你能不能不撩我
นายหยุดแกล้งฉันได้ไหม
焦糖冬瓜 เจียวถังตงกวา เขียน
สีน้ำ แปล
JYUN (Kang Jiyun) วาด
— โปรย —
ใครจะรู้ว่าหลังจากฮันต์สารภาพความในใจยาวเหยียด
วินสตันกลับจู่โจมเขาอย่างไม่ทันตั้งตัวจนฮันต์ขวัญผวาเพราะ ‘ขวดโค้ก’ ไซส์ซูเปอร์บิ๊ก
ตอนนั้นเขาถึงได้รู้ว่าวินสตันคิดไม่ซื่อกับเขาตั้งแต่แรกแล้ว!
ทว่าตกตะลึงได้ไม่ทันไร ประโยคสารภาพรักของไชร์ที่พนันกับโอเว่นในงานเลี้ยง
เพื่อแกล้งวินสตันกลับผุดขึ้นในหัว ในสายตาของวินสตัน คนที่เขาให้ความสนใจ
และให้ความสำคัญล้วนเป็นผู้ที่แข็งแกร่ง ฝีมือทัดเทียมกันบนสนามแข่ง
แต่คนอย่างฮันต์ เมื่ออยู่ต่อหน้าวินสตันก็เป็นแค่เด็กน้อยคนหนึ่ง
ได้แต่ไล่ตามอยู่ข้างหลังเขาเสมอ…แล้วทีนี้เขาควรจะทำอย่างไรดีล่ะ
—.—.—.—.—.—.—.—.—.—
ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ >> Rose Publishing
…XOXO…
มาดามโรส
ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์
บทที่ 42 ฉันจะทำให้นายมีพร้อมทุกอย่าง
เขาพลิกตัวอย่างระมัดระวัง มองเสี้ยวหน้าของวินสตันแล้วถึงพบว่าผ้าห่มทั้งผืนคลุมอยู่บนกายของตน ส่วนแผ่นหลังของวินสตันนั้นว่างเปล่า
แล้วยังจะพูดว่าฉันต้องระวังอย่าเป็นหวัดล่ะ! นายทำงี้แหละถึงจะเป็นหวัด
ฮันต์เลิกผ้าห่มขึ้น เหวี่ยงไปทางฝั่งวินสตัน
“นายตื่นแล้วเหรอ” วินสตันลืมตาขึ้น
“อืม” ฮันต์ลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิมองไปนอกหน้าต่าง “ไม่รู้ตอนนี้กี่โมงแล้ว”
ดวงจันทร์กระจ่างบนท้องฟ้านุ่มนวลและสว่างไสว แสงจันทร์ตกลงบนบ่อน้ำและมีไอน้ำล่องลอยสู่ด้านบน ทุกสิ่งดูเลือนรางและงดงาม
“สี่ทุ่มแล้ว”
“หา? ฉันยังไม่ทันทำอะไรก็สี่ทุ่มแล้วเหรอ” ฮันต์เผยสีหน้าตกใจ
วินสตันตะแคงตัว เท้าคางพลางยิ้ม “งั้นนายยังอยากจะทำอะไรอีก”
“…ที่นี่เงียบจัง”
“ใช่ ถ้าร้องครางออกมาก็จะได้ยินชัดมาก”
“…เอาอีกแล้วนะ” ฮันต์เตะอีกฝ่ายเบา ๆ อย่างจนใจ
แต่ใครจะรู้ว่าวินสตันกลับคว้าข้อเท้าของเขาไว้ ทุกสิ่งเกิดขึ้นไวมากจนฮันต์ตั้งตัวไม่ทัน
ขณะที่กำลังคิดจะเก็บเท้ากลับมา วินสตันกลับดึงเขาเข้าหา
“เฮ้ย ไม่เล่นแล้ว! ถ้าฉันเป็นเหน็บจะทำยังไง”
“นายไม่ได้ฝึกความยืดหยุ่นใช่ไหม” วินสตันถามเรียบ ๆ แต่แรงที่จับข้อเท้าฮันต์กลับไม่น้อยลงเลยสักนิด
“บ้านนายสิ! ฝึกความยืดหยุ่นน่ะเพื่อป้องกันเส้นตึงระหว่างแข่ง! ใครมันจะว่างไปยืดขาสูงได้ขนาดนั้น!”
“นี่สูงมากเหรอ” วินสตันยกข้อเท้าฮันต์สูงขึ้นอีก
กางเกงขากว้างของเขาร่นลงมา จากมุมของวินสตันต้องมองเห็นข้างในได้ปรุโปร่งแน่
“ปล่อยสิวะ!” ฮันต์ใช้แขนยันลำตัวไว้ พยายามกระถดถอยหลัง
แต่วินสตันยังคงจับตนไว้แน่น ขยับไม่ได้เลยสักนิด
“แบบนี้ล่ะ” วินสตันจงใจงอเข่าฮันต์แล้วดึงไปอีกทาง
“ฉันจะเตะนาย!”
