[ทดลองอ่าน] หวงจินไถ ปรปักษ์เร้นรัก บทที่ 2

黄金台
หวงจินไถ ปรปักษ์เร้นรัก

ชางอู๋ปินไป๋ เขียน
ฟองสมุทร แปล
Mao Shu วาด

– โปรย –

ฟู่เซิน แม่ทัพหนุ่มผู้มากความสามารถที่ชีวิตกลับพลิกผันเพราะใช้การขาทั้งสองข้างไม่ได้
ซ้ำยังได้รับพระราชทานงานสมรสกับศัตรูคู่อาฆาตอย่าง เหยียนเซียวหาน
เขาจึงเลือก “หวงจินไถ” แท่นพิธีอันเป็นจุดเริ่มต้นแห่งเกียรติยศเป็นสถานที่ไหว้ฟ้าดิน
เพราะที่นี่เป็นจุดเริ่มต้นแห่งความรุ่งโรจน์
เขาจึงขอเลือกที่นี่เป็นจุดเริ่มต้นของความอัปยศเช่นกัน

—.—.—.—.—.—.—.—.—.—

ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่
เพจ >> Rose Publishing
ทวิตเตอร์ >> Rose Publishing
…XOXO…

ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์

 

บทที่ 2

 

ยามพลบค่ำ ณ ค่ายทหารเมืองหลวงในเขตชานเมืองฝั่งตะวันตกที่ห่างจากเมืองหลวงร้อยหลี่

แม่ทัพจงเฮ่อค่ายรุ่ยเฟิงออกมาต้อนรับด้วยตนเอง เซี่ยวสวินก้าวไปคารวะ ไม่ทันคารวะเสร็จจงเฮ่อก็ทิ้งเขาไว้แล้วรีบรุดไปโค้งคำนับที่รถม้า “ข้าแม่ทัพจงเฮ่อค่ายรุ่ยเฟิง คารวะท่านแม่ทัพฟู่!”

ค่ายรุ่ยเฟิงจัดเป็นอันดับหนึ่งของห้าค่ายทหารใหญ่แห่งเมืองหลวง จงเฮ่อเป็นขุนนางขั้นสามผู้ทรงเกียรติ แต่กลับปฏิบัติต่อจิ้งหนิงโหวอย่างนอบน้อม

มือข้างที่พันผ้าพันแผลเปิดม่านออก กลิ่นยาค่อยๆ คละคลุ้งออกมา ฟู่เซินไม่ได้สวมชุดเกราะ สวมเพียงชุดคลุมเท่านั้น แผ่นอกและแขนเต็มไปด้วยผ้าพันแผล ผ้าห่มคลุมขาห้อยลงมาถึงเท้า สีหน้าซีดเผือด ริมฝีปากไร้เลือดฝาด ผมยาวปล่อยสยาย ทั้งร่างราวกับเหลือเพียงลมหายใจเดียว อ่อนแอขนาดที่ว่าอาจล้มได้หากเจอสายลม

ฟู่เซินพยักหน้าให้เขาแล้วกล่าว “แม่ทัพจง ไม่พบกันนาน สบายดีหรือไม่ โปรดอภัยด้วย…แค็ก! ข้าเคลื่อนไหวไม่สะดวก จึงลุกขึ้นต้อนรับมิได้”

จงเฮ่อได้ยินมาว่าฟู่เซินบาดเจ็บสาหัสจนเดินไม่ได้ กลับไม่คิดว่าสาหัสถึงเพียงนี้ เดิมทีเขาไม่ค่อยเชื่อข่าวลือที่ว่า “ฟู่เซินพิการ” ทว่าสิ่งที่เห็นทำให้เขาอดเชื่อไม่ได้

สภาพฟู่เซินตอนนี้ ไม่ต้องพูดถึงกลับสู่สภาพเดิม ให้มีชีวิตอย่างราบรื่นอีกสองสามปีก็ยังเป็นปัญหาด้วยซ้ำ ท่าทีนั้นเหมือนเขาไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ราวกับกำลังจะตาย

จงเฮ่อหน้ามืด เย็นยะเยือกตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาเสียใจจนเปลี่ยนคำเรียกขาน “จิ้งยวน อาการบาดเจ็บของเจ้าคราวนี้…เจ้า…”

ฟู่เซินได้ยินเสียงสั่นเครือและเห็นเบ้าตาแดงเรื่อของเขา ก็อดยิ้มมุมปากไม่ได้ แล้วถอนหายใจ “ขอบคุณแม่ทัพจงที่ห่วงใย ข้าบาดเจ็บที่ขาเท่านั้น ไม่ถึงตายหรอก นี่…ฉงซาน ไปหาผ้าเช็ดหน้ามาให้แม่ทัพจงเช็ดน้ำตาเร็ว”

