猫咪的玫瑰
เจ้าแมวน้อยกับดอกกุหลาบแสนสวยของเขา
一十四洲 (อีสือซื่อโจว) เขียน
จิงจิง แปล
Caring Wong ภาพ
– โปรย –
การที่ถูกดีดออกจากยานหลักและติดอยู่ในหลุมดำ
ทำให้ตอนนี้สถานการณ์ของยานเขตหกตึงเครียดถึงขีดสุด
หลังจากหลินซือสลบไปเพราะถูกรังสีอันแรงกล้าจากหลุมดำ
พอฟื้นขึ้นมา ก็พบว่าเกิดเรื่องวิกฤติขึ้นแล้ว
เพราะร่างทดลองที่ผ่านการดัดแปลงพันธุกรรมร่างหนึ่งดันตื่นขึ้นมา
เดาว่าสาเหตุน่าจะเป็นเพราะรังสีจากหลุมดำที่ทำเขาสลบไปนั่นแหละ
แต่นอกจากจะไร้ความทรงจำ และมีท่าทางไม่เป็นมิตรแล้ว
หลิงอีก็ยังทำเขาไหล่หลุดอีกด้วย!
—.—.—.—.—.—.—.—.—.—
ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่
เพจ >> Rose Publishing
ทวิตเตอร์ >> Rose Publishing
…XOXO…
มาดามโรส
ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์
1
จากส่วนลึกที่สุดของกระแสวังวน (1)
“คุณหลิน ถึงคุณจะมาร่วมงานสายเพราะติดพันภารกิจ แต่ยังไงก็ต้องขึ้นกล่าวในงานเลี้ยงฉลองครั้งยิ่งใหญ่ในฐานะผู้สรุปโปรเจ็กต์ตลอดหลายปีมานี้ของเรา” ผู้ช่วยสาวผมทองเชื้อสายจีนฝรั่งเศสขยิบตาให้ “มาเถอะ ที่รัก”
เธอเดินไปนั่งลงอีกฝั่ง ภายในภาพเสมือนปรากฏห้องโถงจัดงานเลี้ยงเฉลิมฉลองของเขตหนึ่ง ตรงโต๊ะกลมมีสุภาพสตรีแต่งกายด้วยชุดนักวิชาการสีดำสนิท กำลังทอดสายตามองหลินซือผ่านทางหน้าจอโดยมีผู้คนนั่งรายล้อม
“ยินดีที่ได้พบกันครับ คุณนายเฉิน” น้ำเสียงหลินซือราบเรียบแต่ไม่ได้ฟังดูไร้มารยาท หลังสิ้นเสียงคำทักทายสั้น ๆ เขาก็เข้าเรื่องทันที “เมื่อวานนี้ ร่างทดลองทั้งหมดเก้าสิบหกร่างได้พ้นระยะสังเกตการณ์อย่างเป็นทางการ พร้อมส่งมอบให้กองทัพแล้วครับ โปรเจ็กต์ ‘limitless’ ระยะที่สอง เริ่มต้นขึ้นเมื่อห้าปีก่อนกระทั่งสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี เมื่อสี่วันก่อนระหว่างการประเมินข้อมูลอย่างเป็นทางการ ร่างทดลองทั้งหมดได้รับการดัดแปลงขั้นพื้นฐานเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อสามเท่า และความเร็วในการตอบสนองของเส้นประสาทห้าเท่าจนเสร็จสิ้นเรียบร้อย ตลอดจนสถานะความแข็งแกร่งของส่วนอื่น ๆ ที่เน้นหนักแตกต่างกันไปในแต่ละร่างทดลองก็มีความเสถียรมากขึ้นเช่นกัน”
