[ทดลองอ่าน] คุณทนายความขั้นหนึ่ง ตอนที่ 5.1

一级律师
คุณทนายความขั้นหนึ่ง

 

木苏里 มู่ซูหลี่ เขียน
isamare แปล
溫捌 เวินปา วาด

 

— โปรย —

เมื่อหลายเดือนก่อน เยียนสุยจือ ยังดำรงตำแหน่งทนายความขั้นหนึ่ง
ทั้งยังรับผิดชอบตำแหน่งคณบดีคณะนิติศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยเมซระหว่างดวงดาวอย่างสง่าผ่าเผยอยู่เลย
ไม่ทันไร ก็กลายเป็นคนสิ้นเนื้อประดาตัวและ ‘คนตาย’ ไปเสียแล้ว
เขาที่ถูกพาดหัวข่าวว่าเป็นผู้เคราะห์ร้ายจากเหตุวางระเบิด
ได้บุคคลปริศนายื่นมือเข้ามาช่วยผ่าตัดปรับแต่งยีน ปรับเปลี่ยนใบหน้า สรีระและลดอายุ
จนอยู่ในรูปลักษณ์ของนักศึกษาจบใหม่ พร้อมบัตรประชาชนปลอมที่ใช้ชื่อว่า ‘หร่วนเหยี่ย
ตัดสินใจสืบเรื่องคดีวางระเบิดของตัวเอง โดยแฝงตัวไปเป็นเด็กฝึกงาน
ในสำนักงานเซาธ์ครอสส์ซึ่งเป็นสำนักกฎหมายที่รับผิดชอบคดีนี้
ณ ที่นั้น เขาดันได้เจอกับ กู้เยี่ยน ลูกศิษย์จอมหน้าตายของตัวเองที่ความสัมพันธ์ไม่ลงรอย
อีกทั้งยังต้องเข้าไปเป็นเด็กฝึกงานในความดูแลของอีกฝ่ายที่ไม่เต็มใจจะอยู่ร่วมกันสักนิด

ไม่คิดจะรับเด็กฝึกงานงั้นเหรอ บังเอิญจัง ฉันก็คิดแบบนี้เหมือนกัน
ความจริงแล้วนายจะส่งฉันไปให้ทนายคนอื่นก็ได้ ขอแค่ไม่ต้องอยู่ที่นี่ ที่ไหนฉันก็โอเคทั้งนั้น

 

—.—.—.—.—.—.—.—.—.—

 

ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่
เพจ >> Rose Publishing
ทวิตเตอร์ >> Rose Publishing
…XOXO…

 

ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์

 

บทที่ 5.1

ฟังคำตัดสิน

 

เยียนสุยจือเปลือกตากระตุก มองใบหน้าด้านข้างของกู้เยี่ยนและเอ่ยถาม “คุณพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง”

กู้เยี่ยนหยิบครุยทนายออกมาแล้วปิดกระเป๋าเดินทาง ถึงค่อยหันมามองเยียนสุยจือ “หมายความว่าให้นายขึ้นไปนั่งที่นั่งฝ่ายจำเลย”

“ทำไมถึงให้ผมขึ้นไปนั่งที่นั่งฝ่ายจำเลย”

กู้เยี่ยนยืดตัวตรงแล้วขมวดคิ้วถาม “นายมาเพื่อฝึกงานจริง ๆ หรือเปล่า”

เขามักจะไม่แสดงความรู้สึกบนใบหน้า นอกจากเย็นชากับเย็นชา ก็มองอย่างอื่นไม่ออกแล้ว

เยียนสุยจือเดาวัตถุประสงค์ที่อีกฝ่ายถามคำถามนี้ไม่ออกชั่วขณะ จึงสบตาอีกฝ่าย แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นปกติที่สุด “แน่นอนสิ คำถามนี้น่าสนใจจริง ๆ ถ้าผมไม่ได้มาฝึกงานแล้วจะมาทำอะไร”

กู้เยี่ยนส่งเสียง “อ้อ” อย่างไม่ใส่ใจและกล่าว “จนถึงตอนนี้ฉันยังไม่เห็นท่าทางที่เด็กฝึกงานอย่างนายควรมีเลยสักนิด”

“ท่าทางอะไร”

