[ทดลองอ่าน] บันทึก (ไม่ลับ) ฉบับซูเปอร์สตาร์ ตอนที่ 44

巨星手记
บันทึก (ไม่ลับ) ฉบับซูเปอร์สตาร์

 

อวี่เซี่ยวหลานซาน เขียน
ธมน แปล
get-sem วาด

 

— โปรย —

ฟางเล่อจิ่ง ที่ตัดสินใจเข้าวงการบันเทิงในที่สุด ได้รับโอกาสแสดงบทนำในภาพยนตร์เรื่องใหม่
ที่จะช่วยผลักดันศักยภาพทางการแสดงและความสำเร็จของเขาให้ก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้น
ทว่าเขาก็ต้องเผชิญกับแผนสกปรก และการชิงดีชิงเด่นของใครบางคนในวงการ
ซึ่งคอยจ้องจะแทงข้างหลังและหวังสร้างกระแสเพื่อทำให้เขาตกต่ำ
จนทำให้การถ่ายทำต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด
แต่ก็เหมือนเทพแห่งความโชคดีมักจะอยู่เคียงข้างเขาเสมอ
อีกทั้งยังมีคนรักอย่าง เหยียนข่าย คอยสนับสนุน
ฟางเล่อจิ่งได้รับโอกาสอันไม่คาดฝันบางอย่าง จนทำให้ใครหลายคนต้องพากันอิจฉาตาร้อน
ขณะเดียวกันนั้นเอง ใครคนหนึ่งก็ดันมาล่วงรู้ความลับ
เรื่องความสัมพันธ์ของเขากับเหยียนข่ายเข้าโดยบังเอิญ!

 

—.—.—.—.—.—.—.—.—.—

 

ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ >> Rose Publishing

…XOXO…

มาดามโรส

 

ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์

 

44

เราไม่สนิทกันจริงๆ!

เชอะ เสิ่นตุ๊บป่อง!

 

แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาในห้องนอน กระถางต้นไม้ใบเขียววางเรียงรายเป็นแถวเล็กๆ อยู่ริมหน้าต่าง ในอากาศมีกลิ่นหอมจางๆ ของดอกลิลี่ นาฬิกาบนผนังส่งเสียงเดินเป็นจังหวะ ทุกอย่างล้วนสงบและสวยงาม

ฟางเล่อจิ่งซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มอันอบอุ่น อ้อยอิ่งไม่อยากจะตื่น และไม่รู้ว่าเขาฝันอะไรอยู่ หัวคิ้วถึงได้ขมวดมุ่นเล็กน้อย

เหยียนข่ายยกแขนของเขาขึ้นเบาๆ หวังจะดึงผ้าห่มขึ้นอีกสักหน่อยเพื่อไม่ให้อีกคนหนาวจนไม่สบาย

“กี่โมงแล้วครับ” ฟางเล่อจิ่งงัวเงียตื่นขึ้นมา

“แปดโมง ยังเช้าอยู่เลย” เหยียนข่ายดึงเขาเข้ามากอด “ถ้าง่วงก็นอนต่ออีกสักพัก”

“อื้ม” ฟางเล่อจิ่งซุกร่างไปกับแผงอกของเขา เสียงแหบเล็กน้อย “คุณไม่ต้องไปทำงานเหรอ”

“ไม่มีงานสำคัญอะไร อีกอย่างที่บริษัทก็มีป๋ายอี้” เหยียนข่ายตบแผ่นหลังของเขาเบาๆ “ตอนเช้าจะอยู่เป็นเพื่อนนายที่บ้านแล้วกัน”

เมื่อคิดว่าตอนบ่ายต้องบินไปอิตาลี ฟางเล่อจิ่งก็ถูไถหัวไปกับแผ่นอกของเขาด้วยความรู้สึกอาลัยอาวรณ์

“มีไข้ต่ำๆ” เหยียนข่ายเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เมื่อคืนเหนื่อยไปหรือเปล่า”

ใบหูฟางเล่อจิ่งแดงก่ำ เอื้อมมือไปปิดปากเขาไว้ ผ้าห่มเลื่อนหล่นไปอีกด้านเผยให้เห็นรอยจูบคลุมเครือบริเวณหัวไหล่

