曾是年少时
รักเธอตั้งแต่วันวาน
ชิงเหม่ย 青浼 เขียน
หนูน้อยฉี แปล
— โปรย —
“…อืม” อ้ายเจียออกแรงทาบทับตัวเธอ หลังได้ยินเสียงเธอร้องด้วยความตกใจ
เขาก็พึมพำว่า “ตอนนี้เธอต่างหากที่พยายามฆ่าฉัน”
จินหยางหัวเราะ
เธอพยายามผ่อนคลายท่ามกลางเสียงหัวเราะ
ก่อนยกลำตัวท่อนบนขึ้นแนบกับกายของเด็กหนุ่มโดยสมบูรณ์…
เธอลูบไล้กล้ามเนื้อแน่นตึงที่แผ่นหลังเขา
วินาทีที่สองหนุ่มสาวแนบเนื้อชิดใกล้กันแทบกลายเป็นเนื้อเดียว
เธอก็ได้ยินอ้ายเจียคำรามในลำคอคล้ายผ่อนคลายคล้ายครวญครางด้วยความเจ็บปวด
จากนั้นเด็กหนุ่มก็ปรนเปรอความหฤหรรษ์ให้เธออย่างใจเย็น
ด้วยความอ่อนโยนที่สุดท่ามกลางความยินยอมพร้อมใจของเธอเอง
“ได้ไหม”
“…อืม”
_______________________________
ติดตามการวางจำหน่ายหนังสือได้ทางเพจ “บ้านอรุณ“
สำนักพิมพ์อรุณ
(ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์)
44
สำหรับอ้ายเจียแล้ว บนตัวจินหยางดุจติดเรดาร์อะไรสักอย่างไว้ ขณะนี้เขาทำตัวประหนึ่งสุนัขที่ตามกลิ่นเรดาร์ได้…อย่าถามว่าระยะห่างถึงสามร้อยเมตร แล้วเขารู้สึกถึงการดำรงอยู่ของเธอได้อย่างไร สรุปแล้วก่อนทุกคนจะทันสังเกต พวกเขาก็เห็นเด็กหนุ่มเบื้องหน้าดวงตาทอประกายวิบวับ ชะเง้อคอหันซ้ายแลขวา!
เขาจ้องเขม็งไปยังทิศทางหนึ่งสักพัก ขณะที่ทุกคนยังไม่ทันรู้ว่าเขามองอะไรอยู่ เด็กหนุ่มก็พรูลมหายใจอย่างยินดีปรีดาออกมาทางจมูก ก่อนกระโดดลงบันไดอย่างฉับไว วิ่งพุ่งไปยังทิศทางนั้น…
คล้ายสุนัขตัวเขื่องที่ได้กลิ่นเจ้าของแล้วเริ่มโกยเท้าอ้าวอย่างตื่นเต้น
“เขาเป็นอะไรไปน่ะ” เพื่อนร่วมชั้นเรียนคนหนึ่งของอ้ายเจียที่ยืนล้อมวงมองเขาพร้อมกับคนอื่นๆ ทำหน้าฉงน “แค่ได้ซาลาเปาไส้ถั่วแดงก็มีความสุขขนาดนี้เลยเรอะ”
“…นายลองกินหมั่นโถวทุกวันสิ แบบนั้นพอนายได้ซาลาเปาไส้ถั่วแดงก็คงมีความสุขมากเหมือนกันจริงไหม” หวังเหล่ยพูดอย่างจนใจ
เห็นได้ชัดว่าเด็กติดอ่างคิดเห็นแตกต่างออกไป เขาแค่กวาดตามองคนรอบข้างอย่างดูแคลนคำรบหนึ่ง จากนั้นทำจมูกบานและทำหน้าราวกับผู้ยิ่งใหญ่ก่อนเฉลยความคิดของเขาช้าๆ “พวกนาย…พวกนายนี่โง่กันจริงๆ! เป็น…เป็นเทพธิดา…เทพธิดาแห่งโชคลาภมา…มาแล้วต่างหาก!”
ทุกคน “…”
ทุกคน “อ้อ!”
