[ทดลองอ่าน] เจ้าเห็ดน้อย ตอนที่ 2

小蘑菇
เจ้าเห็ดน้อย

 

一十四洲 อีสือซื่อโจว เขียน
Isamare แปล

 

— โปรย —

“อย่าไปเลย … เจ้าเห็ดน้อย” คำเว้าวอนของอานเจ๋อ
มนุษย์เพียงคนเดียวที่เจ้าเห็ดน้อย ‘อันเจ๋อ’ รู้จัก ดังขึ้นก่อนที่อีกฝ่ายจะจากโลกนี้ไปอย่างสงบ
การไปยังฐานทัพมนุษย์เป็นอันตรายอย่างมากต่อพวกกลายพันธุ์อย่างเขาทว่าจะทำอย่างไรได้

ในเมื่อสปอร์ของเขาถูกคนช่วงชิงไป หากเขาอยากได้มันคืน
มีเพียงต้องเสี่ยงเท่านั้น ดังนั้นการเดินทางของเขาจึงเริ่มต้นขึ้น
ทว่าแค่ถึงประตูเมืองแล้วได้พบกับ ‘ผู้พิพากษา’ ท่านนั้นก็เล่นเอาขาเขาสั่นพั่บ ๆ
แล้วอีกฝ่ายไม่เชื่อว่าเขาเป็นมนุษย์ แถมยังจับตามองและแกล้งเขาไม่หยุดหย่อนอีก

แต่ถึงอย่างนั้น ภายใต้ความกลัว ความหวาดวิตก และถ้อยคำในแง่ลบต่าง ๆ ที่สมองของมนุษย์
คิดขึ้นมาบั่นทอนกำลังใจ อันเจ๋อกลับรู้สึกได้ถึงเกราะป้องกันที่ลู่เฟิงมอบให้เขา…
สิ่งนี้ในภาษามนุษย์เรียกว่าอะไร เขาที่เป็นเห็ดดอกน้อยไม่อาจรู้ได้เลย

 

—.—.—.—.—.—.—.—.—.—

 

ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ >> Rose Publishing

…XOXO…

มาดามโรส

 

ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์

 

‼️TRIGGER WARNING : นิยายเรื่องนี้ NOT FOR EVERYONE ‼️
มีเนื้อหาเกี่ยวกับ Blood (มีเลือด) , Gore (เนื้อหามีความโหดร้ายแบบกระซวกตับไตไส้พุง)
, Attempted sexual harassment (การพยายามล่วงละเมิดทางเพศ)
, Mentioned suicide thought (มีการกล่าวถึงความคิดว่าจะฆ่าตัวตายแต่ไม่ได้บรรยายชัดเจน)
, Massacre (การสังหารหมู่) , Abuse (การทำร้ายร่างกาย) / Torture (การทารุณ ทรมาน)
, Self-Sacrifice (การพลีชีพตัวเอง) , Violence (การใช้ความรุนแรง) , Women Oppression (การกดขี่เพศหญิง)

 

‼️TRIGGER WARNING : นิยายเรื่องนี้ NOT FOR EVERYONE ‼️
มีเนื้อหาเกี่ยวกับ Blood (มีเลือด) , Gore (เนื้อหามีความโหดร้ายแบบกระซวกตับไตไส้พุง)
, Attempted sexual harassment (การพยายามล่วงละเมิดทางเพศ)
, Mentioned suicide thought (มีการกล่าวถึงความคิดว่าจะฆ่าตัวตายแต่ไม่ได้บรรยายชัดเจน)
, Massacre (การสังหารหมู่) , Abuse (การทำร้ายร่างกาย) / Torture (การทารุณ ทรมาน)
, Self-Sacrifice (การพลีชีพตัวเอง) , Violence (การใช้ความรุนแรง) , Women Oppression (การกดขี่เพศหญิง)

 

บทที่ 2

 

