[ทดลองอ่าน] รักเธอตั้งแต่วันวาน ตอนที่ 45

曾是年少时
รักเธอตั้งแต่วันวาน

ชิงเหม่ย 青浼 เขียน
หนูน้อยฉี แปล

 

— โปรย —

“…อืม” อ้ายเจียออกแรงทาบทับตัวเธอ หลังได้ยินเสียงเธอร้องด้วยความตกใจ
เขาก็พึมพำว่า “ตอนนี้เธอต่างหากที่พยายามฆ่าฉัน”
จินหยางหัวเราะ

เธอพยายามผ่อนคลายท่ามกลางเสียงหัวเราะ
ก่อนยกลำตัวท่อนบนขึ้นแนบกับกายของเด็กหนุ่มโดยสมบูรณ์…

            เธอลูบไล้กล้ามเนื้อแน่นตึงที่แผ่นหลังเขา
วินาทีที่สองหนุ่มสาวแนบเนื้อชิดใกล้กันแทบกลายเป็นเนื้อเดียว
เธอก็ได้ยินอ้ายเจียคำรามในลำคอคล้ายผ่อนคลายคล้ายครวญครางด้วยความเจ็บปวด

            จากนั้นเด็กหนุ่มก็ปรนเปรอความหฤหรรษ์ให้เธออย่างใจเย็น
ด้วยความอ่อนโยนที่สุดท่ามกลางความยินยอมพร้อมใจของเธอเอง

“ได้ไหม”

“…อืม”

 

_______________________________

 

ติดตามการวางจำหน่ายหนังสือได้ทางเพจ “บ้านอรุณ

สำนักพิมพ์อรุณ

 

(ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์)

 

45

 

ตอนเย็นหลังกินข้าวเป็นวิชาศึกษาด้วยตัวเองช่วงค่ำทั่วไป

ตอนเดินกลับมหาวิทยาลัย จินหยางสังเกตว่าอ้ายเจียชะลอฝีเท้าลงอย่างชัดแจ้ง แทบแบ่งหนึ่งก้าวเป็นสองก้าวเดิน…พอถึงหน้าประตูมหาวิทยาลัย เฉลี่ยสามวินาทีเขามองจินหยางหนหนึ่ง ขาดก็แต่เขียนบนหน้าว่า โดดคาบศึกษาด้วยตัวเองช่วงค่ำกันดีไหม

“ทำไมเหรอ” จินหยางมองเขา

อ้ายเจียบีบมือเธอ “โดดคาบศึกษาด้วยตัวเองช่วงค่ำกันดีไหม”

“…”

จริงดังคาด

“วันนี้วันที่ยี่สิบเก้าเดือนธันวาคมแล้วนะ เดี๋ยวก็สอบปลายภาคแล้ว น้องนักศึกษาคะ ถ้าโชว์ใบเกรดดีๆ ให้เห็นไม่ได้ นายคิดจะฉลองปีใหม่บนถนนใช่ไหม” จินหยางเหลียวมองเขา

อ้ายเจียลังเลครู่หนึ่ง เห็นได้ชัดว่าไม่ได้คิดถึงประเด็นนี้…วิชาศึกษาด้วยตัวเองช่วงค่ำของนักศึกษาปีหนึ่งจะเช็กชื่อทุกครั้ง อ้ายเจียที่ช่วงนี้ถูกครอบครัวไล่ออกจากบ้านไม่มีที่ไปเลยเอาแต่นั่งตากฮีตเตอร์ในห้องบรรยาย ทำให้ไม่เคยขาดเรียนเลยสักคาบ…

แวดวงสังคมของอาจารย์มหาวิทยาลัย T ใหญ่แค่นี้ อ้ายเจียไม่มั่นใจว่าหากเขาโดดเรียนต่อไป คำพูดในแง่ร้ายเกี่ยวกับเขาจะลอยเข้าหูแม่ของเขารึเปล่า…อาจารย์พวกนี้มีเวลาว่างมากเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการถึง ประเด็นนี้อ้ายเจียรับรู้ได้ในสัปดาห์เดียวกันกับที่เขาถูกไล่ออกจากบ้าน อาจารย์ประจำคณะทำหน้าสงสารเขาพร้อมส่งเสื้อกันหนาวของลูกชายบ้านตัวเองให้เขา

