[ทดลองอ่าน] รักเธอตั้งแต่วันวาน ตอนที่ 4

曾是年少时
รักเธอตั้งแต่วันวาน

ชิงเหม่ย 青浼 เขียน
หนูน้อยฉี แปล

 

— โปรย —

เฉินจินหยาง คุณหนูบ้านรวย สวย สูง เรียนเก่ง
นักศึกษาจากคณะภาษาต่างประเทศ ต้องมาสอนพิเศษให้อ้ายเจีย
เด็กเกรียนรุ่นน้อง จนบ่มเพาะความรู้สึกที่ลึกซึ้ง

ทว่าเฉินจินหยางต้องไปเรียนเพิ่มเติมที่ต่างประเทศ
ขณะที่อ้ายเจียเองก็หมายจะเข้าสู่ลีกเกมออร์เดอร์ออฟสตรอม

ท่ามกลางเรื่องราวความรักของคุณหนูไฮโซสาว
กับเกมเมอร์หนุ่มมีอุปสรรคมากมาย
ทั้งคู่ต้องจูงมือกันฝ่าฟันขวากหนามอย่างไม่ย่อท้อ
เพื่อที่จะก้าวสู่เส้นทางเกียรติยศในอนาคต!

 

_______________________________

 

ติดตามการวางจำหน่ายหนังสือได้ทางเพจ “บ้านอรุณ

สำนักพิมพ์อรุณ

 

(ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์)

 

คณะวิศวกรรมโยธาและวิศวกรรมชลประทานเป็นคณะดังของมหาวิทยาลัย T

                คณะดังนี่…มีอาณาเขตกว้างขวางจริงๆ

จินหยางเดินวนอยู่ในคณะวิศวกรรมโยธาและวิศวกรรมชลประทานหลายรอบกว่าจะหาบอร์ดเจอในที่สุด น่าหงุดหงิดก็ตรงที่มารู้ทีหลังว่าบอร์ดบ้านี่อยู่ริมบึงน้ำข้างสนามกีฬา…เวลานี้เสียงออดเข้าเรียนคาบแรกของคาบศึกษาด้วยตัวเองดังขึ้นแล้ว พวกนักศึกษาเดินเกาะกลุ่มกันไปที่อาคารเรียน

จินหยางมาถึงบอร์ดประกาศ โน้มตัวลงเล็กน้อย ก่อนหรี่ตามองเนื้อหาบนบอร์ด เธอเตรียมจะดึงเนื้อหาเก่าบางส่วนทิ้งและแปะของตัวเองแทนที่ ผลกลับกลายเป็นว่าดูไปดูมาบังเอิญเห็นหนังสือทบทวนความผิด ดูจากสีกระดาษแล้วค่อนข้างใหม่พอสมควร…

[ทบทวนความผิด :

ผมขอทบทวนความผิดของตัวเอง ในช่วงที่เพิ่งย่างเข้าสู่ชีวิตนักศึกษาปีหนึ่งซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สำคัญมากของชีวิต ผมไม่ควรทิ้งการเรียน เอาแต่เล่นสนุก และจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ คาบศึกษาด้วยตัวเองตอนค่ำ ผมปีนกำแพงออกไปเล่นเกมที่อินเทอร์เน็ตคาเฟ่

และผมไม่ควรใช้ประโยคที่ว่า ‘เกมหนึ่งต้องจับกลุ่มครบห้าคนถึงจะสนุก’ มาเป็นข้ออ้างพาเพื่อนร่วมห้องไปเล่นเกม ครั้งหนึ่งก็พาไปถึงสิบห้าคน ส่งผลให้ห้องว่างเปล่า ร้างไร้นักศึกษา

และยิ่งไม่ควรไม่สำนึก หลังปีนกำแพงกลับมาจากการเล่นเกมแล้วถูกอาจารย์หวง อาจารย์ฝ่ายปกครองจับได้ ก็ไม่ควรต่อล้อต่อเถียงกับอาจารย์ หรือพูดจาทำร้ายจิตใจอาจารย์เรื่องทรงผม ว่าเหมือนจะบางลงหนึ่งส่วนสามจากช่วงที่เจอกันตอนเปิดภาคเรียน คนเราเมื่อเข้าสู่วัยกลางคนแล้ว เรื่องอย่างผมร่วงนั้นถือเป็นเรื่องธรรมชาติ และทุกวันอาจารย์หวงยังต้องสั่งสอนเด็กเกเรที่ทำทุกข์ใจอย่างพวกเราอีก