อันเจ๋อเดินทางเป็นเวลานานมาก

กลางคืนและกลางวันหมุนเวียนสับเปลี่ยนครั้งแล้วครั้งเล่า ทว่าบนแผนที่เขาเพิ่งเดินทางไปได้เพียงหน้าเล็บนิ้วก้อยมนุษย์เท่านั้น ระยะทางไปยังฐานทัพทางเหนือกลับยังยาวไกลถึงหนึ่งนิ้ว เขาไม่มียานพาหนะของมนุษย์ ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนกว่าจะไปถึงที่นั่น

ในที่สุดเขาก็รู้สึกว่าบรรยากาศอับชื้นมืดมัวค่อย ๆ หายไป และสัมผัสได้ว่าดินโคลนใต้เท้าเริ่มแข็งขึ้นทุกที

ช่วงพลบค่ำดวงอาทิตย์ที่ราวกับดวงตาสีแดงเข้มลดต่ำลง ภูเขาสีดำทอดยาวสุดลูกหูลูกตาดั่งเปลือกตาดูดกลืนมัน แสงตะวันคล้อยลาลับ แสงยามโพล้เพล้และแสงออโรราลอยขึ้นมาพร้อมกัน อันเจ๋อพยายามแยกตัวหนังสือและสัญลักษณ์บนแผนที่อย่างสุดความสามารถ

แม่น้ำแห้งขอดสายนั้นที่เขาเพิ่งเดินผ่านมาคือพรมแดนของ ‘เหวลึก’ หลังพรมแดนนี้เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่เรียกว่า ‘ที่ราบหมายเลขสอง’ มีระดับความอันตรายสามดาว ระดับการปนเปื้อนสองดาว เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์กลายพันธุ์ขาข้อและสัตว์ฟันแทะขนาดใหญ่ ไม่ค่อยมีเห็ดเจริญเติบโต มีพุ่มไม้ต่ำเตี้ยทั่วไปเป็นหลัก

แน่นอนว่าภูมิประเทศสูงต่ำภายในเหวลึกสามารถพบเห็นหุบเขาแยกได้ทุกที่ รวมทั้งต้นไม้สูงใหญ่พันเกี่ยวตอนกลางคืน ทว่าที่นี่ไม่เห็นแม้แต่เงา สถานที่แห่งนี้กว้างขวาง ทัศนียภาพทั้งหมดอยู่ในสายตา รวมถึงม่านราตรีอันว่างเปล่าและไร้ขอบเขตด้วย

ทว่าอันเจ๋อรู้สึกไม่ปลอดภัย

อากาศแห้งในที่ราบหมายเลขสองคล้ายไม่เหมาะแก่การให้เห็ดอาศัย เขามองหาดินโภชนาการที่ดูดซับได้ไม่เจอ ทำได้เพียงใช้วิธีการของมนุษย์ฟื้นฟูร่างกาย อย่างเช่น การนอนหลับ

ด้วยเหตุนี้เขาจึงเดินต่อไปอีกพักใหญ่ ในที่สุดก็เจอแอ่งกระทะเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง บนพื้นเต็มไปด้วยหญ้าสีเหลืองซีดขึ้นกระจัดกระจาย เขานั่งลงกอดเข่า ขดตัวอยู่ในท่วงท่าที่สบายตัว

หนึ่งชีวิตของเห็ดโดยส่วนใหญ่ใช้ไปกับการนอนหลับ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้ท่าทางของมนุษย์ในการนอน

การนอนหลับของเห็ดเป็นการอาศัยในที่หนึ่งอย่างสงบเพื่อรอกาลเวลาผันผ่าน แต่การนอนหลับของมนุษย์ดูเหมือนไม่ใช่แบบนั้น หลังเปลือกตาปิดลงไม่นาน ความมืดไร้ขอบเขตก็ท่วมทะลักเข้ามาราวกับกระแสน้ำ ร่างกายของเขาค่อย ๆ เบาหวิว หรือกล่าวได้ว่าเขาคล้ายสูญเสียร่างกายของตัวเองไปทีละน้อย

