คุณเคยเป็นติ่งอะไรสักอย่างจนต้องตามไปดูของจริงให้เห็นกับตาไหม? Event ตามรอยกาหลมหรทึก เกิดขึ้นมาเพราะความติ่งเช่นนี้แหละ สถานที่สำคัญต่างๆ รวมถึงสถานที่ ฆาตกรรมสะเทือนขวัญ ในช่วงปี พ.ศ. 2486 ที่ปรากฏในหนังสือ กาหลมหรทึก นั้นมีอยู่จริง จนเราอดรนทนไม่ได้ที่จะจัดทริป ตามรอยกาหลมหรทึก
การ ตามรอยกาหลมหรทึก ครั้งนี้ เราได้ไป 7 จุดสำคัญทั่วพระนครและธนบุรี ซึ่งจะมีที่ไหนบ้างนั้น แพรวสำนักพิมพ์ได้จัดให้ผู้โชคดี 10 ท่าน พร้อมผู้สื่อข่าวไปตามรอยกาหลมหรทึกกัน สนุกสุขสันต์ในวันตรุษจีนกันเลยทีเดียว อาจมีสปอยเนื้อเรื่องกาหลมหรทึกบางๆ แต่จะพยายามทำให้อ่านแล้วสงสัยต่อแล้วกันนะ ตามไปดูกันเถอะ
คุณองอาจ จิระอร คุณจตุพล บุญพรัด และ ปราปต์
พร้อมด้วยผู้โชคดีจากการร่วมกิจกรรมใน FB แพรวสำนักพิมพ์
ตรอกศาลาต้นจันทร์ วัดระฆังโฆสิตาราม
เราเริ่มต้นที่ชุมชนศาลาต้นจันทร์ วัดระฆังโฆสิตาราม นำโดยวิทยากรกิติมศักดิ์มากๆ 2 ท่าน ท่านแรก คือพี่ฉ่ำ คุณองอาจ จิระอร ที่ปรึกษาสายงานสำนักพิมพ์ในเครืออมรินทร์ฯ (ก็ผู้บริหารบริษัทนั่นแหละจ้ะ) และน้องปราปต์ ผู้เขียนหนังสือกาหลมหรทึกนั่นเอง ที่ต้องเป็นสองท่านนี้เพราะ พี่ฉ่ำเป็นผู้รู้ทางประวัติศาสตร์แน่นปึ้ก ส่วนปราปต์นั้นก่อนจะเขียนหนังสือเล่มนี้ เขาได้มาเดินสำรวจแทบทุกซอกทุกมุม เพื่อสร้างฉากในนวนิยายที่สมจริง
ทุ่มเทกว่านี้มีอีกไหม !?!? แล้วใครจะแทนที่สองท่านนี้ได้ !?!?
เข้าเรื่อง ศาลาต้นจันทร์ที่เห็นนี้ไม่ใช่ของเดิม เพราะของเดิมนั้นย้ายไปปลูกที่เมืองโบราณแล้วเมื่อตอนที่มีการขยายถนนอรุณอมรินทร์ ในภาพนี้คือ ‘ศาลศาลาต้นจันทน์’ ซึ่งชาวบ้านร่วมทุนสร้างขึ้นมาแทนที่ศาลาต้นจันทน์หลังเดิมที่ถูกย้ายไป
ถัดจากศาลนี้จะมีตรอกเล็กๆ อยู่ติดกัน เมื่อเดินเข้ามาเราจะเจอบ้านหลังหนึ่งตามภาพด้านล่าง ซึ่งน้องปราปต์เล่าว่า คือภาพต้นแบบของบ้านที่เกิดเหตุฆาตกรรม…
30 ตุลาคม พ.ศ.2486 ได้เกิดเหตุการณ์ฆาตกรรมสะเทือนขวัญในบ้านหลังหนึ่ง บนโต๊ะไม้กลมตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งที่เต็มไปด้วยชามกับข้าว
เลือดแห้งเกรอะกรัง กลิ่นคละคลุ้ง
แมลงวันกระพือปีกบินตอม
ศีรษะด้านหลังของเจ้าตัวแตกยุบ
ของเหลวและไขมันภายในไหลทะลักออกมา
รอยแผลนั้นเกิดจากหินลับมีด !!!