วินสตันยังคงไม่ปล่อยมือ
ฮันต์พลันรู้สึกไม่สบอารมณ์ที่ตนแพ้ราบคาบในการแข่งวัดพลัง เขางอเข่าของตนเองเล็กน้อย เตะไปทางบ่าของวินสตันเต็มแรง
“ได้ใจนักนะ!”
วินสตันปล่อยมือตามคาด เขาเบี่ยงตัวเล็กน้อย เท้าของฮันต์ปัดผ่านหัวไหล่เขาไป แต่คาดไม่ถึงว่าเขากลับจับน่องของฮันต์ไว้แล้วยกพาดไว้บนหัวไหล่เขา จากนั้นก็ค่อย ๆ โน้มตัวมาทางฮันต์
“สองขาถูกยกขึ้นพาดบนบ่า ทุกนาทีผลาญอย่างน้อยยี่สิบหกแคล นายต้องการไหม”
หมอนี่เริ่มแกล้งคนอีกแล้ว
ฮันต์ถีบขาข้างหนึ่งใส่อีกฝ่ายอย่างหงุดหงิด แต่ใครจะรู้ว่ากลับถูกจับไว้อีกครั้ง
เขาเร็วมากแล้วแท้ ๆ! แต่วินสตัน หมอนี่มันเป็นสัตว์ประหลาดหรือไงกัน
“นายไม่กล้าถีบฉันเต็มแรงเพราะกลัวจะทำบ่าฉันเจ็บ”
รอยยิ้มของวินสตันบางมาก แต่ฮันต์กลับรู้สึกว่าหมอนี่กำลังย่ามใจ
“ปล่อยสิวะ! ไม่งั้นฉันต่อยนายจริง ๆ นะ!” ฮันต์ปล่อยหมัด
สองมือของวินสตันปล่อยน่องฮันต์แล้วพลันคว้าหมัดที่เขาต่อยมาเอาไว้ ฮันต์เพิ่งวางขาลง แต่ใครจะรู้ว่าวินสตันพลันออกแรงดึง ฮันต์ก็โถมไปบนกายเขาทันที
วินสตันจับเอวของอีกฝ่ายไว้แล้วอุ้มขึ้นมา ลำตัวฮันต์ถูกวางอยู่บนตัวเขา
“ท่านั่ง หนึ่งนาทีประมาณหกสิบแคล แต่นายจะต้องเกินหนึ่งร้อยห้า”
เสียงของวินสตันดังอยู่ข้างใบหูฮันต์ ลมหายใจเขาอุ่นร้อน ถึงไม่หันหน้าไปฮันต์ก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังยิ้ม
“นายอยากตายเรอะ!” ฮันต์ยันบ่าของวินสตันไว้แล้วลุกพรวดขึ้นมา
แต่ใครจะรู้ว่าวินสตันกลับจับเอวของเขาไว้พอดี กลางร่างเขาพลันชนกับปลายจมูกของอีกฝ่าย
วินาทีที่ส่วนนั้นถูกปลายจมูกของอีกฝ่ายปัดผ่าน เขาเกือบหน้าคะมำลงบนพื้น
“ไม่…ไม่เกี่ยวกับฉัน…นายแกล้งฉันเองนะ…”
สมควร! ตาแก่ลามก!
แต่จิตใต้สำนึกของฮันต์รู้สึกว่าวินสตันไม่โกรธหรอก
วินสตันแค่เบือนหน้าไปยิ้ม
“ขืนยิ้มอีก ฉันจะต่อยนายจริง ๆ!”
“นายต่อยไม่ชนะฉันหรอก” วินสตันลุกขึ้นอย่างใจเย็นแล้วเปิดประตูห้องปีกออก
เวลานี้ผู้หญิงสวมชุดกิโมโนเดินเข้ามาเก็บกวาดของบนโต๊ะ
“กลับห้องนอนตอนนี้เลยไหม” วินสตันถาม
หมอนี่โคตรเก่ง ทำเหมือนกับเรื่องชวนกระอักกระอ่วนเมื่อครู่พวกนั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“ไม่นอนเว้ย!”
ฮันต์โกรธนิด ๆ แล้ว
“งั้นนายอยากผลาญแคลอรี?” วินสตันถามยิ้มๆ
แม่งเอ๊ย ตอนนี้พอพูดถึง ‘ผลาญแคลอรี’ ฮันต์ก็จะคิดถึงเรื่องที่ไม่ควรคิดถึง
เมื่อเห็นท่าทางหัวฟัดหัวเหวี่ยงไม่พูดไม่จาของเขา วินสตันก็ตบ ๆ บ่าฮันต์ “ไปกันเถอะ ไปตีปิงปอง นายตีเป็นไหม”
“ฉันเล่นไม่เป็น! นายสอนฉันสิ!”
