[ทดลองอ่าน] บันทึกวิญญาณพู่กัน เล่ม 2 บทที่ 3 ปัดกวาดที่ทางอย่างไร้ความหวาดระแวง (1)

บันทึกวิญญาณพู่กัน
七侯筆錄之筆靈

 

หม่าป๋อยง
马伯庸
หงลวี่เติง แปล

 

‘หลัวจงเซี่ย’ เพิ่งรู้ว่ายังมีความซวยที่เป็นขั้นกว่าของการที่อยู่ๆ ก็ถูกมีดแทงอก
นั่นก็คือการถูกพู่กันแทงอก! แน่นอนว่าเขาไม่ตาย
แต่เรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเขาหลังจากนี้
ทำให้เขาสะบักสะบอมบอบช้ำทั้งกายใจจนแม้อยากตายก็ไม่ง่ายแล้ว
.
เด็กหนุ่มมหาวิทยาลัยที่ขี้เกียจไปวันๆ อย่างเขา อยู่ๆ ก็ได้ครอบครอง ‘พู่กันบัวคราม’
มรดกตกทอดของหลี่ไป๋ เซียนกวีแห่งประวัติศาสตร์ท่านนั้น
นี่ทำให้เขาเข้าไปพัวพันกับเหล่าผู้คนแห่ง ‘สุสานพู่กัน’
และต้องเผชิญกับการต่อสู้เพื่อแย่งชิง
พู่กันในตำนานมากมาย พร้อมผู้ครอบครองมาปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเขาอย่างไม่ว่างเว้น
สุนทรีย์แห่งถ้อยคำและตัวอักษรกลับกลายเป็นการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ตระการตา
.
พลังที่ยิ่งใหญ่มาพร้อมหน้าที่ความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่อย่างนั้นหรือ
งั้นหลัวจงเซี่ยคนนี้ก็จะทำทุกวิธีเพื่อปลดพู่กันอัปมงคลนี่ออกไป
พลังที่ยิ่งใหญ่อะไรนั่น เขาไม่ต้องการ!

 

ต้นฉบับนี้ยังไม่ใช่ฉบับสมบูรณ์

 

บทที่ 3

ปัดกวาดที่ทางอย่างไร้ความหวาดระแวง (1)

 

ตู้ฝากของในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินพบได้ทั่วไปในหนังสายลับหรือไม่ก็นิยายสืบสวนของเมืองนอก ในประเทศจีนถือได้ว่าเป็นสิ่งของที่แปลกใหม่ คนที่รู้จักยังมีไม่มากเท่าที่ควร ถึงแม้จะเป็นเมืองหลวงหนึ่งเดียวในประเทศก็ตาม ยังไม่ใช่ทุกสถานีที่จะมีบริการเช่นนี้ จะมีอยู่ก็แต่เพียงสถานีใหญ่ไม่กี่สถานีเท่านั้น พูดให้ถูกก็คือสถานีใหญ่ที่พวกคนต่างชาติมักจะสัญจรกัน การติดตั้งตู้ฝากสิ่งของกว่าร้อยช่องนี้ถือได้ว่าเป็นเครื่องพิสูจน์ความมานะที่จะสานสัมพันธ์ความโบราณของเมืองหลวงกับต่างประเทศ

ไม่ว่าทางคณะบริหารเมืองจะคิดอย่างไร อย่างน้อยสำหรับหลวงจีนปีเตอร์และเหยียนเจิ้งแล้ว สถานการณ์เช่นนี้ก็ถือว่าดีเกินคาด พวกเขาไม่ต้องเร่งฝีเท้าโร่ไปทุกสถานี ขอเพียงสนใจแค่สถานีใหญ่ ๆ ไม่กี่สถานีก็พอแล้ว

พวกเขาถือว่าโชคดีมาก เพียงแค่ได้ลองสอดกุญแจลงในช่อง D-318 ของสถานีที่สองก็พบกับความสำเร็จ