นี่เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง

ขอโทษครับ อาจารย์หวง

ขอโทษครับ คณะวิศวกรรมโยธาและวิศวกรรมชลประทาน มหาวิทยาลัย T

ผมผิดไปแล้ว

นับจากวันนี้ไปผมจะตั้งใจเรียน พัฒนาตัวเองทุกวัน ขยันขันแข็งเพื่อสร้างชื่อเสียงให้คณะเรา…

วันนี้ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เรียนที่คณะวิศวกรรมโยธาและวิศวกรรมชลประทาน หวังว่าพรุ่งนี้คณะจะภาคภูมิใจในตัวผม

ด้วยความเคารพรัก

วันทยหัตถ์แบบทหาร

วันที่ 1 กันยายน นายอ้ายเจีย นักศึกษาห้อง 3 คณะวิศวกรรมโยธาและวิศวกรรมชลประทาน ภาควิชาวิศวกรรมโยธา]

จินหยางหลุดหัวเราะ “พรืด”

เด็กเกรียน[1]ที่ไหนเนี่ย อาจารย์หวงคงไม่โดนเขายั่วโมโหจนตายไปแล้วหรอกมั้ง

จินหยางยืนหัวเราะคิกคักอยู่หน้าบอร์ดสักพัก จากนั้นเธอก็ยกมือ จิ้มนิ้วเรียวยาวลงไปที่มุมหนังสือทบทวนความผิดที่ถูกลมพัดจนปลิวขึ้นมา…สายลมเย็นพัดโชย หนังสือทบทวนความผิดที่ถูกแดดส่องหลายวันจนเริ่มกรอบส่งเสียงดัง จินหยางตวัดปลายนิ้วกระชากหนังสือทบทวนความผิดออกมาดัง “แควก” แล้วขยำเป็นก้อนก่อนโยนลงถังขยะด้านข้าง

ก้อนกระดาษส่งเสียง “สวบ” เวลานี้เองจินหยางก็ได้ยินเสียงลูกบาสกระแทกพื้นดัง “ปึงๆ” จากทางด้านหลังของเธอ ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าที่ค่อนข้างรีบร้อน…

น่าจะเป็นผู้ชายสักคนที่เล่นบาสจนทนร้อนไม่ไหวแล้ว

วินาทีที่กลิ่นเหงื่อเจือกลิ่นสดชื่นลอยเตะจมูก จินหยางไม่ได้หันมอง แค่ชายตามองลูกบาสที่ถูกโยนลงบึงน้ำอย่างป่าเถื่อน ตามมาด้วยเงาร่างสูงใหญ่ค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาทาบทับเงาของบึงน้ำข้างกายเธอ เขาหมุนเปิดก๊อกน้ำ…

เสียงน้ำไหล “ซู่ๆ” ชายคนนั้นเริ่มดื่มน้ำอั้กๆ จากนั้นล้างหน้า เขาขยับมือเป็นวงกว้างมาก หยดน้ำหลายหยดถึงขั้นกระเซ็นมาโดนแขนของจินหยาง…ความเย็นนั้นทำให้ขนแขนเธอลุกซู่ เธอขยับหลบไปด้านข้างเงียบๆ

จินหยางคลี่โปสเตอร์ในมือออก แล้วทาบลงบนตำแหน่งเดิมของหนังสือทบทวนความผิด เธอดึงโปสเตอร์กลับมาหนีบใต้รักแร้ก่อนคลำหาเทปใสในกระเป๋ากางเกง…

จากนั้นก็เบิกตาจ้องเทปใสในมือ ด้วยเพิ่งรู้ตัวว่าเธอไม่ได้เอากรรไกรมาด้วย

“…จิ๊ๆๆ นี่ฉันสมองมีปัญหาหรือไงเนี่ย”

