่ออ่านเรื่องของเหยื่อคนที่สอง ยิ่งทำให้เห็นภาพชัดของสังคมปัจจุบัน ที่การกระทำใดๆ ถูกตัดสินอย่างรวดเร็วจากคนภายนอก ที่รับรู้เรื่องราวผ่านทางสื่อเท่านั้น
ในความรู้สึกส่วนตัว เหยื่อรายที่ 3 เธอน่าสงสารที่สุด เธอดำรงชีวิตอยู่ด้วยการแบกรับความรู้สึกผิดทั้งปวงไว้ในใจคนเดียว ลงโทษตัวเองมากเกินกว่าที่ตัวควรได้รับ แล้วการตัดสินใจสุดท้ายของเธอก็น่าเศร้านัก…
สำหรับเหยื่อคนที่สี่ รู้สึกว่าเธอคือคนที่เข้มแข็งมาก เธอต่อกรกับอดีตที่น่ากลัวนี่ได้ด้วยตัวเอง แม้ว่าทางเลือกอาจจะดูบิดเบี้ยวไปบ้าง แต่อย่างน้อย ก็ทำให้เรื่องราวของเธอไม่หม่นหมองมากเกินไปนัก
ในความรู้สึกหลังอ่านจบ รู้สึกว่า ความแค้น ความเศร้าโศกเสียใจของผู้หญิงคนหนึ่ง สามารถสร้างตราบาปและแผลบาดลึกเป็นเวลานับสิบกว่าปี ให้กับกลุ่มเด็กหญิงที่ตกเป็นเหยื่อแห่งการ “ชดใช้” ของเธอ ทั้งที่เด็กๆก็เศร้าโศกมากเกินพอแล้ว สำหรับการจากไปของเพื่อนของพวกเธอ
นิยายเรื่องนี้ทำให้เห็นถึงผลร้ายของคำพูด ที่หลายคนอาจจะคิดไม่ถึง ตอนที่พูด คนเรามักล้วนพูดด้วยอารมณ์ เมื่ออารมณ์ขุ่นมัวนั้นจากไป ใจเย็นมากขึ้น คนพูดก็ตระหนักได้ว่าที่ตัวเองพูด ไม่ได้หมายความเช่นนั้น และไม่ว่าจะได้ขอโทษกันหรือไม่ก็ตาม สุดท้ายแล้ว คำพูดก็เชือดเฉือนและกรีดแทงหัวใจและความรู้สึกของคนฟังได้ลึกมากกว่ามีดเล่มใดบนโลกนี้…
ชุติกาญจน์ชุติกาญจน์ชุติกาญจน์ ชุติกาญจน์ชุติกาญจน์ –
เป็นหนังสือที่อ่านแล้วขนลุกทั้งที่ไม่มีความสยองเลย ทำให้คิดได้ว่าคำพูดและความคิดของคนเรานี่แหละที่น่ากลัวที่สุด สาเหตุที่ตัวละครเป็นแบบนั้นหรือทำแบบนั้นก็เพราะคำพูดที่ได้รับมาและฝังใจกับมันจนส่งผลต่อตัวเอง และรายละเอียดเล็ก ๆ ในเรื่องที่เมื่อนึกดี ๆ แล้วทำให้หดหู่กว่าเดิม สำหรับเรานี่เป็นอีกผลงานของคุณมินะโตะที่ควรอ่านมาก ๆ ค่ะ
Tanaporn Rungvimolsin –
มันจะมีนิยายบางเล่มที่พออ่านจบแล้วอธิบายความรู้สึกไม่ถูก ชอบหรือไม่ชอบก็ไม่แน่ใจ พอจบคำสุดท้ายคือ จบแล้วสินะ แบบนี้หรอ
เรื่องราวเกิดในชนบทแห่งนึง เด็กผู้หญิง วัยประถม 4 5 คนแอบไปเล่นด้วยกันในโรงเรียนวันเทศกาลโอะบง มีผู้ชายใส่ชุดช่างเข้ามาล่อลวงและเลือกเด็กผู้หญิงคนนึงชื่อเอมิลีไปฆ่าข่มขืน ตำรวจไม่สามารถจับฆาตกรได้ 3 ปีผ่านไป แม่ของเอมิลีเรียกเด็กทั้งสี่มาหา และกล่าวหาว่าพวกเธอคือฆาตกร ให้หาฆาตกรให้ได้ มิเช่นนั้นพวกเธอต้องชดใช้ในรูปแบบที่ฉันยอมรับได้
หนังสือเล่าด้วยการให้เด็ก 4 คนเล่าเรื่องทีละคน คล้ายการสารภาพบาป แล้วปิดท้ายด้วยคุณแม่ของเอมิลี