ทุกคนพร้อมใจกันเบือนหน้าไปมองอำลาอ้ายเจีย เวลานี้ค่อยพบว่าแม้อยู่ท่ามกลางฝูงคนกลุ่มใหญ่ แต่เด็กหนุ่มร่างสูงก็ยังโดดเด่นสะดุดตายิ่ง เขาอาศัยความได้เปรียบที่ขายาวไล่กวดแผ่นหลังที่หยัดตรงจนเกร็งแข็งของผู้หญิงคนหนึ่งจนทัน ท่ามกลางผู้คน เขาโน้มตัวลงเล็กน้อยไม่รู้ว่าพูดอะไร จากนั้นก็ยื่นมือไปจับผมของเธอราวกับคนเป็นโรคมือไม้อยู่ไม่สุข…ทว่าเธอกลับขยับหลบอย่างไม่ไว้หน้า มือของเด็กหนุ่มชะงักค้างกลางอากาศ ทำท่าขยำ กำเป็นหมัดแน่นก่อนค่อยๆ คลายออก
หวังเหล่ย “…ท่ากำหมัดเมื่อกี้ เขาคิดจะต่อยคนใช่ไหม”
เด็กติดอ่าง “ผู้ครองแผ่นดินเปลี่ยนง่าย แต่นิ…นิสัยคนเปลี่ยนยาก”
หวังเหล่ย “ฉันเดาว่าเขาไม่กล้าหรอก”
เด็กติดอ่างหันขวับไปมองหวังเหล่ยด้วยแววตาดั่งมองคนปัญญาอ่อน “เขาต้อง…ต้องไม่กล้าอยู่แล้ว ไม่…ไม่พอใจก็…ก็ได้แต่ต้องอดกลั้นไว้!”
หวังเหล่ยชะเง้อคอยาวปานลูกเต่า “ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าเทพธิดาแห่งโชคลาภไม่ค่อยอยากคุยกับลูกพี่เราเท่าไหร่เลยล่ะ” เขาสงสัย
เด็กติดอ่าง “ฉัน…ฉันยังคิดว่า นี่เป็นเรื่องที่ใครๆ ก็มองออกอยู่แล้วซะอีก”
โปสเตอร์ประกาศของสภานักศึกษาเรื่องงานแสดงเนื่องในวันปีใหม่ถูกแปะที่ป้ายประกาศของคณะตั้งแต่สองวันก่อนแล้ว นี่เป็นกิจกรรมภายในรั้วมหาวิทยาลัยที่ใกล้จะมาถึงเร็วที่สุด…ดังนั้นการที่จินหยางปรากฏตัวที่นี่วันนี้ นอกจากมาหาอ้ายเจียแล้วย่อมไม่มีจุดประสงค์อื่นอีก
บัดนี้เธอมาแล้วแท้ๆ แต่กลับไม่มาหาอ้ายเจีย แต่เลือกที่จะหมุนตัวเดินจากไป นี่ก็หมายความว่าระหว่างตามหาและเฝ้ารออ้ายเจียอยู่นั้นเกิดเรื่องที่ทำให้เธอไม่ค่อยพอใจขึ้นละมั้ง…
เรื่องอะไรกัน
เด็กติดอ่างหยุดมองซาลาเปาสองลูกและหมั่นโถวครึ่งลูกที่ถูกอ้ายเจียบีบไว้ในมือโดยไม่รู้ตัว ก่อนเงียบไป
เวลานี้หวังเหล่ยที่ยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นมองคนสองคนที่ก้าวห่างออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ แล้วส่งเสียง “จิ๊จ๊ะ” สองหน
ขณะนี้อ้ายเจียกับจินหยางเดินฉับๆ ใกล้ถึงประตูมหาวิทยาลัยแล้ว อ้ายเจียดูกลุ้มใจนิดหน่อย เขาหยิบซาลาเปาไส้ถั่วแดงขึ้นมายัดใส่ปากโดยไม่รู้ตัว…จากนั้นก็เหลียวซ้ายแลขวา น่าจะคิดเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเองไม่ให้จมอยู่กับบรรยากาศตึงเครียดแปลกๆ นี้
ขณะอ้ายเจียสวาปามอยู่นั้น คนด้านบนก็มองเห็นได้กระจ่างชัดว่าจินหยางที่เดิมมองตรงอยู่ตลอดเวลา ไม่แม้แต่จะเอียงศีรษะสักองศาไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ตาม เวลานี้จู่ๆ ก็หันขวับไปมองอ้ายเจียอย่างว่องไวคำรบหนึ่ง…
จากนั้นในจังหวะที่อ้ายเจียเลิกสนใจแมวข้างถนนตัวหนึ่ง จินหยางก็กลับคืนสู่สีหน้าเฉยชา รั้งสายตากลับเงียบๆ
“แย่แล้ว” เด็กติดอ่างพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ “จบเห่แล้ว”
หวังเหล่ย “?”