ความโหดร้ายของการฆาตกรรมครั้งนี้นั้น ยังไม่น่าฉงนเท่ากับปริศนาที่ฝากไว้บนร่างกายห้าจุด หนึ่งคำเหนือหน้าผาก สองคำหลังข้อมือซ้าย – ขวา กับอีกสองคำใต้ตาตุ่มทั้งสองข้าง
[su_note text_color=”#de120f” radius=”2″]เหย้า เจ้า แพะ ทิ้ง พงส์[/su_note]
ชุมชนวังเดิม
จากจุดแรก คณะผู้ตามรอยกาหลมหรทึก เดินทางมาวังเดิม หรือพระราชวังกรุงธนบุรี ด้วยรถตู้ พระราชวังนี้ เดิมคือวังหลวงในสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ปัจจุบันอยู่ในพื้นที่ของกองทัพเรือ เขตบางกอกใหญ่ ชุมชนนี้ปรากฏในหนังสือกาหลมหรทึก ด้วยเช่นกัน…
4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2486 คดีฆาตกรรมต่อเนื่องสะเทือนขวัญได้เกิดขึ้นที่ชุมชนแห่งนี้
กลิ่นเหม็นเน่า
ถูกแขวนคอ
พร้อมตรึงแขนขา เหมือนจับขึงร่าง
รอยสักปริศนา 5 คำ ที่หน้าผาก ข้อมือ และข้อเท้า
[su_note text_color=”#b6200e” radius=”2″]ต่อ ขัง ลง พา โหน[/su_note]
ศาลเจ้าเกียนอันเกง
จากชุมชนวังเดิม พี่ฉ่ำ องอาจ และปราปต์ ได้พาเราตามรอยกาหลมหรทึกมาที่ศาลเจ้าเกียนอันเกง หรือเกียนอันเก๋ง หรือก็คือศาลเจ้าแม่กวนอิม ศาลเจ้านี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่ในชุมชนกุฎีจีน ข้างวัดกัลยาณมิตร ถ้ามาจากฝั่งพระนครสามารถข้ามเรือตรงท่าราชินีได้ แต่พวกเรามาจากทางฝั่งธนบุรี จึงลงรถที่วัดกัลยาณมิตรแล้วเดินเลียบริมน้ำเจ้าพระยาท่ามกลางแดดแผดเผามา ศาลเจ้าแห่งนี้ว่ากันว่ามีมาตั้งแต่ก่อนสมัยกรุงธนบุรี และว่ากันว่าก่อนสมเด็จพระเจ้าตากสินจะกู้เอกราช ท่านมาเสี่ยงเซียมซีที่นี่ว่าจะได้รับชัยชนะ จึงมีความมั่นใจ และสุดท้ายก็ชนะจริงๆ
และขอบอกเลยว่า โดยส่วนตัวมาที่นี่หลายครั้ง เซียมซีแม่นจริงๆ ติดอันดับความแม่น 1 ใน 3 เซียมซีแม่น นะจ๊ะ!!
และที่นี่เอง ในตอนจบของทั้งหนังสือและละครกาหลมหรทึก
ความจริงเพียงหนึ่งเดียว ที่สุดจะคาดเดา
เรื่องที่จะทำให้ผู้คนอึ้ง
แล้วอุทานซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า เป็นไปได้อย่างไร
จะปรากฏขึ้น!!