จินหยางเก็บเทปใสกลับเข้ากระเป๋ากางเกงด้วยความจนใจ ขณะคิดจะขอยืมกรรไกรจากใครสักคน วินาทีนี้เองจู่ๆ จินหยางก็รู้สึกถึงลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดซอกคอของเธอ เธอขมวดคิ้วแน่น หมุนตัวกลับไป บังเอิญเห็นคางโค้งได้รูปสวยเข้าพอดี…

เวลานี้ยังคงมีน้ำหยดลงมาจากคาง กลิ่นเหงื่อพุ่งเข้ามาโอบล้อมเธอไว้ในพริบตา

“เธอฉีกหนังสือทบทวนความผิดฉันทิ้งเหรอ” แววตาของเด็กหนุ่มราบเรียบ น้ำเสียงแหบพร่าเล็กน้อยอย่างเด็กหนุ่มในช่วงวัยที่เสียงเปลี่ยน “ถ้าพรุ่งนี้อาจารย์หวงที่ไว้ทรงผมตี้จงไห่[2]คิดว่าฉันเป็นคนทำจะทำยังไง”

จินหยาง “หา”

จินหยางเบิกตาโต ไม่ง่ายเลยกว่าจะปรับโฟกัสภาพเบื้องหน้านี้ได้ พอเห็นคนที่ยืนอยู่หลังตัวเองอย่างชัดเจนแล้วถึงรู้ว่าเป็นนายผมแกะที่ชื่ออ้ายเจียคนนั้น

…จินหยางไม่รู้ตัวสักนิดว่าเขาวิ่งมาอยู่หลังเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ เวลานี้เขากำลังขมวดคิ้ว ถลึงตาจ้องพื้นที่ว่างบนบอร์ดนั้นอย่างตั้งใจ

จินหยางกะพริบตาปริบๆ มองเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าราวกับทวารบาล เธอเหม่อลอยเล็กน้อยขณะมองสำรวจเขาขึ้นลงอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก…

เด็กหนุ่มยืนอยู่ใกล้จินหยางมาก ทำให้เห็นว่าเขาตัวสูงมาก ส่วนสูงร้อยเจ็ดสิบสองเซนติเมตรของจินหยางพอยืนอยู่ข้างหน้าเขาแล้วก็ไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึง ต่อให้เวลานี้สองมือของเขายกขึ้นเท้าเอว โน้มตัวลงเล็กน้อย ถึงอย่างนั้นก็ยังคงสูงกว่าเธอคืบหนึ่ง ส่วนสูงแบบนี้ต่อให้เป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยกีฬาก็ยังถือว่าเป็นส่วนสูงที่น่าตกใจมาก

กล้ามเนื้อบนแขนแน่นของเขานูนขึ้น เสื้อฝึกทหารแนบกับท่อนแขน ด้านหน้าของเสื้อยืดแขนสั้นตัวในเปียกเป็นแถบ

ผมหยักศกเล็กน้อยชุ่มน้ำ ทำให้มีน้ำหยดติ๋งๆ ลงบนปกเสื้อ เปียกเป็นวง

เหนือปกเสื้อที่แบะออก เขาเม้มริมฝีปากบางเล็กน้อย จมูกโด่งเป็นสัน…

เอ่อ ถึงตาชั้นเดียวจะดูดุอยู่บ้างก็เถอะ

แต่ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้านี้หน้าตาดีมากพอที่จะฮ็อตไปถึงคณะข้างๆ ให้พวกรุ่นพี่หญิงปีสองกรี๊ดกร๊าดกัน

น่าจะหลักการเดียวกับที่คนตั้งครรภ์บางคนที่พอรู้ว่าตัวเองท้องแล้วเดินเล่นตามถนนก็จะเห็นแต่คนตั้งครรภ์เต็มไปหมด ตอนนี้จินหยางรู้สึกว่าเจ้าเด็กนี่ปรากฏตัวให้เธอเห็นบ่อยมากเกินไปแล้ว…พอคิดมาถึงตรงนี้ จินหยางก็เหม่อโดยไม่รู้ตัว พลันนั้นจู่ๆ เธอก็ได้ยินคนข้างหน้าถามอย่างจริงจังว่า “หน้าตาดีใช่ไหม เธอถึงมองจนเคลิ้มขนาดนี้”

จินหยาง “…”

จินหยางตอบ “พอใช้ได้”