ฮันต์เดินตามวินสตันออกจากห้องปีก
ห้องตีปิงปองจำเป็นต้องเดินผ่านระเบียงทางเดินยาวมากเนื่องจากอยู่ค่อนข้างไกลจากสถานที่นอนหลับพักผ่อนของเแขกผู้เข้าพัก
ฮันต์เดินไปพลาง มองวิวนอกเรือนไปพลาง
บนผนังของระเบียงทางเดินฉายเงาของตนกับวินสตัน
ฮันต์จงใจเอื้อมมือมาทำท่าผลักอีกฝ่าย เงาบนผนังก็ทำตาม
“นายนี่เด็กจริง ๆ”
วินสตันพลันหยุดเดิน ทำให้ฝ่ามือของฮันต์กดลงบนไหล่ด้านหลังของอีกฝ่าย
“นายก็ไม่ได้เพิ่งรู้วันนี้นี่” ฮันต์ยิ้มอย่างไม่ยี่หระ
ฝ่ามือสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิร่างกายของวินสตัน
เมื่อวินสตันเดินต่อไปข้างหน้า ฝ่ามือของฮันต์พลันเย็นวาบ ในใจก็รู้สึกอ้างว้างขึ้นมา
เมื่อพวกเขาเดินเข้าไปในห้องตีปิงปอง แสงไฟในนี้สว่างไสวและห้องก็กว้างขวางกว่า ต่างกับห้องปีกที่กินอาหารเมื่อครู่
ในห้องมีโต๊ะปิงปองสี่ตัว น่าเสียดายที่เรียวกังออนเซ็นนอกจากพวกเขาสองคนก็ไม่มีแขกคนอื่นแล้ว
วินสตันมาข้างกายเขา สอนวิธีจับไม้ และอธิบายจุดที่ลูกตกกระทบบนไม้ให้เขา
มือของเขาค่อย ๆ เลื่อนลงจากบ่าของฮันต์มายังเอว แนบกายจากด้านหลังเบา ๆ สอนเขาเรียนรู้วิธีการบิดเอวเวลาตีลูก
ถ้าเรียนประวัติศาสตร์อเมริกา ฮันต์ไม่มีพรสวรรค์เอาซะเลย
แต่ถ้าเรียนกีฬาประเภทตีลูก ทักษะด้านกีฬาของฮันต์ก็พอจะเรียกว่าพัฒนาได้
เขาลองตีสองสามลูกพร้อมวินสตัน ถ้าไม่ข้ามเนตก็ตีไม่โดน
แต่วินสตันใจเย็นมาก เขามองฮันต์ที่เก็บลูกไม่หยุด
แล้วฮันต์ก็ไม่พอใจขึ้นมาทีละนิดๆ
“นี่ นายจงใจตีลูกมาตรงที่ฉันรับไม่ได้ใช่ไหม”
“ปิงปองก็แบบนี้ไม่ใช่เหรอ ถ้าฉันตีลูกไปตรงที่นายรับได้ แล้วจะชนะนายได้ยังไง” วินสตันเท้าโต๊ะถาม
“…แต่แบบนี้ฉันก็ต้องเก็บลูกตลอดน่ะสิ!”
“เก็บลูกตลอดก็ดีมากนะ” วินสตันพูด
“นายก็แค่อยากเห็นฉันเหนื่อย!” ฮันต์พับแขนเสื้อขึ้น
ฝากไว้ก่อนเถอะ อีกไม่นานฉันจะทำให้นายเก็บลูกไม่หยุด!
“ฉันไม่ได้อยากเห็นนายเหนื่อย ฉันแค่อยากเห็นนายก้มตัว กระดกก้นขึ้น” วินสตันพูด
“หา?” ฮันต์ใคร่ครวญอยู่สองวินาทีก็โกรธจนตาแทบลุกเป็นไฟ “นายสิก้มตัวกระดกก้น!”
หยอกอยู่ครึ่งวัน ที่แท้วินสตันก็ตั้งใจอยากเห็นเขาทำท่า ‘เก็บสบู่’!
วินสตันยิ้ม ใช้ไม้ตีลูกไปทางฮันต์
ฮันต์รู้สึกว่านับตั้งแต่พวกเขาคืนดีกัน ความหื่นของหมอนี่ก็ดูจะขยับขึ้นไปอีกระดับ
เขาถอนหายใจ…
วินสตันโบกไม้ ความหมายคือ ‘เอาใหม่’
ฮันต์ตีดีขึ้นทุกที วินสตันจึงไม่อาจเอาชนะฮันต์ได้ง่าย ๆ ในลูกสองลูกอีกต่อไป
“เย้!”