หลายปีก่อนจงเฮ่อเคยรับใช้กองทัพหยวนโจว เป็นคนรู้จักเก่าแก่ของฟู่ถิงจงและฟู่ถิงซิ่น ถือเป็นผู้อาวุโสของฟู่เซินก็ว่าได้ แต่น่าเสียดาย เมื่อฟู่เซินรับช่วงดูแลกองทัพม้าเหล็กเป่ยเยี่ยนก็ใช้ชีวิตที่เป่ยเจียง ไม่ได้กลับมาเป็นปี จึงไม่ค่อยได้ไปมาหาสู่กับสหายเก่ารุ่นพ่อ

ทว่าตอนนี้ฟู่เซินบาดเจ็บสาหัส สีหน้าซีดเผือด สภาพเช่นนี้ทำให้จงเฮ่อวางฐานะลง จดจำเพียงเด็กหนุ่มผู้มีชีวิตชีวาที่มักคอยตามหลังฟู่ถิงซิ่นในกองทัพ เมื่อคิดว่าเขาอยู่ตัวคนเดียว ไร้บิดามารดา ไร้บุตร ไร้คนคอยดูแลใส่ใจอยู่ข้างกาย ซ้ำยังต้องพิการตั้งแต่ยังหนุ่ม จึงอดเศร้าโศกไม่ได้ “ทั้งหมดเป็นเพราะข้าไร้ความสามารถ ขัดขวางเจ้าไม่ให้ออกรบไม่ได้ จนเกิดเรื่องเลวร้ายในวันนี้ หากข้าตายไป จะสู้หน้าพ่อกับอาของเจ้าในภายภาคหน้าได้อย่างไร!”

“แม่ทัพจง” ฟูเซินยันรถม้าช่วยพยุงตัวเพราะปวดหัว “เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็อย่าได้เอ่ยถึงอีกเลย ข้าไม่เป็นไร ท่านไม่ต้องโศกเศร้าเกินไป”

เขาปฏิเสธที่จะเรียกว่า “ท่านอา” มาตลอด ด้านหนึ่งจงเฮ่อก็กลุ้มใจ อีกด้านหนึ่งก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายเย็นชาจริงๆ

ฟ้ามืดแล้ว พวกฟู่เซินรีบร้อนเข้าเมืองหลวง ทั้งสองจึงร่ำลากัน จากนั้นกองทัพม้าเหล็กเป่ยเยี่ยนก็มุ่งหน้าสู่เมืองหลวง ดีที่พวกเขาเข้าได้ทันก่อนประตูเมืองปิด

ฟู่เซินกลับเมืองหลวงครั้งก่อนเมื่อสามเดือนที่แล้ว เมืองหลวงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยังคงมีแสงไฟและความคึกคักทุกหนทุกแห่ง กองทัพเป่ยเยี่ยนไม่ค่อยได้ติดตามเข้าเมืองหลวง พวกเขาจึงค่อยๆ ลดความเร็วลดลง เดินไปชมไปขณะเคลื่อนไปตามท้องถนน ดึงดูดสายตาอย่างยิ่ง ฟู่เซินครุ่นคิดแล้วกวักมือเรียกเซี่ยวสวิน ออกคำสั่งด้วยเสียงเบา “ส่งข้ากลับจวนก่อน เจ้าค่อยพาพวกเขาไปเดินเล่น อย่าเที่ยวโสเภณี อย่าเล่นพนัน อย่าสร้างปัญหา เรื่องค่าใช้จ่ายให้ลงบัญชีข้าไว้ ไปเถอะ”

เซี่ยวสวินคัดค้านอย่างไม่ต้องคิด “จะทำเช่นนั้นได้อย่างไรขอรับ!”

