ใครๆ ก็อยาก ใช้ชีวิตให้มีความสุข กันทั้งนั้น แต่ติดอยู่ที่ปัญหาหลายๆ อย่าง ทั้งเรื่องงานที่เครียด กดดัน เรื่องความสัมพันธ์ที่ระหองระแหง หรือเรื่องของคนอื่นที่เราเก็บมาคิดจนทำให้ชีวิตไม่มีความสุข
การ ใช้ชีวิตให้มีความสุข ทำได้ง่ายๆ อยู่ที่ว่าคุณจะตัดสินใจทำมันหรือไม่
ตัดบางคนออกจากชีวิต
เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมากอย่างหนึ่งถ้าอยากมีความสุขในการใช้ชีวิตก็คือ การเลือกคบคน คนคนนั้นต้องใช้ชีวิต แบบเดียวกับเรา เพราะถ้าเลือกคบคนผิด ชีวิตเราก็อาจลำบากได้
คนเรามีหลายประเภท แต่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นคนดีและนำความสุข ความเจริญมาให้เราไปเสียหมด อาจมีคนเพียงเล็กน้อยที่เอื้อประโยชน์ ต่อความสำเร็จหรือความสุข แต่บางคนอาจทำให้คุณมีความทุกข์เสียมากกว่า
นอกจากนี้ยังมีคนที่ชอบ “โกหก” “หลอกลวง” “ไม่รักษาสัญญา” และ “ทำแต่สิ่งที่ตัวเองต้องการ” การปฏิบัติตัวอย่างมีมิตรไมตรีต่อคนเหล่านี้ จะทำให้เราเหนื่อยล้า และใช้ชีวิตที่มีเพียงครั้งเดียวไปอย่างไร้ค่า ดังนั้น หากบังเอิญเจอคนที่อยู่ด้วยแล้วไม่มีความสุขหรือรู้สึกว่า “ไม่อยากคบกับคนแบบนี้เลย” ก็ควรสร้างระยะห่างหรือเลี่ยงที่จะเจอกัน
ถึงแม้ถูกคนเกลียดบ้าง แต่ทุกคนก็ยังใช้ชีวิต ได้ตามปกติ แม้แต่นักแสดงหญิงที่มักถูกสาวๆ เกลียดและถูกกล่าวหา ต่างๆ นานา ก็เลือกใช้ชีวิตท่ามกลางกลุ่มคนที่ตัวเองชอบและมีความสุขได้เช่นกัน
หาสถานที่ที่เหมาะกับตัวเอง
สมัยเป็นเด็กคงไม่มีใครบ่นว่าอยากย้ายบ้านไปอยู่ที่อื่น เพราะเรายังเลือกรูปแบบการใช้ชีวิตของตัวเองไม่ได้ แต่ เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เราเลือกที่อยู่หรือเปลี่ยนงานให้ เหมาะกับตัวเองได้ นี่คืออภิสิทธิ์ของผู้ใหญ่ที่ต้องรู้จักใช้ให้เป็น ประโยชน์ หากเราไม่พอใจผู้คนที่คบหาอยู่หรือสถานที่ที่อยู่ก็หาใหม่ได้
แต่หากมัวแต่กลัวว่า ถ้าเปลี่ยนงานจะได้เงินเดือนน้อยลง ถ้าย้าย บ้านก็ต้องมีค่าใช้จ่าย แสดงว่าเรากำลังเลี่ยงการตัดสินใจ และคิดเอาเองว่า แม้ไม่พอใจอยู่บ้าง แต่อยู่แบบนี้ก็อาจสบายกว่า
ถ้าวันหนึ่งเรารู้สึกอึดอัดกับสังคมที่อยู่ในตอนนี้ล่ะ
ถ้าวันหนึ่งเราไม่รู้ว่าจะทนเสแสร้งไปได้อีกนานแค่ไหนล่ะ
เมื่อถึงเวลานั้น เราจำเป็นต้องทิ้งสภาพแวดล้อมปัจจุบันแล้วก้าวไปสู่สถานที่แห่งใหม่ ตัวอย่างเช่น เด็กนักเรียนที่ถูกเพื่อนกลั่นแกล้ง ไม่คุยด้วย แต่เมื่อย้ายไปโรงเรียนใหม่ ที่ไม่มีใครรู้จักมาก่อน ก็พูดคุยกับคนอื่นได้ปกติ