ฮันต์ตีลูกสไตรค์ได้ในที่สุด และวินสตันก็ไม่สามารถรับได้
เดิมทีเขาคิดว่าในที่สุดก็ถึงตาวินสตันเก็บลูกแล้ว แต่ใครจะรู้ว่าหมอนี่กลับเชิดคางขึ้นด้วยท่าทางปกติ ความหมายคือให้ฮันต์เก็บลูก
“ทำไมยังเป็นฉันที่เก็บลูกล่ะ! เห็นๆ อยู่ว่านายรับไม่ได้!”
“ลูกเด้งไปฝั่งนายแล้ว”
“ฉันไม่เก็บ!” ฮันต์ยืนกรานตามเดิม
“ไม่เก็บก็ช่างเถอะ”
วินสตันเอาลูกปิงปองอีกลูกออกมาเสียดื้อ ๆ
ความผิดหวังของฮันต์ยิ่งทบเป็นเท่าทวี
ลูกนั้นเด้งไปไม่ไกลจากเขา
วินสตันมองฮันต์แล้วถอนหายใจออกมา เดินช้า ๆ มาข้างฮันต์ก่อนจะก้มตัวลง
ในใจฮันต์กระดี๊กระด๊า ‘โอ้ว! จะได้เห็นวินสตันเก็บสบู่แล้ว!’
แต่ที่ทำให้เขาผิดหวังคือ…วินสตันคุกเข่าข้างหนึ่งลงไป ท่าที่เก็บลูกปิงปองขึ้นมานั้นสง่างามมากจริง ๆ ต่างกับการค้อมเอวอย่างโง่เง่าลงไปเก็บของตนอย่างสิ้นเชิง…
ทำไมตนถึงคิดวิธีเก็บลูกแบบนี้ไม่ได้นะ
แต่วินสตันกลับหันหน้ามามองจากเท้าถึงหัว ไม่รู้เห็นอะไรมุมปากเขาถึงเหยียดยิ้ม
“นายยิ้มอะไร” ฮันต์มุ่นหัวคิ้ว
“ฮันต์น้อยของนายน่ารักมากเลย”
ฮันต์ชะงักไป วินสตันมองเห็นจากขากางเกงเขางั้นเหรอ
เมื่อเขาก้มลงไปดูก็รู้ว่าตนถูกอีกฝ่ายแกล้งอีกแล้ว ด้วยความสูงของวินสตันขณะนั้นไม่มีทางที่จะมองเห็นขากางเกงเขา
“เกือบเที่ยงคืนแล้ว ควรพักผ่อนได้แล้ว” วินสตันพูดพลางชี้ไปที่นาฬิกาแขวนบนผนัง
“อืม ก็ได้ ไปวิ่งผ่านน้ำอีกรอบก็นอนได้แล้ว!”
ฮันต์คืนไม้ให้วินสตัน เขายกแขนขึ้นบิดขี้เกียจ เมื่อลดแขนลงสาบเสื้อก็ร่วงไปฝั่งหนึ่งเพราะสายรัดคลายตัวตอนตีปิงปอง
ฮันต์หาวหวอดหนึ่ง กำลังจะเปิดประตูเดินออกไป แต่กลับถูกวินสตันดึงสาบเสื้อไว้เบา ๆ
“ระวังเป็นหวัด”
วินสตันดึงสาบเสื้อกลับขึ้นมาให้เขา
“ขอบคุณนะ”
“แต่ไหล่ของนายดูดีมากจริง ๆ”
“หา? อะไรนะ” ฮันต์หันไป เขารู้สึกอัศจรรย์ใจมาก นี่เป็นครั้งแรกที่วินสตันชมอะไรบางอย่างว่าดูดี
“ทำให้คนอยากกัดแรง ๆ สักคำ”
วินสตันพูดพลางเดินผ่านข้างกายของฮันต์ไปนิ่ง ๆ
“…” ฮันต์มองแผ่นหลังของเขาแล้วก็ถอนหายใจยืดยาวออกมา
เก่งจริงก็ทำให้ทั้งโลกรู้ว่านายหื่นสิวะ!
ห้องนอนที่วินสตันจองคือห้องเสื่อทาทามิ[1]สำหรับสองคน
ที่นอนปูไว้เรียบร้อยแล้ว มองแค่แวบเดียวก็รู้สึกว่าได้บรรยากาศมาก
“ทำไมบนเสื่อทาทามิต้องวางกุหลาบไว้ดอกหนึ่งด้วยล่ะ” ฮันต์เอียงศีรษะถาม
“น่าจะเพราะตอนฉันจองโรงแรมบอกว่าจะมาสองคน เลยอาจโดนเข้าใจผิดว่าเป็นสามีภรรยาหรือคนรักกันละมั้ง”
วินสตันหยิบดอกกุหลาบขึ้นมา “นายไม่ชอบเหรอ”
“…ฉันเป็นผู้ชาย มีดอกไม้ที่ชอบที่ไหนเล่า!”