หลังจากเสียง ‘กริ๊ก’ ตัวล็อกก็เปิดขึ้น เผยให้เห็นความแคบและมืดมนของที่ว่างภายในช่องเก็บของ

หลวงจีนปีเตอร์มองเหยียนเจิ้งที่อยู่ข้าง ๆ ด้านหลังพวกเขายังมีกลุ่มคนที่ส่งเสียงดัง ทุกคนล้วนแต่มีสีหน้ารีบร้อน ไม่มีใครหน้าไหนสนใจท่าทีของชายสองคนที่อยู่หน้าช่องเก็บของเลยแม้แต่น้อย

ภายในช่องเก็บของมีหนังสือหนึ่งเล่มวางอยู่ หน้าปกสีเหลืองอ่อน มีประมาณสองร้อยหน้าเห็นจะได้ รูปแบบดูเก่าคร่ำคร่า ทำจากกระดาษเซวียนจื่อที่ใช้เชือกเย็บเป็นสัน หลวงจีนปีเตอร์หลับตาสัมผัสอย่างระแวดระวัง นอกจากรู้สึกถึงกลิ่นอายอ่อนจางของมนุษย์ที่คงเหลือน้อยแล้ว บนนั้นก็ไม่มีระลอกคลื่นที่บ่งบอกถึงความยิ่งใหญ่อะไรเลย คงจะไม่ใช่สิ่งของล้ำค่า เป็นเพียงแค่หนังสือธรรมดาเล่มหนึ่งที่คนใช้เป็นสมุดจดบันทึก

“ผมคิดว่าจะเหมือนในหนังเสียอีก ที่ซ่อนของสำคัญแบบพวกสร้อยคอหัวใจแห่งมหาสมุทร1 หรือไม่ก็ยานอวกาศอะไรพวกนั้น” เหยียนเจิ้งรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เขายื่นมือออกไปนำสมุดบันทึกออกมา และอยู่ ๆ ก็อุทาน “เฮ้ย”

ที่แท้ในสมุดบันทึกก็ซ่อนเหรียญทองแดงเอาไว้ ข้างบนเขียนว่า ‘เงินหยวนโย่ว2

หลวงจีนปีเตอร์รู้ว่านี่คือเหรียญกษาปณ์นี้ใช้ในราชวงศ์ซ่งเหนือ หากนำไปที่ตลาดขายของโบราณก็อาจจะขายได้ราคางามพอสมควร แต่ว่าก็ไม่ได้มูลค่าสูงลิ่วอะไรนัก เหรียญและสมุดบันทึกจัดวางไว้ด้วยกัน ไม่รู้ว่าฝางปินจะใช้เพื่อทำอะไร

สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะจะมาใคร่ครวญ เหยียนเจิ้งเอาเหรียญใส่กลับเข้าไปในสมุดบันทึกและเอ่ย “หลัวจงเซี่ยใกล้จะเลิกเรียนแล้ว พวกเรารีบกลับ…”

คำพูดของเขายังไม่ทันจบดี อยู่ ๆ ก็มีลมเร็วผ่านหู ได้ยินเพียงเสียง ‘ฉึบ’ สมุดบันทึกในมือก็หายไปในทันใด

นี่เป็นเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เหยียนเจิ้งยังไม่ทันได้ตอบสนอง หลวงจีนปีเตอร์ก็ยกมือพนม เสกสนามพลังอันรางเลือนขึ้น แผ่ออกไปบริเวณรอบข้างอย่างรวดเร็วโดยมีพวกเขาเป็นจุดศูนย์กลาง ผ่านไปสักพักเหยียนเจิ้งถึงได้ตะโกน

“ปีเตอร์ สมุดบันทึก!”