ไม่รู้ตอนไหนที่เสียงลมหวีดหวิวดังขึ้นข้างหูเขา เป็นเสียงลมในทุ่งกว้าง ซึ่งเมื่อก่อนเคยเป็นสิ่งที่เขาชอบมากที่สุด

แต่ตอนนี้เสียงลมเหล่านั้นไม่มีความหมายแล้ว เขาสูญเสียสปอร์ของตัวเองไปขณะเกลือกกลิ้งในทุ่งกว้างที่แสนโปรดปราน ในสายลมแว่วเสียงมนุษย์ปนเข้ามาด้วย ทว่าเขาจำถ้อยคำเหล่านั้นชัด ๆ ไม่ได้แล้ว นึกออกเพียงบางช่วงบางตอน เมื่อเปลี่ยนเป็นภาษามนุษย์ก็เป็นถ้อยคำขาด ๆ หาย ๆ ไม่กี่พยางค์ที่จับใจความไม่ได้

‘แปลก…มาก มัน…’

            ‘…เป็นยังไง’

            ‘เก็บ…ที่นี่…ตัวอย่าง’

วินาทีถัดมาความเจ็บปวดที่ยากพรรณนาก็แล่นปราดไปทั่วทุกส่วนของร่างกาย ความรู้สึกนั้นแผ่วเบามากแต่ก็ลึกมากเช่นกัน ความว่างเปล่าที่ไม่อาจถูกเติมเต็มได้ตลอดกาลปรากฏขึ้นในจิตใต้สำนึกของเขา เขารู้ว่านับตั้งแต่วินาทีนั้นตนได้สูญเสียสิ่งที่สำคัญมากที่สุดไปแล้ว

ความกลัวแผ่ซ่านไปทั่วร่างในพริบตา นับจากนั้นเขาก็เริ่มกลัวเสียงลม แล้วหนีไปอาศัยในถ้ำ

หัวใจเต้นโครมคราม ความกลัวจู่โจมโดยพลัน เป็นความกลัวแบบเดียวกับที่สูญเสียสปอร์ไป

อันเจ๋อลืมตาขึ้นทันที เขาตระหนักได้ในพริบตาว่าตนกำลังฝัน มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่จะฝันได้ หากแต่ในวินาทีถัดมาลมหายใจเขาก็หยุดชะงัก

เขารู้ที่มาของความหวาดกลัวนั้นแล้ว นั่นเพราะสิ่งมีชีวิตสีดำตัวหนึ่งกำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขา

ดวงตาแมลงสีแดงโลหิตสองข้างทอแสงอ่อน ๆ อันเจ๋อตัวเกร็ง สายตาเลื่อนลงมองข้างล่าง เห็นขารูปเคียวที่บางและแหลมคมสามคู่ขนาดใหญ่เท่ามนุษย์วัยผู้ใหญ่ทอประกายเย็นเยียบดั่งแสงจันทร์

หลังตระหนักได้แล้วว่านี่คือตัวอะไร ร่างกายของเขาก็สั่นระริก ความรู้สึกหนึ่งที่แสนห่างไกลถ่ายทอดมาจากความสั่นเทาของบรรพบุรุษท่านแรกเมื่อพันล้านปีก่อน นั่นคือเห็ดจะตายจากการกัดแทะของฝูงปลวก

สัตว์ดุร้ายใน ‘เหวลึก’ อาจจะไม่ชายตามองดอกเห็ด แต่สัตว์กลายพันธุ์ขาข้อในที่ราบหมายเลขสองอาจเห็นดอกเห็ดเป็นอาหารอันโอชะที่ยากจะได้ลิ้มลอง

เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้น อันเจ๋อก็กลิ้งหลบไปด้านข้างตามสัญชาตญาณทันที!