“งั้นทิ้งไปก็พอ วางกุหลาบไว้ดอกหนึ่งก็ไม่เข้ากันจริง ๆ นั่นแหละ”
วินสตันกำลังจะเดินไปข้างหน้าต่าง ฮันต์รีบรั้งเขาเอาไว้
“ช่างเถอะ! ไหน ๆ ก็จัดมาแล้ว ถ้าทิ้งมันไปไม่มีใครชื่นชมก็น่าเสียดายแย่”
ฮันต์ยื่นมือไปรับมันกลับมาวางไว้บนหมอนใหม่
ของบางสิ่งเกิดมาอ่อนแอแต่งดงาม อาจเพื่อให้ได้รับการปกป้องกระมัง
“ฮันต์ นายอ่อนโยนและใจอ่อนง่ายจริง ๆ” วินสตันพูด
“แล้วนายล่ะ ถ้าไม่มีฉัน นายจะโยนมันทิ้งไหม”
“สิ่งที่ไม่เหมาะกับฉันหรือไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการ ฉันจะไม่สนใจมัน”
ฮันต์ก้มหน้าลง เขาสัมผัสได้ราง ๆ ถึงด้านที่เด็ดเดี่ยวและโหดร้ายของวินสตัน
“ฉันไปอาบน้ำแล้วนะ!”
“ไปเถอะ” วินสตันหยิบมือถือออกมา เริ่มท่องโลกอินเทอร์เน็ต
ฮันต์วิ่งผ่านน้ำแบบขอไปที เปลี่ยนชุดคลุมตัวใหม่แล้วกลับมาในห้องพัก
เขาเช็ดผมพลางเดินไปข้างกายวินสตัน แล้วก็พบว่าอีกฝ่ายกำลังกวาดตาอ่านข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและตราสารอนุพันธ์[2]
“ว้าว ไอ้พวกนี้ฉันไม่สนใจหรอก”
วินสตันยกแขนขึ้นพาดบนบ่าของฮันต์เบา ๆ “นายต้องรู้จักจัดการทรัพย์สินที่มีอยู่อย่างเหมาะสมเพื่อให้มันงอกเงยมากขึ้นไปอีก ไม่อย่างนั้นต่อให้นายเป็นสุดยอดนักขับที่มีรายได้เกินพันล้าน แต่ก็จะใช้หมดไปเร็วมาก”
“เงินของนายเอาไปเล่นหุ้นหมดเลยเหรอ” ฮันต์ถามอย่างใคร่รู้
“อืม”
ฮันต์เป็นคนประเภทอยู่กับปัจจุบัน แต่เห็นได้ชัดว่าวินสตันคิดการณ์ไกลมาก
“ดังนั้นสักวันหนึ่งถ้านายออกจากฟอร์มูลาวันก็กะจะทำธุรกิจใช่ไหม” ฮันต์ถามด้วยความอยากรู้
“ไม่แน่ แต่ไม่ว่าทำอะไรก็ต้องมีเวลาเหลือเฟือ”
“เอาไว้ใช้ชีวิต?” ฮันต์เอียงศีรษะถาม
วินสตันกลับยิ้ม “ไม่ใช่แค่ใช้ชีวิต แต่ต้องเฝ้าหัวใจที่ไม่นิ่งไว้ด้วย”
“หัวใจที่ไม่นิ่ง? หัวใจของนายไม่นิ่งเหรอ”
วินสตันแค่ยิ้ม เขาไม่ได้ตอบคำถามของฮันต์ แต่ไปอาบน้ำแทน
ฮันต์กลับเดินตามอยู่ข้างหลังเขา “ถ้าไม่งั้นฉันเอาเงินเดือนของฉันให้นาย นายช่วยฉันบริหารหน่อยสิ”
“นายไม่กลัวฉันหอบเงินหนีเหรอ”
“ไม่กลัว นายไม่ทำหรอก”
“แล้วถ้าธุรกิจฉันพัง ล้มละลายล่ะ” เสียงของวินสตันแว่วมาจากอีกฟากของประตู
“ขอแค่…ขอแค่นายไม่ติดเหล้า ไม่ทำเรื่องโง่ๆแบบพ่อฉัน…พวกเราก็เริ่มต้นกันใหม่ หาเงินมาคืนเงินกู้ด้วยกัน!”