ย่านกุฎีจีน
จบจากการฟังบรรยายที่ศาลเจ้าเกียนอันเกง ชาวคณะกาหลมหรทึกก็เดินต่อกันมาในชุมชนกุฎีจีน ซึ่งที่นี่พี่ฉ่ำ องอาจ และปราปต์ ได้พาเรามาดูเตาอบโบราณซึ่งอบขนมฝรั่งกุฎีจีนด้วยถ่าน และเหลือร้านที่ผลิตขนมฝรั่งกุฎีจีนอยู่ร้านเดียวที่ใช้เตาอบแบบโบราณ หลังจากมาดูการอบขนมจากเตาโบราณจนแน่นขนัดเต็มพื้นที่แล้ว วิทยากรก็ได้พาชาวคณะกาหลมหรทึกไปช้อปปิ้งขนมฝรั่งกุฎีจีนกันอย่างเริงร่า
แต่ใครจะรู้ว่าเตาอบแบบโบราณที่เอาไว้ใช้อบขนมฝรั่งกุฎีจีนนี้ เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2486 ชายคนหนึ่งถูกฆาตกรรมจนต้องจบชีวิตภายในเตาอบแบบนี้ ในสภาพ
อวัยวะถูกหั่นแยก
แขน ต้นขา หน้าแข้ง ลำตัวไหม้เกรียม
ศีรษะ สองมือ สองเท้าตั้งแต่ส่วนข้อลงไปถูกทิ้งไว้ ไม่ถูกเผา
และแน่นอน พบปริศนาฆาตกรรม 5 คำ เฉกเช่นศพอื่น
[su_note text_color=”#b6200e” radius=”2″]หล้อง สิ ไห้ จับ เกิด[/su_note]
วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร
ย้อนกลับไปวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2486 เกิดเหตุระทึกที่นี่!!! กุฏิคณะ 11 วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร ได้ปรากฏคำที่สักปรากฏบนผิวหนังบริเวณหน้าผาก หลังข้อมือ และใต้ตาตุ่มทั้งสองข้างบนร่างร่างหนึ่ง
แต่คำห้าคำนั้นต่างไป
ลายมือก็ต่างกัน
ที่น่าประหลาดคือ
บุคคลผู้นี้ยังมีชีวิตอยู่ !!!
[su_note text_color=”#de120f” radius=”2″]เจ่า กิ่ง แล้ง แตก เกาะ[/su_note]
สะพานภาณุพันธ์
สะพานนี้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พระราชทานนามให้ว่า “ภาณุพันธุ์” เพื่อเป็นเกียรติแก่ สมเด็จพระอนุชา สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาพิมุข เจ้าฟ้าภารุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุ์วงศ์วรเดช เนื่องจากสมเด็จพระอนุชาทรงประทับอยู่ที่วังบูรพาภิรมย์ ใกล้กับสะพานแห่งนี้นั่งเอง
บริเวณนี้ คือที่สุดท้ายที่มีผู้พบชายชายไทยวัยย่างสามสิบ ซึ่งต่อมา มีผู้พบศพที่ก้นคลองโอ่งอ่าง ในลักษณะเหมือนจมน้ำตาย ที่จริงแล้ว นี่คือศพแรกของคดีฆาตกรรมรอยสักคำห้าคำ เพราะพบศพเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ.2486
และเช่นเดียวกัน ปริศนาที่ฝากไว้บนร่างกายห้าจุด
ต่างลายมือและถ้อยคำ
หนึ่งคำเหนือหน้าผาก
สองคำหลังข้อมือซ้าย – ขวา
อีกสองคำใต้ตาตุ่มทั้งสองข้าง
[su_note text_color=”#de120f” radius=”2″]สงค์ ผาก มา โจน รา[/su_note]
ย่านสามแพร่ง
จากสะพานภาณุพันธุ์ คณะตามรอยกาหลมหรทึก ลงรถตู้ที่วัดมหรรณพาราม แล้วเดินเท้ามาจนถึงย่านสามแพร่ง ยอมรับว่าทุกคนสู้ไม่ถอยจริงๆ เพราะแดดร้อนฉลองตรุษจีนมากๆ