“ให้เจ้าไปก็ไปเถอะ” ฟู่เซินดูไร้เรี่ยวแรง เสียงของเขาเบามาก ทว่าคำพูดกลับยังทำให้หวั่นใจ “เซี่ยวฉงซาน ขืนเจ้ายังวนเวียนอยู่รอบตัวข้า ข้าคงรักษาเกียรติไว้ไม่ได้แล้ว…หากข้าไม่ได้แต่งงาน ภายภาคหน้าเจ้าจะต้องมาดูแลข้าในฐานะลูกหลาน”

“ข้า…”

เซี่ยวสวินเอาชนะแม่ทัพเกเรผู้นี้ไม่ได้ จึงได้แต่จำใจตอบรับ

เลี้ยวผ่านตรอกเล็กสายหนึ่งก็เป็นถนนที่สะอาดสะอ้าน แถบนี้เต็มไปด้วยจวนชนชั้นสูง วิจิตรงดงามและน่าเกรงขาม ดูเงียบสงบกว่าบ้านเรือนของสามัญชน จวนของจิ้งหนิงโหวตั้งอยู่บนหัวมุมทางตะวันออกเฉียงเหนือ ข้ารับใช้เก่าแก่รื้อธรณีประตูออก ต้อนรับรถม้าให้เข้าสู่จวน เมื่อบ่าวที่อยู่ในลานจวนเห็นนายท่านของตนถูกผู้ใต้บัญชาแบกเข้ามา ทุกคนต่างหดมือยืนอยู่ด้านข้างอย่างลังเล ไม่กล้าก้าวเข้าไป

หลังจากฟู่เซินรับตำแหน่งโหวก็แยกตัวจากจวนอิ่งกั๋วกงมาอาศัยที่จวนอื่น เขาไม่สนใจจวนใหญ่โตหลังนี้แม้แต่น้อย ข้ารับใช้ก็มีแต่คนชราป่วยออดแอดที่แม่เลี้ยงสกุลฉินคัดมาให้เขาใช้งานเป็นเวลาสี่ห้าปีแล้ว ตลอดปีมานี้ฟู่เซินไม่ได้อยู่บ้าน ไร้ไมตรีจิตกับเหล่าข้ารับใช้ เมื่อใดที่เขากลับมาพักที่จวน ข้ารับใช้มักทำตัวเหมือนหนูเห็นแมว เอาแต่หลบอยู่ในครัวหรือบ้านพักบ่าวด้วยความเกรงกลัว หากไม่จำเป็นจะไม่โผล่มาขวางตาเขาเด็ดขาด แต่ดีที่แม้เหล่าข้ารับใช้จะหวาดกลัวเขา ทว่ากลับไม่บกพร่องต่อหน้าที่

เซี่ยวสวินแบกฟู่เซินไปถึงห้องนอนก็ขอน้ำร้อนจากข้ารับใช้ จากนั้นถอดชุดคลุมให้เขา ช่วยเช็ดมือเช็ดหน้าแล้วประคองเขาให้นอนลงบนเตียง จนกระทั่งจัดแจงเรียบร้อย ฟู่เซินก็ไล่เขาอย่างไร้เยื่อใย “จะทำอะไรก็ไปทำเถอะ ตอนค่ำข้าจะให้คนเปิดประตูทิ้งไว้ให้พวกเจ้า พักที่เรือนข้างในลานด้านหลังได้ตามสบาย ขออภัยที่ต้อนรับไม่ทั่วถึง”

เซี่ยวสวินเห็นเขาแทบปกปิดความเหนื่อยล้าบนใบหน้าไม่อยู่ จึงเดินออกไปไม่มากความ

ฤทธิ์ยาที่เขากินเมื่อเย็นรุนแรงมาก เพื่อรับมือกับกองทัพของค่ายทหารเมืองหลวง ฟู่เซินจึงฝืนอดนอนตลอดการเดินทาง จนในที่สุดก็ฝืนทนต่อไปไม่ไหว เข้าสู่ห้วงแห่งความฝันแทบจะทันทีที่เซี่ยวสวินปิดประตู

บ่าวเฒ่าเงี่ยหูฟังอยู่ริมหน้าต่างสักพัก เมื่อได้ยินเสียงลมหายใจยาวสม่ำเสมอจึงเดินย่องชิดริมกำแพงออกจากลานชั้นใน ให้คนครัวเตรียมโจ๊ก อุ่นไว้รอนายท่านตื่นมารับประทาน

ไม่นานข่าวที่ฟู่เซินพร้อมคนกลุ่มเล็กๆ เดินทางตามถนนสายหลักมุ่งมายังเมืองหลวงก็แพร่งพรายไปถึงหูคนในวังและราชสำนัก ทว่าคงไม่มีผู้ใดมาเยี่ยมเยียนในตอนนี้ บ่าวเฒ่าจึงปิดประตูใหญ่หลังส่งพวกเซี่ยวสวินออกไป เปิดไว้เพียงประตูข้างบานเดียว ทว่าฟู่เซินหลับไปยังไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม เสียงเคาะประตูกลับดังสนั่นจากนอกจวนจิ้งหนิงโหว