เก้าสิบห้าเปอร์เซ็นต์ของคนที่อยู่ในเหตุการณ์ซึ่งไม่รู้ว่า “อะไรจบเห่แล้ว” “จบเห่แล้วตรงไหน” ได้แต่ทำหน้ากังขา เต็มไปด้วยคำถาม
หน้าประตูมหาวิทยาลัย
อ้ายเจียพยายามยัดอาหารในมือเข้าปาก ความจริงเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่เขายัดใส่ปากเป็นไส้อะไร…ถึงกับไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร
ระดับความเหม่อลอยประหนึ่งว่าหากเวลานี้ให้ยาพิษหงอนกระเรียนแดงขวดหนึ่งกับเขา เขาก็จะพูดขอบคุณอย่างมีมารยาทและกระดกดื่มจนหมดขวด
อ้ายเจียกลืนก้อนแป้งลงคออย่างยากลำบาก
“ทำไมเธอมาถึงแล้วกลับเดินออกไปข้างนอกอีกล่ะ” อ้ายเจียถามคนข้างกาย พยายามชวนคุย
เห็นแค่คนข้างกายมองตรงไปด้านหน้าด้วยแววตามุ่งมั่น เธอเงียบไปแป๊บหนึ่งก่อนตอบเขาว่า “คนเยอะ หานายไม่เจอ”
“เธอไปยืนอยู่หน้าบันไดก็ได้นี่” อ้ายเจียแนะ “แบบนี้ตอนฉันเดินออกมาก็จะต้องหาเธอเจอแน่นอน”
จินหยางไม่เอ่ยอีก
บรรยากาศกลับมาหนาวเหน็บอีกครั้ง
อ้ายเจียขยับปาก ตลอดห้านาทีนับแต่ไล่ตามจินหยางจนถึงหน้าประตูมหาวิทยาลัย เขาขบคิดไม่น้อยกว่าสิบหนด้วยอยากถามว่า “เธอเป็นอะไรไป” แต่พอประโยคนี้จ่อรอถึงริมฝีปาก สุดท้ายก็ได้แต่กลืนกลับลงคอ…หลักๆ เป็นเพราะเมื่อเขาเบือนหน้าไปเห็นคนข้างกายมุ่นคิ้วนิดๆ แล้ว เขาก็ขลาดกลัว
ความขลาดกลัวนี้เกิดขึ้นจากใจจริง
“วันนี้เธออารมณ์ไม่ดีเหรอ” อ้ายเจียเลยได้แต่ถามอ้อมๆ
ถามจบ เขาค่อยรู้สึกว่าคนข้างกายผินหน้ามองเขาแวบหนึ่ง…ต่อมาก็ทำในสิ่งที่เขาคาดไม่ถึง จู่ๆ เธอก็ยื่นนิ้วชี้ออกมาแตะมุมปากเขา…กลิ่นน้ำหอมรสส้มที่อวลมากะทันหันทำให้อ้ายเจียออกอาการละเมอเพ้อพก เขาพอจะนึกขึ้นมาได้ว่าเหมือนเคยอ่านเจอว่าเด็กสาวชอบฉีดน้ำหอมที่ข้อมือ…
แววตาของเขาว่างเปล่าขณะมองจินหยางก้มหน้าหยิบทิชชูเปียกขึ้นมาเช็ดมือ เธอโค้งมุมปากยิ้มให้เขา “ถั่วแดง”
…รอยยิ้มนี้ประดุจน้ำแข็งหนาสามฟุต
อ้ายเจียรีบทำตัวสงบเสงี่ยม จ้องจินหยางอย่างหวาดวิตก มองเธอโยนทิชชูเปียกลงถังขยะ…พูดตามตรงนะ บทเรียนครั้งที่แล้วทิ้งปมไว้ในใจของเขาขั้นสาหัส และเพราะจนถึงวันนี้จินหยางก็ยังไม่พูดว่าแล้วกันไป หรือเธออภัยให้เขาแล้วสำหรับเรื่องที่เขาละทิ้งการสอบ เพราะฉะนั้นท่า “โยนขยะ” ของจินหยางจึงแทบจะถือเป็นท่าไม้ตายที่ข่มอ้ายเจียเลยก็ว่าได้
พอเขาเห็นเธอโยนขยะทิ้งก็รู้สึกประหวั่นขึ้นทันควัน
จินหยางทิ้งขยะเสร็จก็เชิดหน้ายืดอกสืบเท้าไปด้านหน้าต่อ อ้ายเจียมองซีกหน้าด้านข้างที่เฉยชาของเธอ มุมปากกระตุกหนหนึ่ง เขาอยากแผดเสียงตะโกนว่า “ช่วยด้วย” แต่ติดที่ตะโกนไปก็เท่านั้น ไม่มีใครช่วยเขาได้ เขาเลยได้แต่ถอนหายใจแรงเฮือกหนึ่ง สองมือล้วงกระเป๋าเสื้อกันหนาว เดินตามหลังจินหยางไปอย่างว่าง่าย