ย่านนี้เดิมเป็นที่ประทับของพระราชโอรส 3 พระองค์ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 ได้แก่ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นภูธเรศธำรงศักดิ์ (แพร่งภูธร) พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ (แพร่งนรา) และพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพศาสตรศุภกิจ (แพร่งสรรพศาสตร์)
วัดโพธิ์
สถานที่สำคัญที่สุดที่พวกเราทุกคนตามรอยมาคือ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร หรือวัดโพธิ์ การเดินทางมาวัดโพธิ์นั้น พวกเราเดินมาจากย่านสามแพร่ง ใช่แล้ว เดินตอนแดดจัดๆ
ถ้าไม่รักจริงทนไม่ไหวแน่นอน
ปัจจุบันวัดโพธิ์เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก และเป็นวัดประจำรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 วัดโพธิ์ถือได้ว่าเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศ และได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกความทรงจำโลกของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกด้วย จึงมีชาวต่างชาติแวะเวียนมาที่นี่มากมาย
บริเวณเสาโดยรอบระเบียงรอบๆพระอุโบสถ จะมีจารึกโคลงกลอนบนแผ่นหินอ่อนที่ประดับไว้ ที่วัดโพธิ์นี้คือจุดศูนย์กลางของสถานที่เกิดเหตุการณ์ฆาตกรรมสะเทือนขวัญทั้งหมด และเป็นสถานที่ซ่อนปริศนาที่ฆาตกรใช้วางแผนฆาตกรรมในเรื่องกาหลมหรทึกด้วย นั่นคือ กลโคลงพรหมพักตร์ ซึ่งปราปต์ได้นำมาใช้เป็นต้นแบบในการถอดปริศนาคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญในกาหลมหรทึกด้วย
ที่วัดโพธิ์นี้เอง กิจกรรมสุดระทึกจากทีมงานและผู้เขียนกาหลมหรทึกก็คือ ให้ตามหา “กลโคลงพรหมพักตร์” นี้ให้เจอ!! ทั้ง staff ทั้งผู้ร่วมกิจกรรม ทั้งผู้สื่อข่าว ต่างเดินวนกันไปทั้งรอบนอกรอบในระเบียงรอบพระอุโบสถอย่างโกลาหลอึกทึกครึกโครม ดุจความหมายของชื่อเรื่อง กาหลมหรทึก ไม่มีผิด
เมื่อจบกิจกรรมทุกคนล้วนประทับใจและมีความสุข แม้จะเหนื่อยร้อนแค่ไหนก็ไม่หวั่น ทั้งยังฝากให้ติดตามอ่านหนังสือ กาหลมหรทึก และติดตามชมละคร กาหลมหรทึก ซึ่งจะฉายทางช่องวัน 31 กันอย่างกระตือรือร้น
ถือเป็นการจบกิจกรรมของชาวติ่งกาหลฯ โดยสมบูรณ์
ดูหนังดูละครแล้วอยากย้อนอ่านหนังสือ เพื่อเก็บรายละเอียดสุดระทึกของกาหลมหรทึก
ขอเชิญคลิกที่นี่
และนี่คือตัวอย่างของละคร ที่ชาวติ่งหนังสือกาหลมหรทึก อย่างเราคอยแล้วคอยเล่า เฝ้าแต่รอจ้าาาาา
ละครเรื่องใหม่ 'กาหลมหรทึก' เร็วๆนี้!
เปิดประวัติการณ์ครั้งใหม่บนหน้าจอโทรทัศน์กับการรวมที่สุดของนักแสดงยอดฝีมือ ในสุดยอดละครแห่งปีพุทธศักราช ๒๕๖๑ “กาหลมหรทึก” ละครที่จะสร้างความอึกทึกครั้งยิ่งใหญ่ เตรียมพร้อมโกลาหลกันทั่วทั้งพระนคร เร็วๆ นี้ ทาง #ช่องวัน31ติดตามทุกความมหรทึกได้ที่นี่! #กาหลมหรทึก
โพสต์โดย กาหลมหรทึก เมื่อ วันอังคารที่ 6 กุมภาพันธ์ 2018
บทความอื่นๆ
เขียนดีมากค่ะ อยากจะตามรอยแอดมินเลย ไว้ไปแล้วจะมาเล่าในอีกมุมให้ฟังนะคะ
^_^ พกร่ม พกน้ำ พกขนมติดไปด้วยจ้า ไปแล้วมาเล่ากันมั่งนะ