猫咪的玫瑰
เจ้าแมวน้อยกับดอกกุหลาบแสนสวยของเขา
一十四洲 (อีสือซื่อโจว) เขียน
จิงจิง แปล
Caring Wong ภาพ
– โปรย –
การที่ถูกดีดออกจากยานหลักและติดอยู่ในหลุมดำ
ทำให้ตอนนี้สถานการณ์ของยานเขตหกตึงเครียดถึงขีดสุด
หลังจากหลินซือสลบไปเพราะถูกรังสีอันแรงกล้าจากหลุมดำ
พอฟื้นขึ้นมา ก็พบว่าเกิดเรื่องวิกฤติขึ้นแล้ว
เพราะร่างทดลองที่ผ่านการดัดแปลงพันธุกรรมร่างหนึ่งดันตื่นขึ้นมา
เดาว่าสาเหตุน่าจะเป็นเพราะรังสีจากหลุมดำที่ทำเขาสลบไปนั่นแหละ
แต่นอกจากจะไร้ความทรงจำ และมีท่าทางไม่เป็นมิตรแล้ว
หลิงอีก็ยังทำเขาไหล่หลุดอีกด้วย!
—.—.—.—.—.—.—.—.—.—
ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่
เพจ >> Rose Publishing
ทวิตเตอร์ >> Rose Publishing
…XOXO…
มาดามโรส
ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์
11
บทกวี 14 บรรทัด (3)
เนื่องจากคนแปลกหน้าทั้งสองไม่เคยสัมผัสอารมณ์ฉุนเฉียวของหลิงอีมาก่อน หลินซือทบทวนดูชั่วขณะ คงมีแค่ตนเองที่รู้ดี สาเหตุน่าจะมาจากตำแหน่งที่อยากนั่งถูกจับจองไปหมดแล้ว
ไม่คิดว่าเจิ้งซูจะเป็นฝ่ายส่งยิ้มอ่อนโยนให้ก่อนโดยที่เขายังไม่ทันลงมือทำอะไรด้วยซ้ำ
“ฉันย้ายไปนั่งตรงข้ามเอง หลิงหลิงมานี่สิ”
เจิ้งซูหยัดตัวลุกขึ้นแล้วนั่งลงฝั่งตรงข้าม หลิงอีจึงนั่งลงข้างหลินซือ จ้องมองเจิ้งซูด้วยสายตาใคร่รู้จัก
หลิงอีจดจำสิ่งที่หลินซือเคยบอกตนเองได้ บนยานอวกาศจงเชื่อใจเขาเป็นอันดับแรก อันดับสองให้เชื่อใจเจิ้งซู
หลินซือแนะนำให้รู้จัก “นี่คือพี่เจิ้ง เขาอยู่เขตห้า มีงานทดลองของฉันจำนวนมากที่เขาร่วมทำด้วย”
แล้วแนะนำอีกคนต่อ “นี่คือถังหนิง อัจฉริยะชื่อดังประจำยานอวกาศ โปรแกรมสำคัญซึ่งเป็นหัวใจหลักอย่าง ‘ลูเซีย’ เป็นผลงานของเขาเอง”
ถังหนิงเงยหน้าขึ้นมาจากการเคาะคีย์บอร์ดแบบกลไกดังก๊อกแก๊ก ๆ แล้วเอ่ยทักทาย “หวัดดี”
ถังหนิงแตกต่างจากหลิงอีผู้ซึ่งบริสุทธิ์และมากด้วยไหวพริบ นัยน์ตาถังหนิงมีความพิเศษซุกซ่อนอยู่ เป็นความพิเศษที่ก่อตัวมาจากความมุ่งมั่นเต็มเปี่ยม ท่าทางที่ยากจะอธิบายให้เข้าใจ บางครั้งก็ถูกเข้าใจผิดคิดว่าเป็นพวกวิกลจริต แต่ในสายตาผู้ช่ำชองการมองลักษณะคน ชัดเจนว่านี่คือลักษณะนิสัยของอัจฉริยะ
เจิ้งซูพูดทั้งรอยยิ้ม “ที่จริงคุณหลินก็เป็นพวกอัจฉริยะนะ แต่น่าเสียดาย ทั้งสองคนไม่ยอมเข้าสาขาที่เหมาะสมกับพวกอัจฉริยะที่สุดอย่างคณิตศาสตร์หรือฟิสิกส์”