อ้ายเจีย “…”

จินหยางเลื่อนสายตาออก รู้สึกอายหน่อยๆ แต่แสร้งนิ่งเฉยก่อนกระแอม จากนั้นเธอพยักหน้า “สวัสดีค่ะน้องนักศึกษา”

“…”

อ้ายเจียหรี่ตาเล็กน้อย หยัดตัวยืนตรง

พริบตานั้นความอึดอัดอันเนื่องมาจากแรงกดดันจากตัวเขาก็ลดลงหลายส่วน

จินหยางดูคล้ายจะรีบปีนขึ้นเสา[3] เธอกลืนน้ำลายลงคอ พยายามสงบสติอารมณ์ก่อนยืดตัวขึ้นคิดจะกู้หน้าตัวเอง “สวัสดีค่ะ ฉันเป็นคณะทำงานแผนกประชาสัมพันธ์ของสภานักศึกษามหาวิทยาลัย T มาแปะโปสเตอร์งานเลี้ยงต้อนรับนักศึกษาใหม่ที่ทุกคณะร่วมกันจัดขึ้น รบกวนถามหน่อยว่านายมีกรรไกรหรือเปล่า ฉันลืมเอามาด้วย”

หรือไม่นายก็บอกฉันทีว่าสำนักงานที่ใกล้ที่สุดอยู่ที่ไหน ฉันไปยืมกรรไกรเองก็ได้…

จินหยางยังพูดไม่จบ เธอก็รู้สึกได้ว่าอ้ายเจียกวาดตาวนรอบใบหน้าเธอรอบหนึ่ง แล้วหัวเราะ “เธอเอาแต่เหยียดเอวอย่างนั้น ไม่เหนื่อยเหรอ”

“…” จินหยางสูดลมหายใจเข้าลึกทีหนึ่ง พยายามควบคุมอารมณ์ ไม่ให้กล่าวว่า “เกี่ยวบ้าอะไรกับนาย” เธอแค่เอ่ยว่า “กรรไกร”

อ้ายเจียดึงคอเสื้อลงพลางฉีกยิ้มกว้างกว่าเก่า “เธอสนคางคมเหมือนมีดหั่นแตงโมนี่ไหม”

จินหยาง “…”

สนบ้าอะไร

พอรู้ว่าคนตรงหน้านี้เป็นพวกกวนประสาท จินหยางก็ล้มเลิกความคิดที่จะคุยด้วย เธอใช้โปสเตอร์ในมือดันหน้าหล่อเหลาที่ฉีกยิ้มเริงร่านั้นออก เตรียมจะเดินผ่านข้างกายเขาไป…

ทว่าเขากลับจับแขนเธอเอาไว้ประหนึ่งกำลูกเจี๊ยบ แล้วดึงเธอกลับมายืนที่เดิม

จินหยางรีบเงยหน้า น้ำเสียงเริ่มไม่เป็นมิตร “ทำอะไรน่ะ กลางวันแสกๆ อย่ามาจับแขน…”

“ชิ ฉันจะทำอะไรป้าอย่างเธอได้ล่ะ ดูลูกตาเธอสิแทบจะถลนออกมาอยู่แล้ว คิดจะขู่ใคร…จะเอากรรไกรไปทำไม” อ้ายเจียหุบยิ้ม แบมือมาทางเธอพร้อมพูด ท่าทางเขาคล้ายคนปกติขึ้นมาบ้าง “เอาเทปใสมา”

จินหยางชักแขนของตัวเองออก ก่อนก้าวถอยหลังสองก้าวอย่างหวาดระแวง

เธอถลึงตามองมือใหญ่ที่แบอยู่ตรงหน้า ก่อนล้วงเทปใสออกมาด้วยความงุนงง แล้ววางลงบนมือใหญ่นั้น จินหยางเห็นแค่ว่าเด็กหนุ่มดึงเทปใสอย่างรวดเร็ว ก่อนวางทาบที่ริมฝีปาก เขี้ยวเล็กคมโผล่พ้นริมฝีปาก จากนั้นกรีดลงบนเทปใส แค่ครั้งเดียวเทปใสก็ขาดอย่างรวดเร็วและเรียบร้อย

จินหยาง “…”