“นายลองคิดดูว่าถ้าเป็นเด็กฝึกงานคนอื่น หากให้พวกเขาขึ้นไปนั่งที่นั่งฝ่ายจำเลย นายคิดว่าพวกเขาจะมีปฏิกิริยายังไง”

ปฏิกิริยาอะไร

“สองตาเป็นประกาย ตัวสั่นระริก” เยียนสุยจือตอบโดยไม่ต้องคิด

“…”

คำตอบบ้าอะไร

กู้เยี่ยน “…แล้วนายล่ะ รู้สึกยังไง ฉันเริ่มสงสัยแล้วว่าฉันไม่ได้กำลังให้โอกาสนายฝึกฝน แต่ส่งนายไปยิงเป้าประหารแทน”

“โอกาสฝึกฝน?” เยียนสุยจือคิดว่าตนเองจับคีย์เวิร์ดได้แล้ว ใจก็ผ่อนคลายลงทันใด เขาหลุดยิ้มออกมา “เรื่องนี้โทษผมไม่ได้ คุณเอาแต่ทำหน้าตึง พูดไม่ถึงสามประโยคก็ประชดประชันผมทั้งวัน แน่นอนว่าผมก็ต้องแสดงปฏิกิริยาเกินกว่าเหตุไปบ้าง คิดว่าคุณกำลังถากถางว่าผมไปแย่งงานคุณอีก เหมือนกับก่อนหน้านี้ในเรือนจำ”

ดีจริง เล่นลิ้นสาดโคลนใส่หน้าคนอื่นเสียอย่างนั้น

กู้เยี่ยนแค่นหัวเราะกับการโต้ตอบที่แพรวพราวนี้ แล้วโยนครุยทนายในมือลงบนเตียง ก่อนชี้ประตูห้องเอ่ยว่า “ออกไป”

เยียนสุยจือได้ยินคำนี้แล้วก็หัวเราะออกมา

ถึงขนาดที่เชิญคนออกไป แสดงว่ายังปกติดี ดูท่าทางกู้เยี่ยนยังไม่พบพิรุธอะไร หรืออาจจะแค่เกิดความสงสัย? แต่อย่างน้อยก็ยังไม่อาจยืนยันอะไรได้

จนกระทั่งหัวเราะเสร็จแล้วมองไปยังกู้เยี่ยนอีกครั้ง ก็พบว่าสีหน้าของลูกศิษย์คนนี้ย่ำแย่มาก

“นายยังมีหน้ามาหัวเราะอีก?”

เยียนสุยจือไม่เพียงไม่ออกไป แต่ยังลากเก้าอี้โซฟามานั่งด้วยรอยยิ้มพลางกล่าวอย่างละมุนละม่อม “ท่าทีที่เด็กฝึกงานควรมีผมก็มี แค่ตอบสนองช้าหน่อย พรุ่งนี้คุณจะให้ผมขึ้นไปนั่งที่นั่งฝ่ายจำเลยจริง ๆ เหรอ”

กู้เยี่ยนเผยสีหน้าไร้ปรานี “ไม่ ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ออกไป”

เยียนสุยจือ “…”

เยียนสุยจือ “ทนายกู้?”

“…”

“อาจารย์กู้?”

“…”

เยียนสุยจือคิดในใจ พอเถอะนะ ฉันไม่เคยพูดแบบนี้กับใครมาก่อนเลย รู้จักแค่ว่าจะยั่วโทสะคนยังไง แต่ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงให้คนหายโกรธ

เขาพิงพนักเก้าอี้ ช้อนตาคุมเชิงกับกู้เยี่ยนพักหนึ่ง จู่ ๆ ก็ส่งเสียง “อ้อ” แล้วพึมพำ “คิดออกแล้ว มีเจ้านี่อยู่นี่นา”

พูดพลางล้วงบางสิ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อโค้ต ก่อนจะยัดใส่มือกู้เยี่ยน “เอ้า อย่าโมโหไปเลยอาจารย์กู้”

กู้เยี่ยนขมวดคิ้วมองแวบหนึ่ง กลางฝ่ามือมีลูกอมเพิ่มมาหนึ่งเม็ด

ทนายว่าความกู้ “…”

ใบหน้าหล่อเหลาของเขาแข็งจนดูท่าว่าจวนจะแตกร้าวแล้ว

“นายพกขนมติดตัวเยอะขนาดไหนกันแน่”