สีหน้าของหลวงจีนปีเตอร์ขึงขัง “ไม่ต้องรีบ สนามพลังของอาตมานี้สามารถสัมผัสถึงพลังที่แฝงอยู่ในสมุดบันทึก คนที่ขโมยไปก็อยู่ภายในสนามพลังนี่แหละ”

“สนามพลังของคุณรับรู้ได้ไกลแค่ไหน” เหยียนเจิ้งมองซ้ายแลขวาอย่างร้อนรน

“วงกลมรัศมีสี่สิบเมตร”

“กว้างขวางดีนะ…แล้วทิศทางล่ะ คุณแน่ใจไหม”

“สามารถชี้ทางได้แค่คร่าว ๆ คุณก็รู้ว่าอาตมาไม่มีวิญญาณพู่กัน แค่ใช้พลังจิตของคนธรรมดาได้ถึงขนาดนี้ก็ดีมากแล้ว”

เหยียนเจิ้งผิวปากอย่างเริงร่าทั้ง ๆ ที่อยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก รอบตัวเขาและหลวงจีนปีเตอร์มีคนอย่างน้อยหลายร้อยคนเดินไปยังหลากหลายทิศทาง ทั้งยังมีคนอีกมากมายที่เดินเข้ามา ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้หากคิดที่จะใช้การสัมผัสของหลวงจีนปีเตอร์ออกค้นหาก็คงจะเหมือนนำน้ำหนึ่งแก้วไปดับฟืนที่เผาไหม้เกวียน หลวงจีนปีเตอร์หลับตาเพ่งสมาธิ พลันเงยหน้าขึ้น ชี้ไปที่ช่องเสียบบัตรในสถานี เหยียนเจิ้งสูดหายใจอย่างหนาวเหน็บ นี่มันตั้งใจจะสร้างความลำบากกันชัด ๆ เพราะตรงนั้นเป็นที่ที่คนเยอะที่สุด

“สมุดบันทึกเคลื่อนช้ามาก ตรงไปในชานชาลา…เขาตั้งใจแฝงตัวเข้าไปในฝูงชนเพื่อเข้าไปในชานชาลานั่นแน่!”

“เข้าไปในชาลาก็ยังดีกว่าออกมานะ” เหยียนเจิ้งดึงจีวรของหลวงจีนปีเตอร์ ทั้งคู่เร่งฝีเท้าเดินตรงไปที่ช่องเสียบบัตร ภายในสถานีรถไฟใต้ดินแห่งนี้เป็นพื้นที่ปิด นอกจากลิฟต์ทั้งสองด้านแล้วก็มีแค่รางรถไฟเท่านั้นที่พาออกไปโลกภายนอกได้ ผู้คนรวมกลุ่มกันอุ่นหนาฝาคั่งอยู่ที่จุดรอภายในชานชาลา สำหรับคนที่กำลังไล่ตามแล้วมีประโยชน์กว่าการเดินอย่างไร้จุดหมายบนโลกอันกว้างใหญ่ข้างนอกมาก

ทั้งคู่ต่างมีบัตรโดยสารอยู่แล้ว ดังนั้นจึงประหยัดเวลาที่จะต้องซื้อตั๋วไป ใช้ความเร็วอย่างที่สุดเท่าที่จะทำได้ผ่านประตูช่องเสียบบัตรเข้าไป ขณะนี้หลวงจีนปีเตอร์รับรู้ได้ว่าสมุดบันทึกได้ผ่านประตูมาแล้วเช่นกัน และหยุดอยู่ตรงข้างหน้าไม่ไกลนี้ ตอนนี้พวกเขาอยู่บนชานชาลาเดียวกันกับคนชิงทรัพย์ที่ลึกลับคนนั้นแล้ว

ขณะนี้ใกล้จะถึงเวลาที่คนส่วนใหญ่เลิกงานเต็มที คนที่รอรถไฟอยู่บนชานชาลาส่วนมากก็เป็นพนักงานบริษัทที่เหนื่อยล้าเพลียแรง มีนักท่องเที่ยวที่สัญจรปะปนอยู่ในหมู่คนบ้าง ทุกคนรวมตัวกันอยู่ริมชานชาลา ยืนต่อตามแนวเส้นสีเหลืองบนพื้น บ้างก็คุยโทรศัพท์เสียงดังลั่น บ้างก็อ่านหนังสือพิมพ์ ผู้คนส่วนใหญ่หันข้างอย่างไร้อารมณ์มองไปในอุโมงค์ทางขวาที่มืดมิดของรางรถไฟฟ้าใต้ดิน ตัวเลขบนนาฬิกาจอแอลซีดีที่อยู่เหนือหัวของพวกเขาเคลื่อนตัวอย่างเอื่อยเฉื่อย รถไฟขบวนต่อไปต้องรออีกห้านาทีถึงจะเข้าสถานี พวกเขาจึงจำเป็นต้องช่วงชิงเวลานี้ให้ได้

