หนึ่งสิ่งสำคัญที่เป็นเพื่อนกับเด็กมาทุกยุคทุกสมัยแม้ในยุคปัจจุบันที่เด็ก ๆ และคุณพ่อคุณแม่ถูกแวดล้อมด้วยข้อมูล ความรู้ สื่อต่าง ๆ ที่รวดเร็วและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยแล้วก็ตาม นั่นก็คือหนังสือ เจาะจงให้เฉพาะไปอีก นั่นก็คือหนังสือนิทาน
หลายคนอาจสงสัยว่าหนังสือนิทานที่มีเพียงภาพสวยๆ และคำน้อยๆ เด็กอ่านแล้วจะได้ประโยชน์อะไร
ถ้าอย่างนั้นเราลองมาทำความรู้จักพลังของหนังสือนิทานจากนายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กกันเลยดีกว่า แล้วคุณจะเข้าใจถึงความมหัศจรรย์ของหนังสือนิทาน
ประโยชน์ของหนังสือนิทาน 6 ด้านที่ส่งผลต่อพัฒนาการของลูก
สร้างสายสัมพันธ์ (attachment)
ดังที่ทราบกันแล้วว่าพัฒนาการที่สำคัญที่สุดในช่วง 3 ขวบปีแรกของมนุษย์คือการสร้างสายสัมพันธ์กับแม่ หรือพ่อ อย่างแข็งแรงมากที่สุด สายสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นในสามขวบปีแรกนี้จะทำหน้าที่กำกับชีวิตของเด็กๆให้อยู่ในเส้นทางที่ดีตลอดกาลนาน การอ่านหนังสือวันละ 15 นาทีให้ลูกฟังก่อนนอนเป็นกิจกรรมที่ง่ายมากในการประกันว่าพ่อแม่จะได้อยู่ใกล้ลูกแน่ๆ อย่างน้อยก็ทุกวันๆละ 15 นาที ได้เห็นหน้า ได้ยินเสียง ได้แตะเนื้อต้องตัว และมีปฏิสัมพันธ์ ทำให้เด็กเล็กสามารถสร้างพ่อแม่ที่มีอยู่จริงขึ้นมา สร้างสายสัมพันธ์กับพ่อแม่ และสร้างตัวตน (self) ที่แข็งแรงมากในที่สุด ตัวตนคือรากฐานของพัฒนาการอีกหลายๆ เรื่องในอนาคต
พัฒนาการด้านภาษา
ระหว่างที่พ่อแม่ลูกนอนอ่านนิทานด้วยกัน เด็กเล็กจะมองเห็นเส้นสายตัวอักษรคืออักขระ และได้ยินเสียงพ่อแม่อ่านหนังสือไปตามอักขระ ด้วยกระบวนการนี้ทุกวัน วันละ 15 นาที สมองของเด็กจะพัฒนาความสามารถที่เรียกว่าการให้สัญลักษณ์ (symbolization) กล่าวคือรู้ว่า “เส้น” มิได้เป็นเพียงแค่เส้น แต่มีสัญลักษณ์ซ่อนอยู่ภายใต้เส้นนั้น นี่คือโครงสร้างที่สำคัญมากของสมองในวันหน้า นั่นคือความสามารถที่จะให้สัญลักษณ์ ใช้สัญลักษณ์ และถอดความหมายของสัญลักษณ์ เป็นรากฐานของการใช้ภาษาทั้งการอ่าน การเขียน และคณิตศาสตร์ ไม่นับศาสตร์ด้านอื่นๆ รวมทั้งความสามารถที่จะใช้อุปมาอุปมัย (metaphor)
พัฒนาการด้านการคิด
เด็กเล็กไม่เพียงเห็นเส้นสายที่ก่อรูปเป็นอักขระ แต่เขาจะเห็นรูปภาพประกอบนิทานด้วย เช่น ช้าง รูปช้างที่เด็กเห็นในวันแรกจะกระตุ้นวงจรประสาทในสมองให้ทำงาน วงจรประสาทที่ถูกระตุ้นนั้นจะได้เห็นและรับข้อมูลรูปภาพอื่นๆ อีกในเวลาต่อมา เช่น ช้างจากหนังสืออีกเล่มหนึ่ง ทำให้วงจรประสาทนั้นพัฒนาไปอีก ช้างคือสัตว์ที่มีหูใหญ่ มีอะไรบางอย่างที่ยืดยาวออกมาระหว่างตา และใจดี ความคิดเรื่องช้างจะแปรเปลี่ยนไปทุกวัน