ถังหนิงไหวไหล่ “ผมชอบอะไรที่เห็นผลลัพธ์ได้ทันทีมากกว่า”
หลินซือวางแก้วเหล้าลง “ฉันฝันอยากเป็นหมอมาตั้งแต่เด็ก”
หลิงอีกลอกสายตาสลับมองพวกเขาเป็นวงกลม พอจะฟังออกว่า หลินซือพูดคุยกับสองคนนี้อย่างผ่อนคลายและเป็นกันเองมากกว่าเวลาคุยกับคนอื่นบนยานอวกาศ
เด็กน้อยเอียงศีรษะ แล้วเอ่ยถาม “พวกคุณเป็นเพื่อนสนิทของหลินซือเหรอครับ”
เจิ้งซูตอบ “เรารู้จักกันตอนอยู่บนโลก ถังหนิงเป็นรุ่นน้องของคุณหลิน ลูกสาวอาจารย์ที่ปรึกษาของคุณหลินเป็นคู่หมั้นฉันเอง”
เมื่อเจิ้งซูเล่าถึงตรงนี้ รอยยิ้มอบอุ่นก็จางหายไป แววตาเจือความเศร้าโศกขณะสบตากับหลิงอี “ฉันคิดถึงเธออยู่ตลอด”
ถังหนิงไม่เอื้อนเอ่ยสักคำ กลับยกแก้วเหล้าของหลินซือกระดกเข้าปากรวดเดียวก่อนจะวางกระแทกลงอย่างแรง แล้วอุ้มคีย์บอร์ดขึ้น “ผมไปละ”
หลิงอีมองแผ่นหลังของอีกฝ่ายที่สาวเท้าเดินจากไปอย่างเร่งรีบ นัยน์ตาฉายแววสับสนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เจิ้งซูคลึงหน้าผาก “โทษที ฉันลืมตัวไป…ฉันบังคับตัวเองไม่ให้พูดถึงเธอไม่ได้เลยสักครั้ง”
พวกเขาจมดิ่งสู่ความเงียบงันไปชั่วขณะ
หลิงอีมองเจิ้งซู กะพริบตาปริบ ๆ คล้ายกำลังคิดอะไรบางอย่าง สุดท้ายก็ยื่นมือไปจิ้มหว่างคิ้วที่ขมวดมุ่นน้อย ๆ ของเจิ้งซู
ปลายนิ้วมือนุ่มนิ่มให้สัมผัสแสนอบอุ่น จึงไม่มีใครปฏิเสธการปลอบโยนอันไร้เดียงสาแต่ทว่าจริงใจเช่นนี้ได้ลงคอ
เจิ้งซูค่อย ๆ คลายหัวคิ้ว เอ่ยกับหลิงอีแผ่วเบา “ขอบใจนะ”
หลิงอีรู้สึกขัดเขิน จึงหดตัวกลับไปมุดศีรษะซุกหน้าอกหลินซือ ไม่ยอมขยับเขยื้อน
เจิ้งซูกล่าวกับหลินซือว่า “นายเลี้ยงเขาได้ดีมาก”
“ฉันไม่เคยสอนเรื่องพวกนี้ให้เขา” หลินซือลูบศีรษะหลิงอีเนิบนาบ “นี่คงเป็นสัญชาตญาณของเขามั้ง”
เมื่อพูดถึงเรื่องอบรมสั่งสอนเด็กน้อย หลินซือจึงเป็นฝ่ายเปิดประเด็นขึ้นมาในที่สุด
“นายพอรู้ไหมว่ามีคุณนายคนไหนบ้างที่มีประสบการณ์ด้านนี้ ฉันอยากไปขอคำแนะนำจากเธอหน่อย”
เจิ้งซูหุบยิ้มฉับ
“ฉันนึกมาตลอดว่าเรื่องนี้เรียนรู้ได้เองโดยไม่ต้องมีครูคอยชี้แนะเสียอีก” เจิ้งซูว่า “ตอนขึ้นยานมาเสี่ยวหนิงเพิ่งอายุได้สิบสี่ปี สิทธิ์ในการปกครองจึงถูกยกมาให้ฉัน ฉันจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่าตัวเองเคยทำอะไรไปบ้าง เผลอแป๊บเดียวเขาก็โตแล้ว”
“แค่ให้คีย์บอร์ดอันหนึ่งและโจทย์คณิตที่มากพอกับถังหนิง เขาก็มีชีวิตอยู่ได้ทั้งชาติแล้ว” หลินซือว่า “อายุจิตใจของหลิงอีน้อยกว่าถังหนิงตอนนั้นมาก แถมยังไม่รู้ถึงสิ่งที่ชอบด้วย”
“งั้นนายคงต้องยอมเสียสละเวลาค่อนข้างมากเพื่อมาสอนความรู้ขั้นพื้นฐานพวกนี้ให้เขา ทำเหมือนโรงเรียนมัธยมบนโลกนั่นไง” เจิ้งซูขบคิด “สิ่งบันเทิงสำหรับเด็กน่ะสร้างความพึงพอใจได้ง่าย ฐานข้อมูลในยานอวกาศก็มีผลงานการ์ตูนให้เด็ก ๆ ดูไม่น้อย หรือจะเลือกหนังสารคดีแบบง่าย ๆ มาก็ได้”
หลินซือ “ดี”
พวกเขาพูดคุยสัพเพเหระกันต่อสักพัก หลิงอีก็ขยี้ตา บ่งบอกชัดเจนว่าเริ่มจะง่วงนอนเสียแล้ว
เจิ้งซูระบายยิ้มเข้าอกเข้าใจ “พาหนูน้อยไปนอนเถอะ”
หลินซือจับจูงหลิงอีพาไปบอกลาคุณนายเฉิน ก่อนจะกลับไปยังเขตหก
แผงควบคุมส่วนกลางของเขตหกปรากฏเงาร่างของใครบางคนยืนอยู่ ซึ่งก็คือถังหนิงที่กลับมาก่อนหน้านี้
ความที่หลิงอีผูกพันกับลูเซียมาก ดังนั้นก็เลยให้ความสนใจผู้สร้างลูเซียเช่นเดียวกัน เมื่อความง่วงงุนจางหายไป จึงให้หลินซือกลับไปก่อน จากนั้นก็เดินลงไปถามถังหนิง “คุณทำอะไรอยู่เหรอ”
ถังหนิงชี้ไปที่กล่องเก็บของสีดำแบน ๆ ขนาดหนึ่งตารางเมตรบนพื้น “นั่นน่ะ ลูเซียเวอร์ชั่นอัปเกรด”
บนหน้าจอแผงควบคุมปรากฏภาพนักรบหญิงในชุดเกราะสีขาวปลอด เธอยืนอยู่บนสิ่งก่อสร้างที่มีลักษณะคล้ายแท่นบูชา หลับตาทั้งสองข้าง ในมือถือคบไฟลุกโชน
“ฉันยังไม่ทันได้ตั้งค่ารูปลักษณ์ของเธอด้วยซ้ำ นึกไม่ถึงเลยว่าเธอจะเป็นฝ่ายสร้างมันขึ้นมาซะเอง” ถังหนิงขมวดคิ้วมุ่น “ฉันไม่ชอบแบบนี้ ฉันชอบเจ้าหญิงน้อยแสนสวย…ทำนองนี้มากกว่า”
แถบความคืบหน้าของเครื่องแต่งกายหญิงด้านล่างเคลื่อนตัวไปอย่างเชื่องช้า เมื่อมาถึงจุดสิ้นสุด นักรบหญิงจึงลืมตาพรึบ
ข้างกายถังหนิงมีภาพสามมิติของเธอปรากฏวาบขึ้นมาด้วยเช่นกัน
“สวัสดี ลูเซีย” ถังหนิงกล่าว
“สวัสดีค่ะ คุณผู้สร้าง”
น้ำเสียงเธอเปลี่ยนแปลงไปมาก มีจังหวะสูงต่ำฟังดูไพเราะ ไม่เป็นระบบปฏิบัติการเสียงโมโนโทนเหมือนอย่างที่แล้วมา น่าจะเป็นเพราะติดตั้งระบบเปล่งเสียงในระดับที่สูงขึ้น
“อัปเกรดคราวนี้ไม่ได้มีอะไรมากมายหรอก” ถังหนิงเอ่ยปาก ถึงแม้หลิงอีจะอยู่ฝั่งตรงข้าม แต่ก็เหมือนกำลังพูดกับตัวเองเสียมากกว่า อย่างไรแล้วพวกอัจฉริยะก็มักจะมีความพิลึกพิลั่นบางอย่างที่แตกต่างไปจากคนธรรมดาอยู่แล้ว
“หลังลงจอดบนดาวเคราะห์ยังต้องมาเพิ่มฟังก์ชันใหม่ ๆ อีกมาก แต่เพราะกำลังคนไม่เพียงพอ ทำให้ไม่มีเวลาพัฒนาเท่าไร…ฉันอยากให้ลูเซียเรียนรู้ด้วยตัวเองเลยเชื่อมต่อเธอเข้ากับฐานข้อมูลของเขตแปด”
ถังหนิงพูดเองเออเองพร้อมทำนู่นนี่ไปพลาง แถบคำสั่งเด้งขึ้นบนหน้าจอทีละแถวด้วยความรวดเร็ว
หลิงอีเอียงศีรษะพินิจมองถังหนิงอย่างละเอียด ไม่รู้ทำไม…ถึงได้รู้สึกคุ้นเคยน้ำเสียงและท่าทางเคาะคีย์บอร์ดเช่นนี้เหลือเกิน เหมือนเคยเห็นเมื่อนานมาแล้ว ด้วยเหตุนี้เขาจึงเผลอไผลมองอยู่นานโดยไม่รู้ตัว
กระทั่งถังหนิงทำสิ่งที่ต้องการเสร็จสิ้น จู่ ๆ ก็เอ่ยถามหลิงอีขึ้นมาประโยคหนึ่ง “ฉันได้ยินมาว่านายจำอดีตของตัวเองไม่ได้เลยเหรอ”
หลิงอีพยักหน้า
“งั้นดีเลย” ถังหนิงไหวไหล่ “เพราะต้องจากโลกมา ทำให้คนบนยานมีเรื่องปวดใจแทบทุกคน ฉันได้แต่หวังว่าเจิ้งซูจะลืมคู่หมั้นเลว ๆ คนนั้นได้สักที”
ถังหนิงเก็บของเรียบร้อย หยิบกล่องเก็บของขึ้นมา “ฉันไปละ หลิงหลิงน้อย”
หลิงอีบอกลา จากนั้นเจ้าตัวก็หยุดยืนอยู่หน้าแผงควบคุม แล้วยื่นมือทั้งสองข้างออกไป
การที่ถังหนิงใช้คีย์บอร์ดแบบกลไกก็แค่งานอดิเรกสุดพิเศษอย่างหนึ่ง ในปัจจุบันบนยานอวกาศมีการใช้คีย์บอร์ดเลเซอร์กันอย่างแพร่หลาย เพียงหลิงอีแสดงท่าทาง คีย์บอร์ดเลเซอร์ก็ลอยขึ้นมาใต้ฝ่ามือทั้งสองข้างของเขาทันที
เขากดแป้นไปตามความรู้สึกคุ้นเคยในความทรงจำ ทว่าลำดับขั้นตอนกลับยุ่งเหยิงไปหมด จึงทำได้เพียงเค้นสมองนึกย้อนกลับไป กระทั่งปรากฏลางสังหรณ์ที่แล่นปราดเข้ามาอย่างเลือนราง
“…พ่อ” เขาพึมพำแผ่วเบา
ลูเซียถามขึ้นทันที “ตรวจสอบข้อมูลตัวตนใช่หรือไม่”
หลิงอีพยักหน้ารับ
ลูเซียแจ้ง “กำลังเชื่อมต่อระบบข้อมูล”
พอแถบประมวลผลโหลดเสร็จสิ้นก็ปรากฏหน้าอินเตอร์เฟซค้นหาขึ้นมา ลูเซียป้อนคีย์เวิร์ดอัตโนมัติ ‘หลิงอี ข้อมูลครอบครัว’
ไม่กี่วินาทีต่อมา ข้อความแจ้งเตือนก็เด้งขึ้นมาบนหน้าจอ
‘ไม่มีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูล ไม่สามารถค้นหาได้’
ลูเซีย “สอบถามระดับการเข้าถึงของปัญหาปัจจุบัน”
บนหน้าจอปรากฏอักษร SSS สีแดงสด
ลูเซีย “ขอโทษค่ะ ไม่อาจตอบข้อสงสัยให้คุณได้”
หลิงอีท่าทางเซื่องซึมลงเล็กน้อย “ช่างเถอะ…ไม่เป็นไรครับ”
เขาครุ่นคิด จำได้ว่าระดับของหลินซือคือ SS แสดงว่าสิทธิ์เข้าถึงของหลินซือก็ยังไม่เพียงพอเช่นกัน เขาจึงตัดสินใจไม่ไปขอความช่วยเหลือจากหลินซือ
เมื่อเขากลับมาถึง หลินซือกำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะ สวมแว่นตากรอบบางสีเงินอันเดิม กำลังเขียนอะไรก็ไม่ทราบ
ท่าทางหลินซือขณะตั้งอกตั้งใจดูเพลินตาไม่น้อย
หลิงอีจดจ้องอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะเกลือกกลิ้งไปมาบนเตียงคล้ายคนหมดอาลัยตายอยาก
หลินซือสังเกตเห็นอาการเบื่อหน่ายของเจ้าสิ่งเล็ก ๆ และสังเกตเห็นว่าลูเซียกลับมาแล้วเช่นกัน จึงตัดสินใจทำตามคำแนะนำของเจิ้งซู…ด้วยการเปิดการ์ตูนให้หลิงอีดู
หลังได้รับคำสั่ง ลูเซียก็ค้นหาในฐานข้อมูลแล้วจัดการสุ่มเลือกมาเรื่องหนึ่ง
บนผนังปรากฏจอภาพฮอโลแกรมพื้นหญ้าสีเขียวขจีแบบสมจริง เหมือนให้ผู้ชมเข้าไปอยู่ในสภาพแวดล้อมแห่งนั้นจริง ๆ
แต่ไหนแต่ไรหลิงอีไม่เคยเห็นพื้นหญ้าและท้องฟ้าของจริงมาก่อน เขาเบิกตากว้างเล็กน้อย ก่อนที่จะถูกดึงความสนใจไปชั่วขณะ
หลินซือครุ่นคิด คำแนะนำของเจิ้งซูถูกต้องจริงด้วย
จากนั้นตัวการ์ตูนลูกหมูสีชมพูสองสามตัวก็ปรากฏกายขึ้น
หลินซือมุ่นคิ้ว สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างทะแม่ง ๆ
แต่มันเป็นความแปลกใหม่สำหรับหลิงอี เขาจ้องตาไม่กะพริบ ถึงขั้นเอื้อมมือทะลุผ่านภาพฮอโลแกรมเพราะอยากลองสัมผัสดูบ้าง
ครอบครัวลูกหมูเริ่มพูดคุยกัน
หลินซือขมวดคิ้วหนักขึ้น รู้สึกว่าบทสนทนาดูจะเด็กน้อยเสียเหลือเกิน ชักไม่เหมาะจะให้หลิงอีดูเสียแล้ว
หนึ่งนาทีผ่านไป หลังจากหมูหนึ่งตัวในนั้นพร่ำเพ้อจบ จู่ ๆ เจ้าหมูก็แผดเสียงร้องออกมาดังก้องกังวาน
หลินซือ “…”
สั่งการโดยไม่ลังเล “ลูเซีย ปิดซะ”
ทันทีที่เป๊ปป้าพิก[1]ของหลิงอีถูกหลินซือสั่งตัดตอนฉับ เขาก็บุ้ยปากอย่างไม่พอใจ
หลินซือลงมือค้นหาในฐานข้อมูลด้วยตัวเอง สุดท้ายแล้วก็เลือกการ์ตูนดูดีมีระดับมาเรื่องหนึ่ง ตัวละครมีความเป็นผู้ใหญ่ สไตล์ภาพวาดชวนให้ผู้คนหลงใหล
พอเขากลับมาที่โต๊ะ ก็ลงมือเขียนร่างแผนการสอนกับกำหนดการให้หลิงอีต่อ แผนการสอนละเอียดยิบซึ่งจะเริ่มปฏิบัติในวันพรุ่งนี้ เนื้อหาประกอบไปด้วยความรู้เบื้องต้นของสาขาวิชาพื้นฐานทั้งหมด คณิตศาสตร์ เริ่มจากบวกลบคูณหารจนถึงแคลคูลัส ฟิสิกส์และกลศาสตร์ พวกชีวเคมียิ่งไม่ต้องพูดถึง มิหนำซ้ำยังครอบคลุมไปถึงภาษาของโปรแกรม
แต่เจ้าสิ่งเล็ก ๆ กลับกำลังนั่งกอดหมอนเอนพิงผนัง นัยน์ตาทั้งสองข้างจับจ้องบาร์บี้อย่างเลื่อนลอย
ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าตนจะต้องเผชิญกับอะไรในวันพรุ่งนี้
[1] Peppa Pig ซีรีส์แอนิเมชั่นสำหรับเด็กก่อนวัยเรียนของอังกฤษ
แล้วพบกันในเล่มนะคะ 🙂