“สมุดบันทึกไม่ขยับ ต้องอยู่ในกลุ่มคนตรงหน้าแน่” หลวงจีนปีเตอร์กระซิบบอกเหยียนเจิ้ง “แล้วอาตมาก็คิดว่าเขาไม่รู้ด้วยว่าพวกเรากำลังตามมา”

“หืม?” เหยียนเจิ้งขมวดคิ้ว สอดส่ายสายตามองแต่ละเงาร่างที่น่าสงสัยบริเวณชานชาลา

“ขโมยสมุดบันทึกไปจากมือคุณได้โดยใช้เวลาแค่ชั่วพริบตา อีกทั้งพวกเรายังไม่รู้สึกอะไร ฝ่ายตรงข้ามน่าจะเป็นประเภทความเร็วสูง ไม่ก็สามารถลักของจากช่องว่างในอากาศได้” หลวงจีนปีเตอร์เอ่ยวิเคราะห์ “เขาได้สิ่งของนั่นไปแล้วกลับไม่รีบหนีไปทันที แถมยังเข้ามาในสถานีรถไฟฟ้าที่เป็นสถานที่ปิดแบบนี้ นี่ไม่ผิดปกติไปหน่อยเหรอ”

“อืม มีเหตุผล ถ้าเป็นผมล่ะก็ จะรีบหนีออกไปโดยเร็ว หนีไปยิ่งไกลเท่าไหร่ยิ่งดี”

“อาตมาคิดว่าเขาคนนั้นน่าจะมั่นใจในความสามารถของตนเองโดยไม่กลัวสิ่งใด คงคิดว่าแม้พวกเราจะจับได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ดังนั้นจึงมานั่งรถไฟฟ้าใต้ดินอย่างสบายใจ เสียดายที่เขาคิดไม่ถึงว่าอาตมาจะรับรู้ได้ถึงพลังของสมุดบันทึกเล่มนั้น”

“ฮึ อย่าให้ฉันรู้นะว่าใครทำ ฉันจะให้แกได้รู้จักกับนักเลงหัวไม้ที่มีวิชาหักข้อต่อร้ายกาจที่สุดในเขตตงเฉิงเสียหน่อย!” เหยียนเจิ้งบ่นพึมพำอย่างโกรธเกรี้ยว ขณะเดียวกันก็เงยหน้าขึ้นไปมองเวลาบนจอแอลซีดี

“คนที่ให้ความสนใจกับสมุดบันทึกของฝางปินก็มีแต่คนพวกนั้นนั่นล่ะ”

หลวงจีนปีเตอร์จับแว่นกรอบทอง ‘คนพวกนั้น’ ที่เขาเอ่ยออกจากปากหมายถึงพวกคนที่ฆ่าฝางปิน และก็คือขุมกำลังลึกลับของคนที่ชื่อหานจั้งที่ก่อความโกลาหลหน้าวัดลวี่เทียนอัน “ปัญหาในตอนนี้ก็คือทำอย่างไรจึงจะแยกตัวเขามาได้ก่อนที่รถไฟฟ้าจะเข้าสู่ชานชาลา การรับรู้ของอาตมารางเลือน ไม่สามารถหาตำแหน่งที่แน่นอน ถ้าขืนปล่อยให้เขาได้เข้าไปในขบวนรถก็จะยิ่งลำบากกว่านี้แน่”

