เลี้ยงลูกด้วยดนตรี เป็นสิ่งที่ดีและทำได้จริง จากรายงานวิจัยหลายประเทศระบุว่า การใช้ดนตรีเป็นสื่อจะทำให้เด็กพัฒนาสมองได้อย่างรวดเร็ว เซลล์สมองเจริญเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ
พัฒนาการฟังนับเป็นพัฒนาการแรกสุดของลูก เพราะลูกสามารถฟังทุกๆ เสียงที่เกิดขึ้นได้ตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ โดยจะมีพัฒนาการเพิ่มขึ้นในแต่ละช่วงวัย การใช้ดนตรีจึงช่วยพัฒนาทักษะการฟังได้เป็นอย่างดี และยังช่วยส่งเสริมทักษะอื่นๆ ไปพร้อมๆ กันด้วย
มาดูกันว่า การเลี้ยงลูกด้วยดนตรี ในแต่ละช่วงอายุควรใช้ดนตรีแบบไหน
เด็กอายุ 3 สัปดาห์ – 3 เดือน
เด็กในช่วงนี้จะร้องนาน ร้องมากโดยเฉพาะตอนกลางคืน คุณแม่อาจช่วยปลอบลูกด้วยการตบหลังลูกเบาๆ หรือเปิดเพลงพร้อมกับปลอบไปด้วย โดยเลือกเพลงที่มีความผ่อนคลายระดับเสียงไม่สูงมาก เพราะการศึกษาพบว่าเสียงที่มีความถี่ต่ำจะช่วยให้เด็กหยุดร้องได้ง่ายกว่าเสียงที่มีความถี่สูง
เพลงที่เด็กวัยนี้ชอบมักจะเป็นเพลงที่มีน้ำเสียงรื่นหู ดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่องมากกว่ามีการหยุดหรือมีความเงียบมาแทรก ชอบฟังเพลงที่มีความรู้สึกด้านบวก สดใส มีความสุขมากกว่าเพลงเศร้า และพวกเขาสามารถแสดงปฏิกิริยาโต้ตอบต่อเสียงใหม่ๆ หรือเครื่องดนตรีใหม่ๆ ได้ด้วย
เด็กอายุ 3-6 เดือน
เด็กในวัยนี้สามารถควบคุมการหยิบจับสิ่งของได้บ้างแล้ว จึงสามารถหยิบของเล่นหรือเครื่องดนตรีที่เขย่าแล้วมีเสียงได้ คุณแม่ลองหาของเล่นที่เขย่าแล้วมีเสียง มาฝึกให้ลูกหัดจับหัดถือ พอเล่นแล้วมีเสียง ลูกก็จะรู้สึกสนุกไปกับการเคาะ การเขย่า ได้เรียนรู้เรื่องจังหวะไปด้วย
เด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไป
พวกเขาจะสามารถตอบสนองต่อเสียงดนตรีด้วยการเคลื่อนไหว โยกตัว หรือเต้นด้วยท่าเดิมๆ ซ้ำๆ กัน และเริ่มส่งเสียงที่แสดงออกถึงปฏิกิริยาที่มีต่อเสียงดนตรีได้ และเมื่อโตขึ้น การควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกายจะเพิ่มมากขึ้น และตอบสนองต่อเสียงดนตรีได้ดีขึ้น เมื่อรูปแบบจังหวะของเสียงดนตรีเปลี่ยน เด็กก็จะสามารถเปลี่ยนท่าทางการเคลื่อนไหวเมื่อจังหวะเปลี่ยนได้
เด็กจะพยายามมองหาที่มองของเสียง และร้องไห้เมื่อได้ฟังเสียงที่มีความดังมากๆ หรือเมื่อเพลงหยุด
เด็กอายุ 9 เดือนขึ้นไป