เยียนสุยจือกล่าวอย่างสบายอารมณ์ “ที่จริงหมดแล้ว เมื่อกี้ตอนที่กินมื้อเย็นเสร็จแล้วออกมาจากร้าน ผู้หญิงที่เคาน์เตอร์ให้มา ไม่ได้ให้คุณหรอกเหรอ นั่นต้องเป็นเพราะคุณทำหน้าตึงไม่พูดไม่ยิ้ม แช่แข็งคนเกินไปแน่ ๆ”

กู้เยี่ยน “…”

ให้แดกดันวิธีการง้อคนที่ไม่เหมือนใครแบบนี้คงไม่ไหว ทว่าสองนาทีให้หลัง กู้เยี่ยนกับเยียนสุยจือก็นั่งตรงข้ามกันที่ริมหน้าต่างกระจกบานใหญ่ คอมพิวเตอร์โฟตอนแบบพกพาวางอยู่บนโต๊ะกระจก เอกสารฮอโลแกรมแผ่นแล้วแผ่นเล่าวางซ้อนกันเป็นกองหนา

“นี่คือข้อมูลทั้งหมดในคดีบุกชิงทรัพย์ในเคหสถานของโจชัว ดาห์เล่ เพิ่งอ่านอย่างละเอียดจนจบเมื่อสองวันนี้” กู้
เยี่ยนกล่าวด้วยใบหน้าเย็นชา

เยียนสุยจือพลิกดูคร่าว ๆ ครู่หนึ่ง “คุณรับคดีนี้มาตั้งแต่เมื่อไร”

“ได้รับแต่งตั้งเมื่อช่วงเช้าวันรายงานตัว เกือบเที่ยงถึงได้รับข้อมูล”

เยียนสุยจือนึกทบทวน วันนั้นตอนที่พวกเขาเด็กฝึกงานขึ้นไปข้างบน กู้เยี่ยนกำลังติดสายพอดี ภายหลังขณะที่พวกเขาจ้องตากับฟิซซ์อยู่ในห้องทำงาน คอมพิวเตอร์โฟตอนของกู้เยี่ยนก็คายข้อมูลตลอดหนึ่งชั่วโมง คงจะเป็นคดีนี้สินะ

แม้ว่ากู้เยี่ยนยังไม่ได้รับตราอิสริยาภรณ์ของทนายขั้นหนึ่ง แต่ก็นับว่าเป็นผู้โดดเด่นในหมู่ทนายหนุ่มสาวและมีชื่อเสียงไม่น้อย ฐานะทางสังคมย่อมไม่ต่ำต้อย อีกทั้งบทบัญญัติวิชาชีพได้กำหนดมาตรฐานค่าทนายเอาไว้ อิงตามมาตรฐานนั้น หากจะจ้างทนายอย่างกู้เยี่ยนย่อมมีค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลย และไม่ใช่ว่าใครก็จ้างได้

ด้วยเหตุนี้ทางสหพันธ์จึงก่อตั้งหน่วยงานช่วยเหลือด้านกฎหมายขึ้นมาโดยเฉพาะ ผู้ประกอบวิชาชีพกฎหมายทั้งหมดล้วนมีรายชื่ออยู่ในหน่วยงานช่วยเหลือ

หากมีผู้ต้องหาที่ไม่สามารถจ้างทนายได้ หน่วยงานก็จะสุ่มเลือกทนายคนหนึ่งจากผู้ประกอบวิชาชีพกฎหมายมาแก้ต่างให้เขา โดยที่ทางหน่วยงานจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง แน่นอนว่า…ก็แค่สินน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ควรค่าให้เปรียบเทียบกับรายได้ตามปกติของทนายเหล่านั้นโดยสิ้นเชิง

เรื่องนี้พูดไปแล้วก็เหมือนเป็นอาสาสมัคร ทว่างานอาสาสมัครนี้จำเป็นต้องทำ

หากทนายคนหนึ่งได้รับการแต่งตั้งจากหน่วยงาน เบื้องต้นคือต้องตอบรับ เว้นแต่ไม่อยากทำงานในสายอาชีพนี้อีกต่อไปแล้ว เพราะประวัติการปฏิเสธการแต่งตั้งจะมีผลกระทบต่อการตรวจสอบเลื่อนขั้นทนาย