ในสมุดบันทึกของฝางปินที่แท้คืออะไร พวกเขาก็ยังไม่แน่ใจ แต่ในเมื่อฝ่ายตรงข้ามลงมือขโมยมันไปก็แสดงว่าในสมุดเล่มนั้นต้องเขียนสิ่งที่ศัตรูหวังจะรับรู้หรือมีสิ่งใดซ่อนไว้เป็นแน่

หลวงจีนปีเตอร์ลดเสียงลง “ตอนนี้พู่กันวาดคิ้วของคุณใช้ได้ไหม”

เหยียนเจิ้งยืดนิ้วทั้งสิบออกส่ายไปมา “กระสุนบรรจุเต็มแม็กซ์” พู่กันวาดคิ้วของเขาหลอมมาจากจางฉ่างแห่งราชวงศ์ฮั่น สามารถย้อนคืนสภาพของสิ่งของที่สัมผัสกลับไปยังช่วงเวลาหนึ่ง หนึ่งนิ้วหมายถึงโอกาสหนึ่งครั้ง

หลวงจีนปีเตอร์เอ่ย “งั้นดี ระหว่างวิญญาณพู่กันจะมีการตอบสนองต่อกันเล็กน้อย ถ้าคุณเข้าใกล้เขาแล้วแอบใช้พู่กันวาดคิ้ว อาตมาก็น่าจะสามารถสัมผัสได้ถึงคลื่นของวิญญาณพู่กันฝ่ายตรงข้าม”

“ฟังแล้วดูเหมือนคำพูดอีโรติก…” เหยียนเจิ้งสอดส่ายสายตาไปยังบรรดาผู้โดยสาร ในบรรดานั้นไม่พ้นที่จะเป็นหญิงสาวออฟฟิศและบรรดาน้องสาวนักศึกษา

หลวงจีนปีเตอร์ต้องเอ่ยเตือนสติ “ตั้งใจหน่อย คุณไม่ใช่มิตรของหญิงสาวหรอกหรือ นี่หรือคือคุณธรรมการให้ความเคารพของคุณ?”

หลังจากถูกหลวงจีนปีเตอร์จ้องมองอย่างเคร่งเครียด เหยียนเจิ้งก็ทำได้เพียงเก็บความคิดพิสดารของตนกลับไป ให้พู่กันวาดคิ้วไปรวมบนปลายนิ้ว สองมือล้วงเข้าไปในกระเป๋า แสร้งทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาวแฝงตัวไปกับฝูงชน หลวงจีนปีเตอร์รวบรวมกำลังเพื่อให้สนามพลังมั่นคงในการตอบสนอง ตั้งใจตรวจหาทุกระลอกคลื่นที่มีความเป็นไปได้

ตอนที่การค้นหาของพวกเขาดำเนินไปได้ครึ่งหนึ่ง เสียงอึกทึกก็แว่วเข้ามาจากที่ไกล และแล้วรถไฟฟ้าก็มาถึงชานชาลา

อีกทั้งรถไฟสองฝั่งยังเข้ามาในสถานีพร้อมกันอีก นี่ถือเป็นสถานการณ์ที่สุดแสนจะเลวร้าย

กลุ่มคนทั้งสองฟากฝั่งเริ่มเอะอะวุ่นวาย พากันเดินมาออที่เส้นสีเหลืองเพียงเพราะกลัวว่าจะขึ้นไปบนรถไม่ได้ ในตอนที่ขบวนรถจอดแน่นิ่งและประตูรถเปิด คนในขบวนก็พยายามออก ส่วนคนภายนอกก็พยายามพาตัวเข้าไปสุดชีวิต เกิดความอลหม่านไปทั่ว ขณะนั้นชานชาลาวุ่นวายอย่างยิ่ง

ในตอนนี้พลังที่หลวงจีนปีเตอร์รับรู้ได้อย่างยากเย็นถูกกลบหายไปหมดจด ราวกับเสียงเรือดำน้ำของกองทัพเจอกับแผ่นดินไหวที่ก้นทะเล เสียงที่ดังมากเกินไปย่อมกลบเสียงที่ไม่ชัดเจนเสมอ