“…ฉันได้ยินว่าตอนนี้พวกเธอจะเข้าเรียนหรือไม่เข้าเรียนคาบศึกษาด้วยตัวเองช่วงค่ำก็ได้” อ้ายเจียดึงแขนเสื้อของจินหยางพลางถามอย่างเจ้าเล่ห์ “อย่างนั้นเธอมานั่งอ่านหนังสือที่ห้องบรรยายของพวกฉันดีไหม”

จินหยางเดิมคิดจะปฏิเสธ ครั้นตรองดูอีกทีเธอก็ตอบรับเขา…จากนั้นเธอยัดกระเป๋าเป้ใส่อ้อมแขนอ้ายเจีย เธอยืนอยู่ริมถนน หยิบลิปสติกแท่งหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเป้ แล้วเริ่มเติมเครื่องสำอาง

อ้ายเจียเป็นชายแท้ตาไม่บอดสี เขามองออกแจ่มแจ้งว่าลิปสติกที่จินหยางทาที่กลีบปากนั้นไม่ใช่สีเดียวกับที่ทาตอนมาหาเขาช่วงคาบบ่าย แท่งนี้คือ…สีแดงเลือดอย่างกับกินเด็กเข้าไป

คล้ายร่ายมายากล พอทาลิปสติกสีแดงสดนี้แล้ว พริบตาเดียวจินหยางก็เปลี่ยนไป…

ริมฝีปากแดง ฟันขาวสะอาด ดูเย้ายวนเป็นที่สุด

การแต่งหน้าคืออะไร เป็นสิ่งที่มหัศจรรย์สุดๆ น่ะสิ

อ้ายเจียเลิกคิ้ว จ้องหน้าของจินหยางพักหนึ่ง ก่อนจับกระเป๋าเป้ในมือของตัวเองไว้แน่น “…พี่นักศึกษาครับ ลิปสติกที่ปากของพี่บอกผมว่าเรื่องราวไม่ได้เรียบง่ายเหมือนที่ผมคิดนะครับ”

“ผู้หญิงที่ให้ซาลาเปานายเมื่อบ่ายเรียนห้องเดียวกับนายใช่ไหม” จินหยางเสยผม จัดทรงผมของตัวเองโดยส่องกระจกห้องครัวของร้านเล็กๆ ที่อยู่ข้างๆ ไม่ให้ผมยุ่งฟูจนเกินไป “ฉันจะไปเจอผู้หญิงคนนั้นหน่อย เพราะนายค่อนข้างสมองทึบ ป้องกันไม่ให้ครั้งหน้านายทำให้ฉันอกแตกตายเพราะความโกรธ มันสมเหตุสมผลดีถ้าฉันปรากฏตัวให้ศัตรูเห็นแล้วยอมถอยไปเองแต่โดยดี”

อ้ายเจีย “…”

อ้ายเจีย “ไม่ดีหรอก ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้หญิงคนนั้นชื่ออะไร”

มือที่จัดทรงผมของจินหยางหยุดค้างชั่วครู่ เธอหยัดตัวยืนตรง แล้วแย่งกระเป๋าเป้ตัวเองมาจากมือของอ้ายเจียและชายตามองเขาแวบหนึ่ง “ตอนพ่อฉันทำงานขึ้นเขาลงห้วย ก่อนที่เขาจะรู้จักกับสาวสวยประจำหมู่บ้านหรือก็คือแม่ของฉัน เขาไม่รู้เหมือนกันว่าเธอชื่ออะไร และนี่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการที่พวกเขามีฉันกับพี่สาวฉันในตอนนี้หรอกนะ แถมแม่ฉันยังไม่เคยให้ซาลาเปาพ่อฉันเลยด้วย”

“…ลืมเรื่องซาลาเปาไปได้ไหม ขอร้องล่ะ”

“ไม่ได้” จินหยางตวัดตามองเด็กหนุ่มข้างกายก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ตอนนี้ฉันคิดว่าพรุ่งนี้จะไปเหมาซาลาเปาที่ร้านมาให้หมดแล้วดูนายกินทีละลูกจนกว่านายจะไม่อยากเห็นซาลาเปาไปจนถึงชาติหน้าดีไหม”

“…เธอเป็นนางมารร้ายเหรอ”