คนสองคนเดินพ้นประตูใหญ่ของมหาวิทยาลัยมายังถนนคนเดินนอกมหาวิทยาลัยแล้ว เวลานี้เย็นแล้วราวหกโมงกว่า บริเวณโดยรอบไม่ได้มีแค่นักศึกษามหาวิทยาลัย T แต่ยังมีนักเรียนจากโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งมหาวิทยาลัย T ที่เลิกเรียนแล้วออกมากินข้าวเย็นด้วย
อ้ายเจียเป็นคนดัง ใครๆ ก็รู้จัก…ยามปกติทำตัวเป็นนักเลงอันธพาลแทบเหมือนจ้าวถนน…ทว่าวันนี้สีหน้าเขาหนักใจและกลัดกลุ้มคล้ายถูกใครรังแก ถือว่าพบเห็นได้ยากมาก
เมื่อคนเห็นแล้วก็รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก คนรอบข้างเริ่มกระซิบกระซาบกัน…
“นั่นไม่ใช่อ้ายเจียหรอกเหรอ”
“ทำไมเขาถึงทำท่ายังกับมะเขือดองแบบนั้นล่ะ…คนที่เดินนำหน้าเป็นใคร”
“ไม่รู้จัก”
“พี่สาวคนนั้นดูแล้ว…เหมือนเด็กเรียนนะ ยังสะพายกระเป๋าเป้ด้วย”
“…แฟนรึเปล่า เขาเปลี่ยนแฟนแล้วเรอะ”
“…เปลี่ยนหรือ เมื่อก่อนเขามีแฟนเหรอ”
“ไม่รู้สิ แต่มักมีผู้หญิงชอบเดินไปเดินมาแถวๆ กลุ่มพวกเขา ถึงดูแล้วจะไม่ค่อยโอเคสักคนก็เถอะ”
“โอ้ อ้ายเจียเปลี่ยนรสนิยมแล้วรึ”
ผู้คนเอาแต่ซุบซิบนินทา พอเมาท์มาถึงช่วงท้ายๆ หัวข้อสนทนาก็เริ่มออกนอกประเด็นแล้ว เดิมอ้ายเจียฟังพวกเขาพูดมั่วซั่วเรื่องของเขาก็ไม่รู้สึกอะไร ปล่อยให้พวกเขาพูดกันไป ครั้นจับสังเกตได้ว่าหัวข้อสนทนาของพวกเขาเปลี่ยนไปพูดถึงคนที่เดินนำหน้าเขา…
อีกทั้งเนื้อหาที่เกี่ยวข้องยิ่งพูดยิ่งอันตรายขึ้นเรื่อยๆ
อ้ายเจียหยุดฝีเท้า ดึงสองมือออกจากกระเป๋าเสื้อ เหลียวมองสองสาวที่นินทาไม่ขาดปากทางด้านหลังเขาแวบหนึ่ง แววตาดุดันทำพวกเธอสะดุ้งตกใจจนแทบลืมหายใจ…
ถึงกับกรีดร้องก่อนวิ่งแจ้นจากไป
“…”
อ้ายเจียเบะปากอย่างรำคาญ บ่นในใจว่า “ไม่ได้เรื่อง” ขณะคิดว่าอีกเดี๋ยวไปเดินวนที่ซอยข้างๆ สักสองรอบ อัดคนสักยกเพื่อระบายความขุ่นเคืองในใจดีไหม…
เมื่อหันไปก็เห็นจินหยางยืนอยู่ข้างทางม้าลายแล้ว
เขานิ่งอึ้งประเดี๋ยวเดียว ขณะคิดจะถามว่าเย็นนี้พวกเราจะไปกินข้าวที่ฝั่งตรงข้ามเหรอ เขาก็เห็นจินหยางก้าวเท้าออกไปก่อนแล้ว…เวลาเดียวกันนั้นสิ่งที่ทำให้หัวใจเขาแทบหยุดเต้นก็คือห่างไปประมาณยี่สิบเมตร มีรถขยะคันหนึ่งแล่นมาด้วยความเร็วสม่ำเสมอ…
ทว่าคนที่เขามองอยู่กลับคล้ายตาบอดมองไม่เห็น
อ้ายเจียสาบานว่าชีวิตนี้เขาน่าจะไม่เคยตอบสนองรวดเร็วขนาดนี้มาก่อน ขณะที่รถขยะคันนั้นเคลื่อนมาใกล้ เขาก็ถลาไปข้างหน้าสุดชีวิต สาวเท้ายาวพรวดพราดไปดึงคนที่ยืนอยู่ริมถนนมาโอบไว้ในอ้อมกอด!