คนที่กำลังนั่งฟังพร้อมใจกันปรบมือโดยไม่ได้นัดหมาย นักวิจัยต่างรู้สึกปลาบปลื้มต่อผลสำเร็จที่สมบูรณ์แบบในช่วงระยะเวลาห้าปีนี้ ส่วนแขกเหรื่อที่ได้รับเชิญมาก็มีแต่ความชื่นชมอัดแน่นเต็มอก
“หลิน ได้ยินว่าโปรเจ็กต์ของคุณไม่ได้จบเพียงเท่านี้” สุภาพสตรีที่นั่งอยู่ตรงกลางผู้ถูกเรียกว่า ‘คุณนายเฉิน’ พูดด้วยรอยยิ้มบาง
“โครงสร้างร่างกายมนุษย์ไม่สามารถรองรับการดัดแปลงความแข็งแรงของกล้ามเนื้อได้มากเกินสามเท่า แต่ความเร็วในการตอบสนองของเส้นประสาทยังคงเกินกว่านั้นได้ ระหว่างกระบวนการนี้ ทำให้เราเล็งเห็นกระทั่งโอกาสในการเพิ่มประสิทธิภาพความแข็งแกร่งของมันสมอง” น้ำเสียงเขาสุขุมนุ่มลึก ไร้จังหวะจะโคนอันจูงใจผู้ฟังเฉกเช่นนักพูด แต่ความเรียบนิ่งที่คล้ายคลึงกับเครื่องจักรกลกลับยิ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเขา เหมือนที่คนเรามักจะเชื่อมั่นในการคำนวณของเครื่องจักรมากกว่าการคาดการณ์ของมนุษย์
“เนื่องจากกองทัพมีแนวคิดอนุรักษนิยมมากเกินไป จึงมีอคติต่อโปรเจ็กต์ดัดแปลงพันธุกรรมมนุษย์ ส่งผลให้การทดลองดำเนินไปอย่างยากลำบาก น่าเสียดายมากที่จอมพลเอสยอร์ชเพิ่งจะปฏิเสธเอกสารโปรเจ็กต์ระยะที่สาม แต่ผมคิดอยู่เสมอว่ามีเหตุผลเพียงพอที่จะเริ่มดำเนินโปรเจ็กต์ในระยะต่อไป ทั้งยัง…”
ตี๊ดดด… ทันใดนั้นเสียงกระแสไฟฟ้าก็ดังขึ้น
ภาพเสมือนที่ฉายอยู่ตรงหน้าบิดเบี้ยวไปหลายองศา สุดท้ายก็ดับพรึบ เสียงหวีดกังวานเงียบลง จากนั้นพื้นก็สั่นสะเทือนขึ้นมา
หลินซือคว้าขอบแผงควบคุมเพื่อทรงตัวให้มั่นคง เสียงแจ้งเตือนเสียดแหลมพร้อมเสียงระบบปฏิบัติการหญิงดังขึ้นทั่วห้องโถงเขตหก “เขตหกกำลังหลุดจากยานหลัก เขตหกกำลังหลุดจากยานหลัก…”
เขารีบร้อนถลาไปสั่งการระบบปฏิบัติการอิสระของเขตหก “ลูเซีย เชื่อมต่อยานหลัก”
“เกิดข้อผิดพลาด ไม่สามารถปฏิบัติตามคำสั่ง”
เขาเร่งปรับค่าพารามิเตอร์[1]พร้อมสั่ง “ขอรายละเอียดข้อผิดพลาด”
“คำสั่งขัดแย้ง ระดับของผู้ออกคำสั่งต่ำเกินไป ไม่สามารถบังคับใช้”
หลินซือเอ่ยคำสั่งรัวเร็ว “ขอรายละเอียดคำสั่งแยกตัว”
สิบวินาทีต่อมา แถบความคืบหน้าก็แจ้งประมวลผลเสร็จสิ้น
“ผู้แถลงการณ์ออกคำสั่ง: แนวหน้าสหเขตสาม จอมพลเอสยอร์ช
สาเหตุแถลงการณ์: ยานอวกาศเคลื่อนเข้าใกล้ขอบฟ้าเหตุการณ์[2]ขนาดใหญ่ บริเวณหลุมดำ B-II จำต้องเพิ่มความเร็ววาร์ปสิบสองเท่าเพื่อหลบหนีแรงดึงดูด หากวาร์ปไดรฟ์เกินขีดจำกัด ดีดเขตหกทิ้งไป แล้วใช้แรงส่งระดับสาม”
เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว แรงสั่นสะเทือนเพิ่มขึ้นทั่วทั้งเขตหกในเวลาอันรวดเร็ว เสียงแจ้งเตือนเสียดหูผสมปนเปไปกับเสียงล้มระเนระนาดของชั้นวางอุปกรณ์ในห้องทดลอง เสียงหลอดทดลองนับร้อยนับพันชิ้นตกแตกกระจัดกระจายทั่วพื้น หลินซือคว้าจับแผงควบคุมไว้แน่น ข่มตาลงสักพักแล้วลืมตาขึ้นมาใหม่ ฝืนเอาชนะอาการวิงเวียนขั้นรุนแรงที่เกิดจากการหมุนเหวี่ยงและแรงโน้มถ่วงที่ผิดปกติ ทั้งยังพยายามควบคุมน้ำเสียงให้นิ่งที่สุดเพื่อให้ระบบสามารถแยกแยะได้อย่างชัดเจน
“สลับเป็นระบบนำทางอิสระ คำนวณความเร็วในการเคลื่อนที่”
หน้าจอสว่างวาบปรากฏแถบความคืบหน้าอีกครั้ง
ขณะเดียวกัน หลินซือก็สัมผัสได้ถึงความปวดแสบปวดร้อนที่แล่นลามขึ้นมาตามร่างกายอย่างเฉียบพลัน เขารีบหันไปดึงลิ้นชักฉุกเฉินใต้แผงควบคุมซึ่งมีอุปกรณ์สำหรับป้องกันรังสีเก็บไว้ หลังหลุดจากยานหลัก การป้องกันของสนามพลังฟรังเกอร์ก็หายวับไป ทำให้ยานอวกาศโดนรังสีแรงกล้าจากหลุมดำ[3]อย่างจัง
หลังจากจัดการเรื่องพวกนี้เสร็จ เขาก็เกิดอาการเลือดลมสูบฉีดจนรู้สึกอยากจะอาเจียนอย่างหนัก ภาพเบื้องหน้าขมุกขมัวลายตาไปหมด เมื่อไม่อาจควบคุมร่างกายตัวเองไหวจึงถูกแรงเหวี่ยงจากการหมุนโคลงเคลงด้วยความรวดเร็ว เหวี่ยงใส่กำแพงแข็งอย่างแรง
หลินซือหอบหายใจอย่างยากลำบาก รู้สึกคลื่นเหียน เขาเงยศีรษะขึ้น ภาพเบื้องหน้าพร่าเบลอ ภาพนอกหน้าต่างปรวนแปรฉับไว เงาดำทะมึนของยานขนาดใหญ่ยิ่งไกลห่างก็ยิ่งดูเล็กลงเรื่อย ๆ ก่อนจะหายลับตาไปท่ามกลางทะเลดวงดาวในท้ายที่สุด
ชั่วพริบตานั้น ทะเลดวงดาวก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ภายนอกเหลือเพียงความมืดมิด
แรงสั่นสะเทือนยังคงดำเนินต่อไปไม่หยุด จากนั้นสติเขาก็ดับวูบ
หลินซือถูกปลุกให้ตื่น
ไม่สิ โดนกดจุดให้ตื่นต่างหาก
ท่ามกลางเสียงตะโกนโหวกเหวกเรียกดอกเตอร์หลิน คนหนึ่งกำลังกดจุดเหรินจง[4] อีกคนหนึ่งกำลังช่วยปั๊มหัวใจให้เขาอยู่
เมื่อลืมตาขึ้นก็พบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนโต๊ะชันสูตร
ชายหนุ่มในชุดกาวน์สีขาวสองสามคนเห็นเขาลืมตาก็พากันตื่นเต้นดีใจสุดขีด
“ฟื้นแล้ว! ฟื้นแล้ว!”