คนเฝ้าประตูไม่กล้าเพิกเฉย รีบเข้าไปรายงาน บ่าวเฒ่าเป็นคนเดียวในจวนที่แก้ปัญหาได้รีบสาวเท้าไปทันที ครั้นออกไปก็ตกใจเมื่อเห็นกลุ่มชายชุดดำขี่ม้าตัวใหญ่พร้อมเหน็บดาบไว้ที่เอว เขาถามอย่างอกสั่นขวัญแขวน “ไม่ทราบว่า…ไม่ทราบว่าพวกท่านคือ…”

กลุ่มคนแยกเป็นสองฝั่งทันที ชายร่างสูงคนหนึ่งค่อยๆ ปรากฏตัวออกจากกลุ่มคน ม้าหยุดอยู่ท่ามกลางแสงสว่างนอกเงาชายคา ขณะนั้นลายเมฆที่ปักบนชายชุดสีน้ำเงินเข้มพลิ้วไหวราวกับสายน้ำ ด้านหลังปักลายม้าสวรรค์กระพือปีกสีเงิน แสงจันทร์กับแสงตะเกียงส่องให้เห็นใบหน้างดงามที่ประดับดวงตายิ้มแย้มและริมฝีบาง

“ผู้เฒ่าไม่ต้องตกใจ” เขาพยักหน้าให้อย่างสุภาพ ทว่าน้ำเสียงและท่าทางกลับหยิ่งทะนง “ข้าเหยียนเซียวหาน ทูตแทนพระองค์แห่งองครักษ์เฟยหลง ข้าเชิญหมอชื่อดังมารักษาอาการบาดเจ็บของจิ้งหนิงโหวตามพระประสงค์ของหวงตี้ รบกวนเข้าไปแจ้งให้ทราบที”

บ่าวเฒ่าแยกแยะชุดขุนนางไม่ออก แต่เขาเคยรับใช้ในสองจวนมาหลายสิบปี จึงคุ้นเคยกับชื่อ “เหยียนเซียวหาน” ดี ทันใดนั้นหัวใจเขาก็เต้นแรง เอ่ยตะกุกตะกัก “คือว่า นายท่านเดินทางมาไกล เนื้อตัวมีแต่บาดแผล เพิ่งหลับไปเมื่อครู่ขอรับ ใต้เท้าท่าน…”

องครักษ์เฟยหลงกระทำการอย่างเผด็จการเสมอ ไม่ว่าราชสำนักหรือราษฎรต่างรู้กันถ้วนหน้า จึงมีเพียงไม่กี่คนที่กล้าแข็งข้อ เหยียนเซียวหานปรายตามองอีกฝ่ายอย่างเหยียดหยาม มือที่จับบังเหียนเรียวยาวและขาวซีด แขนเสื้อถกขึ้นเล็กน้อยเผยให้เห็นสนับมือโลหะเย็นเยียบ เขาแสยะยิ้มพลางถาม “อะไรกัน ผู้เฒ่ากลัวข้าเจอนายท่านหรือ”

เขาเข้าใจถูกต้องแล้ว

นี่ไม่ใช่ความลับแต่อย่างใด เหยียนเซียวหานคือทูตแทนพระองค์แห่งองครักษ์เฟยหลงและแม่ทัพกองทัพเสินอู่ฝ่ายซ้าย ไม่กี่ปีที่ผ่านมา เขาเป็นขุนนางที่มีอำนาจที่สุดในเมืองหลวง เป็นข้ารับใช้ของราชสำนัก และเป็นหูเป็นตาของหวงตี้ที่ทุกคนอยากหลีกเลี่ยง สิ่งที่แย่ยิ่งกว่าคือ เขากับจิ้งหนิงโหวไม่ลงรอยกันมานาน เป็นศัตรูที่แข็งแกร่ง ว่ากันว่าต้องเหน็บแนมกันทุกครั้งที่พบเจอ แม้แต่หวงตี้ก็ไม่อาจหยุดยั้งได้ ครั้งหนึ่งในการประชุมราชสำนักเมื่อสามเดือนก่อน ทั้งสองความเห็นไม่ตรงกันเรื่องที่ราชสำนักจะส่งผู้ตรวจการทหารไปประจำการรอบทิศ พวกเขาพูดจาถากถางกันกว่าครึ่งชั่วยามต่อหน้าขุนนางทุกคนจนเกือบถึงขั้นลงไม้ลงมือ หวงตี้โกรธจนทุบหินฝนหมึก แล้วลงโทษทั้งสองด้วยการหยุดจ่ายเบี้ยหวัดเป็นเวลาครึ่งปี รีบส่งฟู่เซินกลับเป่ยเจียงอย่างรวดเร็ว จึงยุติเรื่องราวได้

ทว่าโชคชะตาหมุนเวียนเปลี่ยนผัน บัดนี้ฟู่เซินตกอับกลับมาเมืองหลวง เหยียนเซียวหานยังคงมียศถาบรรดาศักดิ์ หากเขาคิดแก้แค้น สภาพร่างกายโหวเยียจะทนไหวได้อย่างไร!