สำหรับการแต่งตั้งที่ว่า ท่าทีของคนส่วนใหญ่ล้วนเป็นไปแบบขอไปที พวกเขาปฏิเสธไม่ได้ก็จริง แต่ก็ไม่ได้เตรียมตัวอย่างจริงจังเช่นกัน

เพราะในมือของทนายมักจะมีคดีความหลายคดีที่ต้องดำเนินการไปพร้อมกัน หากใช้เวลากับคดีแต่งตั้งมากเกินไป ก็หมายความว่าเวลาในการเตรียมตัวสำหรับคดีอื่นจะยิ่งน้อยลง หลายคนจึงเลือกวิธีการจัดสรรพลังกายที่คุ้มค่ากับค่าตอบแทนเสียมากกว่า

หากพิจารณาเรื่องเงินเพียงอย่างเดียว อย่างไหนคุ้มค่ากว่ากัน มองปราดเดียวก็รู้แล้ว

คดีแต่งตั้งมีโอกาสแพ้มากกว่าชนะ สิ่งนี้แทบจะเป็นความเข้าใจตรงกันในสายอาชีพ และเพื่อรักษาสมดุลสภาพการณ์นี้เอาไว้ หากผู้ต้องหาคิดว่าทนายแต่งตั้งทำงานสุกเอาเผากินก็มีสิทธิ์ร้องขอเปลี่ยนคนได้ แต่เปลี่ยนได้มากสุดแค่สามครั้ง

โจชัว ดาห์เล่ ตกอยู่ในสถานการณ์นี้

ด้วยนิสัยของเด็กเหลือขอคนนั้น ถึงแม้ว่าจะเอาเจ้าตัวไปขายก็ยังเสียเปล่า เงินที่ได้มารวมแล้วยังไม่พอสำหรับจ่ายค่าจ้างหนึ่งชั่วโมงของทนายหนึ่งคนด้วยซ้ำ หน่วยงานช่วยเขาแต่งตั้งทนายมาแล้วถึงสองคน เห็นชัดว่าทนายไร้ประโยชน์สองคนนั้นไม่เอาใจใส่คดีนี้เลย ทำเอาโจชัวจับใครได้ก็กัดคนนั้น ไม่เหลือแม้สักคนเพราะไล่ตะเพิดไปหมดแล้ว

กู้เยี่ยนเป็นคนที่สาม

สิทธิ์ในการขอเปลี่ยนของโจชัวใช้หมดไปแล้ว ต่อให้อยากไล่ตะเพิดอีกก็ทำไม่ได้ อีกอย่าง…ด้วยนิสัยของทนายว่าความกู้แล้ว บอกไม่ได้ว่าใครจะกัดใครจนหนีเตลิดกันแน่

“ไม่มีผู้ปกครอง…มีน้องสาวหนึ่งคน…” เยียนสุยจือกวาดตามองรูปถ่ายบนข้อมูลคร่าว ๆ แวบหนึ่ง “โอ๊ะ ภาพนี้มองแวบแรกจำแทบไม่ได้ สระผมกับไม่สระผมต่างกันมากขนาดนี้เชียว”

โจชัว ดาห์เล่ บนภาพเคลื่อนไหวแม้จะผอม แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่สองแก้มตอบและขอบตาดำคล้ำอย่างที่พบในเรือนจำ นัยน์ตานับว่าเป็นประกาย ไม่ใช่ว่าเห็นใครก็ถลึงตาใส่เหมือนโกรธเสียเต็มประดาจนลูกตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย

สภาพจิตใจต่างกันเกินไป มองไม่ออกจริง ๆ ว่าเป็นคนเดียวกัน

ทว่าแม้เป็นภาพถ่ายก็มองออกว่าเด็กคนนี้อารมณ์ไม่ดี เผยให้เห็นถึงความหงุดหงิดจากเนื้อแท้

กู้เยี่ยน “นายลำดับความสำคัญผิดไปหน่อย แค่มองรูปถ่ายจะเห็นรายละเอียดไหม”