“รอดตายแล้ว! รอดตายแล้ว!” น้ำเสียงตื่นเต้นดังแข่งกันไม่ลดละ
“การทำซีพีอาร์จะทำก็ต่อเมื่อหัวใจหยุดเต้น ผมไม่คิดว่าอาการนี้เกิดขึ้นกับร่างกายของผมนะ อีกอย่าง ใครสั่งใครสอนให้พวกคุณปฐมพยาบาลด้วยการกดจุดเหรินจง” ใบหน้าหลินซือไร้อารมณ์ “ผมคิดว่าพวกคุณคงจากโลกมานาน เลยหลงลืมความรู้ทางสรีรวิทยาขั้นพื้นฐานที่สุดไปหมดแล้ว”
ชายหนุ่มคนหนึ่งเกาศีรษะ “…ดอกเตอร์หลิน เพราะเครื่องปฐมพยาบาลขัดข้อง พวกเราก็เลยต้องลงมือเอง แต่คุณดูสิ นี่คุณก็ฟื้นแล้วไม่ใช่เหรอครับ”
หลินซือถูกประคองให้ลุกขึ้นนั่ง เขายังหน้ามืดไม่หาย แต่อาการก็ดีขึ้นกว่าตอนแรกแล้ว ชายหนุ่มไม่กี่คนตรงหน้าเขาเป็นผู้ช่วยกับนักวิจัยจากห้องทดลองอื่น วันนี้ทุกคนในเขตหกไปร่วมงานเลี้ยงเฉลิมฉลองที่เขตหนึ่งกันหมด ลำพังแค่เครื่องสมองกลอัจฉริยะคงจัดการไม่ได้ทุกอย่าง จึงเหลือพวกเด็กหนุ่มอ่อนประสบการณ์ที่ไม่อาจปลีกตัวไปไหนได้อยู่เฝ้า
ห้องทดลองหมายเลขหนึ่งของหลินซือนั้นอยู่ติดรอยต่อของเขตหก ทำให้ได้รับผลกระทบจากแรงเหวี่ยงค่อนข้างมาก แต่อาการพวกเขายังคงปกติดี อย่างน้อยก็ไม่ได้เป็นลมเหมือนกับหลินซือ
เวลานี้ยานอวกาศนิ่งผิดปกติ หลินซือหันมองไปนอกหน้าต่าง ห้วงอวกาศดำทะมึนไร้วัตถุ ทำให้คนมองแยกไม่ออกว่ากำลังเคลื่อนที่อยู่หรือไม่
เขานวดคลึงขมับอยู่สักพัก ก่อนจ้องมองเด็กหนุ่มอายุยี่สิบต้น ๆ ห้าคนตรงหน้าแล้วเอ่ยถาม “ยังมีใครอีกไหม”
“พวกเราสำรวจไปแล้วรอบหนึ่ง ไม่มีครับ” หนึ่งในนั้นตอบเสร็จก็เอ่ยถาม “ดอกเตอร์ เพราะวิกฤตการณ์การเดินทางหรือเปล่า ระบบปฏิบัติการถึงขัดข้อง”
“ผมแยกระบบออกมาเป็น ‘ลูเซีย’ แล้ว พวกคุณจึงหมดสิทธิ์เข้าถึงชั่วคราว” หลินซือกล่าว “สวัสดี ลูเซีย”
“สวัสดี คุณพ่อมด” เสียงระบบปฏิบัติการหญิงดังขึ้น
“รายงานสถานการณ์”
“กำลังวิเคราะห์ข้อมูล กรุณารอสักครู่”
นัยน์ตาเด็กหนุ่มวาวแสง “ลูเซียในตำนาน! นี่คือสุดยอดระบบอัจฉริยะที่เขตห้าทำการวิจัยมาตลอดนั่นใช่ไหมครับ”
หลินซือพยักหน้ารับ “ใช่ เธอนั่นแหละ ไม่กี่วันก่อนถังหนิงเพิ่งอัปโหลดมาทดสอบที่เขตหกน่ะ พวกเราไม่ได้ประสบกับวิกฤตการณ์ในการเดินทางใด ๆ แต่เพื่อสร้างแรงส่งให้กับยาน ‘วอยเอเจอร์’ ทำให้พวกเราถูกดูดเข้ามาในขอบฟ้าเหตุการณ์”
เด็กหนุ่มตกตะลึง “แต่เรายังไม่ตายนี่”
อีกคนจึงยกมือขึ้น ทำท่ากระพือปีกบิน “ตามทฤษฎี อัตราการตายหลังจากหลุดเข้ามาในหลุมดำคือร้อยเปอร์เซ็นต์ ดังนั้น ตอนนี้พวกเราตายกันหมดแล้วกลายเป็นสภาวะควอนตัมงั้นเหรอ”
เสียงจ้อกแจ้กจอแจของพวกเขาทำสมองหลินซือตื่นตัวขึ้นมาเล็กน้อย เขาคาดคะเนแล้วสั่งการลูเซีย “คำนวณหาค่าสมการสนามไอน์สไตน์[5]ที่เหมาะสม”