เสียงหนักทึบดังขึ้น แม้แต่พื้นดินยังสั่นสะเทือน ขาหน้าอันแหลมคมของสัตว์กลายพันธุ์ขาข้อเสียบลงบนดินโคลนข้างตัวเขาอย่างรุนแรง ตรงนั้นเป็นจุดที่เขาเพิ่งนอนเมื่อครู่

อันเจ๋อรีบคว้ากระเป๋าสะพายแล้วพลิกตัววิ่งไปยังพุ่มไม้ที่อยู่ไม่ไกลอย่างไม่คิดชีวิต ฝีเท้าหนักหน่วงของสัตว์กลายพันธุ์ขาข้อดังขึ้นข้างหูเขา เมื่อเสียงเบาลงเล็กน้อยอันเจ๋อจึงหันกลับไปมอง ภายใต้แสงออโรรา ในที่สุดเขาก็เห็นหน้าตาของมันแล้ว มันคือสัตว์กลายพันธุ์ยักษ์สีดำ คล้ายกับมดที่ถูกขยายใหญ่หลายพันเท่า

โชคดีว่าร่างกายของมันเทอะทะ ความเร็วในการวิ่งของมนุษย์จึงเหนือกว่า ขอเพียงวิ่งเข้าไปในพุ่มไม้ข้างหน้าได้เท่านั้น…

ทว่าเขากลับสะดุดล้ม

ชั่วพริบตานี้เอง เขาก็ถูกเงามืดของสัตว์กลายพันธุ์โถมตัวแผ่คลุม ท่ามกลางเสียงลมบาดหู ขาหน้าของมันฟันลงมายังแขนของเขา

แขนเสื้อของอันเจ๋อพลันว่างเปล่า เนื้อผ้าตกลงอย่างแผ่วเบา มันฟันไม่โดนอวัยวะส่วนใดทั้งนั้น

เหตุการณ์นี้ราวกับอยู่เหนือความคาดหมายของสัตว์กลายพันธุ์ มันชะงักไปครู่หนึ่ง

ในเวลาเดียวกันนี้เอง เส้นไฮฟาใต้แขนเสื้อของอันเจ๋อก็งอกขยายขึ้นมาใหม่ ถักทอรวมกันเป็นแขนมนุษย์ที่สมบูรณ์ข้างหนึ่งอีกครั้ง

เขากลิ้งลงไปข้างล่างจนสามารถหลบการโจมตีครั้งถัดมาของสัตว์กลายพันธุ์ได้ จากนั้นใช้แขนยันพื้น กระโจนเข้าไปในพุ่มไม้เตี้ย พุ่มไม้ใหญ่แข็งแรงสองต้นคอยปกป้องร่างกายของเขา

ทว่านี่ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เขารอดพ้นจากดวงตาของสัตว์กลายพันธุ์ อันเจ๋อหอบหายใจถี่กระชั้น ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็เริ่มเปลี่ยนแปลง แขน นิ้วมือ และร่างกายทั้งหมดแปรสภาพเป็นความว่างเปล่า ท่อนล่างกำลังเปลี่ยนเป็นเส้นไฮฟา เตรียมตัวใช้วิธีการที่ปราดเปรียวหลบหนี

ทันใดนั้น…

“ปัง!”

แสงสีขาว               สายหนึ่งวาดผ่านกลางอากาศ เข้าปะทะส่วนหัวและข้อต่อที่เชื่อมถึงส่วนท้องของสัตว์กลายพันธุ์อย่างรุนแรงราวกับดาวตก

สิ้นเสียงปะทะอันหนักหน่วง แสงสีขาวก็ระเบิดออกอย่างไร้เสียง ตรงกลางยังคละเคล้าไปด้วยประกายไฟสีแดง

อันเจ๋อหมอบซุ่มอยู่ในดงพุ่มไม้ มองเห็นสัตว์กลายพันธุ์ยักษ์ตัวนี้ขาดเป็นสองท่อนจากตรงกลางกับตา เสียงระเบิดตูมสะเทือนไปทั่วพื้นดิน