คนในสายอาชีพเดียวกับพวกเขาช่ำชองกับการกวาดตาดูคร่าว ๆ เพื่อกรองจุดสำคัญในสำนวนคดีที่กองเป็นภูเขา จุดสำคัญของข้อมูลภูมิหลังผู้ต้องหาแบบนี้ล้วนอยู่ในตัวหนังสือ ส่วนรูปถ่ายหน้าตรงทั้งหลาย พวกเขาแค่มองผ่านตาเท่านั้น ไม่ได้สังเกตอย่างละเอียด

แต่ความเคยชินของเยียนสุยจือกลับต่างออกไป เขามักจะสนใจรูปถ่ายอย่างยิ่ง

“ดูไปอย่างนั้นละ” เยียนสุยจือตอบส่ง ๆ ทว่าสายตากลับมองไปยังรูปถ่ายที่ซ้อนกันอยู่ตรงหน้าอีกหน

นั่นเป็นรูปถ่ายของน้องสาวโจชัว ดาห์เล่

“โรซี่ ดาห์เล่ คือน้องสาวของเด็กคนนั้น ในข้อมูลระบุว่าเธออายุ 8 ขวบ” เยียนสุยจืองอนิ้วชี้เคาะรูปถ่ายใบนั้นแผ่วเบา “ในภาพนี้อย่างมากสุดก็ 5 ขวบมั้ง พวกเขาไปดึงข้อมูลจากทะเบียนประวัติเมื่อปีไหนมาทำให้เราไขว้เขว โอ๊ะ นัก…อะแฮ่ม อาจารย์กู้ดูสิ หน้าตาของเด็กผู้หญิงคนนี้คุ้น ๆ ไหม”

กู้เยี่ยนชำเลืองมองแวบหนึ่ง ก่อนจะขยับเข้ามาพินิจและขมวดคิ้วกล่าว “เคยเห็นที่ไหน”

“เด็กผู้หญิงตรงมุมกำแพงคนนั้น!” เยียนสุยจือนึกขึ้นมาได้

เหมือนรูปถ่ายของโจชัวทุกประการ รูปถ่ายของน้องสาวก็ต่างจากตัวจริงเช่นกัน อายุไม่ตรงกัน อีกทั้งแก้มของเด็กผู้หญิงในภาพก็มีเนื้อหนัง ผิวพรรณแม้เรียกไม่ได้ว่าขาวอมชมพู แต่ก็ดูสุขภาพดี ไม่ใช่ผิวเหลืองซีดแต่อย่างใด ดวงตากลมโตคู่นั้นดำแป๋ว เผยให้เห็นถึงความไร้เดียงสา

ทั้งสองคนคิดทบทวนอยู่ครู่หนึ่งก็นึกถึงรายละเอียดเหล่านี้ได้แล้ว

เยียนสุยจือเอนพิงพนักเก้าอี้แล้วนั่งไขว่ห้าง เตะปลายเท้าใส่กู้เยี่ยนแผ่วเบา ก่อนจะเชิดคางกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “รูปถ่ายนี้มีประโยชน์ไหม”

กู้เยี่ยนมีความเป็นมืออาชีพ เขาขีดเส้นทำสัญลักษณ์บนรูปถ่ายไปพลางตอบไปพลาง “อืม”

“ไหนบอกมาซิ ลำดับการให้ความสำคัญของผมมีปัญหาหรือเปล่า”

กู้เยี่ยนไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้น เพียงเขียนโน้ตไม่กี่คำสั้น ๆ ข้างรูปถ่าย “ตอนนี้ไม่มี”

“มีเด็กฝึกงานที่ไม่เพิ่มภาระ แถมยังช่วยงานได้แบบนี้ ยังจะให้ออกไปอีกไหม”

กู้เยี่ยนเหลือบตามองในที่สุด “ถ้าควรออกไปก็ต้องออกไปเหมือนเดิม”

เยียนสุยจือ “…”

เขาแค่นหัวเราะทีหนึ่ง เลิกเปิดหูเปิดตาไปเรื่อยกับนักศึกษากู้ แล้วอ่านข้อมูลของผู้เสียหายที่อยู่ข้างหลังส่วนหนึ่งคร่าว ๆ แทน “เมื่อกี้ผมลองอ่านดูแล้ว การประกันตัวของโจชัวไม่ได้ยาก เรียกว่าง่ายมากด้วยซ้ำ”