ลูเซียเริ่มดำเนินการตามคำสั่งทั้งสองข้อ
หลินซือก้าวลงมาจากโต๊ะชันสูตร กวาดสายตามองภาพเหตุการณ์อันแสนยุ่งเหยิง
ภาชนะบรรจุของเหลวทดลองแตกกระจายเต็มห้อง ของเหลวไหลเจิ่งนองทั่วพื้น เศษเนื้อเยื่อมากมายลอยละล่อง
“ห้องทดลองอื่น ๆ ก็เละเทะสาหัสเหมือนกัน ไหนจะตัวอย่างล้ำค่ามากมายที่นำมาจากโลก หาไม่ได้อีกแล้ว” ความรู้สึกของเด็กหนุ่มดำดิ่งอย่างหนัก “น่าเสียดายจริง ๆ”
อีกคนจึงตบไหล่ของเขา “ยังดีที่แบบจำลองสามมิติชุดสำรองไม่เสียหายไปด้วย แต่มันคงไร้ประโยชน์ ยังไงพวกเราก็ตายไปแล้ว”
ขอบฟ้าเหตุการณ์ภายนอกกับภายในคือโลกสองใบที่ไม่สามารถบรรจบกันได้ ขอบฟ้าภายในจะมีความโค้งของปริภูมิเวลาที่กว้างใหญ่ ความเร็วหลุดพ้นจึงช้ากว่าความเร็วแสงมาก หลังผ่านเข้ามาแล้ว แม้แต่แสงก็ไม่อาจหลุดรอดไปได้ ส่วนยานอวกาศก็จะถูกคุณสมบัติแปลกประหลาดทางฟิสิกส์แต่ละชนิดยืดขยาย ฉีกกระชาก และทำลายไปอย่างน่าอัศจรรย์
หลินซือนั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าแผงควบคุม นิ้วมือทั้งสิบเกี่ยวประสานขณะมองข้อมูลเหล่านั้นแล้วหรี่ตาลง
เขาถาม “พวกคุณมีใครที่เข้าใจหลักฟิสิกส์พื้นฐานไหม”
เด็กหนุ่มที่เพิ่งพูดไปเมื่อครู่ยกมือ “ผมเคยเรียนชีวกลศาสตร์ครับ”
หลินซือคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ทุกคนที่นี่เคยเรียนชีวกลศาสตร์มาทั้งนั้น”
เขตหกเป็นเขตชีวเคมี พวกเขาจึงขาดความรู้ด้านหลักฟิสิกส์อย่างชัดเจน ไม่แน่อาจรู้แค่ฟิสิกส์ระดับอุดมศึกษาก็เป็นได้
เทียบกับพวกเขาแล้ว หลินซือคิดว่าสามารถเรียกตัวเองว่านักฟิสิกส์ได้เลยด้วยซ้ำ
หลินซืออ่านผลการคำนวณของลูเซียแล้วพูด “พวกเราเข้ามาในหลุมดำที่หมุนตัวอย่างประหลาด ดังนั้นจึงไม่ถูกบดขยี้ในทันที ถ้าสามารถยืนหยัดเดินทางต่อไปได้ โอกาสหนีรอดจากหลุมขาว[6]ก็พอมีความเป็นไปได้นิดหน่อย…วัสดุของยานอวกาศน่าจะพอต้านทานแรงดึงดูดขั้นสูงไหว”
‘วอยเอเจอร์’ เป็นยานอวกาศขนาดมหึมา ประกอบด้วยเขตจำนวนเก้าเขต โดยมีเขตหนึ่ง เขตสอง เขตสามเป็นพื้นที่แกนกลาง ซึ่งถูกเขตที่เหลือรายล้อมเอาไว้ แต่ละเขตล้วนเป็นยานอิสระ มีวาร์ปไดรฟ์ในตัว และสามารถเดินทางไกลข้ามดวงดาวได้อย่างเสรี
ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการสละยาน เพราะในวิกฤตการณ์การเดินทางหลาย ๆ ครั้งที่ผ่านมา ยานหลัก ‘วอยเอเจอร์’ ได้สละเขตสี่กับเขตเจ็ดทิ้งเพื่อหลบหนีจากพื้นที่อันตราย สำหรับตอนนี้ก็ถึงคราวของเขตหก ซึ่งเขตหกมีโปรเจ็กต์ ‘limitless’ ของหลินซือเป็นหัวใจสำคัญ และเป็นพื้นที่ที่มีจำนวนคนน้อยที่สุดบนยานอวกาศ