เหยียนข่ายหลุดขำ คว้ามือของเขาไว้แล้วจูบ “เชื่อฉันเถอะ พักต่ออีกสักหน่อย”

ฟางเล่อจิ่งหลับตาลง รับรู้ได้ถึงมือของเขาที่กดเบาๆ ตรงบั้นเอวของตัวเอง ร่างกายที่ปวดเมื่อยบรรเทาลงเล็กน้อย อาการเบาตัวชวนให้รู้สึกสบาย ทั้งร่างจึงผ่อนคลายลงและหลับสนิทไปอีกครั้งในเวลาไม่นาน

เหยียนข่ายโน้มหัวประทับจูบลงไปข้างๆ ริมฝีปากของเขา นัยน์ตาเต็มไปด้วยความรัก

ไม่อยาก…ให้ไปเลย

ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้เขาคงไม่ยอมให้อีกฝ่ายเข้าวงการแต่แรก จะได้ไม่ต้องงานยุ่งจนไม่มีแม้แต่เวลาที่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้

เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ตอนทั้งคู่เจอกันครั้งแรก เหยียนข่ายก็รู้สึกขบขันพลางเอื้อมมือไปบีบนวดท้ายทอยให้อีกคน

ช่วงบ่าย ฟางเล่อจิ่งและเฝิงฉู่ขึ้นเครื่องบินมุ่งหน้าไปยังอิตาลีพร้อมกับทีมงานถ่ายทำโฆษณา และหลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง เสิ่นหานพร้อมด้วยหยางซีก็บินไปเมืองชายทะเลแห่งหนึ่งเพื่อเตรียมร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำการกุศลเช่นกัน

เนื่องด้วยช่วงนี้มีงานค่อนข้างเยอะ เสิ่นหานเลยแทบจะหลับไปตลอดทาง หยางซีช่วยห่มผ้าให้เขาอย่างดี มาถึงโรงแรมก็เป็นเวลาสี่ทุ่มพอดี “จะดื่มนมมั้ย”

“ไม่ต้องแล้ว” หลังจากอาบน้ำเสร็จ เสิ่นหานนั่งลงข้างเตียง “ง่วง”

“หลับมาตลอดทางยังง่วงอีกเหรอ” หยางซีขำ นานๆ ทีจะเห็นเขาไม่อยากดื่มนม

“นอนบนเครื่องมันไม่สบาย” เสิ่นหานหาวหวอดแล้วมุดตัวเข้าในผ้าห่ม ตาแทบจะลืมไม่ขึ้นอยู่รอมร่อ อยากจะนอนคลุมโปงหลับไปสักสามวัน

“ฝันดี” หยางซีเอ่ย “งานจัดช่วงค่ำวันพรุ่งนี้ เพราะงั้นนายนอนยาวถึงเที่ยงได้เลย”

เสิ่นหานพึมพำอะไรสักอย่างด้วยความง่วงงุนแล้วหลับปุ๋ยไปอย่างรวดเร็ว หยางซีห่มผ้าให้เขา จากที่เดิมทีตั้งใจจะกลับไปห้องที่อยู่ติดกัน แต่ขณะที่กำลังจะออกไปก็อดหยุดหันกลับมามองอีกครั้งไม่ได้

เสิ่นหานเตะผ้าห่มออกแล้วนอนคว่ำบนเตียง เอาหน้าซุกไปใต้หมอนแล้วหลับต่อ

หยางซีจนปัญญา เขาไม่เคยเห็นใครที่แม้แต่ตอนหลับยังอยู่ไม่สุขได้ขนาดนี้มาก่อนเลยจริงๆ

ห้านาทีถัดมา เสิ่นหานเปลี่ยนท่าทางอีกรอบโดยนอนหงายขวางไปกับเตียง

หยางซีค่อยๆ อุ้มเขาอย่างเบามือแล้วสอดร่างอีกคนเข้าไปในผ้าห่มอีกครั้ง

เสิ่นหานงัวเงียลืมตาขึ้นมา

“นอนดีๆ” หยางซีกระซิบข้างๆ หูของเขา “อย่าดิ้น”