บ่าวเฒ่ากังวลใจ สีหน้าตื่นกลัว “ข้าน้อยมิบังอาจ เพียงแต่โหวเยียคงรับการข่มเหงไม่ไหว ใต้เท้าโปรดอภัยด้วยขอรับ”

เหยียนเซียวหานถือโอกาสที่อีกฝ่ายกำลังพูดมองไปรอบๆ จวนจิ้งหนิงโหว ลานบ้านสะอาดสะอ้านจากการทำนุบำรุงโดยข้ารับใช้ ทว่ากลับดูเงียบเหงาและไร้รสนิยม เขาถอนหายใจอย่างยากสังเกตเห็น แล้วพูดอย่างอ่อนข้อ “ข้าไม่ได้มาก่อกวนเขา…ช่างเถอะ เจ้าไม่ต้องรายงานแล้ว ข้าเข้าไปดูเขาแวบหนึ่งก็กลับแล้ว”

แม้บ่าวเฒ่ายืนกรานอย่างไร ทว่าผู้น้อยย่อมขัดขวางผู้ยิ่งใหญ่มิได้ จึงได้แต่จุดโคมไฟแล้วเดินนำทาง เพื่อเลี่ยงความเข้าใจผิดว่าระดมคนมาหาเรื่อง เหยียนเซียวหานจึงให้องครักษ์เฟยหลงที่ติดตามมารออยู่ในลานด้านหน้า พาชายหนุ่มท่าทางทรงความรู้ ร่างผอมบางดูอ่อนโยนติดตามเข้าไปในลานชั้นในเพียงคนเดียว

จวนโหวกว้างใหญ่ ทว่าดูโหรงเหรง ลานจวนปลูกต้นไม้ไว้ไม่กี่ต้น ไม่กวาดพื้นเพียงไม่นาน ใบไม้ก็ร่วงเต็มขั้นบันได ราวกับลมสารทฤดูจากทั่วเมืองหลวงล้วนพัดมาที่ลานแห่งนี้ ขณะนี้ท้องฟ้ามืดสนิท ลานจวนเงียบสงัดไร้ผู้คน มีเพียงแสงสีเหลืองสลัวส่องออกมาจากหน้าต่างของเรือนหลัก ดูเดียวดายขึ้นอีกหลายส่วน

เหยียนเซียวหานยังคงอดกลั้น ทว่าชายหนุ่มที่เดินข้างๆ กลับส่ายหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วถามเสียงเบา “จิ้งหนิงโหวมีภูมิหลังและผลงานถึงขั้นนั้น เหตุใดในจวนจึง…”

บ่าวเฒ่าถอนใจอย่างกลัดกลุ้ม “โหวเยียปกปักชายแดนมานาน ไม่ได้กลับจวนหลายปีแล้ว อีกทั้งไม่มีฟูเหริน[1]มาคอยดูแลงานบ้านงานเรือน มีเพียงพวกข้าน้อยที่แก่เฒ่าไร้ประโยชน์ ไม่อาจแบ่งเบาความทุกข์ของโหวเยียได้…”

เขาพูดพร่ำพร้อมผลักบานประตูห้องโถงหลัก เชิญแขกทั้งสองนั่ง จากนั้นจุดตะเกียงและสั่งคนให้มารินน้ำชา “ท่านทั้งสองรอที่นี่สักครู่ ข้าน้อยจะไปเชิญโหวเยีย”

ไม่ทันสิ้นคำ เสียงดังโครมพลันแว่วออกมาจากภายในห้องทางทิศตะวันตก ราวกับมีของหนักตกลงมา บ่าวเฒ่ามือสั่นเทา เขายังไม่ทันตอบสนอง ทูตแทนพระองค์ที่ยืนอยู่ข้างเขาเมื่อครู่ก็เคลื่อนไหวราวกับสายลม หายลับเข้าห้องนั้นไปในชั่วพริบตา

 

 

[1] ฟูเหรินหรือฮูหยิน หมายถึงภรรยา

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า