มีบ้างบางวันที่เด็กเล็กนอนหลับตาฟังนิทานโดยไม่ดูรูป สมองของเขาจะวาดภาพช้างตัวใหม่ขึ้นมาอีก ช้างนั้นจะแปรเปลี่ยนไปทุกวัน แล้วแต่สมองรับรู้เรื่องช้างมากน้อยเพียงใด ที่มหัศจรรย์คือถึงแม้ว่าวันหนึ่งเขาจะได้เห็นช้างจริงๆ เดินในสวนสัตว์ แต่ช้างในสมองของเขาก็ยังมีหลายรูปแบบให้เขาเลือกใช้และต่อยอดความคิดไปตามสถานการณ์ จะเห็นว่านี่คือสมองที่เปิดกว้างและไร้ขีดจำกัดอย่างแสนมหัศจรรย์
พัฒนาการด้านสติปัญญา
สติปัญญาที่แท้เกิดจากความเชื่อมโยง (connection) มิได้เกิดจากความจำหรือการท่องจำ การอ่านนิทานก่อนนอนทุกวันๆ ละ 15 นาทีจนกระทั่งสร้างนักอ่านขึ้นมาจนได้ในตอนท้ายจะช่วยให้สมองของเขามีวงจรประสาทนับล้านที่เชื่อมโยงกันอย่างทั่วถึง ไม่แยกส่วน สามารถเชื่อมศาสตร์หนึ่งไปสู่อีกศาสตร์หนึ่งโดยอัตโนมัติอย่างที่เรียกว่าไม่ต้องพยายามคิดหัวแทบแตก สมองจะพัดพาความคิดไปเอง เช่น จากช้างเอราวัณของพระอินทร์ เชื่อมไปสู่โครงสร้างทางวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม เป็นต้น
เรื่องจิตใจ
นิทานก่อนนอนในปฐมวัยเป็นการผจญภัยไปในดินแดนต่างๆ ในบ้าน นอกบ้าน ในโลก นอกโลก ใต้น้ำ อวกาศ ใต้ดิน ยอดเขา ไปจนถึงในจินตนาการ เช่น บนเขาไกรลาศหรือยอดเขาโอลิมปัส ด้านเนื้อเรื่องของนิทานก็มีตั้งแต่สุขสันต์นิรันดรไปจนถึงเรื่องราวด้านมืดของความเป็นมนุษย์ คือ รัก โลภ โกรธ หลง ชีวิต ความตาย รวมทั้งภูตผีปีศาจ สารพัดเรื่องราวที่จะเข้าไปรวบกวนจิตใจ ทั้งด้านบวกด้านลบด้านสว่างด้านมืดด้านดีด้านร้าย ทำให้จิตใจต้องพัฒนากลไกป้องกันตัวทางจิตใจในระดับจิตใต้สำนึก (unconscious defense mental mechanism) เพื่อเตรียมรับมือความเป็นจริงของชีวิต (reality) ที่จะมีทั้งสุขทุกข์ดีร้ายและร้ายที่สุดเวียนกันเข้ามาหา การอ่านนิทานก่อนนอนคือการสร้างเกราะป้องกันตัวที่ดีที่สุดวิธีหนึ่ง
วินัยการนอน
เหตุผลที่ต้องอ่านหนังสือนิทานก่อนนอน
เหตุผลหนึ่งคือเป็นอุบายที่จะดึงพ่อแม่มาอยู่พร้อมหน้ากับลูกทุกวัน เพียง 15 นาทีก็ยังดี อีกเหตุผลหนึ่งเพื่อสร้างวินัย
การเข้านอน เด็กเล็กควรเข้านอนตรงเวลา ไม่ดึกจนเกินไป เพื่อเป็นหมุดหมายให้กิจกรรมอื่น ๆ มีจังหวะเวลาของตัวเองด้วย และอีกเหตุผลหนึ่งคือเพื่อใช้เวลาก่อนเข้านอนนี้ช่วยปรับหรือเปิดโอกาสให้คลื่นสมองเข้าสู่ระยะสงบก่อนจะถึงเวลานอน
ที่สำคัญคือการจัดสภาพแวดล้อมก่อนนอนให้สงบ ห้องนอนหรือเขตนอนไม่กว้างเกินไป สะอาด ปราศจากฝุ่น ไม่รกรุงรังเกินสมควร ไฟสว่างพอที่จะอ่านหนังสือแต่ไม่รบกวนการนอน พ่อแม่ตัวเป็นๆ มาอยู่ด้วยกัน วางมือถือ อ่านนิทานด้วยน้ำเสียงสงบพอสมควร เหล่านี้เป็นการเตรียมคลื่นสมองการนอนเข้าสู่ระยะพักเพื่อเคลื่อนตัวเข้าสู่การนอนระยะที่ 1 ต่อไป อันจะนำไปสู่การนอนที่สงบ ลึก ได้พักผ่อน และการฝันที่ดี เหมาะสม ไม่มากไปไม่น้อยไป คือการพักเครื่อง จัดระเบียบข้อมูลในแต่ละวัน เพื่อเตรียมตัวตื่นขึ้นพบวันใหม่ อันจะทำให้ได้สมองที่ดีที่สุด
