ไม่ว่าจะเป็นองค์กรเล็กหรือใหญ่ล้วนอยากได้ พนักงานที่ดี ทั้งนั้น แม้จะมีการศึกษาดี สติปัญญาดี แต่ก็กลายเป็นลูกน้องที่ไม่เอาไหนในสายตาของหัวหน้าได้ด้วยปัจจัยหลายอย่าง เช่น ทำงานดีแต่การเข้าสังคมไม่ดี ทำงานดีแต่ไม่ตรงต่อเวลา ทำงานดีแต่มีปัญหากับเพื่อนร่วมงานบ่อย ฯลฯ
สาเหตุยิบย่อยเหล่านี้จะเป็นตัวที่ฉุดรั้งความเจริญก้าวหน้าให้ย่ำอยู่กับที่ ไม่ได้รับการโปรโมต ปรับตำแหน่ง หรือเลื่อนตำแหน่งแม้จะทำงานมาหลายปีแล้วก็ตาม
ลองมาดูลักษณะของ พนักงานที่ดี ที่หลายบริษัทต้องการมีอะไรบ้าง
คิดริเริ่มด้วยตนเอง
เจ้านายมักปลื้มที่พนักงานลงมือคิดไอเดียใหม่ๆ ด้วยตัวเองและลงมือทำทันที จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เช่น สนุก ทันกระแส ไม่มีใครเคยทำมาก่อน ฯลฯ แล้วผลตอบรับออกมาเป็นที่น่าพอใจ
หลักการทำงานแบบนี้ ให้ยึดกฎเหล็กสำคัญว่า “งานที่สนุกต้องไม่ใช่งานที่ได้รับมอบหมายจากเบื้องบน และงานที่สนุกคืองานที่ลงมือทำก่อนและเป็นผู้ชนะ” แต่ไม่ใช่ว่าเอาแต่ทำงานที่ชอบเพียงอย่างเดียว งานที่ไม่ชอบก็ต้องทำออกมาสมบูรณ์แบบเรียบร้อยเช่นเดียวกัน
การมีความสามารถคิดเองเป็นเพื่อทำงานที่สนใจด้วยตัวเองเป็นสิ่งชี้วัดผลแพ้ชนะในการทำงาน เพราะคนที่ชิงลงมือทำงานที่น่าสนใจก่อนย่อมเป็นฝ่ายชนะอย่างแน่นอน
ใส่ใจคุณภาพของงาน
“จงใส่ใจในเนื้องาน อย่าทำงานที่ขาดความเอาใจใส่” นี่เป็นคำพูดที่ควรปลูกฝังไว้ตั้งแต่เริ่มทำงานใหม่ๆ แม้กระทั่งของที่ระลึกที่แจกผู้ที่มาร่วมงานสำคัญในบริษัทก็ยิ่งต้องใส่ใจ
รู้ไหมว่าบริษัทที่ญี่ปุ่นใช้เวลาหลายวันถกเถียงกับคณะกรรมการกว่า 20 ท่านในที่ประชุมว่า จะเลือกอะไรเป็นของที่ระลึก เลือกกระดาษห่อแบบไหน จะใช้ริบบิ้นสีอะไรห่อ
หลายคนคงสงสัยว่าแค่ของแจกเอง ทำไมต้องมาเสียเวลากับมันด้วย ลองคิดเมื่อตัวเองได้รับของแจกดูสิ พวงกุญแจราคาถูก พัดกระดาษที่ใช้งานไม่ได้ กระเป๋าเล็กๆ ที่ออกแบบมาเพื่อผู้หญิงเท่านั้น ถ้าเราได้รับของแบบนี้เรายังยินดีที่จะเก็บมันไว้ไหม
คำตอบของหลายคนก็คือ “ไม่” และเราก็คงไม่อยากให้ของที่ระลึกจากบริษัทเราลงไปนอนอยู่ก้นถังขยะเช่นเดียวกัน
การส่งมอบของที่ระลึกที่ใส่ใจทุกรายละเอียดให้กับแขกในงานเป็นสิ่งที่ช่วยอธิบายตัวตนของบริษัทได้ดียิ่งขึ้น เพราะเต็มไปด้วยความใส่ใจ ใช้งานได้จริง และใช้ของที่มีคุณภาพ นอกเหนือจากงานที่สำเร็จแล้ว เรายังเห็นหลักคิดที่ให้ความสำคัญแก่การใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ จากพนักงานที่ดี ที่บริษัทเลือกเข้ามาทำงานด้วย
ตื่นตัวเรื่องการแข่งขัน
ลีคุนฮี ประธานกรรมการบริษัทซัมซุง ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงและการแข่งขันของตลาดโทรศัพท์มือถือโลกเอาไว้ว่า
“สินค้าที่ฮิตอยู่ตอนนี้ อีกสิบปีก็อาจขายไม่ออก นอกจากเมียและลูกแล้ว จงเปลี่ยนให้หมด!”