“เจ้าทึ่ม”
เสียงน้ำจากฝักบัวดังขึ้น คำว่า ‘เจ้าทึ่ม’ นั่นของวินสตันคล้ายจิ้มเบา ๆ ลงบนหัวใจของฮันต์
เขาอดคิดไม่ได้ว่า ‘เจ้าทึ่ม’ ของวินสตันหมายถึงอะไรกันแน่
คือรู้สึกว่าเขาไม่เข้าใจเรื่องการบริหารเงิน หรือรู้สึกว่าตนที่เชื่อคนในโลกธุรกิจง่ายเกินไปนั้นออกจะโง่อยู่บ้าง
หลายนาทีให้หลังวินสตันก็เดินออกมา เมื่อเห็นว่าฮันต์ยังยืนอยู่ไม่ไกลจากปากประตูจึงเอ่ยถาม “นายเป็นอะไร”
“ทำไมนายเรียกฉันว่า ‘เจ้าทึ่ม’ ล่ะ” ฮันต์ถาม
วินสตันเบือนหน้าหลบ ไหล่ไหวเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่ฮันต์เห็นเขาขำ
“ขำอะไรเล่า นายรู้สึกว่าฉันไม่ควรโวยวายเรื่องที่นายเรียกฉันว่าเจ้าทึ่มหรือไง”
วินสตันโน้มตัวลงไปหยิบกุหลาบดอกนั้นขึ้นมาแตะใบหน้าของฮันต์เบา ๆ “เงินของนายไม่ต้องให้ฉันหรอก ตัวนายอยากทำอะไรก็ทำไป ซื้อบ้านที่นายเคยอยู่สมัยเด็กกลับมา ที่สำคัญคือเปลี่ยนรถคันใหม่ รถจี๊ปคันเก่าของนายเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย”
“นั่นคือรถที่พวกเราทั้งครอบครัวเคยขับออกไปเที่ยว ฉันไม่อยากทิ้งมัน”
“ลานจอดรถบ้านหลังนั้นใหญ่มากไม่ใช่เหรอ จำได้ว่าจอดรถได้สามคัน เหลือที่หนึ่งไว้ให้รถจี๊ปเก่าคันนั้น ที่เหลือซื้อรถคันใหม่ไปจอด”
“แล้วก็เหลืออีกที่ไว้ให้นาย” ฮันต์เอ่ยยิ้มๆ
ฟังเหมือนเขาซื้้อบ้านหลังนั้นกลับมาแล้วอย่างไรอย่างนั้น
นิ้วของวินสตันชะงักไป พลันทัดดอกไม้ไว้บนใบหูของฮันต์ “ไม่ว่ายังไง ขอแค่นายมีชีวิตอยู่อย่างดี ฉันจะทำให้ชีวิตนี้ของนายมีพร้อมทุกอย่าง”
ดวงใจของฮันต์เหมือนถูกจิ้มทีหนึ่ง
เขาหยิบดอกกุหลาบออกมาจากหลังใบหู ส่วนวินสตันก็เลิกผ้าห่มเข้าไปนั่งแล้ว
“เฮ้! อย่าพูดแบบนี้สิ! ฉันจะยิ่งไม่ทะเยอทะยานนะ! แถม…แถมอย่างกับการขอแต่งงานงั้นแหละ!”
ฮันต์เลิกผ้าห่มข้าง ๆ แล้วเข้าไปนั่งบ้าง
“ฉันพูดแล้วไม่ใช่เหรอว่า ถึงดูไบจะซื้้อแหวนเพชรวงใหญ่ให้นาย”
วินสตันนอนในผ้าห่ม หลับตาลง
“ฉันบอกว่าไม่เอาไงล่ะเว้ย!” ฮันต์ยื่นเท้าออกจากผ้าห่มของตน แล้วสอดเข้าไปในผ้าห่มของวินสตัน ถีบอีกฝ่ายทีหนึ่ง
ตามคาด ยังไม่ทันออกแรงก็ถูกอีกฝ่ายจับไว้
“ปล่อย”
“นายก็เอาออกไปเองสิ”
ฮันต์กัดฟันลุกขึ้นนั่ง เลิกผ้าห่มของอีกฝ่ายเพื่อจะแงะนิ้วออก
หลังแงะออกได้ฮันต์จึงค่อยพบว่าขากางเกงของวินสตันเลิกขึ้นเกือบหมด เขางอเข่าของตนเองขึ้น สองขาทั้งเรียวยาวทั้งสวยงาม
นี่ทำให้ฮันต์อิจฉานิด ๆ เขาคลุมผ้าห่มให้อีกฝ่ายอย่างหงุดหงิด แล้วกลับไปในผ้าห่มตน
“เลิกเล่นได้แล้ว นอนเถอะ” วินสตันหลับตาลง
“ไม่สนนายแล้ว นอนละ” ฮันต์ม้วนผ้าห่ม ตะแคงตัวพร้อมกับหลับตาลง
โลกเงียบสงัดลง กายใจผ่อนคลาย ฮันต์ผล็อยหลับไปทั้งแบบนี้
แถมเครื่องบินกลับโตเกียวพรุ่งนี้เป็นตอนเย็น ฮันต์สามารถหลับได้อย่างสบายใจจนถึงเที่ยง
เช้าวันที่สองฮันต์ถูกเสียงนกร้องปลุกให้ตื่น
เปลือกตาเขาขยับ เมื่อลืมตาขึ้นก็พบว่าใบหน้าของวินสตันอยู่ตรงหน้าตน!