เด็กจะให้ความสนใจกับเครื่องดนตรีที่ทำเสียงได้ เช่น เปียโน ที่ทำเสียงได้ง่ายแค่กดลงไปที่คีย์ โดยเด็กส่วนมากมักใช้ฝ่ามือตีลงไปที่คีย์จนเกิดเสียงดนตรีแล้วทำสีหน้าสนุกสนาน จากการศึกษาพบว่า ถึงแม่ว่าเด็กวัยนี้จะยังไม่สามารถควบคุมนิ้วแต่ละนิ้วให้กดลงไปบนคีย์ได้ แต่เด็กก็สามารถกดโน้ตด้วยนิ้วชี้นิ้วเดียวได้
คุณแม่ลองกดทีละตัวแล้วให้ลูกทำตาม ถ้าลูกยังทำไม่ได้ก็ไม่ต้องกังวลอะไร แค่ให้ลูกได้ชินกับเสียงดนตรีบ่อยๆ ก็เพียงพอแล้ว
เด็กอายุ 10 เดือนขึ้นไป
ช่วงนี้เด็กสามารถทำเสียงได้มากขึ้น ตบมือได้ มีการส่งเสียงเพื่อตอบสนองต่อความสนใจที่ได้รับในรูปแบบต่างๆ ได้ เริ่มเลียนแบบผู้ใหญ่ เลียนแบบการกระทำของเด็กคนอื่น สามารถเลียนแบบด้วยการส่งเสียงที่มีลักษณคล้ายคลึงกับภาษา และพูดเป็นคำได้
เด็กอายุ 11 เดือน
พวกเขาสามารถจำทำนอง รูปแบบจังหวะเพลงง่ายๆ ได้ และออกเสียงอ้อแอ้ตามได้บางช่วง เริ่มมีการส่งเสียงเพื่อเรียกร้องความสนใจ และเริ่มมีการใช้ระดับเสียงสูง-ต่ำ ที่แตกต่างกันได้
เด็กอายุ 1 ขวบ
เด็กจะมีพัฒนาการกล้ามเนื้อมัดเล็กที่ดีขึ้น สามารถหยิบจับเครื่องดนตรีชิ้นเล็กๆ ได้ เด็กมักจะสนใจหยิบจับ เคาะ เขย่าของหรือเครื่องดนตรีที่มีเสียง โดยเด็กช่วงวัยนี้จะให้ความสนใจกับเสียงดนตรีได้นานถึง 2-3 นาที
หากคุณแม่อยากให้ลูกมีกิจกรรมทางดนตรีเพิ่มเติม สามารถพาลูกไปที่สถาบันสอนดนตรีได้เลย เป็นอีกทางเลือกให้ลูกได้เรียนรู้ดนตรีไปพร้อมกับเรียนรู้การเข้าสังคมกับเพื่อนร่วมชั้นเรียน จะช่วยพัฒนาทักษะทางดนตรีไปพร้อมกับพัฒนาทักษะด้านอื่นๆ ได้
เด็กอายุ 2 ขวบ
พวกเขาจะรับรู้ถึงดนตรีชัดเจนขึ้น สนใจลองสัมผัสเครื่องดนตรีใหม่ๆ ทดลองเสียงจากเครื่องดนตรีต่างๆ ตอบสนองต่อจังหวะด้วยการตี เคาะ หรือเหวี่ยงแขน สามารถเคาะจังหวะคงดีในช่วงสั้นๆ สามารถเลียนแบบการปรบมือและเคลื่อนไหวทำท่าทางตามเพลงได้บ้าง มีพัฒนาการด้านการพูดมากขึ้น พยายามออกเสียงตามเพลงที่ได้ยิน สามารถฮัมเพลงได้เป็นช่วงๆ
เด็กอายุ 3 ขวบ
พัฒนาการทางการพูดดีขึ้น เด็กจะพูดได้หลายคำแล้ว เด็กวัยนี้เป็นช่วงที่เหมาะสมที่สุดในการพัฒนาทางภาษาและดนตรี การเรียนรู้ภาษาในช่วงนี้ เด็กจะสามารถจดจำสำเนียงและพยายามออกเสียงเลียนแบบได้
พวกเขามีการตอบสนองทางดนตรีได้ดี และพร้อมต่อการลงมือฝึกเล่นดนตรี ครอบครัวไหนเปิดเพลงให้ลูกฟังบ่อยๆ ลูกก็จะร้องเพลงเด็กง่ายๆ ได้อย่างถูกต้อง ลูกจะมีพัฒนาด้านจังหวะดีขึ้น เคลื่อนไหวตามจังหวะได้มากขึ้น เริ่มตบมือหรือเคาะจังหวะได้เข้ากับเพลงมากขึ้น ร้องเพลงที่มีรูปแบบจังหวะได้ เริ่มพัฒนาการรับรู้ความต่างของระดับเสียงดัง เสียงเบา และรับรู้ความเร็ว ความช้าของเพลงได้