หากคิดว่า “ทนไปอีกหน่อย เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง” ก็อาจมีกำลังใจให้ อดทนต่อไป แต่หากยังมองไม่เห็นอนาคตที่สว่างสดใส แล้วเราจะทนไป เพื่ออะไร
คนเราเกิดมาแค่ครั้งเดียว การยอมอุทิศชีวิตให้คนอื่นถือเป็น การใช้ชีวิตอย่างไร้ค่า แถมยังเป็นการหักหลังพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเพื่อหวัง จะเห็นคุณใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอีกด้วย
หากกลัวว่ารายได้จะลดลง เมื่อเทียบกับการได้ใช้ชีวิตทุกวันอย่างมีความสุขแล้ว แม้รายได้ จะลดลงไปบ้างก็ไม่น่าจะเดือดร้อนมาก หากมีความพยายามและตั้งใจ ทำงานก็ยังหาเงินได้ แทนที่จะกังวลกับเรื่องพวกนี้ เราควรคิดถึงเส้นทางที่ทำให้ตัวเองได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข จะดีกว่า
ดังนั้น แม้รายได้จะน้อยลง แต่การเลือกงานที่ทำให้ อยากตื่นขึ้นมาทำในเช้าวันจันทร์อย่างสดชื่น ถือเป็นการใช้ชีวิตอย่างมีค่ามากกว่า
หัดปฏิเสธให้เป็น
การเป็นคนที่ได้หมดทุกอย่าง ใครชวนไปไหนก็ไป ให้ทำงานไหนก็ทำ (แม้จะได้เงินไม่คุ้มค่าเหนื่อย) การทำแบบนี้อาจจะซื้อใจอีกฝ่ายได้ แต่ชีวิตไม่มีความสุขแน่นอน บางครั้งเราก็ไม่ได้อยากไปตามที่เขาชวน เช่น “ไปกินบุฟเฟ่ต์ร้านนี้กันเถอะ” ทั้งที่ไม่อยากไป แต่ก็กลัวอีกฝ่ายจะมองว่า “ไม่มีมนุษยสัมพันธ์เอา เสียเลย” คิดว่าเขาอุตส่าห์ชวน ถ้าปฏิเสธอีกฝ่ายคงรู้สึกไม่ดี กลัวว่าเขา จะไม่ชวนอีก จึงไม่กล้าปฏิเสธ
แต่การต้องใช้เวลาไปกับเรื่องน่าเบื่อหน่ายเพราะไม่กล้าปฏิเสธ เท่ากับเป็นการเสียสละเวลาส่วนหนึ่งของเราให้คนอื่น แถมทำไปแล้วก็ ไม่เห็นจะมีประโยชน์ บางครั้งยังต้องเสียเงินโดยใช่เหตุอีก คนที่ไม่กล้าปฏิเสธจึงมีแนวโน้มที่ต้องเสียเงินและเวลาเพื่อคนอื่น หรือเป็นคนที่ไม่เห็นความสำคัญของตัวเอง ในทางตรงกันข้าม การปฏิเสธเรื่องที่ตัวเองคิดว่าน่าเบื่อคือการ ให้ความสำคัญแก่ตัวเอง และเป็นการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอย่างแท้จริง
นี่คือสามประเด็นใหญ่ๆ ที่ทำให้ชีวิตของเราไม่มีความสุข ลองเลิกทำสิ่งเหล่านี้ดู แล้วชีวิตของคุณจะมีความสุขขึ้นอีกเยอะเลย
ข้อมูลจากหนังสือ เลิกเป็นคนดีแล้วจะมีความสุข
วางขายแล้วที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ
สั่งซื้อออนไลน์ คลิก
บทความอื่นๆ
วิธีเลิกเป็นคนดีแบบมืออาชีพ เป็นคนดีแล้วชีวิตแย่ลงก็เลิกซะ
วิธีจัดระเบียบสมองและจิตใจแบบง่ายๆ ฝึกสมองให้มองแต่ความสุข
เลิกนิสัยแย่ๆ เหล่านี้ แล้วชีวิตจะดีขึ้น
วิธีเริ่มต้นวันใหม่ให้ดีเพื่อชีวิตที่ดีและมีความสุข