ใบของพุ่มไม้ถูกแรงสั่นสะเทือนตกลงบนร่างอันเจ๋อดังซู่ ส่วนหัวของสัตว์กลายพันธุ์ตกลงบนพื้นข้างกายห่างไปไม่เกินครึ่งเมตร ดวงตาสีแดงโลหิตยังคงมองมาทางเขา

อันเจ๋อเคยเห็นสิ่งมีชีวิตในเหวลึกที่หลังถูกฟันเป็นสามท่อนซึ่งชิ้นส่วนแต่ละท่อนนั้นยังคงขยับได้มาแล้ว เขากำลังคิดจะลุกขึ้นออกห่างจากมันเล็กน้อย ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดังจากไม่ไกล

“กระสุนยูเรเนียมนัดสุดท้ายแล้ว เก็บศพเสร็จก็กลับฐานเถอะ” เป็นเสียงของผู้ชาย เนื้อเสียงทุ้มต่ำมาก

“กระดองสัตว์ขาข้อไม่ใช่ถูก ๆ ไม่คิดเลยว่าจะได้กำไรติดมือกลับบ้าน” เสียงของชายอีกคนหนึ่งดังขึ้น เนื้อเสียงแหลมเล็กกว่าคนแรกอยู่บ้าง

หลังพูดคุยกันสั้น ๆ แล้วพวกเขาก็ไม่พูดอะไรอีก เสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา เป็นเสียงของรองเท้าบู๊ตส้นหนาเหยียบบนพื้นทราย ปะปนด้วยเสียงเสียดสีแซกๆ ซ่าๆ

เป็นมนุษย์

หลังอานเจ๋อตายไป อันเจ๋อก็ไม่ได้พบมนุษย์มานานมากแล้ว เขาลอบเงยหน้าขึ้นในพุ่มไม้

พุ่มไม้ส่งเสียงซ่า ชายที่พูดขึ้นคนแรกตะโกนเสียงทุ้ม “ระวัง!”

วินาทีถัดมา ปากกระบอกปืนดำมืดสามกระบอกก็เล็งมาทางเขา

อันเจ๋อมองพวกเขา

เขาเผลอนึกถึงความทรงจำแสนยุ่งเหยิงในคืนที่สูญเสียสปอร์ไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่การปรากฏตัวของอานเจ๋อทำให้เขาเห็นนิสัยเฉพาะตัวในด้านที่เป็นมิตรและจิตใจดีของมนุษย์ เขาจึงไตร่ตรองสถานการณ์ของตนเองในตอนนี้ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยทักขึ้น “สะ สวัสดีครับ”

ภายใต้แสงสว่างของแสงออโรรา ภาพเบื้องหน้าปรากฏให้เห็นเต็มสองตา ล้วนเป็นมนุษย์เพศชายในชุดสีเทาเข้มสามคน คาดเข็มขัดหนังกว้างสีน้ำตาลที่เอว บนนั้นผูกซองกระสุน ชายคนที่ยืนอยู่ตรงกลางรูปร่างสูงใหญ่ ส่วนอีกสองคนด้านข้างเตี้ยกว่าเล็กน้อย

คนตรงกลางคือคนที่เอ่ยขึ้นเป็นคนแรกเมื่อครู่ว่า ‘กระสุนยูเรเนียมนัดสุดท้ายแล้ว’ เสียงของเขานิ่งมาก “คน”

อันเจ๋อลังเลครู่หนึ่ง พอนึกถึงอาวุธที่ใช้ระเบิดสัตว์กลายพันธุ์กระจุยก็เอ่ยตอบ “ใช่ครับ”

“ชื่ออะไร หมายเลขไอดีเท่าไร เพื่อนร่วมทีมนายล่ะ”

“อันเจ๋อ 3261170514 หลงกันครับ”