เสิ่นหานออกแรงพลิกตัว ริมฝีปากคู่นั้นปัดผ่านใบหน้าด้านข้างของเขาพอดี มันนุ่มนิ่มเหมือนกับเจ้าของ

หยางซีนิ่งไปเล็กน้อย

เสิ่นหานงึมงำเหมือนลูกหมู ดูเหมือนกำลังฝันดี

สัมผัสอ่อนละมุนเมื่อครู่คล้ายกับยังหลงเหลืออยู่บนใบหน้า คนที่ชอบอยู่แค่ใต้ร่างของตัวเอง เมื่อมองเห็นกลีบปากที่อยู่ใกล้เพียงคืบ แววตาของหยางซีก็เกิดความลังเลและขัดแย้งเป็นครั้งแรก

แพขนตาของเสิ่นหานที่หลุบลงอย่างน่าเอ็นดูทอดเงาสวยงามบนเปลือกตา

หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ หยางซีหลับตาลงแล้วประทับจูบอ่อนโยนลงบนหน้าผากของเขาอย่างเทิดทูนราวกับเคารพบูชาก็ไม่ปาน

 

เที่ยงวันรุ่งขึ้น เสิ่นหานตลบผ้าห่มออกแล้วลุกมานั่งบิดขี้เกียจอย่างอารมณ์ดี จากนั้นต่อสายหาหยางซี “ฉันตื่นแล้ว!” ได้เวลาอาหารแล้ว

“รอฉันห้านาที” หยางซีบอก “ไปล้างหน้าแปรงฟันก่อน เดี๋ยวฉันสั่งอาหารกลางวันให้”

“โอเค” เสิ่นหานกระโดดโลดเต้นเข้าห้องน้ำไปอย่างมีความสุข เขาเหลือบมองคนในกระจกแวบหนึ่ง หน้าตาสดใสสุดๆ!

นอนเต็มอิ่มนี่มันดีจริงๆ!

ลมเหนือส่งเสียงหวีดหวิวอยู่นอกหน้าต่าง ท้องฟ้าก็ดูครึ้มเล็กน้อย แต่เสิ่นหานไม่ได้คิดจะออกไปข้างนอกอยู่แล้วเลยไม่ได้สนใจอะไร หลังจากล้างหน้าล้างตาเสร็จเขาก็มานั่งบนโซฟา เปิดอ่านกำหนดการงานเลี้ยงคืนนี้พลางรอหยางซีมาหา

ทีแรกบอกไว้ว่าห้านาทีแต่ผ่านไปสิบห้านาทีก็ยังไร้วี่แววของหยางซี

สั่งอาหารมันใช้เวลานานขนาดนี้เลยเหรอ เสิ่นหานสงสัยเล็กน้อย

ป่านนี้แล้วทำไมยังไม่โผล่มาอีก

ในความเป็นจริง ไม่ใช่ว่าหยางซีไม่อยากกลับมาเพียงแต่เกิดเรื่องไม่คาดฝันระหว่างทาง ทันทีที่เขาออกจากลิฟต์ก็เจอเข้ากับจางเสี่ยวม่านพอดี

“บังเอิญจัง” จางเสี่ยวม่านค่อนข้างเซอร์ไพรส์เช่นกัน “คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เจอกันที่นี่”

“อืม” หยางซีตอบ “ฉันตามหานหานมาร่วมงานเลี้ยงการกุศลน่ะ”

“ฉันก็เหมือนกัน” จางเสี่ยวม่านยิ้ม “ไม่เจอกันนานเลยนะ”

“งานค่อนข้างยุ่ง” หยางซีรักษาระยะห่างกับเธออย่างที่ทำมาตลอด ไม่ใกล้แต่ก็ไม่ห่างเหินเกินไป ถึงอย่างไรเธอก็เป็นคนในวงการ ถ้าตัวเองเย็นชาเกินไปโดยที่อีกฝ่ายไม่ได้ทำอะไรผิดก็ออกจะแปลกไปหน่อย

“ยังไม่ได้กินข้าวเหรอ” จางเสี่ยวม่านเหลือบมองรายการอาหารในมือของเขาแล้วเอ่ยเชื้อเชิญ “ไม่งั้นไปกินมื้อเที่ยงด้วยกันมั้ย”

