[ทดลองอ่าน] แฟ้มคดีกรมปราบปีศาจ ตอนที่ 1

แฟ้มคดีกรมปราบปีศาจ

步天纲 (Bu Tian Gang)

 

梦溪石 เมิ่งซีสือ เขียน

ลลิตา ธ. แปล

 

นิยาย 6 เล่มจบ วางจำหน่ายแยกเล่ม

 

—.—.—.—.—.—.—.—.—.—

 

ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ >> Rose Publishing

…XOXO…

มาดามโรส

ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์

 

ตอนที่ 1

 

รถไฟขบวนหนึ่งมุ่งหน้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ

แม้กระทั่งจุดหมายปลายทางก็เข้ากันดีกับฤดูกาลนี้ : ฉางชุน [1]

ตงจื้อนั่งอยู่บนที่นั่งติดริมทางเดิน คิดว่าศีรษะของตนคงโดนประตูหนีบเข้าเสียแล้วถึงได้เลือกที่นั่งชั้นประหยัดบนรถไฟซึ่งต้องใช้เวลาเดินทางนานถึงสามสิบสองชั่วโมง

ใกล้เที่ยงคืนแล้ว ท้องฟ้าด้านนอกเป็นสีดำสนิท ไม่มีทิวทัศน์อะไรให้เชยชม

ไม่รู้เขาผล็อยหลับไปเมื่อไหร่ ฝันได้หน่อยเดียวก็สะดุ้งตื่น รู้สึกปวดปัสสาวะกะทันหัน ขณะที่คิดจะลุกไปเข้าห้องน้ำนั้นเอง ใครบางคนก็เดินผ่านตัวไป ลักษณะหลังค่อมเล็กน้อย ผมสีดอกเลา

อีกฝ่ายเดินเข้าห้องน้ำไป ก่อนที่จะปิดล็อกประตูทันที

ตงจื้อขี้เกียจเดินไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ไกลออกไปจึงตั้งใจจะรอให้อีกฝ่ายออกมาก่อน ระหว่างนั้นก็เล่นโทรศัพท์ด้วยความเซ็งสุดขีด

ก่อนออกมา ตงจื้อคาดการณ์ไว้แล้วว่าขณะอยู่บนรถไฟจะต้องใช้อินเทอร์เน็ตจำนวนมาก จึงซื้อแพ็คเกจอินเทอร์เน็ตจำนวนแปดกิกะไบต์มาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ เพิ่งเข้าเกมไม่ทันไร บนโกลบอลแชนเนลก็มีคนชวนเข้าทีมพอดี เขารีบแอดเข้าไป เมื่อแบทเทิลเสร็จ ดูเวลาอีกทีก็พบว่าผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว

ประตูห้องน้ำยังคงปิดอยู่ ระหว่างที่เล่นเกมเมื่อครู่นี้ เขาไม่ลืมเงยหน้าขึ้นมองเป็นระยะ หลังจากที่คนก่อนหน้าเข้าไปก็ไม่ได้ออกมาอีกเลย ตงจื้อไม่มีทางเลือกนอกจากเดินไปเคาะประตู

ไม่ใช่เพราะอยากเข้าห้องน้ำอย่างเดียว แต่เขายังกลัวว่าผู้สูงอายุด้านในจะเป็นอะไรไปด้วย เพราะผ่านไปนานขนาดนี้แล้วยังไม่ออกมาเสียที

ผลคือ เคาะอยู่นานสองนานก็ไม่มีใครตอบกลับเลย

คงไม่ได้เป็นลมอยู่ในนั้นหรอกนะ ตงจื้อคิด รู้สึกใจคอไม่ดี

พอดีกับที่พนักงานรถไฟออกตรวจการณ์รอบดึกเดินผ่านมาทางนี้ ตงจื้อจึงรีบเรียกไว้และอธิบายสถานการณ์ให้ฟัง

ทันทีที่พนักงานได้ฟังก็ขมวดคิ้ว ตรงไปเคาะประตูร้องเรียกทันที

ตงจื้อกลั้นไม่ไหวแล้วจริง ๆ เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องวิ่งเหยาะ ๆ ตลอดทางเพื่อไปห้องน้ำที่อยู่อีกด้าน ขากลับมา พนักงานรถไฟก็ยังเคาะประตูอยู่ที่เดิม

ชายหนุ่มตระหนักได้ทันทีว่าสถานการณ์ไม่ปกติเสียแล้ว

ในภาวะเช่นนี้ หากคนที่อยู่ด้านในไม่ได้หมดสติหรือหูหนวกก็ควรจะได้ยินแล้ว

เห็นได้ชัดว่าพนักงานก็ตระหนักถึงปัญหาเดียวกัน หล่อนใช้วิทยุสื่อสารเรียกพนักงานอีกคนมาหาเพื่อนำกุญแจมาไขประตู

ประตูเปิดออกในที่สุด

ช่วงกลางดึก จำนวนคนในตู้โดยสารมีไม่มาก ส่วนใหญ่จะหลับพิงเก้าอี้หรือไม่ก็เล่นไพ่กันเป็นกลุ่มเล็ก ๆ แต่ก็มีอยู่สองสามคนที่ว่างมากจนไม่รู้จะทำอะไร จึงเข้ามามุงดูเหตุการณ์ด้วย

ทว่า ณ วินาทีนั้นทุกคนต่างตะลึงงัน

เนื่องจากไม่มีผู้ใดอยู่ภายในห้องน้ำแคบ ๆ นั้นเลย!

ปฏิกิริยาแรกของพนักงานรถไฟคือตงจื้อโกหก แต่ทันใดนั้นหล่อนก็รู้สึกถึงความผิดปกติที่ตามมา

หากไม่มีคนเข้าไปจริง ๆ ทำไมประตูถึงถูกล็อกจากด้านในล่ะ

รถไฟเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง ความเป็นไปได้ที่อีกฝ่ายจะกระโดดออกไปนอกรถก็มีไม่มาก

ต่อให้กระโดดออกไปจริง ๆ แต่หน้าต่างห้องน้ำก็ล็อกอยู่เหมือนกัน!

ตงจื้อยืนกรานด้วยความมั่นใจ “ผมเห็นกับตาตัวเองว่าเขาเข้าไปในนั้น!”

พนักงานรถไฟรู้สึกคลางแคลง “เขาออกมาแล้ว แต่คุณไม่เห็นหรือเปล่า”

แล้วเรื่องที่ประตูถูกล็อกจากด้านในล่ะ จะอธิบายยังไง

ทุกคนได้แต่มองหน้ากันไปมา พนักงานขยับปากพึมพำ ให้คำตอบกับตนเองรวมถึงคนอื่นด้วยว่า “ตัวล็อกคงจะพังละมั้ง!”

ตงจื้อมองไปทางหลังที่นั่งของตนตามสัญชาตญาณ ในตู้โดยสารนี้มีคนไม่มาก ท่ามกลางแสงจากดวงไฟสลัวราง บางคนกำลังนอนหลับ บางคนกำลังเล่นไพ่ บางคนกำลังสวมหูฟังดูหนัง ไร้ร่องรอยของชายชราคนที่ตนเห็นเมื่อครู่

เพราะแสงไฟมืดสลัวเกินไปเขาจึงเห็นไม่ชัด หรืออีกฝ่ายไปที่ตู้โดยสารอื่นแล้วกันแน่

นี่เป็นเรื่องพิสดารเรื่องแรก

ตงจื้อกลับไปยังที่นั่งของตน ตามองไปทางห้องน้ำเป็นระยะ หลังจากนั้นก็มีผู้โดยสารเข้า ๆ ออก ๆ อีกหลายคน ทุกอย่างล้วนปกติดี

ที่นั่งข้างเขาไม่มีคนนั่ง ผู้โดยสารที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็จะลงจากรถที่สถานีหน้านี้แล้ว วัยรุ่นบางคนที่นั่งกระจัดกระจายกันอยู่ด้านหลังอยากเล่นไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ด บังเอิญเห็นว่าตรงเขามีที่นั่งว่างเยอะ จึงเข้ามาสอบถามและชวนตงจื้อให้เล่นไพ่ด้วยกัน

ปกติตงจื้อเป็นคนรักความครื้นเครง แต่หลังจากผ่านเหตุการณ์เมื่อครู่มา ในใจเขาก็รู้สึกแปลก ๆ อยู่ตลอด อยากจะใช้ความคิดอยู่กับตัวเองสักพัก จึงปฏิเสธไปอย่างสุภาพ แต่ก็หยิบกระเป๋าที่วางอยู่บนที่นั่งข้าง ๆ ลงไปวางไว้บนพื้น ยกที่ว่างให้อีกฝ่ายอย่างใจกว้าง

เด็กวัยรุ่นสองสามคนถือไพ่กับขนมเข้ามาด้วยความรื่นเริง ทุกคนสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว ตงจื้อได้รู้ว่าพวกเขาเป็นนักเรียนที่นัดกันออกมาเที่ยวก่อนเรียนจบ

“ฉันคิดว่านายเด็กกว่าพวกเราเสียอีก!” ชายรูปร่างสูงใหญ่ผึ่งผายประหลาดใจเป็นอย่างมากหลังจากที่รู้ว่าตงจื้อทำงานมาหลายปีแล้ว

ตงจื้อมีเค้าโครงใบหน้าอ่อนโยน แม้แต่เส้นผมก็ยังอ่อนนุ่มอีกด้วย รูปร่างหน้าตาแบบนี้มักได้เปรียบ ตอนอายุน้อยว่าดูเด็กแล้ว ตอนอายุมากก็ยังดูเด็กอยู่

โดยเฉพาะผิวพรรณของเขาที่ขาวยิ่งกว่าเด็กผู้หญิงด้วยซ้ำ

ตงจื้อได้ฟังคำพูดทำนองนี้เป็นประจำจนรู้สึกชินเสียแล้ว เขารับฟังยิ้ม ๆ โดยไม่โต้ตอบ ในหัวเผลอปรากฏภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ยามที่ชายชราเดินผ่านตัวเขาไป

ทำไมคนคนหนึ่งถึงเข้าไปในห้องน้ำแล้วหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยได้ หรือว่าในห้องน้ำจะมีช่องว่างต่างมิติที่ใครก็มองไม่เห็น

คิดไปคิดมาเขาก็ค่อย ๆ สัปหงกโดยไม่รู้ตัว

เด็กสาวที่เล่นไพ่อยู่ใกล้ ๆ เห็นดังนั้นก็รีบส่งเสียงชู่ เสียงพูดคุยของทุกคนจึงเบาลงในพริบตา

ผู้ที่กำลังหลับใหลพิงศีรษะกับหน้าต่างรถ ขนตาก่อให้เกิดเงาดำเบาบางทาบทับถุงใต้ตา กระทั่งเวลาหลับ คิ้วกับตาก็ยังหยักโค้งราวกับกำลังยิ้มอยู่

ทว่าความสงบนี้คงอยู่ไม่นาน รถไฟแล่นผ่านรางขรุขระช่วงหนึ่ง แรงสั่นสะเทือนที่ค่อนข้างมากทำให้ท้ายทอยกระแทกโดนขอบหน้าต่าง ตงจื้อร้องโอ๊ย ยกมือกุมหัว ตื่นเต็มตาทันที สีหน้าครึ่งหลับครึ่งตื่น งงงวยไม่รู้เรื่อง

เด็กสาวที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเห็นท่าทางดังนั้นของเขาก็รู้สึกว่าทั้งน่ารักทั้งตลก หล่อนอดหัวเราะไม่ได้ ไพ่หลุดจากมือตกลงพื้น ไถลมาที่ใต้ฝ่าเท้าตงจื้อ

ชายหนุ่มก้มตัวลงไปช่วยเก็บ ทันทีที่พลิกหน้าไพ่ขึ้นมาก็เจอคำว่า ‘ผี’

ตงจื้อเกิดแรงบันดาลใจทันควัน เขาส่งไพ่กลับคืน หยิบกระดาษกับดินสอออกจากกระเป๋า แล้วลากดินสอไปบนนั้นอย่างเสรี

“นายวาดตัวอะไร” เด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ข้าง ๆ หาจังหวะเหลือบมอง

“ผีพราย” ตงจื้อตวัดปลายดินสอฉับไวโดยไม่เงยหน้า

ปีศาจตนหนึ่งที่มีใบหน้าอัปลักษณ์ แขนขาทั้งสี่กางค้ำพื้น เต้นเร่า ๆ อย่างมีชีวิตชีวาอยู่บนแผ่นกระดาษ

เขาไม่ได้นึกอยากแสดงฝีมือขึ้นมากะทันหัน

ก่อนการเดินทางเที่ยวนี้ ตงจื้อทำงานอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือ นักออกแบบศิลปะเกมที่ลำบากแสนเข็ญยิ่งกว่าโปรแกรมเมอร์

ทำงานสามปี เพื่อนร่วมงานในแผนกหนีออกไปคนแล้วคนเล่า สุดท้ายแม้แต่หัวหน้าทีมออกแบบก็หนีไปด้วย ผู้ที่ไร้ความทะเยอทะยานอย่างตงจื้อจึงจับพลัดจับผลูกลายมาเป็นหัวหน้าทีมออกแบบ

ไม่ใช่เพราะเขาโชคดีหรือมีความสามารถเก่งกาจอะไรหรอก แต่เป็นเพราะผู้จัดการโปรเจ็กต์ในแผนกพวกเขาเป็นคนที่ทำงานด้วยยากเป็นพิเศษต่างหาก ทั้ง ๆ ที่เป็นเกมมือถือเทพนิยายจีนโบราณแท้ ๆ ยังจะให้พวกเขาเพิ่มความเป็นจิบิ [2] เข้าไป พอนักออกแบบวาดออกมาเป็นแนวจิบิจริง ๆ ผู้จัดการโปรเจ็กต์กลับแสดงท่าทีไม่พอใจ หาว่ามันมีความโบราณไม่พอ เป็นแบบนี้กลับไปกลับมาสามสี่รอบ บรรดานักออกแบบต้องทำงานล่วงเวลาหลายเดือนติดต่อกัน เส้นผมบนศีรษะโดนถอนจนแทบโล้น อีกนิดก็จะเป็นบ้าเพราะเขาอยู่แล้ว เลยพากันทยอยโยกย้ายงานกันไปคนแล้วคนเล่า

มาถึงตอนนี้ตงจื้อก็ทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน ตอนที่อีกฝ่ายบอกให้พวกเขาแก้ภาพร่างเป็นรอบที่นับไม่ถ้วน เขาก็โยนดินสอใส่หน้าผู้จัดการตัวอ้วนทันที ลาออก ไม่ทงไม่ทำมันแล้ว

แต่ลาออกก็ส่วนลาออก เขายังเหลือภาพร่างอีกสองสามแบบที่จะต้องทำส่ง “ผีพราย” ก็คือตัวละครบอสเล็กในดันเจี้ยน [3] ของเกมที่กำลังจะเปิดตัวนั่นเอง

คิดมาถึงตรงนี้ อารมณ์ของตงจื้อก็แจ่มใสขึ้น เขาฮัมเพลงไปด้วย

ดูเหมือนเด็กหนุ่มจะสนใจมาก ถามต่อว่า “ชื่อผีพรายเฉย ๆ เหรอ”

“ชื่อเรียกแบบเป็นทางการคือลิงน้ำ” ตงจื้ออธิบาย “มันอาศัยจังหวะตอนที่คนว่ายน้ำอยู่ฉุดตัวลงไปใต้น้ำ หาตัวตายตัวแทน คล้าย ๆ กัปปะในตำนานญี่ปุ่น”

เขาใช้ดินสอวาดเค้าโครงดวงตาของลิงน้ำออกมาอย่างละเอียด พอมีดวงตาดำทะมึนคู่นี้แล้ว ลักษณะโดยรวมก็ดูคล้ายปีศาจขึ้นมาทันควัน

รถไฟวิ่งด้วยความเร็วสูง ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของแสงเงานอกหน้าต่าง แสงที่สะท้อนลงบนตัวลิงน้ำคล้ายเป็นการเพิ่มกลิ่นอายความน่ากลัวให้กับปีศาจในภาพ

“วาดแบบนี้ไม่ถูก” จู่ ๆ เด็กหนุ่มคนนั้นก็บอก

ไม่ถูกตรงไหน ตงจื้อสงสัย

อีกฝ่ายเอื้อมมือเข้ามา ชี้ไปที่หัวของลิงน้ำในภาพแล้วบอก “ส่วนหัวน่าจะโดนควักออกไปส่วนหนึ่ง ให้ข้างในเป็นช่องกลวงด้วย”

ตงจื้อรู้สึกงุนงง ถามไปเรื่อยว่า “ทำไมถึงกลวงล่ะ”

“ก็ยังไม่ได้เริ่มดูดมันสมองไง พอดูดมันสมองเข้าไปแล้วถึงจะดูเหมือนคนมากขึ้น ไม่อย่างนั้นจะหาตัวแทนได้ยังไง”

ตงจื้อขนลุกซู่เมื่อได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายกล่าว เขาเงยหน้ามอง

เด็กหนุ่มกำลังส่งยิ้มมาทางเขา ฟันขาวเด่นชัดให้ความรู้สึกน่าพิศวงอย่างบอกไม่ถูก

“นายว่าใช่ไหมล่ะ” เมื่อเห็นตงจื้อยังไม่ตอบ เขาก็ขยับเข้ามาถามซ้ำอีกรอบ

ไม่รู้ไปยังไงมายังไง จู่ ๆ ตงจื้อก็สังเกตเห็นว่าที่บริเวณหน้าผากของอีกฝ่ายมีรอยแดงเล็ก ๆ อยู่หนึ่งรอย ลากยาวจากด้านหนึ่งไปจรดอีกด้านหนึ่ง ราวกับว่ากะโหลกศีรษะเคยผ่านการผ่าตัดมาก่อน

จู่ ๆ เขาก็รู้สึกปากคอแห้งผาก แข้งขาอ่อนแรง

จังหวะที่อีกฝ่ายกำลังจะขยับเข้ามาใกล้มากขึ้นนั้น เขาก็ผลักตัวเด็กหนุ่มออกไปอย่างแรง พลันเด้งตัวขึ้น

แล้วก็ลืมตาโพลง!

ความฝันงั้นเหรอ

ตงจื้อจ้องมองไปทางวัยรุ่นสองสามคนที่ยังเล่นไพ่อยู่ตรงหน้า พูดอะไรไม่ออกชั่วขณะ

พวกเขาเองก็ตกใจจนสะดุ้งเพราะการเคลื่อนไหวของตงจื้อที่จู่ ๆ ก็ลืมตา ผุดลุกขึ้นนั่งตัวตรงเช่นกัน

“นายไม่เป็นไรนะ” เด็กหนุ่มคนที่สนทนากับเขาในความฝันเมื่อครู่ถาม

ตงจื้อจ้องหน้าผากอีกฝ่ายเขม็ง

บนนั้นมีสิวสองสามเม็ด แต่ไม่มีรอยแดงอะไร

มองไปทางลิงน้ำที่ตัวเองวาดก่อนหลับฝัน มันกำลังจ้องมายังเขาด้วยดวงตาสีขมุกขมัว

“รู้สึกอุดอู้น่ะ ฉันจะออกไปเดินเล่นสักหน่อย”

ตงจื้อจิตใจว้าวุ่น ยัดกระดาษกับดินสอเข้ากระเป๋าเป้ หาข้ออ้างไปเรื่อยพลางหยิบเป้ขึ้นมาแล้วเดินออกไปด้านนอกทันที เด็กหนุ่มรีบหลีกทางให้เขา

ทุกคนมองแผ่นหลังของชายหนุ่มที่รีบร้อนเดินออกไป ต่างงุนงงเป็นไก่ตาแตก

ตงจื้อบอกตัวเองว่าไม่ต้องคิดมาก ขณะเดียวกันก็อดคิดไม่ได้ว่า ตู้โดยสารตู้นั้นมีสิ่งผิดปกติ

เดินผ่านตู้โดยสารสองตู้ไป ในที่สุดเขาก็พบตู้โดยสารชั้นประหยัดที่มีคนค่อนข้างเยอะ เมื่อเห็นที่นั่งว่างจึงเดินเข้าไป

“หวัดดี ไม่ทราบว่าตรงนี้มีคนนั่งไหม”

ชายฉกรรจ์ไว้หนวดที่กำลังเล่นเกมเงยหน้าปรายตามาทางเขาแวบหนึ่ง ปากร้องบอก “ไม่มี นั่งเถอะ!”

อีกฝ่ายมีรูปร่างกำยำล่ำสัน เต็มไปด้วยมาดของชายชาตรี ตงจื้อรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาทันที

เขาเหลือบตามอง อีกฝ่ายกำลังเล่นเกมอยู่ เป็นเกมเดียวกับที่ตงจื้อทำก่อนลาออกมา

เกมนี้มีชื่อว่า ดินแดนว่างเปล่า ใช้ภาพจากเรื่อง อภินิหารตำนานภูผาเหนือสมุทร เป็นฉากหลัง นำเทพเจ้าและพระพุทธเจ้าบนสวรรค์กับปีศาจบนโลกมนุษย์มาอยู่ร่วมกัน หลังออกวางตลาดก็ได้รับความนิยมในวงกว้าง ครองอันดับต้น ๆ ของบอร์ดจัดอันดับอย่างรวดเร็ว กำไรของเกมเป็นตัวตัดสินผลงานของพนักงานในแผนก ดังนั้นตลอดสามปีมานี้ แม้งานจะเหนื่อย แต่เงินเดือนกับสวัสดิการไม่เลวเลย ตงจื้อคนเดียวเลี้ยงทั้งครอบครัวได้โดยไม่อดอยาก ได้เงินมายังเหลือส่วนน้อยให้เก็บหอมรอมริบบ้าง ไม่อย่างนั้นคงทนคนจิตวิปริตอย่างผู้จัดการโปรเจ็กต์ได้ไม่ถึงสามปี หนีเตลิดไปตั้งแต่ปีแรกแล้ว

“วางกำลังแบบนี้สู้จู้หรง [4] ไม่ได้ นายต้องเปลี่ยนสัตว์อัญเชิญ!” เขาอดเปรยไม่ได้

ชายฉกรรจ์เพิ่งแบทเทิลแพ้ โดนคนในทีมด่าจนเสียหมาพอดี ได้ยินดังนั้นจึงบอกอย่างหัวเสีย “นายเก่งนักก็เล่นเองสิ!”

ตงจื้อไม่เกรงใจ รับโทรศัพท์มาแล้วเริ่มเปลี่ยนเครื่องแบบกับสัตว์อัญเชิญทันที จากนั้นก็ไปฝ่าดันเจี้ยนกับทีม การเคลื่อนไหวปราดเปรียวช่ำชอง แค่เห็นก็รู้เลยว่าเป็นหนุ่มโอตาคุระดับอาวุโสที่ปราศจากชีวิตกลางคืน

ชายฉกรรจ์เลื่อมใสอย่างสุดซึ้ง “ลูกพี่อยู่โซนไหน แบ่งขาให้ฉันกอดข้างหนึ่งได้ไหม”

ตงจื้อกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “เราสองคนอยู่โซนเดียวกัน นายแอดฉันเป็นเพื่อนก็แล้วกัน”

ไป ๆ มา ๆ ทั้งคู่ก็คุยกันถูกคอ ตงจื้อได้รู้ว่าชายฉกรรจ์ชื่อเหออวี้ จะไปเที่ยวฉางชุนเหมือนกัน

เหออวี้บ่น “หนทางแสนไกล ไม่นั่งเครื่องบินยังพอทำเนา แต่หัวหน้ายังไม่ยอมซื้อตั๋วรถไฟหัวกระสุนให้ แถมยังให้ฉันมานั่งชั้นประหยัดอีก!”

บริษัทอะไรทำไมขี้งกขนาดนี้! ตงจื้อลิ้นจุกปาก พูดไม่ออก

“หัวหน้านายคงไม่ได้อยู่ในตู้โดยสารนี้หรอกนะ ระวังเขาได้ยินล่ะ”

เหออวี้กลอกตา “ไม่เป็นไรหรอก เขาอยู่ตู้นอนพิเศษทางนู้น!”

ตงจื้ออดเวทนาอีกฝ่ายไม่ได้ ดูท่าบริษัทนี้จะโรคจิตกว่าแผนกเขาเสียอีก

“ตงจื้อ ชื่อนายน่าสนใจดี” เหออวี้บอก “แซ่ตงจริง ๆ เหรอ มีแซ่นี้ด้วย?”

ตงจื้อบอกยิ้ม ๆ “แน่นอน ก็เพราะแซ่ตงนี่แหละเลยชื่อตงจื้อ จำง่ายดี พอดีกับที่ฉันเกิดวันเทศกาลตงจื้อ [5] ด้วย บังเอิญมากเลยใช่ไหมล่ะ”

เหออวี้เงยหน้าสำรวจอีกฝ่ายอย่างละเอียด จากนั้นจึงพยักหน้า “บังเอิญมาก”

การสนทนาบวกกับการเล่นเกมทำให้ความหวาดผวาเมื่อครู่ที่ยังตกค้างอยู่ในใจค่อย ๆ เลือนหายไป ตงจื้อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองยังร่างรูปไม่เสร็จ จึงหยิบมันออกมาจากกระเป๋าเป้

เหออวี้เห็นรูปนั้นก็ร้องเอ๊ะ “รูปของนายคล้ายกับสไตล์ของ ดินแดนว่างเปล่า เลย!”

ตงจื้อวาดเล็บให้ลิงน้ำ บอกโดยไม่เงยหน้าว่า “ใช่สิ ก็ฉันนี่แหละนักออกแบบศิลปะเกมของ ดินแดนว่างเปล่า ยูสเซอร์เนมที่ใช้ข้างนอกคือตุ้งตุ้งแช่”

เหออวี้อ้าปากค้าง ตงจื้อให้เขาดูลายเซ็นกับภาพวาดที่บันทึกไว้ในโทรศัพท์ก่อนหน้านี้ อีกฝ่ายถึงเชื่อ

“มหาเทพ ได้โปรดรับการคารวะจากข้าด้วย!” เขาโผกอดตงจื้อแรง ๆ “สวรรค์ ฉันได้สัมผัสเทพตัวเป็น ๆ แล้ว!”

คนที่สัปหงกอยู่ฝั่งตรงข้ามสะดุ้งตื่น มองมาทางพวกเขาด้วยสีหน้า ‘ที่แท้ก็คู่ไม้ป่าเดียวกันนี่เอง’

ตงจื้อไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี อยากดันตัวอีกฝ่ายออก แต่ช่วยไม่ได้ที่เหออวี้กอดแน่นเกินไป ดันเท่าไหร่ก็ไม่ขยับ

เหออวี้ทำหน้าเป็นปลื้ม “สวรรค์เมตตาฉันแล้ว ถึงจะมีหัวหน้าเป็นคนขี้งกใจดำ แต่ก็ประทานโอกาสให้ฉันได้พานพบมหาเทพ!”

เขารีบควักสมุดกับดินสอออกจากกระเป๋าด้านข้าง บอกด้วยนัยน์ตาเป็นประกายว่า “ท่านมหาเทพ เซ็นชื่อให้ฉันหน่อยได้ไหม”

ตงจื้อ “เซ็นกี่ชื่อล่ะ”

เหออวี้ “เซ็นทุกหน้าเลยได้หรือเปล่า”

ตงจื้อ “…”

เขาลองดูแล้ว สมุดเล่มนั้นน่าจะมีกระดาษเปล่าอย่างน้อยหนึ่งพันหน้า ตงจื้อเซ็นลงไปห้าชื่อเงียบ ๆ จากนั้นจึงปิดสมุดส่งคืน

เหออวี้สาธยายความเลื่อมใสที่เขามีต่อตงจื้อ “ฉันชอบคาแร็กเตอร์หญิงตัวหลักพวกนั้นที่นายวาดมากเลย โดยเฉพาะเซียนในภาพ สาวโลลิคนนั้นน่ารักชะมัด แฟนเกมทำคลิปออกมาด้วยนะ นายเคยเห็นหรือยัง แบ็กกราวนด์มิวสิคที่พวกเขาใช้…”

ตงจื้อหัวเราะ ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่า ดินแดนว่างเปล่า ดังเป็นพลุแตกขนาดไหน แต่เขาคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะมีแฟนคลับติดตามด้วย นอกเหนือจากความรู้สึกเขินอายแล้ว ยังมีความรู้สึกชื่นใจประเภทที่ว่า ‘การทำงานล่วงเวลาสองสามปีมานี้ถือว่าไม่สูญเปล่าเสียทีเดียว’

จัดการร่างภาพลิงน้ำเสร็จแล้ว ตงจื้อก็ให้คำแนะนำเกี่ยวกับกลยุทธ์ของเกมอีกสองสามประโยค จากนั้นจึงบอก “ฉันชักหิวแล้ว จะไปดูที่ตู้เสบียงหน่อย นายอยากกินอะไรไหม”

เหออวี้แสดงไมตรีจิตต่อไอดอลของตน “ฉันไปซื้อให้ดีกว่า!”

ตงจื้อบอกเมื่อเห็นอีกฝ่ายยังดวลไม่เสร็จ “ไม่ต้องหรอก ฉันอยากออกไปเดินเล่นพอดี นายสู้ตานี้ให้จบเถอะ ไม่อย่างนั้นจะโดนคนในทีมด่าเอาอีก”

เหออวี้คิดไปคิดมาก็ใช่ “ถ้าอย่างนั้นรบกวนท่านมหาเทพซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปให้ฉันหน่อยสิ กลับมาแล้วฉันจะโอนเงินคืนให้”

ตงจื้อกล่าวยิ้ม ๆ “ฉันเลี้ยงนายแล้วกัน”

เหออวี้ตาเป็นประกาย “ถ้าอย่างนั้นถือโอกาสนี้ช่วยเซ็นชื่อบนถ้วยบะหมี่ให้ฉันด้วยได้ไหม”

ตงจื้อ “…”

หลุดพ้นจากเหออวี้ เจ้าคนคลั่งลายเซ็นมาได้ เขาก็เดินไปทางตู้เสบียง

ตลอดทางมีผู้โดยสารหลายคนที่กลางค่ำกลางคืนนอนไม่หลับ เดินไปเดินมาทั่วบริเวณเหมือนกับเขา แต่ส่วนมากมักจะนั่งหลับอยู่บนเก้าอี้ หรือไม่ก็ดูหนัง ไฟในตู้โดยสารปิดไปแล้วกว่าครึ่ง เงาดำสลัวรางปรากฏวับแวมเคียงคู่ไปกับฝีเท้าที่ขยับก้าวไปข้างหน้า

รถไฟโยกคลอนเล็กน้อย ตงจื้อจำต้องผ่อนฝีเท้าลง ใช้มือยันผนังรถ

จากนั้นเขาก็เห็นเงาของตนยกมือข้างซ้ายขึ้น โบกมาทางเขาคล้ายกำลังทักทาย

 

[1] เมืองหลวงของมณฑลจี๋หลิน ความหมายตามตัวอักษรหมายถึง ฤดูใบไม้ผลิอันยาวนาน

[2] จิบิ หรือ chibi หรือ super deformed (SD) ในภาษาอังกฤษ เป็นตัวการ์ตูนรูปแบบหนึ่งที่มีขนาดตัวเล็ก หัวโต ส่วนใหญ่ใช้สัดส่วน 1:3 จากขนาดตัวจริง

[3] พื้นที่ในเกมที่ออกแบบเป็นพิเศษสำหรับทำภารกิจหนึ่ง ๆ โดยมีรางวัลเป็นไอเทมต่าง ๆ เข้าเล่นได้ทั้งแบบเดี่ยวและแบบทีม

[4] ตัวละครในเทพนิยายปรัมปราของจีน คนรุ่นหลังขนานนามว่าเป็นเทพแห่งไฟ

[5] เทศกาลตังโจ่ย เทศกาลฤดูหนาวของจีน หรือเทศกาลไหว้ขนมบัวลอย เป็นวันที่กลางวันสั้นที่สุดและกลางคืนยาวนานที่สุดในรอบปี

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า