สองคนสี่ตารวมกำลัง ไม่ต้องรอให้หลวงจีนปีเตอร์อธิบายความ เหยียนเจิ้งก็ตระหนักได้ถึงช่วงเวลาคับขัน ภายใต้ความร้อนใจเขาไม่สนใจว่าจะถูกค้นพบ ตะเบ็งเสียงตะคอกใส่หลวงจีนปีเตอร์ “พี่ชาย ฟังดี ๆ ล่ะ!” เขาชันเข่าหนึ่งข้าง มือขวาห้านิ้วรวบแสงสีแดงบรรจบกันเป็นกำปั้น แล้วออกหมัดต่อยลงบนพื้น

แสงสีแดงแพร่กระจายลงบนพื้น กินอาณาเขตราวหนึ่งในสามของหน้าชานชาลา นี่เป็นผลลัพธ์ของการฝึกฝนอย่างบากบั่นของเหยียนเจิ้งจนสามารถนำพละกำลังของทั้งห้านิ้วรวมไว้จุดเดียวกันได้ ระยะของผลกระทบก็เปลี่ยนไปกว้างขึ้นกว่าเดิม ไม่จำเป็นต้องทำเหมือนกับก่อนหน้าที่ต้องใช้นิ้วสัมผัสโดยตรง

ผู้คนทั้งหลายล้วนแต่วุ่นอยู่กับการช่วงชิงเบียดเสียดขึ้นขบวนรถ ไม่รู้สึกถึงความผิดปกติใดแม้เพียงเสี้ยว อย่างไรก็ตาม พลังของวิญญาณพู่กันในระดับหนาแน่นที่ปลดปล่อยออกไปนี้สำหรับหลวงจีนปีเตอร์แล้วถือว่าชัดเจนพอ ประหนึ่งระลอกคลื่นที่ชนเข้ากับแนวหินแข็ง ตอนที่แสงสีแดงของเหยียนเจิ้งกระจายตัว หลวงจีนปีเตอร์ก็สัมผัสถึงแรงกระเพื่อมอันชัดเจนจากทางขวาทันที

“ฝั่งขวา!”

ทั้งสองไม่กล่าวอะไรมากความ ก้าวขาไล่กวด วินาทีก่อนที่ประตูรถจะปิดลง ในที่สุดก็ขึ้นมาบนขบวนทางขวาได้ รถไฟฟ้าใต้ดินที่เต็มไปด้วยผู้โดยสารซึ่งเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันเริ่มแล่นออกจากชานชาลาไปช้า ๆ

“เป็นไง พวกเราทายถูกแล้วใช่ไหม” เหยียนเจิ้งหายใจหอบแรง เกาะราวจับไว้ การปลดปล่อยพลังทั้งห้านิ้วในเวลาเดียวไม่ใช่เรื่องสบาย ตอนนี้รถไฟฟ้าเริ่มเข้าไปในอุโมงค์ ผู้คนที่เกรียวกราวแต่เดิมก็ค่อย ๆ เงียบลง หลวงจีนปีเตอร์ใช้เวลานี้รวบรวมจิตสัมผัสอยู่สักพัก

“ไม่ผิด อาตมารู้สึกได้ เขาอยู่บนรถขบวนนี้ ทั้งยังมีความเป็นไปได้ที่จะอยู่ในตู้โดยสารเดียวกับพวกเรา”

 

 

1 สร้อยคอหัวใจแห่งมหาสมุทร (The Heart of the Ocean) ปรากฏในภาพยนต์เรื่องไททานิค เป็นสร้อยคอที่ประดับด้วยจี้เพชรสีน้ำเงินรูปหัวใจขนาดใหญ่ที่คู่หมั้นของโรส (นางเอก) มอบให้เธอเป็นของขวัญขณะเดินทางอยู่บนเรือไททานิค

2 เงินหยวนโหย่ว หยวนโย่วเป็นชื่อรัชศกของจักรพรรดิซ่งเจ๋อจงแห่งราชวงศ์ซ่ง เหรียญที่ใช้ในสมัยนั้นเรียกว่า เงินหยวนโย่ว

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า