ชายคนนั้นย่นคิ้วเล็กน้อยพลางก้มหน้าสำรวจเขา อีกฝ่ายมีคิ้วดำเข้ม ตาขาวดำแบ่งแยกชัดเจน สันจมูกสูงโด่ง ริมฝีปากหนา เมื่อเครื่องหน้าทั้งห้านี้ประกอบเข้าด้วยกันก็ไม่เหมือนสัตว์ป่าเหล่านั้นในเหวลึกที่ทำให้อันเจ๋อรู้สึกถึงอันตราย เขาเม้มปากเบา ๆ แล้วมองตอบ

สามวินาทีถัดมา ชายผิวคล้ำรูปร่างผอมเตี้ยอีกคนหนึ่งที่อยู่ด้านข้างก็บรรจุกระสุนใส่ปืนอีกครั้ง แฝงการคุกคามเด่นชัด เขามองอันเจ๋อ น้ำเสียงทุ้มเข้ม จังหวะการพูดรวดเร็ว “ถอดเสื้อผ้าออก”

อันเจ๋อยืนขึ้นกลางพุ่มไม้ ปลดกระดุมเม็ดที่หนึ่งบนเสื้อเชิ้ตออกตามด้วยเม็ดที่สอง ผิวบริเวณคอเสื้อปรากฏออกมา ผิวพรรณของเขาขาวเนียนดุจน้ำนม มีส่วนคล้ายกับสีของเส้นไฮฟาเล็กน้อย

วินาทีถัดมาเขาได้ยินชายคนที่สามผิวปากเสียงหนึ่ง ชายคนดังกล่าวผิวขาวผมสีทอง บนใบหน้ามีริ้วรอยมากมาย ริ้วรอยประเภทนี้เป็นสัญญาณบอกความชราของมนุษย์ นัยน์ตาเป็นสีฟ้าอมเทา หางตายกขึ้น ส่งสายตาลวนลามเขาโดยไม่ปิดบัง

อันเจ๋อก้มหน้าปลดกระดุมเม็ดที่เหลือแล้วถอดเสื้อเชิ้ตออก

ชายตาฟ้าอมเทาเดินเข้ามาใกล้เขา ผิวปากครั้งที่สอง ก่อนจะเริ่มสำรวจร่างกายเขา

ชายคนนี้ตาเยิ้มเหมือนกับน้ำลายของสัตว์ในเหวลึก หลังสำรวจอันเจ๋อรอบหนึ่ง เขาก็เดินอ้อมมาด้านข้าง

ทันใดนั้นข้อมือของอันเจ๋อก็ถูกเขาเกาะกุม นิ้วของเขาลูบวนบนผิวหุ้มข้อมืออันเจ๋อ นิ้วโป้งลูบไล้กระดูกข้อมือ ก่อนจะใช้เสียงแหลมเล็กถามขึ้น “นี่อะไร”

อันเจ๋อก้มมองหลังมือกับข้อมือของตัวเอง ข้างบนมีรอยข่วนสีแดงยุ่งเหยิงประปราย นี่เป็นรอยที่ได้มาจากการหลบการโจมตีของสัตว์กลายพันธุ์แล้วถูกพุ่มไม้ข่วนเป็นแผลเมื่อครู่ เขาหันหน้า ใช้สายตามองพุ่มไม้ข้างหลังเป็นนัย “ใบไม้ครับ”

ทั้งหมดตกอยู่ในความเงียบพักหนึ่ง ก่อนที่ชายคนนั้นจะจุปากชมเชยแล้วเอ่ยอีกครั้ง “ที่เหลือนายจะถอดเอง หรือว่าจะให้ฉันถอดให้ดีล่ะ”