“ใช่แล้ว นายเป็นคนวาดวงเวทอัญเชิญฉันมาเอง เวลานี้คิดจะกลับลำก็ไม่ทันแล้วละ” จินหยางยิ้ม “ไม่เคยได้ยินประโยคนี้เหรอ เชิญเทพมาง่ายแต่ส่งกลับน่ะยาก”

อ้ายเจียถอนหายใจแรงเฮือกหนึ่ง

 

สิบนาทีต่อมา อ้ายเจียจูงมือจินหยางกลับมาที่ห้องบรรยายที่พวกเขาศึกษาด้วยตัวเองช่วงค่ำทุกวัน

วินาทีแรกที่ก้าวเข้าห้องบรรยาย พวกเด็กติดอ่างกับหวังเหล่ยตื่นเต้นจนผิวปากแซว หลายคนที่เรียนร่วมห้องกับอ้ายเจียพากันหันมอง พอเห็นอ้ายเจียจูงเด็กสาวที่ไม่คุ้นหน้าคุ้นตาเข้ามาในห้อง พวกเขาตะลึงลานครู่เดียวก่อนพากันเผยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม…

“นี่ ไม่เลวเลยอ้ายเจีย”

“นี่ไม่ใช่รุ่นพี่ปีสองเอกอังกฤษหรอกเหรอ…”

“นายรู้จักอีกแล้วรึ”

“อืม สองวันก่อนสภานักศึกษาของพวกเธอมาแปะโปสเตอร์งานแสดงฉลองปีใหม่ที่ฝั่งเรา เพื่อนฉันที่มาจากเมืองเดียวกันคิดจะขอเบอร์โทร.เธอ ผลกลายเป็นว่าเธอมีแฟนซะแล้ว…อื้อหือ แฟนเธอคืออ้ายเจียรึเนี่ย”

“เจียเกอ ลงมือทำเรื่องใหญ่สะเทือนแผ่นดินเงียบๆ นี่นา!”

อ้ายเจียจูงจินหยางไปนั่งแถวหลังสุดของห้องบรรยาย เขาเริ่มเผยรอยยิ้มอย่าง “คนประสบกับเรื่องมงคลจะอารมณ์ดี” อย่างห้ามไม่อยู่ พอเขาได้ยิน “เรื่องเพื่อนที่มาจากเมืองเดียวกัน” รอยยิ้มบนหน้าเขาจางลงเล็กน้อย “เลิกมองกันได้แล้ว ไม่เคยเห็นเมียคนอื่นหรือไง”

ถ้อยคำท่อนหลังนั้นอ้ายเจียตั้งใจเน้นเสียงกว่าปกติ

พูดแล้วก็บังเอิญจริงๆ จังหวะนี้เองเด็กสาวที่ให้ซาลาเปาอ้ายเจียเมื่อบ่ายเดินเข้าประตูหน้าพอดี ตอนได้ยินเสียงของอ้ายเจีย เดิมเธอยังยกมือผลักๆ ดันๆ กับเพื่อนผู้หญิงอีกหลายคนทั้งสีหน้าเขินอาย…ผลลัพธ์กลับกลายเป็นว่าพอได้ยินถ้อยคำท่อนท้ายของอ้ายเจีย เธอก็เงยหน้าอึ้งงันก่อนเหลียวมองจินหยางที่อยู่ข้างกายอ้ายเจีย…

จินหยางรอโอกาสนี้แหละ เธอยกมือหนึ่งเท้าแก้ม เคาะปลายนิ้วที่หน้าเบาๆ ก่อนหันไปฉีกยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างเป็นมิตร

สาวน้อย “…”

มิน่าสาวน้อยคนนี้ถึงกกซาลาเปาสองลูกตลอดบ่าย กว่าจะกล้ายื่นให้อ้ายเจีย ดูจากลักษณะแล้วเธอยังเขินอายเหมือนเด็กมัธยมปลายและยังเป็นพวกที่แต่งหน้าไม่เป็นด้วย…ครั้นจินหยางส่งยิ้มดุจนางพญาให้ สีหน้าสาวน้อยพลันซีดขาว กระวีกระวาดมุดไปนั่งที่มุมหนึ่งของที่นั่งแถวหน้า จากนั้นใช้นิ้วชี้จิ้มคนที่นั่งหน้าตัวเอง “คนที่นั่งข้างอ้ายเจียเป็นแฟนเขาเหรอ”

