รองเท้าที่มีเครื่องหมายติ๊กถูก (Swoosh) ที่เรากำลังสวมใส่อยู่นั้น ขึ้นชื่อว่าเป็นรองเท้าระดับตำนานที่ผ่านมาห้าทศวรรษ ก็ยังคงความยอดนิยมกับคนทั่วโลก โดยหัวเรือใหญ่ที่พาไนกี้ แบรนด์กีฬาชื่อดังมาไกลถึงทุกวันนี้ก็คือ ฟิล ไนต์ บางคนก็คุ้นชื่อ บางคนก็อาจจะย่นคิ้วได้ ว่า ฟิล ไนต์ คือใครกันนะ
ฟิล ไนต์เป็นเด็กหนุ่มผอมซีด ขี้อายจากมหาวิทยาลัยแสตนฟอร์ด ผลการเรียนของเขาเป็นที่น่าพอใจเลยทีเดียว ดูจากลักษณะภายนอกน่าจะเป็นเด็กหงอๆ ติดบ้านคนหนึ่ง แต่ใครจะรู้ว่าความฝันของเขายิ่งใหญ่กว่านั้น เขาออกดั้นด้นผจญภัยตั้งแต่วันที่ยังไม่รู้เรื่องธุรกิจมากนัก ทั้งไปเป็นเด็กขายสารานุกรมตามบ้าน เป็นอาจารย์สอนวิชาบัญชี และการก่อร่างธุรกิจที่เต็มไปด้วยหัวใจ
มาดูจุดเริ่มต้นของฟิล ไนต์ ผู้ก่อกำเนิดไนกี้กันว่าจะน่าทึ่งขนาดไหน
ฟิล ไนต์เคยเป็นตัวแทนขายรองเท้าโอนิสึกะ ไทเกอร์ โดยใช้ชื่อบริษัทว่า บลูริบบอน
หลังจากที่มั่นใจว่าตัวเองอยากทำธุรกิจเกี่ยวกับรองเท้าจริงๆ ฟิล ไนต์จึงตัดสินใจโทรศัพท์ไปที่โอนิซึกะเพื่อทำการนัดหมาย แล้วนั่งรถไฟไปโกเบ หลังจากเหยียบโตเกียวได้ไม่ถึงสองวัน คนจากบริษัทโอนิซึกะพาเขาเดินเยี่ยมชมโรงงาน ตั้งแต่ขึ้นรูปแบบโลหะ ไปจนถึงแผนกบัญชี หลังจากนั้นเขาก็เชิญฟิล ไนต์ เข้าไปนั่งในห้องประชุม
ยังไม่ทันที่ฟิล ไนต์จะเอ่ยคำใดออกมาจากปาก คุณมิยาซากิ หนึ่งในผู้บริหารขัดขึ้นมาว่า “คุณไนต์ครับ คุณมาจากบริษัทอะไร”
นั่นเป็นคำถามที่ทำให้ฟิล ไนต์รู้สึกปั่นป่วนไปทั่วช่องท้อง เขาไม่ได้เตรียมคำตอบตรงนี้มาเสียด้วย แล้วเขาก็นึกถึงผนังด้านหนึ่งของห้องนอน เขาได้เอาริบบิ้นสีน้ำเงินที่ได้จากการแข่งวิ่งแขวนไว้จนเต็มไปหมด
เขาพูดออกไปด้วยเสียงอันดังก้องว่า “บลูริบบอน”
“ผมเป็นตัวแทนของบลูริบบอนสปอร์ต จากเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐออริกอน”
หลังจากนั้นฟิล ไนต์ ก็ได้เป็นตัวแทนขายรองเท้าไทเกอร์เป็นรายแรกในประเทศสหรัฐอเมริกา
ฟัลคอน ไดเมนชั่นซิกซ์ หรือไนกี้
หลังจากฟิล ไนต์ได้เป็นตัวแทนขายรองเท้าโอนิซึกะ ไทเกอร์ได้ 7 ปี เขาก็เริ่มอยากปั้นแบรนด์รองเท้าเป็นของตัวเอง จึงได้รวมตัวกันคิดโลโก้และชื่อแบรนด์กับเพื่อนๆ เขาจ้างคนออกแบบโลโก้โดยให้โจทย์ไปว่า “อะไรสักอย่างที่รู้สึกถึงความเคลื่อนไหว”