เมื่อมองบนโลกแห่งความเป็นจริงแล้วการตื่นตัวเรื่องการแข่งขันนี้เอง ที่เป็นแรงขับเคลื่อนให้เอาชนะให้ได้
“ในโลกของธรรมชาติ ผู้ที่อยู่รอดคือผู้ที่ปรับตัวได้ ไม่ใช่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด” อย่างน้อยเราก็เข้าใจแล้วนะว่า ทำไมไดโนเสาร์ผู้แข็งแกร่งถึงตายเรียบ แต่แมลงสาบตัวกระจ้อยถึงมีชีวิตรอดมาถึงยุคนี้ได้แม้จะผ่านเวลาเป็นสิบๆ ล้านปี
ย้ำเตือนอยู่เสมอว่า งานที่กำลังทำอยู่นี้ มีคนทำได้ดีกว่า เร็วกว่า และค่าแรงถูกกว่า เมื่อถึงวันที่บริษัทค้นพบคนคนนั้นแล้ว เรายังจำเป็นสำหรับบริษัทอยู่ไหม ทางรอดของเราก็คือการแข่งขันกับคนอื่น พัฒนาตัวเอง และปรับตัวให้ได้
ทำงานที่ใครก็ทำแทนไม่ได้
การทำงานเกินหน้าที่และเงินเดือนในปัจจุบันเป็นสิ่งแน่นอนอยู่แล้วสำหรับการก้าวสู่การเลื่อนตำแหน่ง การทำงานก็เหมือนเครื่องจักรที่ประกอบด้วยน็อตหลายชิ้นคือพนักงาน หากลองไขน็อตออกมาดูทีละชิ้น คุณคิดว่าเจ้านายจำเป็นต้องมีน็อตที่มีชื่อคุณอยู่ไหม ขาดน็อตตัวนี้ไปงานจะขับเคลื่อนได้หรือเปล่า
ลองพิจารณาดูว่าถ้าคุณลาออกไป จะมีใครในบริษัทที่มาทำงานแทนคุณได้หรือเปล่า หรือการออกไปของคุณไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรเลย แค่ต้องปรับการทำงานใหม่เล็กน้อยเครื่องจักรนั้นก็สามารถทำงานได้เป็นปกติ ถ้างานที่คุณกำลังทำสามารถมีคนทำแทนได้อย่างง่ายได้ก็ได้เวลาที่ต้องปรับตัวครั้งใหญ่กันแล้ว
หาจุดที่คนอื่นไม่สามารถทำได้แสดงศักยภาพออกมาให้ชัดเจนที่สุด สร้างผลงานออกมาให้เจ้านายอึ้ง แล้วหนทางสู่ความสำเร็จ การเลื่อนตำแหน่ง หรือได้รับการโปรโมตจะไม่ไกลเกินเอื้อมอย่างแน่นอน
ข้อมูลจากหนังสือ จงเป็นคนฉลาดที่บริษัทขาดไม่ได้
วางขายแล้วที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ
สั่งซื้อออนไลน์ คลิกที่นี่
บทความอื่นๆ
7 เทคนิคพรีเซ้นต์งานให้ปัง ที่พนักงานมืออาชีพทุกคนต้องรู้!
5 หนังสือแนะนำ ที่นักขายมืออาชีพห้ามพลาด!