ง่ายหมายความว่ายังไงน่ะเหรอ

ก็คือ เพียงแค่ต้องอธิบายประเด็นที่เข้าเงื่อนไขการประกันตัว หากไม่มีอะไรผิดพลาด ผู้พิพากษาก็จะอนุญาตให้ปล่อยตัว

“ขอแค่จ่ายเงินประกันตัว หรือมีคนเซ็นชื่อรับรองก็พอแล้ว” เยียนสุยจือกล่าว “แต่ว่า…”

แต่ว่าเด็กโชคร้ายคนนี้ไม่มีทั้งเงินและคนรู้จัก

ค่ำคืนนั้นทั้งสองคนไม่ได้นอนหลับเต็มอิ่ม เพียงพักผ่อนชั่วครู่บนเก้าอี้โซฟาตลอดทั้งคืน กระทั่งอ่านเอกสารข้อมูลทั้งหมดเพื่อกำหนดประเด็นสำคัญเสร็จสิ้น ฟ้าก็สางพอดี

“ผมว่าที่จริงแล้วคุณไม่ต้องจองโรงแรมก็ได้” เยียนสุยจือบอกกู้เยี่ยนก่อนกลับไปอาบน้ำที่ห้องตัวเอง “เราไม่ต่างอะไรจากนอนข้างถนนเท่าไร…อ้อ ต่างตรงที่มีฮีตเตอร์”

กู้เยี่ยน “…”

 

เวลาเก้าโมงครึ่ง เยียนสุยจือกับกู้เยี่ยนลงจากรถที่หน้าศาลแขวง

“ทั้งสองท่านกรุณาผ่านประตูตรวจจับโลหะด้วยครับ” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรูปร่างสูงใหญ่หน้าศาลเอ่ย “อุปกรณ์อัจฉริยะ คอมพิวเตอร์โฟตอน กระเป๋า…ต้องตรวจสอบทั้งหมดสักครู่”

นี่เป็นขั้นตอนบังคับในการเข้าศาล เพื่อป้องกันไม่ให้คนบางกลุ่มที่อ่อนไหวเกินเหตุซุกซ่อนระเบิดไว้ในกระเป๋าเสื้อ แล้วส่งผู้พิพากษา ทนาย และจำเลยขึ้นสวรรค์ไปพร้อมกัน

9.40 น. การฟังคำตัดสินคดีก่อนหน้าในห้องพิจารณาคดีหมายเลข 7 เสร็จสิ้นลงแล้ว เยียนสุยจือและกู้เยี่ยนเดินสวนกลุ่มคนที่ชักแถวกันออกมาเพื่อเข้าไปในห้องพิจารณาคดี

ผู้พิพากษาบนบัลลังก์เหลือบตามองมาทางนี้แวบหนึ่ง ใบหน้าแข็งค้างไปทันใด เขาประคองแว่นตาพินิจเยียน
สุยจือที่สวมครุยทนายขึ้น ๆ ลง ๆ รอบหนึ่งแล้วพึมพำว่า “ตอนนี้นักศึกษาที่ยังเรียนไม่จบก็กล้าขึ้นมานั่งบนที่นั่งฝ่ายจำเลยแล้ว ล้อกันเล่นหรือไง…”

เยียนสุยจือ “…” สหายอาวุโสท่านนี้ คุณเบาเสียงลงแล้วคิดว่าผมจะไม่ได้ยินเหรอ

เวลาสิบโมงตรง โจชัว ดาห์เล่ ถูกนำตัวเข้ามาในห้องพิจารณาคดี ตำแหน่งที่เขานั่งต่างจากคนอื่น เป็นคอกโปร่งใสสี่เหลี่ยมที่คล้ายกับกระจกกันกระสุนครอบศีรษะเขาเอาไว้

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โจชัวมานั่งอยู่ตรงนี้ คดีนี้ยืดเยื้อมาระยะหนึ่งแล้ว การพิจารณาคดีก็ดำเนินการไปหลายครั้งแล้วอย่างไม่ต่อเนื่องกัน แต่เขายังคงไม่เข้าใจขั้นตอนทางกฎหมายเหล่านี้อยู่ดี

“คณะลูกขุนล่ะ ทำไมถึงไม่มีคณะลูกขุน”