[su_note note_color=”ff66f3″]
เริ่มอ่านหนังสือนิทานได้ตั้งแต่ลูกเกิด
อย่าลืมว่าลูกคุ้นเสียงแม่มาตั้งแต่อยู่ในครรภ์แล้ว การอ่านนิทานก่อนนอนตั้งแต่วันแรกเท่ากับยืนยันและให้ความมั่นใจว่าโลก 9 เดือนที่แสนอบอุ่นและปลอดภัยนั้นยังอยู่ คือการเปลี่ยนผ่านของชีวิตจากโพรงมดลูกสู่โลกภายนอกที่ละมุนละม่อมเป็นที่สุด
เสียงของพ่อแม่สำคัญกว่าเนื้อเรื่อง ดังนั้นจะอ่านอะไรก็ได้ให้แก่เด็กอายุเท่าไรก็ได้ คุณพ่อคุณแม่ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องอายุเท่าไรต้องอ่านอะไรมากเกินไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนเริ่มต้น คว้าอะไรได้ก็อ่านได้ อย่างไรก็ตามมีบางครั้งที่เราพบว่าเนื้อเรื่องของนิทานอาจจะมีความเสี่ยงทำให้เด็กเล็กกลัว เป็นวิจารณญาณของพ่อแม่ที่จะลดทอนภาษาหรือเนื้อเรื่องบางส่วนเองได้ แล้วค่อยๆปรับอีกในวันหลังๆ เหล่านี้เป็นเรื่องที่พ่อแม่ตัดสินใจเองได้ ไม่ควรกังวลมากเกินไป โดยทั่วไปนิทานสำหรับเด็กเล็กเป็นงานศิลปะทั้งภาษาและภาพวาดประกอบอยู่แล้ว ขึ้นชื่อว่าศิลปะจะกล่อมเกลาเนื้อเรื่องและเนื้อหาให้นุ่มนวลในระดับที่จิตในรับได้เสมอ และดังที่เรียนให้ทราบว่าจิตใจจะพัฒนากลไกป้องกันตัวขึ้นมาเองตามธรรมชาติเช่นกัน
เด็กบางคนอาจจะไม่ยอมฟังหรือไม่ยอมนั่งนิ่งๆ ในวันแรกๆ ก็เป็นเรื่องธรรมชาติของเด็กแต่ละคนที่เกิดมาไม่เหมือนกัน สำหรับเด็กกลุ่มนี้การเลือกประเภทของหนังสือให้เหมาะสมกับอายุจึงอาจจะเป็นเรื่องสำคัญมากขึ้น วัสดุที่ใช้ทำหนังสือ ภาพและสีที่ใช้ ไปจนถึงภาษาและเนื้อเรื่องที่เหมาะสม เหล่านี้ไม่ใช่เรื่องยากที่จะพิถีพิถันมากขึ้นถ้าจำเป็น [/su_note]
[su_quote]“ขอเวลาเพียงวันละ 15 นาทีก็พอ แล้วจะพบว่า 15 นาทีนั้นเปลี่ยนเด็กทุกประเภทไปในทางที่ดีอย่างน่ามหัศจรรย์”[/su_quote]
ซื้อหนังสือนิทานได้ที่ > https://amarinbooks.com/kids/
ข้อมูลจากหนังสือ
Pingback: พ่อแม่ต้องรู้! เลี้ยงลูกให้สุขภาพจิตดี มีความสุข เข้ากับคนอื่นได้ง่าย ทำอย่างไร
Pingback: อ่านนิทานให้ลูกฟัง แล้วได้อะไร โดยคุณหมอประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์
Pingback: เทคนิค สอนลูกอ่านหนังสือ - เขียนหนังสือ : ลูกฉลาดเริ่มต้นที่พ่อและแม่
Pingback: ชมลูกอย่างไรไม่ให้เหลิง เทคนิคชมลูกที่ดีและมีประโยชน์ที่พ่อแม่ต้องรู้
Pingback: พัฒนา "ทักษะEF" ให้ลูกได้ไม่ยาก ด้วยการ "เลี้ยงลูกด้วยนิทาน"