ใช่ เป็นพื้นที่ที่มีคนน้อยที่สุดจริง แต่ไม่ใช่พื้นที่ที่ควรจะสละทิ้ง
และก็มีคนเริ่มกังขาในข้อนี้เสียแล้ว
“เขตหกมีคนน้อยที่สุด หุ่นยนต์เยอะที่สุด ถึงจะเป็นแบบนั้นมาตลอด ช่วยให้สูญเสียเจ้าหน้าที่น้อยที่สุด แต่เขตพวกเรามีผลงานวิจัยล้ำค่าเยอะแยะขนาดนี้ เสียพวกเราไปก็เหมือนสูญเสียวิทยาการที่มีอยู่ทั้งหมด โง่เง่าสิ้นดี”
“หลักสำคัญข้อแรกในการเดินทางท่องดวงดาวคือการรับประกันชีวิตเจ้าหน้าที่ให้อยู่รอด ก็พอเข้าใจได้” หลินซือเลิกคิ้ว “แม้ว่าเขตหกจะเป็นหนามยอกอกในสายตาจอมพลเอสยอร์ช แต่พวกเราลองมาทุ่มเทเพื่อกลับไปเคียงข้างท่านจอมพลกับคุณนายเฉินดีไหม”
หลินซือจมสู่ห้วงความคิดพักใหญ่ ทำจุดสัญลักษณ์ตรงสถานที่สองสามแห่งบนแผนที่ดาวเคราะห์
“หลังวอยเอเจอร์หลุดจากหลุมดำ มันต้องลอยเข้าสู่บริเวณปริภูมิเวลาแน่ ตามแผนการเดินทาง มันจะออกจากบริเวณปริภูมิเวลาแถว ๆ ดาวเคราะห์ TN-III33876-87624 ในกลุ่มดาวซีตัส[7] และหยุดนิ่งอย่างต่ำหนึ่งเดือน ซึ่งช่วงนี้ยังอยู่ในระยะที่พอสังเกตเห็น ถ้าพวกเราหนีออกจากหลุมดำไปได้ ให้เร่งวาร์ปเข้าสู่บริเวณปริภูมิเวลาด้วยความเร็วสูงสุดทันที แล้วบังคับยานไปที่ TN-III เพื่อไปรวมตัวกับวอยเอเจอร์”
เด็กหนุ่มพากันสรรเสริญเยินยอหลินซือกันยกใหญ่ “พ่อมดผู้ยิ่งใหญ่ คุณนี่มหัศจรรย์สมคำร่ำลือ”
“…” หลินซือ
พ่อมดคือฉายาของเขา ตั้งแต่เขาประสบความสำเร็จในการทดลองดัดแปลงพันธุกรรมทำให้ปลาสำหรับบริโภคงอกส่วนขาอันโอชะออกมาได้สองข้าง
เขานวดคลึงหัวคิ้วขณะสั่งการลูเซีย “คำนวณอัตรารอดชีวิต”
ลูเซียเป็นสุดยอดระบบปฏิบัติการที่มีความรู้และไอคิวสูงกว่าทุกคนที่นี่รวมกัน ใช้ความสามารถทางการประมวลผลที่ทรงพลังในการรวบรวมสถานการณ์ต่าง ๆ เพื่อสร้างแบบจำลอง ทั้งยังคำนวณอัตราความสำเร็จในแผนการของหลินซือ ทว่า น่าเสียดายที่เปอร์เซ็นต์รอดกลับต่ำกว่าสาม
หลินซือสั่ง “ปฏิบัติการทันที” ด้วยใบหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ ก่อนจะปรับการกระจายพลังงานของยาน ปรับลดค่าการผลิตออกซิเจน แรงโน้มถ่วง และอุณหภูมิ
เด็กหนุ่มทั้งห้ากอดกันกลมดิกด้วยความหวาดกลัว หนึ่งในนั้นถามขึ้น “พ่อมดผู้ยิ่งใหญ่ พลังงานของเรามีเพียงพอที่จะบินไปถึงกลุ่มดาวซีตัสไหมครับ”
นิ้วมือที่เคาะแผงควบคุมหน้าโต๊ะชะงัก ก่อนจะตอบ “เซส ผมขอแนะนำให้คุณไปสมัครเรียนฟิสิกส์กับลูเซียเดี๋ยวนี้”
เสียงลูเซียดังขึ้น “เขตหกสามารถรองรับพลังงานที่แผ่ออกมาของหลุมขาวได้อย่างครอบคลุม”