โจชัวกวาดตามองทั่ว นี่คงเป็นสิ่งเดียวที่เขาเข้าใจในการพิจารณาคดีตอนนี้

ผู้คุมจากเรือนจำยืนขนาบอยู่ข้างหลังเขา ทั้งสองคนล้วนมีสีหน้าเคร่งขรึม มองตรงไปข้างหน้าโดยไม่ล่อกแล่ก แผ่บรรยากาศกดดันหนาแน่นชัดเจน

หนึ่งในนั้นได้ยินแล้วก็แค่นหัวเราะ พึมพำตอบลอดริมฝีปาก “ต้องใช้คณะลูกขุนที่ไหนกัน”

สำหรับการประกันตัว แค่ผู้พิพากษาตัดสินก็พอแล้ว

สีหน้าของโจชัวเปลี่ยนเป็นย่ำแย่ทันใด นี่ไม่ใช่ข่าวดีสำหรับเขาเลยสักนิด เพราะผู้พิพากษาดูไม่ชอบเขาอย่างเห็นได้ชัด ใครหลายคนต่างก็ไม่ชอบเขา เขาดูหน้าบึ้งดุดัน อารมณ์ก็ร้ายมาก ไม่เป็นที่ชื่นชอบของใครแม้แต่น้อย ทว่าหากเป็นคณะลูกขุน บางทีอาจจะยังพอมีความหวัง แม้จะแค่เล็กน้อยก็ตาม

“การประกันตัวยาก ยากมาก ๆ” โจชัวพึมพำ

ผู้คุมสองคนข้างหลังสบตากันแวบหนึ่ง

นี่เป็นความเข้าใจผิดอย่างมหันต์ ที่จริงแล้วการประกันตัวง่ายมาก เพียงแต่ทนายคนก่อนหน้าไม่เอาใจใส่ ถึงขนาดว่าไม่เต็มใจที่จะมายังไวน์ซิตี้ด้วยซ้ำ แล้วใครจะสนใจเขา

ในสถานที่อย่างไวน์ซิตี้ หากไม่มีใครสนใจนาย ก็อย่าหวังว่าพนักงานตรวจสอบจะเป็นฝ่ายเห็นชอบว่านายสมควรได้รับการประกันตัว พวกเขาแทบภาวนาว่านายจะอยู่ในเรือนจำหรือคุกอย่างสงบเสงี่ยมไปชั่วชีวิต อย่าได้สร้างความเดือดร้อนให้พวกเขาอีก

แต่ผู้คุมสองคนนั้นไม่คิดจะอธิบายเรื่องนี้ให้โจชัวเข้าใจ เพียงแค่ยักไหล่เบา ๆ ปล่อยให้เขาเข้าใจผิดต่อไป

โจชัวมองที่นั่งฝ่ายจำเลยอย่างไม่พอใจสุดขีด “ฉันว่าแล้ว! พวกต้มตุ๋น! เป็นพวกต้มตุ๋นอีกแล้ว…”

เขาเห็นทนายกู้ผู้ที่กล่าวอย่างหนักแน่นว่าจะทำให้เขาได้รับการประกันตัวกลับดูคล้ายจะนิ่งดูดาย และคนที่ต้องนั่งบนที่นั่งสำคัญกลับเป็นทนายหนุ่มที่อยู่ข้างกายอีกฝ่ายคนนั้น

แม้แต่ผีก็รู้ว่ายังเรียนไม่จบ โจชัวคิดอย่างทั้งเหลืออดและสิ้นหวัง

เขาเห็นริมฝีปากของทนายหนุ่มคนนั้นเปิด ๆ ปิด ๆ กำลังอธิบายความคิดเห็นบางอย่างต่อผู้พิพากษา ทว่าตนเองไม่ได้ยินเลยแม้แต่คำเดียว

ลำดับถัดมาฝ่ายโจทก์กล่าวอะไรอีก เขาก็ยังคงไม่ได้ยิน

เขาทั้งขึ้งเคียดและโกรธเกรี้ยวจนแทบจะอาเจียนออกมาแล้ว

“ฉันออกไปไม่ได้แล้วใช่ไหม” สีหน้าของโจชัวซีดเผือด

ผู้คุมสองคนนั้นกลับเต็มใจที่จะตอบคำถามนี้อย่างยิ่ง “ใช่แล้ว แน่นอน”