“อะแฮ่ม!” เสิ่นหานกระแอมไอออกมาเสียงดัง เขาถือโทรศัพท์เดินวกไปวนมาอยู่ตรงระเบียงทางเดิน ดูเหมือนกำลังโทรศัพท์ ไม่ได้แฝงความหมายอื่นเลยจริงๆ

“ฉันต้องไปแล้ว” หยางซีขอโทษเธอเล็กน้อยก่อนหันหลังก้าวยาวๆ กลับห้องแล้วถือโอกาสหิ้วเสิ่นหานกลับไปด้วย

จางเสี่ยวม่านยืนอยู่ที่เดิมเป็นเวลานานกว่าจะแค่นยิ้มออกมาเหมือนกับหัวเราะเยาะตัวเอง

“ห้านาที!” เสิ่นหานให้เขาดูเวลา

“นายก็เห็นแล้วว่าเจอคนรู้จัก” หยางซีส่งรายการอาหารให้เขา “สั่งมื้อกลางวันให้นายแล้ว ลองดูว่ามีอะไรอยากจะเปลี่ยนหรือเปล่า”

“มี!” เสิ่นหานนั่งขัดสมาธิบนโซฟา “ฉันอยากกินบานาน่าโบ๊ทช็อกโกแลตแล้วก็ชานมคาราเมล วอฟเฟิลฟรายส์ราดมายองเนสสองเท่า สตรอว์เบอร์รี่ก็ต้องเพิ่มวิปครีมด้วย!” แคลอรีสูงอย่างที่ไม่รู้จะสูงอย่างไรแบบนี้จะต้องถูกปฏิเสธแน่นอน

“โอเค” หยางซีตอบรับทันที

เสิ่นหานหรี่ตาทันควัน “โอเค?”

หยางซี “…”

“นายไม่ได้ฟังที่ฉันพูดเลยนี่!” เสิ่นหานเท้าสะเอวอย่างโกรธขึ้ง

หยางซี “…”

“เหอะ!” เสิ่นหานแสดงท่าทีต่อต้าน

หยางซีปวดหัว “ขอโทษ เมื่อกี้ฉันกำลังคิดอะไรนิดหน่อย”

“พวกนายไปรู้จักกันตอนไหน” เสิ่นหานนั่งขัดสมาธิบนโซฟา เริ่มสอบปากคำอย่างจริงจัง

“ก่อนหน้านี้นานมากแล้ว” หยางซีตอบ “ตอนนั้นจางเสี่ยวม่านยังเป็นแค่ผู้ช่วยและถูกต่อว่าบ่อยๆ ตอนอยู่ในกอง ฉันเคยช่วยเธออยู่สองสามครั้งเลยรู้จักกัน”

“ทำไมถึงไม่เคยบอกฉันเลย” เสิ่นหานถาม

“ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร เรื่องแบบนี้ในกองมีออกจะเยอะ” หยางซีลูบหัวของอีกฝ่าย “อีกอย่างหลังจากนั้นก็ไม่เคยเจออีกเลย”

“จริงอะ” เสิ่นหานเคลือบแคลง “งั้นทำไมเธอถึงชวนนายกินข้าว”

“ก็แค่กินข้าวเอง” หยางซีไม่รู้จะขำหรือร้องไห้ดี “เจอหน้ากันก็ต้องพูดเป็นมารยาทอยู่แล้ว และฉันก็ไม่เคยผิดใจอะไรกับเธอ จะให้ทำเป็นไม่รู้จักหรือไง”

“ถ้านายอยากไปก็ไปเถอะ” เสิ่นหานกอดหมอนอิงด้วยท่าทีจริงจัง “ไม่ต้องสนใจฉัน” ใจกว้างจริงๆ ควรค่าแก่การยกย่องเหลือเกิน

“บอกไปแล้วว่าไม่สนิทแล้วทำไมจะต้องไปกินข้าวด้วยกันล่ะ” หยางซีช่วยติดกระดุมให้เขาให้เรียบร้อย “กลางวันนี้จะให้นายกินพิซซ่าแป้งบางเพิ่มชีสกับซีฟู้ดสองเท่า”

“จริงเหรอ” เสิ่นหานลิงโลดขึ้นมาทันที ดับเบิลชีสกับซีฟู้ด ตอนกัดต้องฟินมากแน่ๆ

หยางซีพยักหน้า “แล้วก็ซุปหอยกับของหวาน หลังจากกินเสร็จยังมีเวลาอีกสองชั่วโมงจะเล่นเกมก็ได้”

เสิ่นหานซาบซึ้งจนน้ำตาแทบไหล ไม่ได้เป็นอิสระแบบนี้มานานโขแล้ว!

เพียงไม่นานบริกรก็นำอาหารกลางวันมาส่ง หลังกินเสร็จ เสิ่นหานเอนตัวลงบนเตียงและเล่นโต้วตี้จู่กับหยางซีบนไอแพ็ดคนละเครื่อง การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด แต่ก็ห้ามขี้โกงจนได้ใจ! หลังจากผ่านไปสองสามเกมดูเหมือนอีกฝ่ายจะสังเกตเห็นว่าสองคนนี้ดูไม่ปกติเลยทิ้งคำว่า ‘หญิงโฉดชายชั่ว’ ด้วยความโกรธแล้วออฟไลน์ไปทันที เสิ่นหานโมโหระคนประหลาดใจ “ไม่คิดเลยว่าจะกล้าด่าเรา!” ถึงแม้ว่าเขาจะโกงจริงอย่างว่า แต่ไอ้หญิงโฉดชายชั่วนี่มันอะไรกัน!

“ก็บอกแล้วว่าเวลาโกงอย่าให้มันชัดเกินไป ใครๆ ก็มองออกว่าไม่ปกติ” หยางซียื่นถ้วยชามินต์ให้เขา “ครั้งหน้าเราต้องทำให้แนบเนียนหน่อย”

“โอเค” เสิ่นหานพยักหน้าอย่างจริงจัง “งั้นฉันต้องกลายเป็นชาวนาผู้ร่ำรวยภายในสองชั่วโมง” อยู่ระดับชาวนายากจนมาตลอดไม่น่ายินดีเอาซะเลย เป็นคนต้องมีความทะเยอทะยานแบบนั้นถึงจะแตกต่างกับหมูแดง

“ไม่มีปัญหา” หยางซีกดเริ่ม “แต่นายต้องรับปากว่าครั้งนี้จะทำตามที่ฉันบอก”

“ได้!” เสิ่นหานโห่ร้องเบาๆ แล้วขยับตัวเข้าไปอยู่ข้างๆ เขาเพื่อให้โกงได้สะดวก

ได้อิงแอบซึ่งกันและกันในฤดูหนาวที่หนาวเย็น ภาพแบบนี้งดงามจนไม่อาจบรรยายได้จริงๆ…

หลังจากนั้นสองชั่วโมง เสิ่นหานก็ได้เลื่อนขั้นจริงๆ จึงเอ่ยขึ้นมาด้วยความลิงโลด “ฉันอยากเป็นขุนนาง!”

“คืนนี้กลับมาค่อยเป็นขุนนาง” หยางซีช่วยนวดดวงตาให้เขา “สไตลิสต์ใกล้จะถึงแล้ว ตอนเย็นยังต้องไปร่วมงานอีก”

ใบหน้าของเสิ่นหานเต็มไปด้วยการรอคอย “งั้นฉันจะเล่นทั้งคืน”

“ให้เล่นทั้งคืนไม่ได้แต่ให้นอนดึกได้” หยางซีจัดรองเท้าแตะให้เขา ด้วยรู้ดีว่าช่วงนี้เขางานยุ่งมากจริงๆ กว่าจะได้ดื่มด่ำกับวันหยุดพักผ่อนสามสี่วันเหมือนอย่างตอนนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

สไตลิสต์มีชื่อว่าเอมี่ เคยร่วมงานกับเสิ่นหานมาแล้วหลายครั้ง ต่างฝ่ายต่างคุ้นเคยกันดีเลยไร้ซึ่งท่าทีอึดอัด

“ไม่เจอกันสองเดือน หานหานหล่อขึ้นอีกแล้วนะ” เอมี่ช่วยทำผมให้เขา “ยังคิดว่านายจะมากับเพื่อนอีกคนซะอีก”

“คุณหมายถึงเล่อเล่อเหรอ” เสิ่นหานตอบ “คิวงานของเขาแน่นมาก เมื่อวานเพิ่งจะบินไปอิตาลี”

“ฉันดูโฮมเพจส่วนตัวของพวกนายบ่อยๆ” เอมี่เขย่าเจลในมือ “ดูสนิทกันมากอย่างกับเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกันเลย”

เสิ่นหานหัวเราะร่า “เราก็เป็นพี่น้องร่วมสายเลือดไง”

“โอเค” เอมี่ตบเสื้อผ้าให้เขา “เรียบร้อย”

“เร็วจัง” เสิ่นหานแปลกใจเล็กน้อย

“เพราะใบหน้านายไร้ที่ติอยู่แล้ว” เอมี่ขึ้นชื่อในวงการว่าเป็นคนปากหวาน “เสื้อผ้าก็เข้ากับรูปร่างพอดี ไม่มีปัญหาอะไรเลย”

“ยังมีเวลาเหลือ” เสิ่นหานมองนาฬิกาแขวนผนัง “ไปดื่มชาด้วยกันมั้ย ผมเลี้ยง”

“คงไม่ได้น่ะสิ คริสตัลช่วยแต่งตัวให้จางเสี่ยวม่านอยู่ห้องข้างๆ เห็นว่ายุ่งวุ่นวายมาก ฉันต้องไปช่วย” เอมี่ทำท่าทางแสดงออกว่าช่วยไม่ได้ “เสียดายจัง”

เมื่อได้ยินชื่อจางเสี่ยวม่าน สีหน้าของหยางซีชะงักไปครู่หนึ่ง

“อย่างนั้นเหรอ” แต่เสิ่นหานไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรเป็นพิเศษ “งั้นไม่รบกวนเวลาคุณแล้ว คราวหน้าถ้ามีโอกาสค่อยว่ากัน”

“ครั้งหน้าถ้ามีโอกาสต้องแนะนำเล่อเล่อให้ฉันรู้จักด้วยนะ” เอมี่ยิ้มพลางเก็บข้าวของเรียบร้อย จากนั้นพาผู้ช่วยออกจากห้องไป

เสร็จก่อนเวลาที่คาดไว้หนึ่งชั่วโมง เสิ่นหานนั่งลงบนขอบเตียงแล้วถอดกางเกง

“นายทำอะไร” หยางซีชะงัก

“ของที่สปอนเซอร์ส่งมา ใครจะรู้ว่าจะทำยับหรือเปล่า” เสิ่นหานแขวนกางเกงบนไม้แขวนเสื้อ “มันนั่งไม่ถนัด”

ทรงผมและท่อนบนล้วนสมบูรณ์แบบ เปล่งประกายจนแค่มองก็รู้ว่าเป็นซูเปอร์สตาร์ แต่ต่ำลงไปกลับสวมเพียงแค่กางเกงในพิมพ์ลายเป็ดน้อยและเรียวขาเปล่าเปลือยสองข้าง หยางซีไม่รู้เลยว่าตัวเองควรจะทำสีหน้าอย่างไร

“หยางซีๆ” เสิ่นหานนั่งบนเตียงแล้วเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ทำไมหน้านายดูแดงๆ”

หยางซีเหลือบมองกระจกตามสัญชาตญาณ

“มองผิดน่ะ” เสิ่นหานท่าทางใสซื่อ “มันเป็นที่แสง”

หยางซีลุกขึ้นยืนอย่างไม่ลังเล “ฉันจะไปเอนหลังที่ห้องข้างๆ สักแป๊บ”

“ทำไมต้องไปห้องข้างๆ ด้วยล่ะ” เสิ่นหานกระถดตัวไปอีกฝั่งของเตียง

“นายเล่นไปคนเดียวก่อน” หยางซีเดินไปที่ประตูห้องโดยไม่หันกลับมามอง

“พ่อคนเก่ง” เสียงของเสิ่นหานเศร้าสลด “ไม่มีอะไรทำสักหน่อย มาเล่นด้วยกันก่อนสิ…”

หยางซีสีหน้าเคร่งขรึม ผลักประตูก้าวออกไป

เสิ่นหาน “…”

จะรีบอะไรขนาดนั้น

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า