กลุ่มเด็กหนุ่มพรูลมหายใจอย่างโล่งอก เริ่มกลับมาร่าเริงขึ้นแล้ว
หลินซือมองไปทางพวกเขา “ก่อนจะหนีออกจากหลุมดำ พวกเราควรประหยัดพลังงานให้มากที่สุด ผมหวังว่าพวกคุณจะมี…เอ่อ ประโยชน์มากกว่าธัญพืชสำรอง”
จบคำนั้น ความร่าเริงก็มลายหายไป
เซสลองถามหยั่งเชิง “อะไรคือมีประโยชน์มากกว่าธัญพืชสำรองเหรอครับ”
หลินซือปรายตาไปเห็นแว่นกรอบบางสีเงินบนโต๊ะ จึงเอื้อมมือไปหยิบมาสวม
เหล่าเด็กหนุ่มปั้นท่าสงบเสงี่ยมเรียบร้อย
“ดอกเตอร์ เครื่องมือแพทย์รุ่นใหม่ล่าสุดในห้องทดลองของเราสามารถรักษาสายตาสั้นได้ภายในครึ่งชั่วโมงนะครับ”
“ดอกเตอร์ เทคโนโลยีซ่อมแซมเนื้อเยื่อทางชีวภาพในห้องทดลองของเรา…”
ลูเซียพูดเสียงเย็นเฉียบ “จากการวิเคราะห์ลักษณะนิสัย แว่นตาเป็นวัตถุเชิงสัญลักษณ์ชนิดหนึ่ง จะทำให้ดอกเตอร์หลินรู้สึกได้ถึงความเคร่งครัดละเอียดอ่อน และช่วยคงความสุขุมได้ดี”
หลินซือหมุนเก้าอี้กลับมาเผชิญหน้ากับพวกเขาด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “มีประโยชน์มากกว่าธัญพืชสำรอง…ก็อย่างเช่นเอาใจผม”
เขามีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลา ริมฝีปากบางเฉียบสีระเรื่อ ตอนที่ไม่ยิ้มมักให้ความรู้สึกเย็นชา ไร้ความรู้สึกเห็นอกเห็นใจผู้คน แต่พอยิ้มกลับดูชั่วร้ายชอบกล อย่างไรก็ตาม เขามั่นใจว่าพยายามฝึกปรือรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้มแบบนี้มาจนชำนาญแล้ว เหมือนรอยยิ้มอ่อนโยนในคราบสัตว์ร้ายนั่นไง
เด็กหนุ่มทั้งห้าพากันหวาดหวั่นพรั่นพรึง
พวกเขาแลกเปลี่ยนสายตาอันเป็นเอกลักษณ์ของเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย กังวลเป็นพิเศษว่าตนจะถูกล่วงละเมิดพรหมจรรย์
หลินซือกอดอก จ้องพวกเขาด้วยแววตาเรียบนิ่ง ก่อนก้มมองพื้นที่ระเกะระกะแล้วสั่ง “เก็บกวาดที่นี่ให้สะอาด”
วิกฤตพรากพรหมจรรย์ได้รับการคลี่คลาย เด็กหนุ่มพรูลมหายใจยาวโล่งอก เริ่มลงมือเก็บกวาดห้องทดลองอย่างแข็งขัน
“เหมือนจะตายหมดแล้ว” หนึ่งในนั้นใช้คีมคีบเศษเนื้อเยื่อรูปร่างพิลึกพิลั่นที่กระจายอยู่บนพื้นขึ้นมา ก่อนนำไปวางที่กล้องจุลทรรศน์เพื่อตรวจดู “แต่เซลล์มีการเพิ่มจำนวนขึ้นครับ”
“คงกลายพันธุ์แล้ว” หลินซือปรับค่าพารามิเตอร์นำทาง พร้อมพูดไปพลาง “ขอบฟ้าเหตุการณ์ของหลุมดำมีรังสีแรงกล้ามาก ไม่มีค่าอ้างอิง เพราะทุกอย่างถูกทำลายทิ้งไปหมดแล้ว”
เด็กหนุ่มครางรับ หลังจากบ่น “เสียดายจัง” ด้วยความผิดหวังแล้วก็เริ่มลงมือทำความสะอาดเงียบ ๆ ไปตามระเบียบ
ผ่านไปพักใหญ่ก็มีใครบางคนถามขึ้นมา “เอ่อ คือ…พวกนายได้ยินเสียงอะไรกันไหม”
“หา?”