ในที่สุดก็ได้เลือกโลโก้ที่ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าดูใหม่ สด และขณะเดียวกันก็ดูโบราณ เป็นอมตะ เหลืออีกอย่างที่ต้องนำมาประกบกันให้เป็นรูปร่างก็คือชื่อแบรนด์ โดยตั้งยืนพื้นไว้ 2 ชื่อ คือฟัลคอน และไดเมนชั่นซิกซ์
กระทั่งถึงวันที่ต้องตัดสินใจจริงๆ เสียที จอห์นสันเพื่อนในกลุ่ม บอกว่าฝันถึงชื่อนี้เมื่อคืน
เขาบอกว่าลุกขึ้นมานั่งบนเตียงกลางดึกและเห็นชื่อนี้อยู่ตรงหน้าเลย ชื่อนั้นคือ “ไนกี้”
ฟิล ไนต์ตกลงใช้ชื่อไนกี้อย่างไม่คิดมาก เพราะคำว่าไนกี้ หมายถึง เทพีแห่งชัยชนะ และคิดว่าการเริ่มต้นใหม่ของเขาในครั้งนี้ต้องชนะแน่นอน
ไนกี้เลือกผลิตรองเท้าฟุตบอลเป็นโปรดักซ์แรก แต่ล้มเหลว
หลังจากตั้งบริษัท ไนกี้ได้ไปว่าจ้างโรงงานแห่งหนึ่งในประเทศแคนาดาเพื่อผลิตรองเท้าฟุตบอล ออกมาหน้าตาดูดี สวยงามตามที่ตั้งใจ แต่เมื่ออากาศเริ่มเย็น พื้นรองเท้าก็แบะออกและแตก เขาจึงต้องเริ่มค้นหาโรงงานที่สามารถผลิตรองเท้าที่ทนต่ออากาศหนาวได้มากกว่านี้
ไนกี้ผงาดขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของรองเท้ากีฬาเมื่อจับมือกับไมเคิล จอร์แดน
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการจับมือกับไมเคิล จอร์แดน นักบาสเก็ตบอลดาวรุ่งพุ่งแรงเมื่อปี 1984 เป็นการตัดสินใจที่ถูกที่สุด และช่วยชุบชีวิตไนกี้ให้พุ่งทะยานเป็นอันดับหนึ่ง หลังจากที่จอร์แดนใส่รองเท้ารุ่น Air Jordan สีดำ-แดง ที่ไนกี้ออกแบบให้ ลงแข่งบาสเก็ตบอลหลายต่อหลายครั้ง จนทำให้เกิดจารจลแย่งชิงรองเท้าเพียงคู่เดียว ซึ่งก่อนหน้านั้นไนกี้ก็ได้สนับสนุนด้านกีฬาไปหลายทีม เพราะเห็นว่า ถ้าเราจะแข่งกับคู่แข่งที่น่ากลัว เราก็ต้องให้นักกีฬาชั้นนำใส่แบรนด์ไนกี้ และพูดถึงไนกี้ให้ได้
ข้อมูลจากหนังสือ SHOE DOG ฟิล ไนต์
วางขายแล้วที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ
สั่งซื้อออนไลน์ คลิกที่นี่
Pingback: 10 เรื่องที่คุณอาจยังไม่รู้เกี่ยวกับ อีลอน มัสก์ อัจฉริยะหรือคนบ้า?
Pingback: รองเท้า Nike รุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น - ร้านหนังสือออนไลน์ในเครืออมรินทร์
Pingback: ธุรกิจทั้งหมดของ อีลอน มัสก์ นักประดิษฐ์และนักธุรกิจอัจฉริยะ!
Pingback: 6 เหตุผลเบื้องหลังความสำเร็จ ที่ทำให้ แบรนด์ มูจิ (MUJI) แตกต่างจากแบรนด์อื่น
Pingback: 8 หนังสือสร้างแรงบันดาลใจ จากคนดังและองค์กรชั้นนำทั่วโลก