ขึ้นชื่อว่า คนขี้เกียจ แล้ว ใครได้ฟังก็มักจะอธิบายความหมายนี้ในแง่ลบเสมอ เพราะเราถูกสอนมาว่าคนที่ขี้เกียจนั้นทำอะไรก็ไม่มีทางสำเร็จได้อย่างแน่นอน ถึงแม้เราจะเป็นคนขี้เกียจ แต่ถ้าใช้ความขี้เกียจให้ถูกที่ ใช้จุดแข็งของความขี้เกียจให้เป็น เราก็จะประสบความสำเร็จได้ไม่แพ้คนขยันอย่างแน่นอน
มาดูกันว่า คนขี้เกียจ จะสามารถประสบความสำเร็จได้ด้วยวิธีใด
ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนขี้เกียจ
สิ่งแรกคือเราต้องยอมก่อนคือ ตัวเองเป็นคนขี้เกียจ การขี้เกียจนั้นเหมือนกับพรสวรรค์ เราจะสามารถใช้พรสวรรค์ได้เมื่อเรายอมรับว่าตัวเองขี้เกียจจริงๆ เพราะคนที่ไม่รู้ตัวเองก็จะยังมีนิสัยเฉื่อยแฉะไปเรื่อยๆ บางคนไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนขี้เกียจก็มี แต่ถ้าเรารู้ว่าจุดอ่อนขอเราคือความขี้เกียจ เราก็สามารถนำมันมาคิดพลิกแพลงให้เป็นประโยชน์เวลาทำงานได้
และยังมีใครหลายๆ คนที่เข้าใจว่าคำว่า อู้ กับ ขี้เกียจ นั้นเหมือนกัน การอู้นั้นคนการหนีปัญหา ถึงจะสบายแต่สบายได้เพียงไม่นาน เมื่อเวลาหมดเราก็ต้องกลับมาอยู่ดี แต่การขี้เกียจ (แบบก้าวหน้า) คือจะไม่หนีและใช้วิธีคิดพลิกแพลงเพื่อให้ตัวเองสบายไปเรื่อยๆ
ยกระดับจิตใจด้วยเสียงเพลง
เวลาที่เราต้องออกไปทำงานนอกสถานที่ในที่ที่คนพลุกพล่านจะทำให้เรารู้สึกเสียสมาธิ เราสามารถฟังเพลงในเวลาที่ทำงานช่วยได้ นอกจากจะดึงสมาธิให้กลับมาได้แล้ว ยังช่วยให้งานเสร็จเร็วอีกด้วยเพราะเมื่อเราสร้างเงื่อนไขเพื่อให้เกิดสมาธิคือ “ออกไปข้างนอกใส่หูฟังนะ” “เปิดเพลงนี้” เมื่อเราทำตามขั้นตอนนี้ได้ สมองจะเปลี่ยนเป็นโหมดทำงานหรือสมาธิทันที นอกจากนี้เรายังกำนดเพลงว่าเวลาทำงานจะฟังเพลงแนวไหนก็จะยิ่งสะดวกมากขึ้น
ใช้เจ้านายให้เป็นประโยชน์
เราไม่สามารถที่จะเลือกเจ้านายให้ตรงกับตามที่ใจเราต้องการ ความเป็นจริงเราต้องเจอทั้งเจ้านายที่ไม่ชอบ เจ้านายที่พึ่งพาไม่ได้ เมื่อเราเจอแบบนี้ต่อให้บ่นไปจะยิ่งเครียดไปเปล่าๆ ดังนั้นเราต้องใช้โอกาสนี้คือ ใช้เจ้านายเป็นครื่องมือ เช่น เราจะเป็นฝ่ายแจ้งงานตลอด “ผมจะทำงานนี้ให้เสร็จในสัปดาห์นี้ครับ” โดยไม่ต้องรอให้เจ้านายมาถาม การทำแบบนี้จะทำให้เจ้านายเป็นแรงบีบบังคับภายนอกให้เราทำงานและเห็นประโยชน์จากเจ้านายช่วยและลดความเครียดได้ นอกจากนี้ตัวเจ้านายเราจะมองเราในแง่บวกขึ้นอีกด้วย
ไม่พึ่งพาการศึกษาออนไลน์
การศึกษาออนไลน์เป็นสิ่งที่ใครๆ ก็คิดว่าเหมาะสำหรับคนที่ขี้เกียจไปเรียนหรือคนที่ไม่มีเวลา เพียงอยู่บ้านก็ได้เรียนแล้ว แต่การเรียนทางออนไลน์นั้นไม่เหมาะกับคนขี้เกียจอย่างมาก เพราะการเรียนออนไลน์นั้นไม่มีใครที่คอยมาดูพฤติกรรมเวลาเรียน ไม่มีแรงบีบบังคับให้ตั้งใจเรียนและไม่กำหนดเวลาเรียน จะเรียนตอนไหนก็ได้ เมื่อมีงานหรือการบ้านเข้ามายิ่งไม่ได้ทำก็จะยิ่งทับถมไปเรื่อยๆ จนเราหมดกำลังใจและไม่อยากจะเปิดหนังสือเรียนอีก ดังนั้นการที่ออกไปเรียนข้างนอกนั้นเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของคนขี้เกียจนั่นเอง
ไปในที่ที่ไม่มีอินเทอร์เน็ต
ในสมัยนี้สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับใครหลายๆ คนคืออินเทอร์เน็ต ถึงอินเทอร์เน็ตจะทำให้เราสะดวกแต่ก็สามารถทำลายสมาธิเราได้เหมือนกัน เช่น เวลาเมลเข้า ถ้าเราอยากได้การทำงานอย่างมีสมาธิ การไปหาที่ที่ไม่มีอินเทอร์เน็ตก็เป็นวิธีที่ดีอีกวิธีหนึ่ง ต่อให้เราไม่ได้ใช้แค่วันเดียวก็ไม่ได้ลำบากอะไรมากมาย ได้อยู่กับตัวเองมากขึ้น แถมจะได้ไอเดียมากขึ้นอีกด้วย
สถานที่ที่แนะนำอาจจะเป็นร้านกาแฟ หรือเล้านจ์ของโรงแรมก็ได้ และเมื่อเราไม่มีอินเทอร์เน็ต อุปกรณ์ที่ต้องการใช้เพียงปากกาและกระดาษก็เพียงพอแล้ว
ข้อมูลจากหนังสือ สำเร็จได้สไตล์คนขี้เกียจ
วางขายแล้วที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ
สั่งซื้อออนไลน์ คลิก
บทความอื่นๆ
วิธี “จัดระเบียบความคิด” ที่ช่วยให้คุณทำงานง่ายยิ่งขึ้น
เทคนิคการเรียนรู้ด้วยตัวเอง อย่างมีประสิทธิภาพและได้ผลสูงสุด
วิธีสร้างความมั่นใจให้ตัวเอง ด้วยการยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบ
เปลี่ยนนิสัยตัวเองให้ดีขึ้น ด้วยการทำสิ่งเหล่านี้
วิธีพรีเซ้นต์ตัวเองและผลงานแบบเนียนๆ ไม่ให้ดูพยายามเกินไป