รถขยะแทบเฉียดผ่านปลายเท้าของจินหยางไป…
จินหยางยังไม่ทันรู้สึกกลัว ปลายจมูกก็ปะทะกับแผงอกแข็งแกร่งของเด็กหนุ่ม เวลาเดียวกันนั้นเธอได้ยินเสียงเบรกดังขึ้น คนขับรถขยะลดกระจกรถลงมาแล้วรัวด่าเป็นชุด!
“บ้าชะมัด นี่เกิดบ้าอะไรเนี่ย! ข้ามถนนไม่มองทางหรือไง!”
เสียงดุร้ายดังขึ้นเหนือศีรษะ จินหยางเงยหน้างงงัน ก่อนสบกับดวงตาของเด็กหนุ่มที่ลูกตาหดเล็กเพราะความตระหนกตกใจ…เขาจับข้อมือเธอไว้ด้วยเรี่ยวแรงมหาศาลราวกับอยากหักข้อมือของเธอจับใจ…
อ้ายเจียตกใจจนเหงื่อท่วมกาย ทำเอาเสื้อผ้าเปียกชุ่มไปทั้งตัว เวลานี้หัวใจของเขายังเต้นกระหน่ำ เขาขมวดคิ้วแน่น ก้มลงมองสาวน้อยเบื้องหน้าที่ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ ชั่วขณะหนึ่งเขาอยากบีบคอเธอให้ตายรู้แล้วรู้รอด!
เธอยังคงมุ่นคิ้ว สีหน้าเลื่อนลอยและมึนงงดุจเดิม ทำเอาอ้ายเจียเดือดจัด ในที่สุดเขาก็รวบรวมความกล้าที่ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เหือดหายไปที่ไหนกลับคืนมาได้สำเร็จ เขาด่ารัว…
“เธอคิดถึงผู้ชายคนไหนอยู่เนี่ยถึงได้ใจลอยขนาดนี้ ฉันคุยกับเธอ เธอเมินฉันยังพอว่า แต่ข้ามถนนยังไม่คิดมองรถด้วยหรือไง”
จินหยางได้ยินเสียงเขาดังก้องข้างหู จากนั้นเขาดึงเธออย่างไม่ค่อยอ่อนโยนเท่าไหร่มาใต้ต้นไม้ริมถนน…เหมือนว่าระหว่างนั้นเขายังหันไปตะคอกใส่คนรอบข้างด้วยว่า “มองบ้าอะไร! ไสหัวไป!”
ท่าทางหงุดหงิดครามครัน
เมื่อคนรอบข้างโดนตวาดใส่ก็พากันแยกย้ายจากไป ในรัศมีห้าเมตรนั้นไม่มีใครเลยสักคน
แต่จินหยางกลับไม่กลัว…เธอแค่เงยหน้า เด็กหนุ่มเวลานี้จดจ่อกับการสั่งสอนเธอ “ข้ามถนนไม่ดูทาง คิดรนหาที่ตายใช่ไหม” จินหยางไม่ใส่ใจแต่กลับย้อนถามโพล่งอย่างไม่มีที่มาที่ไปแทน “ทำไมนายถึงต้องรับซาลาเปาของเธอด้วย”
“ถ้าไม่ใช่เพราะฉันไหวตัวทัน เวลานี้เธอคงนอนอยู่ใต้ล้อรถแล้ว…อะไรนะ”
อ้ายเจียตกตะลึงพรึงเพริดแป๊บหนึ่ง
ต่อมาเขาก็มองเห็นความกรุ่นโกรธแทนสีหน้าเลื่อนลอยและเฉยชาของผู้หญิงเบื้องหน้า เขายังไม่ทันดื่มด่ำกับสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างกลับตาลปัตรของเธอ จู่ๆ เธอก็ตะคอกใส่เขาด้วยโทนเสียงสูงขึ้นถึงแปดคีย์ว่า “นายยังกินมันเข้าไปด้วย!”