เด็กอายุ 4 ขวบ
เด็กวัยนี้สามารถร้องเพลงได้ตรงระดับเสียงกลางๆ ในช่วงของโน้ต เร-ลา ได้ เริ่มพัฒนาการปรบมือ ตบตักตามจังหวะต่างๆ ได้ เข้าใจจังหวะหยุดได้ สามารถทำซ้ำรูปแบบจังหวะสั้นๆ บนเครื่องดนตรีหรืออุปกรณ์ต่างๆ ได้ แสดงความรู้สึกเข้ากับเพลงได้ เต้นประกอบเพลงได้ เริ่มพัฒนาทักษะการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วได้
เด็กอายุ 5 ขวบ
เมื่อฟังเพลงแล้ว สามารถแยกแยะได้ว่าเพลงไหนหรือท่อนไหนที่แสดงอารมณ์สุข สนุก หรือเศร้า โดยรับรู้ได้จากความช้าเร็วของเพลงนั้นๆ และจำแนกเสียงของเครื่องดนตรีได้ว่าเป็นเสียงกลอง เสียงไวโอลิน เสียงกีต้าร์ หรือว่าเป็นเครื่องดนตรีกลุ่มไหน เช่น เครื่องสาย เครื่องประกอบจังหวะ และผลการศึกษาบอกว่า หากเด็กได้ฟังดนตรีแบบไหนบ่อยๆ จะมีส่วนให้เกิดความชอบดนตรีแบบนั้นด้วย คุณแม่จึงมีส่วนสำคัญกับรสนิยมการฟังเพลงของลูกโดยตรง
ทั้งนี้ทั้งนั้น คุณแม่ต้องไม่ลืมว่าลูกๆ เรียนรู้ผ่านการเล่น ต้องทำให้เขารู้สึกสนุกที่จะเรียนรู้ วางแผนสร้างสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม จัดกิจกรรมให้ตรงตามพัฒนาการของลูก และคอยสังเกตว่าลูกชอบหรือไม่ชอบ มีความสนใจอะไรเป็นพิเศษ ต้องไม่ลืมว่าการให้ลูกเรียนรู้อย่างมีความสุขจะได้ผลดีที่สุด
ข้อมูลจากหนังสือ เลี้ยงลูกด้วยเสียงดนตรี
วางขายแล้วที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ
สั่งซื้อออนไลน์ คลิกที่นี่
บทความอื่นๆ
วิธีรับมือกับลูกขี้โมโห ขี้หงุดหงิด : วิธีแก้ปัญหาที่คุณพ่อคุณแม่ต้องรู้
เทคนิคเลือกหนังสือให้เหมาะกับลูกวัยทารก 6-12 เดือน เพื่อพัฒนาการที่ดีของลูก
หลักการ เลี้ยงลูกยุคใหม่ เรื่องง่ายๆ ใกล้ตัวที่พ่อแม่ยุคใหม่ต้องเข้าใจ
เลี้ยงลูกวัยรุ่น : เลี้ยงลูกอย่างเข้าใจเรื่องหนักแค่ไหนก็รอด
ชมลูกอย่างไรไม่ให้เหลิง เทคนิคชมลูกที่ดีและมีประโยชน์
สอนลูกให้มีวินัย เริ่มวันนี้ตั้งแต่ลูกยังเล็ก โดยคุณหมอประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์
นิทานก่อนนอน 5 เรื่อง สอนลูกเรื่องมิตรภาพ ความเอื้อเฟื้อและการแบ่งปัน
5 วิธี เลี้ยงลูกให้เป็นคนดี : สอนลูกแบบนี้ ลูกได้ดีและมีความสุขแน่นอน
Pingback: วิธีพัฒนา EF ในวัยเด็ก โดยคุณหมอประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์