8 วิธีเรียนรู้ได้รวดเร็ว และมีความจำเป็นเลิศ
5 วิธี สู่การทำงานแบบมืออาชีพ (Professional)
การจัดการความเครียดในที่ทำงาน : โดยนายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์
3 ข้อคิดในการทำงาน เพื่อการเข้าใจคุณค่าที่แท้จริงของงาน
Pingback: เทคนิค บริหารเวลา แบบคนรวยที่ทำงานสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว ไร้ข้อผิดพลาด
Pingback: 5 วิธีรับมือกับปัญหาจาก ลูกน้อง ที่หัวหน้าทุกคนต้องพบเจอ
สิ่งที่ทำใจต้องรักแต่สิ่งที่น่ากลัวก็คือคนทำได้หมดทุกตำแหน่งแต่ถ้าเพื่อนร่วมงานมองคุณว่าทำไม่ได้ทั่งๆที่มีประสบการมาแล้วพอลงทำก็ว่าพอไม่ทำก็ว่าพอจะทำก็ต้องแอบทำแต่ผลงานออกมาแต่ไม่รุ้คนทำนะค่ะเอาง่ายๆเลยนะค่ะคนทำกับไม่มีผลงานแต่คนไม่ได้ทำกับได้ผลงานนั้นไปหรือลองไห้เราทำก่อนแต่พอรอบสองกับไม่ไห้เราทำเราทำรอบแรกไมามีใครเห็นแต่พอรอบสองกับมีคนเห็นหรือค่อยแย่งหน้าทีเราแต่กลับหน้าที่ตัวเองไม่ทำเอาคือมึงต้องลงไปล้างจานกูต้องอยุ่หน้าเขียงขอโทษนะค่ะที่พูดไม่เพราะนะค่ะทำงานแล้วเจอคนแบบนี้ยิ่งเราเป็นคนที่พูดไม่เก่งด้วยแต่ถ้าพูดก็กลัวจะแรกนะค่ะทั่งๆที่รุ้ว่าใครทำอะไรใครเอาอะไรออกไปบ้างเอางายว่าขโมยนะค่ะบ้างทีเรื่องไม่เป็นเรื่องก็เอาไปฟ้องห้วน่าทั่งที่ตัวเองนะผิดแต่กับไม่ยอมรับผิดแล้วยังจะมาว่าคนอื่นอีกทั้งๆที่หัวน่าว่าตัวเบื่อจังค่ะทำงานกับคนทำงานด้วยปากพอทำเร็วก็ห่าว่าไม่ได้สั่งพอทำช้าก็ว่าสั่งแล้วไม่ทำทำช้าบ้างละตำแหน่งก็ไม่เชดเจนยังลดตำแหน่งเราอีกท้าแบบนี้ก็บอกเลยว่าไม่ผ่านงานแต่ก็ไม่เคยได้ทำงานในตำแหน่งตัวเองเลยแต่นี้ก็ทำได้หมดนะค่ะทุกวันนี้จะได้ทำหลักๆเลยก็ทำน่าแทนคนที่หยุดนะแต่จะทำแทนคนหยุดจริงก็ล้างจ้านนะค่ะแต่คนขึ้นกะทะหยุดก็ไม่เคยได้ทำเลยแล้วจะเอาตำแหน่งงานมาทำไหมแล้วประสบการมาสมัดทำไหมละค่ะยิ่งจะไม่ไห้คิดน้อยใจหรือค่ะไม่เคยคิดจะออกเลยแต่มันเสียความรู้สึกนะค่ะแต่นี้ก็ผิดนะค่ะพอไม่พิใจไม่สบายใจก็หยุดเลยแต่จริงๆแลัวทำที่เก่าไม่เคยคิดจะหยุดเลยนะค่ะถ้ามันไม่สบายใจแล้วถึงทำงานก็จะออกมาไม่ดีนะค่ะบอกว่าคุยแล้วแต่ก็เป็นแบบเดิมนะค่ะยิ่งกว่าเก่าด้วยก็เรามันตัวคนเดียวปากเดียวนะค่ะเสียใจนะค่ะกับสิ่งที่ตัวเองเคยทำแต่กับไม่ได้ทำปต่ต้องทนทำไห้เขาเห็นว่าเราทำได้นะค่ะแต่ยิ่งทำตำแหน่งก็ลดลง
Pingback: วิธีวางตัวให้ เป็นที่รักของเพื่อนร่วมงาน ไปอยู่ที่ไหน ใครๆ ก็ชอบ