ด้วยความเป็นญี่ปุ่นมันจะไม่ได้ complicated เหมือนงานฝรั่ง แต่มัน emotional มากๆ อ่านไปอึดอัดไป
เราว่ามนุษย์ทุกคนในเรื่องนี้ไม่ปกติ ตอนเกิดเรื่อง เด็กทั้งสี่ก็ยังเด็กกันมาก คิดสภาพเราตอนป. 4 ยังวิ่งไล่จับ เล่นหมากเก็บกับเพื่อนอยู่เลย แต่มาเจอเหตุการณ์ที่เพื่อนถูกลวงไปฆ่าข่มขืนและเห็นศพต่อหน้าต่อตา บุคลิกที่ยังไม่เซตตัวประกอบกับสภาพครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ของแต่ละบ้านอีก เด็กพวกนี้เลยโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่ถูกขับเคลื่อนไปด้วยปมในวัยเด็กที่ยังไม่ถูกแก้ไขและความรู้สึกผิด ละอายใจ ต่อการตายของเพื่อน จนไปประสบกับเหตุการณ์ครั้งสำคัญในชีวิตในเวลาใกล้เคียงกัน แต่จะโทษอุบัติเหตุในวัยเยาว์หรือครอบครัวทั้งหมดก็คงไม่ใช่ เพราะทุกคนต่างกุมอำนาจในการตัดสินใจของตัวเอง การกระทำที่เกิดขึ้น อาจเป็นเพียงแพะรับบาปที่ผู้ใหญ่ทั้งสี่โยนให้เพื่อรองรับการกระทำของตัวเอง และถือเป็นข้ออ้างว่าช่วยปลดปล่อยตัวเองจากพันธนาการที่เหนี่ยวรั้งชีวิตไว้เป็นสิบปี
แม่ของเอมิลีก็ไม่ได้ต่างกับเด็กทั้งสี่ มีพันธนาการในใจอยู่ รู้ทั้งรู้ว่าการโทษเด็กพวกนี้ไม่สมควรเพราะเด็กมันไม่ได้ผิดจริงๆ แต่ก็ปล่อยเวลาผ่านไปจนคดีจะหมดอายุความ เธอมีบุคลิกที่ชอบควบคุม และชอบความรู้สึกที่เหนือกว่าคนอื่น สะท้อนออกมาในทุกสิ่งที่เธอทำ รวมถึงคำสั่งที่เธอบอกเด็กทั้งสี่ไว้ให้ชดใช้ ระหว่างระยะเวลาอันยาวนาน เธอจะเข้าไปปลดปล่อยเด็กทั้งสี่ออกจากพันธนาการที่เธอไปสร้างขึ้นก็ได้ แต่เธอก็ไม่ทำ จนกระทั่งชีวิตเด็กพวกนั้นเริ่มพบหายนะไล่ไปทีละคน เหมือนเธอจะอยากเข้าแทรกแซงเพื่อช่วยเหลือ แต่เธอก็ปล่อยให้ทุกอย่างเกิดขึ้น เพราะส่วนลึกในใจเธอ การที่เด็กเหล่านี้ทุกข์ทรมานมัน console ใจเธอเองที่ก็ผ่านประสบการณ์คล้ายๆ กัน เธอคิดว่าเธอเหนือกว่าเด็กพวกนั้นและเอาชนะมันได้ แต่ผลแห่งการกระทำมันยังไม่ยอมหยุดทำงาน เมื่อเธอจบมันได้ในที่สุด เธอจึงจะยอมคืนอิสรภาพให้เด็กเหล่านั้น ชั่วช้าที่สุด!!!
จะว่าไปมันเป็นหนังสือที่ไม่มีด้านดีๆ ของมนุษย์เลย ไม่มี solution สวยหรู บทสรุปที่ชวนน้ำตาไหลด้วยความปริ่มใจที่เรื่องทุกอย่างคลี่คลาย มันไม่มี ตรงกันข้ามมันดึงมุมมืดของมนุษย์ออกมากองไว้ตรงหน้าเรา ว่าเราเห็นแก่ตัวได้มากขนาดไหน หลายครั้งที่เราบอกว่าเราทำเพื่อคนอื่น แต่แท้จริงอาจจะเพียงเพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเอง มันไม่ใช่เพื่อใครเลยนอกจากตัวเราเอง