“ไม่นี่”
สิ้นคำพวกเขาก็กลั้นหายใจพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ความเงียบสงัดปกคลุมทั่วห้องทดลอง มีเพียงเครื่องสมองกลอัจฉริยะที่ส่งเสียงอื้ออึงเบา ๆ ไม่หยุดหย่อนเมื่อต้องหมุนระบายความร้อนหนักเกินไป
ก๊อก ๆ
ท่ามกลางความเงียบสงัด เสียงหนึ่งดังแว่วมา คล้ายมาจากสถานที่ที่ทั้งไกลและลึกมาก
หลินซือหลับตาตั้งใจฟังสักพัก หัวคิ้วขมวดมุ่น จากนั้นก็หยัดตัวลุกขึ้นและสาวเท้าเดินไปอีกฟากของห้องทดลอง
คนที่เหลือเดินตามเขาไป ยิ่งเข้าใกล้ผนังก็ยิ่งได้ยินเสียงชัดมากขึ้น
ก๊อก ๆ
เสียงเคาะดังแทรกเข้ามาเป็นจังหวะ ชวนให้คนฟังรู้สึกใจสั่น
“ดะ…ดอกเตอร์” เด็กหนุ่มหวาดกลัวมาก “มีอะไรอยู่ในห้องข้าง ๆ ครับ”
เสียงแจ้งเตือนบาดหูดังขึ้นทำลายความเงียบ ตามมาด้วยเสียงระบบปฏิบัติการหญิงที่แจ้งด้วยความรวดเร็ว
“แจ้งเตือน ๆ ตรวจพบสัญญาณชีพผิดปกติ ที่มาของสัญญาณ ห้องเก็บชีวเคมีหมายเลขหนึ่ง ในแคปซูลร้างหมายเลขเก้าสิบเจ็ด ระดับอันตรายที่คาดการณ์ อันตรายขั้นสุด…อันตรายขั้นสุด…อันตรายขั้นสุด”
[1] ข้อมูลที่ป้อนลงในระบบ เป็นค่าคงที่ซึ่งแสดงค่าเฉลี่ยและความแปรปรวน
[2] Event Horizon คือ พื้นที่รอยต่อระหว่างขอบเขตที่มนุษย์รู้จักดีกับขอบเขตลึกลับที่ไม่สามารถอธิบายลักษณะทางกายภาพได้ ซึ่งมีชื่อเรียกเป็นภาษาไทยว่า ขอบฟ้าเหตุการณ์ โดยวัตถุที่หลุดเข้าไปในบริเวณขอบฟ้าเหตุการณ์จะต้องเร่งความเร็วให้มากกว่าความเร็วแสงจึงจะหลุดออกมาได้
[3] หรือรังสีฮอว์กิ้ง คือ รังสีของวัตถุดำที่ปล่อยออกมาจากหลุมดำและพื้นที่รอยต่อ ซึ่งตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่สตีเฟน ฮอว์กิง นักฟิสิกส์ผู้ทำการพิสูจน์เชิงทฤษฎีถึงการมีอยู่ของรังสีนี้
[4] คือ จุดที่อยู่ระหว่างริมฝีปากกับจมูก
[5] Einstein Field Equations เป็นสมการที่ใช้ในการคำนวณเรขาคณิตของปริภูมิเวลา ซึ่งปริภูมิเวลา หรือ space-time คือ เวลาที่รวมอยู่ในปริภูมิ ทำให้มิติเชิงพื้นที่ของปริภูมิซึ่งเดิมมีเพียงสามมิติ กลายเป็นสี่มิติได้แก่ กว้าง ยาว สูง และเวลา
[6] White Hole คือ พื้นที่สมมุติซึ่งเป็นขั้วตรงข้ามกับหลุมดำ หลุมขาวไม่สามารถเข้ามาจากภายนอกได้ แต่สสารและแสงสามารถหนีออกไปได้
[7] Cetus Constellation หรือ กลุ่มดาววาฬ มีที่มาจากปีศาจวาฬทะเลในตำนานของเจ้าชายเพอร์ซิอัส กลุ่มดาวนี้จะอยู่บริเวณท้องฟ้าด้านใต้ หรือที่เรียกว่าทะเลแห่งท้องฟ้า