โจชัวหลุบเปลือกตาลงและซุกศีรษะเข้ากับแขน ไม่กอดความหวังนี้ไว้อีกแล้ว…

ทว่าสิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ เยียนสุยจือผู้ยืนอยู่บนที่นั่งฝ่ายจำเลยไม่ได้รู้สึกว่าการประกันตัวครั้งนี้ยุ่งยากแม้แต่น้อย ถึงขนาดว่าตั้งใจจะทำให้จบโดยเร็ว แต่ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ฝ่ายโจทก์กำลังสาธยายโดยเปล่าประโยชน์

“…เขาไม่มีผู้ปกครอง ไม่มีใครควบคุมพฤติกรรมของเขาได้ และไม่มีใครรับผิดชอบต่อภัยที่เขาอาจจะก่อขึ้นได้ จากประวัติพฤติกรรมในอดีตแสดงให้เห็นว่าเขามีภาวะไฮโปเมเนีย[1] หนังสือวินิจฉัยทางการแพทย์หน้าที่สิบแปดในเอกสารแนบท้ายคำฟ้องยืนยันเรื่องนี้ได้ ผมคิดว่าทนายฝ่ายนั้นก็คงอ่านเอกสารหลักฐานทั้งหมดมาแล้วเช่นกัน และคงเข้าใจกระจ่างในเรื่องนี้ดี”

ฝ่ายโจทก์ดึงหนังสือวินิจฉัยทางการแพทย์ออกมาและส่งไปข้างหน้า

หน้าต่างฮอโลแกรมกางออกตรงหน้าผู้พิพากษาโดยอัตโนมัติ เป็นหน้าจอแนวตั้ง และใหญ่พอที่จะทำให้คนอื่นในศาลเห็นได้

ผู้พิพากษาผมสีดอกเลาพยักหน้ารับ บอกเป็นนัยว่าตนเองก็ได้อ่านเนื้อหาในหนังสือวินิจฉัยแล้ว ในขณะเดียวกันสายตาก็เหลือบมองลอดแว่นตาไปยังเยียนสุยจือ

เยียนสุยจือพยักหน้านิ่ง ๆ บอกเป็นนัยว่าตนเองเคยอ่านมาแล้วอย่างแน่นอน

ฝ่ายโจทก์กล่าวอีก “หลักฐานคลิปวิดีโอหนึ่งถึงสี่เป็นกล้องวงจรปิดจากเรือนจำ และยืนยันในเรื่องนี้ได้เช่นเดียวกัน นอกจากนี้…”

เขากดปุ่มเครื่องควบคุมภาพบนโต๊ะที่นั่ง หน้าจอทั้งสองฝั่งเริ่มเล่นคลิปวิดีโอขณะทางเรือนจำนำตัวโจชัว ดาห์เล่ มาส่งฟังคำตัดสินเมื่อเช้านี้อีกครั้ง

มีครบทั้งภาพภายในและภายนอกรถ

เขากดปุ่มหยุดในวินาทีหนึ่งที่แสดงภาพภายในรถ เป็นภาพที่โจชัวกำลังขัดขืนและแสดงสีหน้าดุร้าย กอปรกับร่างกายกำลังโน้มเอนไปข้างกระจกรถ ดูแล้วเหมือนอยากจะชะโงกตัวออกไปนอกรถ ทว่าถูกผู้คุมด้านข้างกดตัวเอาไว้

“ถึงแม้อยู่ในระหว่างนำตัวมาส่งฟังคำตัดสินเมื่อเช้านี้ เขาก็ยังแสดงอารมณ์แปรปรวนอย่างที่สุดออกมา”

 

 

[1] Hypomania หนึ่งในระยะของโรคอารมณ์แปรปรวน คือความผิดปกติทางอารมณ์ที่ผู้ป่วยมีช่วงที่รู้สึกคึกคัก อารมณ์ดี หรือฉุนเฉียวผิดปกติ คุยเก่ง ต้องการเวลานอนน้อยลง ความคิดแล่นเร็ว ทั้งยังถูกดึงความสนใจได้ง่าย แต่ไม่รุนแรงถึงขั้นกระทบกับการดำรงชีวิตและการทำงาน หรือทำให้ต้องอยู่ในโรงพยาบาล

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า