อันเจ๋อนิ่ง

เขาพอจะรู้ว่าพวกเขากำลังทำอะไร มีเหตุการณ์ทำนองนี้อยู่ในความทรงจำของอานเจ๋อ

ระหว่างสัตว์กลายพันธุ์กับสัตว์กลายพันธุ์ หรือระหว่างมนุษย์กับสัตว์กลายพันธุ์อาจเกิดการปนเปื้อนทางยีนได้ วิธีเบื้องต้นในการยืนยันว่าคนแปลกหน้าติดเชื้อหรือไม่ก็คือการตรวจร่างกายว่ามีบาดแผลหรือเปล่า

แต่ชายด้านหลังคนนั้นทำให้เขารู้สึกอึดอัด เป็นความรู้สึกเดียวกับตอนที่งูเลื้อยผ่านก้าน[1]และหมวกของเขาเมื่อครั้งยังเป็นเห็ด

ดังนั้นเขาจึงเงยหน้ามองชายคนตรงกลาง เขาเคยเห็นสัตว์ดุร้ายในเหวลึกมามาก จึงพอจะคาดคะเนระดับความอันตรายของพวกมันได้คร่าว ๆ ในตอนนี้ลางสังหรณ์ของเขาบอกว่าพลังการโจมตีของชายคนนี้ต่ำที่สุดในสามคน

“ฮอว์สัน” หลังสบตาเป็นเวลาสั้น ๆ ชายคนนั้นก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงหนักแน่น “อย่าทำนิสัยเสียในป่า”

ฮอว์สันหัวเราะ ส่งสายตามองสำรวจอันเจ๋ออย่างไม่เกรงกลัวยิ่งกว่าเดิม

สามวินาทีถัดมา ชายคนนั้นก็กล่าวกับอันเจ๋อ “ตามฉันไปข้างหลัง”

อันเจ๋อตามชายคนนั้นเดินอ้อมไปด้านหลังส่วนหัวของสัตว์กลายพันธุ์อย่างว่าง่าย บนร่างกายเขานอกจากรอยข่วนจากพุ่มไม้ก็ไม่มีบาดแผลอื่นแล้วจริง ๆ

ชายคนนั้นถาม “นายหลงกับทีมมากี่วันแล้ว”

อันเจ๋อครุ่นคิด ตอบว่า “หนึ่งวันครับ”

“นายโชคดีมาก”

“ที่นี่ดูเหมือนมีสัตว์กลายพันธุ์ไม่มาก”

“แต่มีพวกแมลงไม่น้อยเลย” ชายคนนี้พูดจาสั้นกระชับ แต่ก็เห็นชัดว่าดูพึ่งพาได้

อันเจ๋อติดกระดุมเสื้อให้เรียบร้อย มองเขาพลางถามเสียงเบา “พวกคุณจะกลับฐานทัพทางเหนือหรือเปล่าครับ”

ชายคนนั้นตอบ “อืม”

“งั้น…” อันเจ๋อกล่าว “พาผมไปด้วยได้ไหม ผมมีอาหารกับน้ำของตัวเอง”

“ฉันตัดสินใจเองไม่ได้” ชายคนนั้นตอบ

สิ้นเสียงก็เห็นชายคนนั้นอ้อมออกไป มองชายอีกสองคนที่เหลือ “ไม่มีบาดแผล พาเขาไปด้วยไหม”

ฮอว์สันระบายยิ้ม กอดอกมองอันเจ๋อแล้วผิวปากเป็นครั้งที่สาม จากนั้นเอ่ยตอบ “ทำไมจะพาไปด้วยไม่ได้ละ ก็แค่เขาคนเดียวเองนี่”

จากนั้นเขาก็มองไปยังชายคนสุดท้าย “นิโกร นายล่ะว่าไง”

อันเจ๋อก็มองตามเช่นกัน ประสานสายตากับดวงตาหม่นแสงของชายผิวดำที่ถูกเรียกว่านิโกรคนนั้น

 

[1] ก้าน (Stipe หรือ Stalk) ก้านลำต้นซึ่งปลายด้านหนึ่งยึดติดกับดอกหรือหมวกเห็ด มีขนาดรูปร่างและสีต่างกันในแต่ละชนิด

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า