ฮันต์กำลังคิดจะขยับแล้วก็เห็นว่าท่านอนของตนน่าเกลียดเป็นบ้า
ขาข้างหนึ่งพาดอยู่บนเอวของวินสตัน ไม่ใช่แค่นั้น หมอนที่หนุนใต้ศีรษะของเขายังเป็นแขนของวินสตัน!
เขากำลังจะลุกขึ้นนั่งก็เห็นว่ามืออีกข้างของวินสตันพาดอยู่บนขาของตน
โอ้ว! พระเจ้าช่วย!
ฮันต์รีบเก็บขากลับมาแล้วย้ายผ้าห่มไปคลุมวินสตันไว้
ตนแย่งผ้าห่มเขามาซะแล้ว ขออย่าให้วินสตันป่วยเลย!
ไม่อย่างนั้นถ้ากระทบกับการแข่งขันที่สนามอาบูดาบี เขาต้องรู้สึกผิดจนตายจริง ๆ แน่!
ดูเหมือนว่าวินสตันไม่มีทีท่าว่าจะตื่น ฮันต์ถอนหายใจออกมาก่อนจะลุกไปเข้าห้องน้ำ
รอจนเขากลับมาวินสตันก็ยังไม่ตื่น
เมื่อตอนอยู่ที่ออสเตรีย วินสตันก็เคยนอนกับฮันต์มาก่อนเพราะไม่พอใจที่กลิ่นตกแต่งห้องใหม่ของห้องตนแรงเกินไป แต่ก็เหมือนทุกครั้ง ไม่ว่าเมาเหล้าก็ดี หรือคุยกันจนข้ามคืนก็ดี นี่เป็นครั้งแรกที่ฮันต์ตื่นเช้ากว่าวินสตัน
เขาขัดสมาธิบนฟูกของตน เท้าคางมองวินสตัน ยืนยันอีกครั้งว่าหมอนี่หล่อมากจริง ๆ
หน้าผากกับสันจมูกเชื่อมรับกัน เป็นส่วนที่ดูมีออร่าผู้ดีมากที่สุดของเขา ยังมีกรอบตาซึ่งฮันต์ไม่เคยตั้งใจสำรวจอย่างละเอียดมาก่อนเพราะเป็นผู้ชาย ตอนนี้ดูแล้วก็เห็นว่ากรอบดวงตาของวินสตันงดงามมากจริง ๆ ริมฝีปากของเขาเวลานี้ดูผ่อนคลายและอ่อนโยนถึงขั้นทำให้คนอยากจะแตะลงไป
ท้องของฮันต์ส่งเสียงโครกคราก
เปลือกตาวินสตันขยับเล็กน้อย เขาค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง
“กี่โมงแล้ว” วินสตันถาม
น้ำเสียงเขาง่วงงุนเล็กน้อย ฮันต์ฟังแล้วรู้สึกจั๊กจี้
“สิบเอ็ดโมงแล้ว”
วินสตันขยับแขนที่ก่อนหน้านี้ถูกฮันต์ทับไว้เล็กน้อย “นายตื่นก่อนเหรอ ล้างหน้าแปรงฟันหรือยัง พวกเรากินอาหารกลางวันเลยก็ได้”
“ล้างแล้ว!” ฮันต์คิดแล้วก็พูดต่อ “เมื่อวานฉันแย่งผ้าห่มนาย นายดึงกลับก็ได้นี่”
“เอาเถอะ เด็กน้อยก็ชอบแย่งของของคนอื่นกันทั้งนั้น” วินสตันเหลือบตาขึ้นมองมาทางฮันต์ จากนั้นก็ไม่ได้ละสายตาไปไหนเนิ่นนาน
“เป็นอะไรไป” ฮันต์โบกมือไปมาตรงหน้าเขา
วินสตันก้มหน้ายิ้ม “เมื่อวานฉันชมว่าไหล่นายดูดี วันนี้เลยเปิดไหล่ให้ฉันดูแต่เช้าเลยเหรอ”
ฮันต์ชะงักไปแล้วจึงค่อยเข้าใจ เขาขยับสาบเสื้อ “นายพูดดี ๆ ว่าสาบเสื้อฉันร่วงแล้วไม่ได้หรือไงกัน”
“น่าเสียดาย กลับไปก็จะไม่ได้เห็นตอนนายใส่เสื้อคลุมสไตล์ญี่ปุ่นแล้ว” วินสตันลุกขึ้นเดินไปล้างหน้าอย่างไม่เร็วไม่ช้า
ฮันต์ร้องฮึออกมาก่อนเริ่มเก็บข้าวของของตัวเอง สวมเสื้อยืดและกางเกงยีนที่ใส่ตอนขามา
หลังพวกเขากินอาหารเที่ยงเสร็จก็ขับรถออกจากโนโบริเบทสึมุ่งหน้าสู่สนามบินซัปโปโร
คนขับรถขากลับคือวินสตัน ความเร็วรถไม่ได้เร็วนัก ฮันต์หรี่ตาสัมผัสสายลมที่พัดผ่านข้างแก้มของตน
“นี่…ต่อไปพวกเราต้องออกมาพักร้อนด้วยกันอีกนะ!”