อ้ายเจีย “…”
วินาทีต่อมาอ้ายเจียกางสองแขนออกตามสัญชาตญาณ ยกมือรับกระเป๋าเป้ที่ฟาดใส่เขา…
อ้ายเจียถูกกระเป๋าเป้ที่หนักปานใส่อิฐเข้าไปฟาดใส่จนเซถอยก้าวหนึ่ง เขาได้สติกลับมาจากโทสะเมื่อกี้โดยพลัน อ้ายเจียปากอ้าตาค้าง มองแฟนสาวของเขาที่จู่ๆ ก็กรุ่นโกรธอย่างตะลึงลาน!
“ถ้าชอบกินซาลาเปาขนาดนั้น นายก็กินซาลาเปาไปทั้งชีวิตเลยไป! ซาลาเปาลูกหนึ่งราคาแค่ไม่กี่เหมาก็ซื้อตัวนายได้แล้ว! ต่อหน้าคนตั้งเยอะแยะ นายยังกล้ายิ้มแก้มปริอย่างกับดอกไม้บานอีก มียางอายบ้างไหม! เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะเหมาซาลาเปาทั้งรถมาให้นาย กินให้หมดนะ เอาให้ไอ้ชั่วอย่างนายท้องแตกตายไปเลย! ฉันจะให้นายกินจนกระทั่งชาติหน้าก็ไม่อยากเห็นซาลาเปาอีกแล้ว!”
ถ้อยคำรัวเป็นชุด คล้ายมีดคมทิ่มแทงจนเส้นสมองของอ้ายเจียกระตุกไม่หยุด…
ซาลาเปาเรอะ
ซาลาเปาอะไร
อ้อ ซาลาเปาที่ผู้หญิงคนเมื่อกี้ยัดให้เขาเหรอ
แค่เพราะเรื่องนี้อย่างนั้นเรอะ
โมโหมาตลอดทางเหรอ
โมโหขนาดนี้เลยหรือ
มีอยู่วินาทีหนึ่งที่อ้ายเจียขึ้งโกรธจนอยากอุ้มเธอขึ้นมาและโยนทิ้งไว้ที่ไหนสักที่ แต่พอเงยหน้าเห็นเธอทำหน้าหงุดหงิดขณะถลึงตาใส่เขาอย่างเคียดแค้น หายใจแรงฮึดฮัดจนแผ่นอกกระเพื่อมขึ้นลง ท่าทางโมโหเอาเป็นเอาตาย…
สุดท้ายเขาเลยเปลี่ยนจาก “จับเธออุ้มขึ้นมาและโยนทิ้งไป” มาทำแค่ห้าคำแรก…
อ้ายเจียกอดคนตรงหน้าไว้ในอ้อมแขน อยากโกรธเธอแต่ก็อดยิ้มร่าไม่ได้ เขายื่นมือไปลูบหัวเธอ “…แค่ซาลาเปาสองลูกเอง ต้องโมโหขนาดนี้เลยเหรอ”
“ฉันมีปัญญาซื้อซาลาเปาบ้าๆ นั่น แต่นายดันกินของคนอื่น…ห้ามลูบหัวฉันนะ! ห้ามยิ้มด้วย!”
“ฉันจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าผู้หญิงคนนั้นชื่ออะไร…”
“จำไม่ได้ว่าชื่ออะไร แต่นายกินของเธอแล้ว แบบนี้ไม่ถือว่าผิดงั้นเรอะ”
“ผิดๆ ผิดๆ…ผิด!” อ้ายเจียเบือนหน้า อาศัยที่ยังกอดเธอหอมแก้มคนในอ้อมแขน “ครั้งหน้าต่อให้คนอื่นยื่นอิฐทองให้ฉัน ฉันก็ไม่กล้ารับแล้ว เมื่อกี้ฉันไม่ทันตั้งตัว”
“สายไปแล้วละ” จินหยางถูแก้มตัวเองแรงๆ ก่อนพูดเสียงเย็นชา “เมื่อกี้ฉันคิดตกแล้วเรื่องหนึ่ง ฉันไม่ชอบนาย”
พูดจบเธอก็ผลักอ้ายเจียออก แล้วกระชากกระเป๋าเป้ที่เธอยังถือไว้กลับมา ตั้งท่าจะหมุนตัวเดินจากไป…แต่เดินไปได้แค่สองก้าวก็ถูกเรี่ยวแรงมหาศาลจากทางด้านหลังอุ้มกลับไป เธอปัดมือใหญ่ของเด็กหนุ่มแต่ปัดไม่สำเร็จ ตรงกันข้ามกลับได้ยินน้ำเสียงข่มขู่ของเขา “เธอพูดว่าอะไรนะ”
จินหยางเม้มปากขณะผลักเขาออก
จากนั้นรู้สึกแค่ว่ามือที่จับไหล่เธอไว้ออกแรงมากขึ้น เด็กหนุ่มเตือน “อย่าดิ้น เดี๋ยวฉันต่อยเธอนะ”
จินหยาง “…”
จินหยางก้มหน้าเลี่ยงหลบเขา
ทว่าคางเธอถูกเรี่ยวแรงมหาศาลเชยขึ้นมา…เธอถูกบังคับให้มองหน้าอ้ายเจีย นิ้วมือที่ค่อนข้างหยาบของอีกฝ่ายลูบไล้หน้าเธอก่อนทำหน้าดูถูก “ไม่ชอบฉันรึ ฉันกินซาลาเปาที่ผู้หญิงคนอื่นให้ เธอก็จะไปนอนให้ล้อรถขยะทับแล้ว เธอไม่ชอบฉันเหรอ คิดจะหลอกใครกัน”
“…”
จินหยางนิ่งค้าง สูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่ง ความหน้าด้านของคนตรงหน้านี้…
เธอทำได้แค่ถลึงตาใส่อ้ายเจียประหนึ่งเห็นผี ไม่เถียงกลับ ถ้อยคำของเด็กหนุ่มเตือนสติเธอ เมื่อกี้มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เธอโกรธจนหน้ามืดจริงๆ…
เธอจำไม่ได้แล้วว่าครั้งก่อนที่เธอโมโหขนาดนี้คือเมื่อไหร่ น่าจะสามสี่ปีก่อนตอนพ่อเธอจะส่งพี่สาวเธอไปต่างประเทศมั้ง
อาๆ คิดฟุ้งซ่านไปไกลแล้ว
อ้ายเจียพูดถูกต้อง…
หากเธอไม่ชอบเขาแล้วจะเดือดดาลขนาดนั้นได้อย่างไร
ขณะนี้ดูคล้ายว่า…
เธอเหมือนจะชอบเขามากกว่าที่เธอคิด เวรเอ๊ย!
ระหว่างที่จินหยางอึ้งตะลึงอยู่นั้น สีหน้าเธอสลับขาวบ้างแดงบ้าง อ้ายเจียบีบหน้าเธอด้วยแรงมือที่ไม่มากไม่น้อยหนหนึ่ง ก่อนปล่อยมือจากเธอ “ครั้งหน้าอย่าพูดเหลวไหลอีก ต่อให้เป็นคนนิสัยดีก็มีขีดจำกัด นับประสาอะไรกับฉันที่นิสัยไม่ค่อยดีเท่าไหร่”
จินหยางตวัดตามองเขาแวบหนึ่ง มองเขาที่แม้สีหน้าเรียบเฉยแต่ตอนพูดเหมือนกำลังอมยิ้ม แววตาเขาจริงจังอยู่หลายส่วน
…ท่าทางจริงจังอย่างที่น้อยนักจะเห็น ในความทรงจำของจินหยางคล้ายเคยเห็นแววตาเขาอย่างนี้แค่ตอนเล่นเกมเท่านั้น มุ่งมั่นและตั้งใจดั่งว่าทุกคำพูดทุกคำสั่งทำให้คนอยากปฏิบัติตามโดยไม่รู้ตัว
ด้วยเหตุนี้ หลังจากหัวใจเธอเต้นคร่อมไปครึ่งจังหวะก็เริ่มกลับมาเต้นแรงอีกครั้ง
เขาจดจ้องเธอจนเธอรู้สึกปั่นป่วนกระวนกระวายแล้วทำปากจู๋ เธอยกมือดันหน้าเขาให้หันไปอีกทาง ฝ่ายชายพึมพำว่า “ฉันพูดกับเธอ เธอได้ยินไหมเนี่ย ยังลงไม้ลงมืออีก”… ความหงุดหงิดในท่าทางและคำพูดของอ้ายเจียตรงข้ามกับมือที่ยื่นมาจับมือเธอให้รั้งอยู่ที่หน้าของเขา เขากุมมือเธอไว้ไม่ยอมปล่อย
ข้างถนนมีสาวน้อยในชุดนักเรียนมัธยมปลายหลายคนแอบชำเลืองมองพวกเขา
จินหยางเงยหน้า ค่อยพบว่าถงเหยาเพื่อนสนิทเธอก็ยืนอยู่ริมถนนฝั่งตรงข้ามที่มีคนสัญจรไปมาเช่นกัน ถงเหยายิ้มตาหยีมองเธอ สายตาของทั้งคู่สบประสาน ถงเหยายิ้มขณะโบกมือให้เธออย่างสุขสันต์…ด้านหลังของเธอมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งคาบไอศกรีมแท่ง สีหน้ารำคาญ เขายืนปกป้องเธออยู่ด้านหลังประหนึ่งทวารบาล ช่วยกันกลุ่มคนที่เดินผ่านพวกเขา เขาก้มหน้าชายตามองสาวน้อยตรงหน้าเป็นครั้งคราวด้วยแววตาเอือมระอา
“…เธอดูสิ เด็กมัธยมปลายเดตกับแฟนยังทำได้ดีกว่าเธอซะอีก”
เสียงเกียจคร้านของเด็กหนุ่มดังขึ้นจากทางด้านหลัง
ถ้อยคำประโยคเดียวทำเอาโทสะจินหยางพุ่งทะลุฟ้า
เธอหันไปถลึงตาใส่เขา “นายเดตกับแฟนเป็นเหรอ เป็นยอดนักรักงั้นรึ”
…เวลานี้ถ้าใครยังคิดอวดดีตอบว่า “ใช่” ก็โง่แล้ว ความอยากเอาตัวรอดทำอ้ายเจียรีบส่ายศีรษะปฏิเสธเร็วรี่ จินหยางกลับไม่คิดจะปล่อยเขาไปง่ายๆ แบบนี้ “เด็กมัธยมปลายยังรู้ว่ามีแฟนแล้วไม่ควรกินของที่ผู้หญิงคนอื่นให้…ตอนนี้นายไสหัวไปถามไอ้เด็กนั่นดูว่าไอศกรีมนั่นใช่ผู้หญิงคนอื่นซื้อให้รึเปล่า”
“…” อ้ายเจียมองสำรวจจินหยางขึ้นลง ก่อนทำหน้าเจ้าเล่ห์ พยายามเบี่ยงเบนความสนใจเธอไปที่เรื่องอื่น “ใครคือแฟนของฉันเหรอ”
จินหยางเชิดคาง ยามที่เขาเผยรอยยิ้มราวสุนัขพันธุ์ซามอยด์ เธอก็ยกขาเตะเขาทีหนึ่ง
อ้ายเจียร้องโอดโอยแต่กลับไม่ปล่อยมือเธอ ตรงกันข้ามเขาอุ้มเธอยกขึ้นสูง หอมปลายจมูกเธอหนหนึ่งอย่างมีความสุข…
คล้ายได้ของเล่นที่ใฝ่ฝันหามาครอบครอง ชอบมากจนไม่อยากปล่อยมือ
ริมถนนฝั่งตรงข้าม
“นั่นอ้ายเจียหรือเปล่า” เด็กหนุ่มที่คาบไอศกรีมแท่งถาม “อ้ายเจียคนนั้นหรือ”
“ใช่”
“เป็นอันธพาลอยู่ดีๆ ทำไมพอมีความรักแล้วเหมือนคนปัญญาอ่อนเลย…โบกมือพอรึยัง เธอคิดว่าตัวเองแสดงซีรีส์ญี่ปุ่นอยู่หรือไง อีกฝ่ายเขาไม่สนใจเธอด้วยซ้ำ”
“นายจะไปเข้าใจอะไร!”
“เธอเองก็เหมือนคนปัญญาอ่อน”
“…”