อ้ายเจีย “เอาไป”

เด็กหนุ่มแปะเทปใส “ฟึ่บ” ลงบนแขนของเธอ

มือที่แปะลงมานี้ไม่ได้ระวังน้ำหนัก เกือบทำแขนของเธอตกลงข้างตัว

จินหยาง “…”

เธอก้มหน้ามองเทปใสที่เริงร่ารับแรงลมบนแขนของตัวเอง การกระทำที่น่าอัศจรรย์นี้ของเขาทำจินหยางตะลึงงัน ทั้งๆ ที่ติดโปสเตอร์ที่บอร์ดเสร็จนานแล้ว เธอก็ยังไม่ทันนึกถึงเรื่องสุขอนามัย ด้วยเธอเป็นโรคกลัวความสกปรกนิดหน่อย แต่เธอกลับใช้เทปใสที่เปื้อนน้ำลายของคนแปลกหน้าและสะบัดไหวอย่างมีความสุขซะอย่างนั้น

                รอจนเธอติดโปสเตอร์เสร็จแล้วและรับเทปใสที่เหลือคืน คิดจะขอบคุณเด็กหนุ่ม กลับพบว่าพอเขาทำงานเสร็จแล้ว ก็ถอยออกไป เดินเอื่อยเฉื่อยไปข้างบึงน้ำ แล้วโน้มตัวลงเก็บลูกบาสที่เปียกน้ำ…

จินหยาง “อ๊ะ นักศึกษา…”

เธอเห็นเด็กหนุ่มหยุดฝีเท้าที่กำลังก้าวจากไป เขาเบือนหน้ากลับมาเล็กน้อย

เวลานี้เองลุงหัวล้านในเสื้อสูทแขนสั้นวิ่งเข้ามาพร้อมตะโกนด่า “อ้ายเจีย! นายอีกแล้ว! กริ่งคาบศึกษาด้วยตัวเองดังตั้งนานแล้ว นายไม่ได้ยินหรือไง ยังเอ้อระเหยอยู่ตรงนี้อีก…”

“รู้แล้วครับๆ จะไปเดี๋ยวนี้ อาจารย์จะใจร้อนทำไม! กระทั่งคนจะผูกคอตายยังต้องสูดหายใจเข้าก่อนเลย!” เด็กหนุ่มอุ้มลูกบาส ก้าวถอยหลังพลางตอบกลับอย่างกวนประสาท

ท่ามกลางบรรยากาศยามค่ำ จินหยางยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม กำเทปใสแน่นพลางมองเด็กหนุ่มสาวเท้ายาวเป็นกระโดดขึ้นบันไดอาคารเรียนราวกับลูกกวาง…

ตอนที่อ้ายเจียกระโดดขึ้นบันไดชั้นสอง จู่ๆ เขาก็หยุดกึกครู่หนึ่ง ลูกบาสในมือหมุนอยู่บนนิ้วชี้ เขาหันกลับมาโบกมือให้จินหยาง

กระฉับกระเฉง

อย่างกับตั๊กแตน

ลมเย็นพัดปะทะใบหน้า เด็กหนุ่มทิ้งไว้เพียงเงาที่เปี่ยมชีวิตชีวา ครั้นลุงหัวล้านวิ่งตามมาถึงด้านหลังของจินหยาง เขาก็โน้มตัวลงเอามือจับหัวเข่า หอบหายใจแรงปานกระทิง จินหยางเลยแยกไม่ออกว่าเจ้าลูกแกะตัวน้อยนี่โบกมือให้ใครกันแน่

จินหยางยืนเหม่ออยู่ที่เดิมพักหนึ่งก่อนหัวเราะ

“เฮ้อ เจ้าเด็กบ้านี่”

 

[1] คำเรียกในเชิงเหยียดหยามพฤติกรรมที่ไร้วุฒิภาวะต่อเรื่องใดเรื่องหนึ่ง

[2] แปลตรงตัวว่า ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เป็นทรงผมของผู้ชายที่ล้านด้านบน แต่มีผมด้านข้างทั้งสองฝั่ง คล้ายทรงขุนช้างของไทย

[3] หมายถึง ฉวยประโยชน์จากความอ่อนแอของอีกฝ่าย

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า