“ได้สิ” วินสตันตอบ
“อาบูดาบีใกล้ดูไบมาก รอแข่งจบพวกเราไปพักโรงแรมเบิร์จอัลอาหรับ[3]กัน!” ฮันต์พูด
“โรงแรมเบิร์จอัลอาหรับก็ไม่ได้แปลกใหม่อะไรสักหน่อย”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่วินสตันลงแข่งขันที่สนามอาบูดาบี ดังนั้นสำหรับวินสตันแล้วดูไบจึงไม่ได้ลึกลับหรือมีความน่าตื่นตาตื่นใจอะไร
“ฉันไม่เคยพัก” ฮันต์พูด “ได้ยินว่าสวนน้ำที่นั่นพอใช้ได้ นายเคยเล่นไหม”
“ฉันไม่ค่อยเล่นของพวกนั้นเท่าไร แต่ถ้านายอยากไป ก็ไปด้วยกันเถอะ”
ฮันต์รู้สึกเหมือนพ่อลูกคุยกัน
“งั้นนายสนใจเรื่องอะไรกันแน่!”
“ขี่ม้า เล่นสกี กอล์ฟ เรือใบ”
“หรูหราจริง” ฮันต์พูดเสียงเบา
“นายจะไม่ยอมไปกับฉันใช่มั้ย” วินสตันหันหน้ามาถาม
“พวกนั้นฉันเล่นไม่เป็น”
“ฉันสอนนายเอง”
“ค่อยดีหน่อย” ฮันต์ยิ้มออกแล้ว
“จบฤดูกาลนี้แล้วไปด้วยกัน”
“ได้!”
พวกเขามาถึงสนามบินซัปโปโร แลกบอร์ดดิ้งพาส แล้วเดินไปขึ้นเครื่องบิน
ขณะฮันต์กำลังเข้าแถวขึ้นเครื่องก็มีคนเรียกเขาไว้พอดี
“ฮันต์ คิดไม่ถึงว่าจะเจอคุณที่นี่!”
พอฮันต์หันไปก็เห็นออเดรย์ วิลสัน ที่คอของหล่อนยังคงคล้องกล้องเอสแอลอาร์เอาไว้ บนหลังสะพายกระเป๋า สวมเสื้อกันหนาวสบาย ๆ ยามสวมกางเกงยีนก็ยิ่งทำให้สองขาของหล่อนดูเรียวสวยบาดใจ
ฮันต์คลี่ยิ้ม “คุณมาพักผ่อนที่ซัปโปโรเหรอครับ หรือว่ามาสัมภาษณ์ใคร”
“ฮ่า ๆ ๆ…ถ้าบอกคุณ คุณห้ามหัวเราะนะคะ” ออเดรย์เดินมาทางฮันต์แล้วพูดเสียงเบา “ฉันได้ยินคนของเฟอร์รารีพูดว่าวินสตันมาพักผ่อนที่ซัปโปโร ก็เลยมาพักที่นี่ด้วย ไม่แน่ว่าอาจจะเจอก็ได้” ออเดรย์ขยิบตา
ถึงจะเป็นน้ำเสียงหยอกล้อ แต่ฮันต์กลับสัมผัสได้ว่าออเดรย์ชื่นชมวินสตันมากจริง ๆ
“พอเจอแล้วคุณจะทำอะไรเหรอครับ” ฮันต์ถามกลับทีเล่นทีจริง
[1] เสื่อญี่ปุ่นโบราณที่ใช้ปูพื้น ขนาด 91 x 182 เซนติเมตร ทำจากต้นหญ้าอิกุสะซึ่งจะส่งกลิ่นหอมและช่วยฟอกอากาศได้
[2] คือ ตราสารทางการเงินประเภทหนึ่งที่มีลักษณะเป็นสัญญาซื้อขายหรือข้อตกลงที่จะซื้อจะขายสินทรัพย์ในราคา ปริมาณ และเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้ โดยจะมีการส่งมอบและชำระค่าสินทรัพย์ให้กันในอนาคต
[3] Burj Al Arab โรงแรมหรูระดับเจ็ดดาว ตั้งอยู่บนเกาะที่ถูกสร้างขึ้นริมชายหาดของนครดูไบ ตัวโรงแรมมีรูปร่างคล้ายเรือใบ ถือเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของนครดูไบ