[ทดลองอ่าน] รักเธอตั้งแต่วันวาน ตอนที่ 3

曾是年少时
รักเธอตั้งแต่วันวาน

ชิงเหม่ย 青浼 เขียน
หนูน้อยฉี แปล

 

— โปรย —

เฉินจินหยาง คุณหนูบ้านรวย สวย สูง เรียนเก่ง
นักศึกษาจากคณะภาษาต่างประเทศ ต้องมาสอนพิเศษให้อ้ายเจีย
เด็กเกรียนรุ่นน้อง จนบ่มเพาะความรู้สึกที่ลึกซึ้ง

ทว่าเฉินจินหยางต้องไปเรียนเพิ่มเติมที่ต่างประเทศ
ขณะที่อ้ายเจียเองก็หมายจะเข้าสู่ลีกเกมออร์เดอร์ออฟสตรอม

ท่ามกลางเรื่องราวความรักของคุณหนูไฮโซสาว
กับเกมเมอร์หนุ่มมีอุปสรรคมากมาย
ทั้งคู่ต้องจูงมือกันฝ่าฟันขวากหนามอย่างไม่ย่อท้อ
เพื่อที่จะก้าวสู่เส้นทางเกียรติยศในอนาคต!

 

_______________________________

 

ติดตามการวางจำหน่ายหนังสือได้ทางเพจ “บ้านอรุณ

สำนักพิมพ์อรุณ

 

(ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์)

 

ครึ่งชั่วโมงต่อมา

                จินหยางเดินแทะไอศกรีมขณะกลับหอพัก ระหว่างทางเธอได้รับข้อความจากรุ่นพี่แผนกพิธีการของมหาวิทยาลัย บอกว่าสุดสัปดาห์นี้มีงานพิธีกรการแข่งขันกีฬาอีสปอร์ต[1]ที่อินเทอร์เน็ตคาเฟ่จัดขึ้นอะไรนี่แหละ เลยอยากให้เธอลองไปดู…

อินเทอร์เน็ตคาเฟ่รึ

การแข่งขันกีฬาอีสปอร์ตเหรอ

กลิ่นบุหรี่ ผมมันเยิ้มของเกมเมอร์หนุ่ม ควันบุหรี่คละคลุ้งไปทั่ว เศษสิ่งสกปรกไม่ทราบปริมาณแทรกอยู่ในซอกคีย์บอร์ด…

อินเทอร์เน็ตคาเฟ่ไม่เคยเป็นสถานที่ที่กุลสตรีสมควรไป

จินหยางอ่านข้อความยังไม่จบก็กดออกจากหน้าข้อความแล้ว

ในหอพัก เด็กสาวคนที่อายุมากที่สุดกำลังดูซีรีส์เกาหลี รองลงมาจับโน้ตบุ๊กเล่นเกม ปากก็เอาแต่เรียกพี่ชายๆ เด็กสาวลำดับสามดูอะนิเมะ ลำดับห้าดูซีรีส์ญี่ปุ่นพลางหลุดเสียงหัวเราะชั่วร้ายดัง “คิกๆ” เป็นครั้งคราว ลำดับหกเป็นสาวน้อยและเป็นคนปกติเพียงคนเดียวในห้องพัก เธอกำลังทำการบ้านของวันนี้

เมื่อเรียงลำดับตามอายุ จินหยางอยู่ลำดับสี่

นี่เป็นปีที่สองที่จินหยางรู้จักพวกเธอ

ตอนเรียนปีหนึ่งเธอพักที่หอพักถึงหนึ่งปีเต็ม ปีนี้พอเปิดเทอมจึงตัดสินใจย้ายไปพักบ้านย่าที่อยู่ใกล้มหาวิทยาลัย…เพราะเธอทนไม่ได้ที่จะต้องใช้ชีวิตอย่างกับคนยุคหิน ต้องกางร่มห้อยกับพัดลมตั้งพื้นเพื่อรับลมในคืนฤดูร้อนที่อุณหภูมิสูงถึงสามสิบกว่าองศาเซลเซียส (รุ่นพี่คิดค้นวิธีการเอาชีวิตรอด โดยกางร่มแล้วห้อยไว้กับพัดลม ลมจากพัดลมจะพัดไปที่เตียงตามองศาของร่มที่กางออก)

จินหยางวางกล่องอาหารเย็นที่หิ้วมาด้วยไว้บนโต๊ะ ขณะคิดจะถามเด็กสาวที่ปกติที่สุดตามมารยาทว่ากินข้าวหรือยัง จังหวะนี้เองมือถือของเธอก็ดังขึ้น…เธอกดรับสาย ยกขึ้นแนบหู ที่แท้คนที่โทร.หาเธอก็คือรุ่นพี่ปีสามจากสภานักศึกษา เขาบอกให้เธอรีบไปประชุมที่ห้องทำงานแผนกประชาสัมพันธ์ที่อยู่ชั้นบนสุดของอาคารสองตอนนี้เลย เพราะอยากให้เธอช่วยเขียนโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์งานเลี้ยงต้อนรับนักศึกษาใหม่ที่จัดร่วมกับโรงเรียนมัธยมข้างๆ

จินหยางแย้ง “…แต่ฉันยังไม่ได้…”

รุ่นพี่ว่า “ตกลงตามนี้ อย่าไปสายนะ บันทึกลงชั่วโมงกิจกรรม”

จินหยาง “…”

จินหยางหิ้วกล่องอาหารที่ยังไม่ทันกินขึ้นมาใหม่ ยิ้มบางก่อนวางถุงอาหารลงข้างมือของเหล่าลิ่ว[2] “ยังไม่ได้กินข้าวใช่ไหม ฉันมีประชุมสภานักศึกษา ไม่มีเวลากิน เธอจะกินไหม”

เด็กเรียนอย่างเหล่าลิ่วที่ไม่อยากเสียเวลาขึ้นลงหอพักไปซื้ออาหาร เพราะเวลาเหล่านั้นเธอสามารถท่องศัพท์เพิ่มได้อีกสามสิบคำ รีบรับอาหารที่จินหยางให้อย่างอารมณ์ดี

“คืนนี้เธอจะกลับมานอนไหม” เหล่าลิ่วรับกล่องอาหารพลางถาม

“…พรุ่งนี้เรียนคาบแรกสิบโมง ฉันคงกลับไปนอนบ้านย่า” จินหยางคิดสักพักก่อนพูดต่อ “ยังเก็บของไม่เสร็จเลย”

เหล่าลิ่วร้อง “อ้อ” เอ่ยว่า “อิจฉาเธอจริงๆ ที่ได้ไปอยู่ข้างนอก ที่นี่เที่ยงคืนก็ตัดเน็ตตัดไฟแล้ว อยากอ่านหนังสืออีกหน่อยก็ไม่ได้…คนมีเงินนี่ดีจริงๆ ซื้อรถขับออกไปพักข้างนอกได้”

“ฉันไม่ได้ซื้อรถ บ้านฉันมีคนขับรถ”

“หา! คนขับรถเหรอ แบบประจำตัวน่ะเหรอ! โอ้โห ขอพูดอีกรอบ คนมีเงินนี่ดีจริงๆ”

จินหยางยังไม่ทันตอบ เวลานี้เหล่าเอ้อร์[3]ที่อยู่บนเตียงก็หลุดขำเสียงดังลั่น ก่อนพูดต่อว่า “ไม่ใช่เงินเธอสักหน่อย” ไม่มีใครรู้จุดประสงค์และอารมณ์ของคำพูดนี้

จินหยางหัวเราะ ไม่เอ่ยอะไรอีก ทำราวกับว่าตัวเองหูหนวก แค่เงยหน้าเหลือบมองดวงตะวันที่ร้อนแรงดุจเปลวไฟข้างนอกกับพัดลมที่พังแล้วของหอพักที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะมีคนมาซ่อม ก่อนคิดในใจว่า คนที่ร้อนตายไม่ใช่ฉันซะหน่อย จะพูดอะไรก็ตามสบาย

               

หลังซื้อใจเหล่าลิ่วด้วยอาหารเย็นกล่องหนึ่งแล้ว จินหยางก็เก็บของลวกๆ เปลี่ยนมาใส่กางเกงขาสั้น เหวี่ยงกระเป๋าทิ้ง ก่อนคว้ามือถือ รีบวิ่งไปที่อาคารสอง

ตอนเธอไปถึง พวกคณะทำงานที่เข้าสภานักศึกษาพร้อมเธอก็มาถึงกันเกือบหมดแล้ว พวกรุ่นพี่ยืนอยู่ด้านข้าง สั่งให้พวกเธอแปะโปสเตอร์ท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนระอุ ก่อนเอ่ยถึงเนื้อหาหลักของงานเลี้ยงต้อนรับนักศึกษาใหม่ครั้งนี้…

“ทุกคณะทั่วมหาวิทยาลัยจะร่วมกันจัดงานเลี้ยงต้อนรับนักศึกษาใหม่ สถานที่คือหอประชุมมหาวิทยาลัย T วันงานคือวันที่ยี่สิบแปดกันยายน…นี่เป็นงานเลี้ยงต้อนรับนักศึกษาใหม่ครั้งแรกที่หลายคณะของมหาวิทยาลัย T เราร่วมกันจัดขึ้น พวกเธอจะต้องเน้นจุดนี้ในเนื้อหาหลักของโปสเตอร์ พอพวกเธอแปะโปสเตอร์เรียบร้อยแล้วก็แยกย้ายกันไปได้ ตอนนี้มาช่วยกันคิดว่าควรจะเขียนยังไงดี คิดได้แล้วก็รีบทำให้เสร็จ พยายามแปะโปสเตอร์บนบอร์ดประกาศของคณะต่างๆ ให้ได้ก่อนที่จะปิดประตูอาคารหลังคาบศึกษาด้วยตัวเองค่ำนี้”

พอจินหยางจินตนาการถึงภาพตัวเองชูโปสเตอร์ขนาดยักษ์กว้างหนึ่งเมตรยาวสามเมตรเดินผ่านกลุ่มวัยรุ่นชายกลุ่มใหญ่แล้วก็รู้สึกกระดากอายนิดหน่อย

…แต่นี่เป็นแผนกที่เธอเลือกเอง ต่อให้น้ำตานองหน้าก็ต้องทำให้เสร็จ

โปสเตอร์ประกาศของสภานักศึกษาปกติจะแบ่งออกเป็นสองชุด ชุดหนึ่งคือโปสเตอร์วาดมือขนาดยักษ์ ประกอบด้วยเนื้อหาธรรมดาอย่างหัวข้อ เวลา สถานที่ และอื่นๆ อีกชุดหนึ่งเป็นโปสเตอร์ขนาดเล็ก ใช้ภาษาทางการเอาไว้ชี้แจงล้วนๆ รุ่นพี่สภานักศึกษายังนับว่าชอบจินหยางอยู่พอควร เหตุผลหลักเป็นเพราะในคณะทำงานชุดนี้ จินหยางเรียนรู้รูปแบบอักษรป๊อป[4]สำหรับใช้ในโปสเตอร์วาดมือได้เร็วที่สุดและเขียนได้ดีที่สุด ฝึกสองวันก็เป็นรูปเป็นร่างแล้ว…

วันนี้ในอีกหนึ่งปีข้างหน้า เธอคงกลายไปเป็นตัวหลักด้านการเขียนอักษรป๊อปของแผนกประชาสัมพันธ์

ด้วยเหตุนี้ระหว่างที่ทุกคนออกแบบโปสเตอร์ขนาดยักษ์ท่ามกลางแสงแดดร้อนระอุนั้น จินหยางก็เดินไปด้านข้าง เลือกปากกามาร์กเกอร์แท่งหนึ่งจากกล่องปากกาที่วางอยู่บนชั้นผุพัง ดึงฝาปากกาออกแล้วถามว่า “รุ่นพี่ ยังต้องทำโปสเตอร์อักษรป๊อปไหมคะ”

รุ่นพี่ตอบ “ทำ เธอหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งมาลองเขียนดูก่อนไหม”

จินหยางพยักหน้า รู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ไม่ต้องไปเบียดกับคนอื่นเพื่อช่วยกันคิดเรื่องการออกแบบโปสเตอร์ยักษ์ในวันที่อากาศร้อนแบบนี้ เธอโน้มตัวลงคุกเข่ากับพื้นก่อนเริ่มลงมือเขียน…

เขียนไปได้ไม่ถึงสองบรรทัดก็พบว่าหมึกหมด เธอเขวี้ยงปากกาทิ้ง หมุนตัวคิดจะลุกไปหยิบแท่งใหม่บนชั้นพลางถามว่า “ทำไมไม่ทิ้งปากกามาร์กเกอร์ที่หมึกหมดคะ ยังมีแท่งใหม่ไหม”

เวลาเดียวกันกับที่เธอยื่นมือไปยังชั้นวางของนั้น รุ่นพี่ก็เก็บปากกาที่เธอโยนทิ้งกลับมา เปิดฝาปากกาดูแวบหนึ่ง “หัวปากกายังดีอยู่เลย โยนทิ้งทำไม จุ่มน้ำหมึกเอาก็ได้แล้ว เธอไปเอาแท่นฝนหมึกมาซิ”

จินหยางถาม “…อะไรนะคะ”

รุ่นพี่กล่าว “แท่นฝนหมึก”

จินหยาง “…”

มหาวิทยาลัยใกล้จะล้มละลายแล้วเรอะ!

นี่เพิ่งเปิดเทอมก็ไม่มีปากกาใหม่ให้ใช้แล้ว ทำไมสภานักศึกษาของมหาวิทยาลัยถึงได้จนขนาดนี้!

จินหยางประคองแท่นฝนหมึก แล้วรับปากกามาร์กเกอร์จากมือของรุ่นพี่เงียบๆ ก่อนถามเสียงแผ่วเบาว่า “คงไม่ใช่ต้องฝนหมึกเองด้วยมั้งคะ”

รุ่นพี่หัวเราะลั่น “พูดอะไรของเธอน่ะ มีน้ำหมึกสำเร็จรูปอยู่แล้ว แท่นฝนหมึกแพง!”

จินหยางร้อง “อ้อ” จากนั้นหมุนตัวไปรับกระดาษที่มีเนื้อหาประกาศอย่างเป็นทางการของงานเลี้ยงต้อนรับนักศึกษาใหม่ พอหาโปสเตอร์แผ่นเล็กมาได้แล้วก็เดินไปที่มุมห้อง แล้วลงมือเขียน เขียนได้ไม่ถึงสองประโยค รุ่นพี่ก็เดินตามมาดู ครั้นเห็นผลงานของเธอก็ค่อนข้างพอใจ

“ใช้แผ่นนี้แหละ อีกเดี๋ยวเธอเขียนหลายๆ แผ่นแล้วเอาไปแปะที่คณะนะ ไม่ต้องรอโปสเตอร์ใหญ่แล้ว พอเธอแปะโปสเตอร์เล็กเสร็จก็กลับไปก่อนได้เลย”

จินหยางอึ้งงัน เธอเงยหน้า “ให้ฉันทำคนเดียวเหรอคะ”

รุ่นพี่พยักหน้า “เธอเอาบัตรคณะทำงานสภานักศึกษาไปด้วย แค่นี้ก็แปะโปสเตอร์ที่บอร์ดได้แล้ว พวกเขารู้ว่าวันนี้สภานักศึกษาจะไปแปะโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์”

รุ่นพี่กล่าวก่อนหัวเราะอีกครั้ง “โปสเตอร์เล็กขนาดนี้ เธออยากให้ไปกันกี่คน พวกที่รับผิดชอบบอร์ดประกาศมีแต่พวกเด็กปีหนึ่งที่กำลังฝึกงาน เธอจะกลัวอะไร”

จินหยางอยากกล่าวว่าวันนี้ฉันเพิ่งโดนเด็กกรรโชกทรัพย์มาเอง…ถึงจะปล้นไม่สำเร็จก็เถอะ

แต่พอคิดดูแล้ว ก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ควรภาคภูมิใจเลยได้แต่เงียบ

ขีดๆ เขียนๆ โปสเตอร์เสร็จแล้ว จินหยางหยิบขึ้นมาดูผาดหนึ่ง สะอาด เรียบร้อย สวยงาม ตัวเธอเองก็รู้สึกพอใจอยู่พอสมควร เมื่อเขียนคำว่า “สภานักศึกษามหาวิทยาลัย T” ที่มุมขวาของโปสเตอร์เล็กเสร็จ จินหยางก็ม้วนโปสเตอร์ เอาเทปใสยัดใส่กระเป๋ากางเกง ก่อนหมุนตัวมุ่งหน้าไปยังตึกคณะต่างๆ

 

เวลานี้ม่านราตรีมาเยือนแล้ว

ที่น่าแปลกก็คือ ที่สนามกีฬาคณะวิศวกรรมโยธาและวิศวกรรมชลประทานของมหาวิทยาลัย T ยังคงครึกครื้นมาก

พวกเด็กใหม่ในชุดฝึกทหารที่เพิ่งสิ้นสุดการฝึกวันนี้ยังไม่ได้แยกย้ายกันไปไหน จับกลุ่มกันกลุ่มละสองคนสามคน พวกผู้ชายมีเหงื่อเหม็นชุ่มตัว ขณะที่พวกผู้หญิงผมเผ้ายุ่งเหยิงเพราะเหงื่อออกทั้งวัน แถมยังตากแดดจนผิวเริ่มดำ…ถึงอย่างนั้นพวกเธอก็ยังคงพูดคุยหัวเราะคิกคักอย่างร่าเริงสดใสอยู่บนขั้นบันไดหินข้างสนามกีฬา เสียงกังวานประหนึ่งนกขมิ้น

…ยังคงความใสซื่อ สดใสแบบวัยรุ่นมัธยมปลาย

จินหยางใช้นิ้วกลางกดริมฝีปากที่เพิ่งเติมลิปสติกของตัวเองอย่างเคอะเขิน จู่ๆ ก็รู้สึกว่าการที่เธอเติมแป้งเติมลิปสติกก่อนเข้าประตูตึกคณะนั้น เป็นการกระทำที่ค่อนข้างปัญญาอ่อน

…รีบแปะโปสเตอร์แล้วเผ่นดีกว่า

จินหยางลดมือลง แล้วกวาดตามองรอบหนึ่ง เธอไม่ชอบเดินเล่นในมหาวิทยาลัย เมื่อเข้าเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว ขอบเขตกิจกรรมของเธออยู่แค่ในภาควิชาภาษาอังกฤษเท่านั้น เพราะฉะนั้นเวลานี้พอเข้ามาในถิ่นของคนอื่น เธอก็มึนงง ไม่รู้ว่าบอร์ดอยู่ที่ไหน…เธอเดินไปใกล้พวกนักศึกษาที่กำลังพูดคุยกันคึกคัก คิดจะถามทางนักศึกษาหญิงสักคน ผลกลับกลายเป็นว่าเพิ่งเข้าใกล้ผู้หญิงผมสั้นข้างสนามกีฬา ยังไม่ทันที่จินหยางจะยื่นมือออกไปแตะเธอคนนั้นก็ได้ยินเสียงร้องกรี๊ดเสียก่อน “อ้ายเจีย!”

มือจินหยางกระตุก “พึ่บ” รีบชักกลับ

เวลานี้กลุ่มคนข้างสนามกีฬาเริ่มโกลาหล

จินหยางไล่มองตามสายตาของพวกเธอ ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำ แวบแรกที่มองไป เธอเห็นกลุ่มเด็กหนุ่มเล่นบาสเกตบอลอยู่กลางสนาม แต่ละคนรูปร่างสูงใหญ่ เคลื่อนไหวคล่องแคล่วดุจกระต่ายหนีภัย…

เวลานี้คนที่สูงและโดดเด่นที่สุดในกลุ่มของพวกเขากระโดดขึ้นสูงไปคว้าลูกบาสที่เด้งออกจากห่วงของฝ่ายตรงข้าม สองมือเขาประคองลูกบาส ย่อตัวลงพื้นเสียงดัง “พลั่ก” ต่อด้วยหมุนตัวอย่างว่องไว เลี้ยงลูกบาสวิ่งผ่านผู้คน…

เขาวิ่งผ่านผู้เล่นทั้งสามคนไปได้อย่างง่ายดาย โดยหนึ่งในนั้นยังถูกเขาชนกระเด็น ขณะที่จินหยางคิดในใจ สีหน้าไร้อารมณ์ “อุ้มลูกบาสกระแทกคนถือว่าผิดกติกา” นั้น เด็กหนุ่มก็เลี้ยงลูกบาสเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงใต้ห่วงตรงหน้าจินหยาง เขาก้าวขายาว กระโดดสองทีก็กินพื้นที่กว่าครึ่งของครึ่งสนามกีฬาแล้ว สุดท้ายเขาเอียงตัว ตวัดมือเล็กน้อย ก้าวที่สามก็ส่งลูกบาสไปถึงห่วงแล้ว

ลูกบาสพุ่งเข้าห่วงต่อหน้าต่อตาจินหยาง

บริเวณโดยรอบมีเสียงกรี๊ดและเสียงโห่ร้องดังสนั่น พวกผู้ชายปรบมือเสียงดัง พวกผู้หญิงตะโกนชื่อ “อ้ายเจีย” บรรยากาศฮึกเหิม คลั่งไคล้กันมาก…

จินหยางรู้แค่ว่าตอนที่เด็กหนุ่มลงสู่พื้นนั้น เธอได้กลิ่นเหงื่อเหม็นๆ อวลอยู่ในอากาศ

จินหยางมุ่นคิ้วเล็กน้อย ถอยหลังก้าวหนึ่ง พยายามรักษามารยาทที่จะไม่ยกมือปิดจมูก…

เพราะถึงอย่างไรเธอก็จำได้ว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าที่เหงื่อท่วมตัวคนนี้ก็คือหนุ่มผมแกะ “ผู้มีพระคุณ” ช่วยชีวิตเธอไว้วันนี้

ขณะที่จินหยางก้าวถอยไปเรื่อยๆ นั้น เธอเห็นลูกบาสเด้ง “ดึ๋งๆ” ก่อนกลิ้งมาหยุดข้างเท้าเธอ จินหยางก้มลงมองลูกบาสที่กระดอนมาชนรองเท้าหนังคัตชูของเธอ ก่อนเด้งออกไปและหยุดลง…

เธอเงยหน้าสบตาดำขลับคู่นั้น อาจเป็นเพราะชุ่มเหงื่อ นัยน์ตาจึงสว่างไสวสะดุดตาคน ภายใต้ท้องฟ้ายามราตรีดวงตาดำสนิทเจือยิ้มขณะมองเธอ

“ยืนบื้ออยู่ตรงนั้นทำไม” เด็กหนุ่มที่ถกแขนเสื้อขึ้นสูงเท้าเอวยืนอยู่ข้างสนามบาสพลางมองจินหยางที่ยืนเหม่อ “ส่งบอลมาซิครับป้า”

“…”

ป้าเรอะ

จินหยางหันมองกลุ่มสาวหน้าสดที่ล้อมวงอยู่รอบๆ แต่ละคนพากันหันมองเธออย่างงงงัน ใบหน้าอ่อนเยาว์ใสซื่อของพวกเธอดูขัดตาเป็นพิเศษ ก็เหมือนกับวินาทีที่คำว่า “ป้า” ดังขึ้นและรอบข้างมีแค่เธอที่เหมาะกับ…

วันนี้ทุกคนตั้งใจจะเป็นปรปักษ์กับเธอใช่ไหมเนี่ย

โปสเตอร์หลายม้วนในอ้อมแขนส่งเสียง “กร็อบ” เพราะเธอกอดเอาไว้แน่น สาวน้อยเม้มปากแดง ก่อนยกมุมปากเป็นองศาขุ่นเคือง ปอยผมนุ่มข้างหูปลิวขึ้นขณะที่เธอหมุนตัวเดินจากไป

ท่ามกลางเสียงซุบซิบรอบข้าง มีแต่อ้ายเจียที่อยู่ใกล้จินหยางที่สุดเท่านั้นที่ได้ยินเธอแค่นเสียง “เหอะ” แผ่วเบาแฝงอารมณ์หงุดหงิด จมูกเชิดรั้น

ราวกับเสียงเกล็ดน้ำแข็งชั้นบนของถั่วเขียวต้มแตกออกตอนที่เอาออกจากตู้เย็นในฤดูร้อน ฟังแล้วไพเราะจริงๆ

“ลูกพี่ บอล!”

“มาแล้ว”

อ้ายเจียหัวเราะ ก้าวเท้าไปด้านหน้าก้าวหนึ่ง โน้มตัวลงเอื้อมมือข้างหนึ่งออกไปหยิบลูกบาสก่อนเดินกลับไปที่สนามบาส

“ลูกพี่ เป็นอะไรน่ะ ทำไมหัวเราะอย่างกับพวกบ้ากาม”

“อ้อ ก็ฉันบ้ากามไงละ”

 

[1] E-Sport ย่อมาจาก Electronic Sports กีฬาอิเล็กทรอนิกส์ เป็นการแข่งขันเกมต่างๆ แบ่งออกเป็นระดับสมัครเล่น ระดับกึ่งอาชีพ และระดับอาชีพ มีรายการแข่งขันและลีกต่างๆ เช่นเดียวกับกีฬาทั่วไป

[2] แปลว่า คนลำดับที่หก

[3] แปลว่า คนลำดับที่สอง

[4] Point of Purchase : POP สื่อโฆษณา ณ จุดขาย ไว้ตกแต่งชั้นวางสินค้า หน้าร้าน จุดชำระเงิน เป็นต้น ตัวหนังสือป๊อปเป็นตัวหนังสือที่มีสีสันสะดุดตา รูปแบบโดดเด่นน่าสนใจ ดึงดูดความสนใจของลูกค้า

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า