“ใช่แล้ว” ผู้ชายคนนั้นพูดด้วยความเห็นใจ “ก่อนบ่ายวันนี้ฉันยังคิดว่าอ้ายเจียเป็นโสดอยู่เลย ทำไมเวลานี้จู่ๆ ก็มีแฟนโผล่ออกมาซะได้”

สาวน้อยคนถามเงียบไป ต่อมาเธอก็ไม่มองไปทางจินหยางอีก

จินหยางลอบถอนหายใจ จิตใจเบิกบานขึ้นนิดหน่อยราวกับหาตัวตนของตัวเองพบ ขณะเดียวกันก็ทำลายดอกไม้อนาคตของชาติจนป่นปี้ บางทีนับแต่วันนี้เป็นต้นไป ผมลอนลิปสติกแดงอาจเป็นฝันร้ายของสาวน้อยคนนี้และเป็นลักษณะของนางมารร้ายที่เธอเกลียดที่สุดก็เป็นได้

“เคยอ่านเรื่อง เจตนาเลือด[1]ที่เขียนโดยฮิงาชิโนะ เคโงะไหม”

“เคยอ่าน ทำไมเหรอ”

“หน้าเธอเขียนสองคำนั้นไว้”

“ฉันไม่คิดจะฆ่านายและผู้หญิงคนนี้ซะหน่อย” จินหยางเปรยเสียงเรียบ

เวลานี้อ้ายเจียนั่งอยู่ข้างจินหยาง เขายื่นมือออกไปช่วยเธอหยิบหนังสือภาษาอังกฤษและกระเป๋าดินสอของเธอออกมา…ถือโอกาสใช้สองนิ้วเชยคางเธอให้หันกลับมาเผชิญหน้ากับเขา “ท่านผู้บัญชาการครับ สรุปว่าศัตรูรู้การณ์ควรไม่ควร แล้วถอยไปเองรึยังครับ”

“ถอยแล้ว” สีหน้าจินหยางลิงโลด เธอพูดต่อว่า “จากขั้วโลกใต้ถอยไปถึงขั้วโลกเหนือเลย วันหน้าจะไม่มีคนเอาซาลาเปาไส้ถั่วแดงมาให้นายอีกแล้ว”

อ้ายเจียมองจินหยางที่ดีใจขนาดนี้แล้วปล่อยมือจากคางของเธอ ตบๆ ศีรษะเธอเบาๆ…จากนั้นค่อยหยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมา เริ่มอ่านโดยไม่สนใจจินหยาง พออ่านได้ไม่นานก็พลิกไปทำแบบฝึกหัดด้านหลัง ขีดเขียนลงมือทำ

จินหยางชำเลืองตามองหนังสือ “กลศาสตร์วิศวกรรม” ของเขาแวบหนึ่ง

จินหยางมีเพื่อนคนหนึ่งสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้วเลือกเรียนวิชาต้นทุนการก่อสร้างงานวิศวกรรม วิชานั้นมีหัวข้อนี้เหมือนกัน ได้ยินเพื่อนบอกว่ายากสุดหิน เพื่อนเธอสอบตกวิชานี้ตั้งแต่ปีหนึ่งจนถึงปีสี่…ต้องไปกอดขาครู ก้มกราบทั้งน้ำตากว่าจะสอบผ่านได้อย่างหวุดหวิด

เวลานี้อ้ายเจียกลับลงมือทำแบบฝึกหัดโดยไม่ลังเลสักเศษเสี้ยว กระทั่งหยุดคิดก็ไม่มี จินหยางเกือบคิดว่าเขาขีดเขียนปากกาส่งเดชซะอีก

“ยากไหม” จินหยางถามอ้ายเจียเสียงเบา

เห็นแค่หัวคิ้วเขาขยับเล็กน้อย เลิกขึ้นนิดๆ จากนั้นตอบเสียงเรียบว่า “ไม่ยาก”

เขาเอ่ยประโยคนี้ด้วยเสียงเรียบเหมือนเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล…เสียงค่อนข้างแหบพร่าคล้ายลูกแมวตัวน้อยใช้กรงเล็บข่วนหัวใจของคนเบาๆ

จินหยางจ้องเสี้ยวหน้าด้านข้างของอ้ายเจียอยู่นาน ใจเธอเกือบถูกความหล่อเหลาโจมตีจนกระเด็นกระดอน…

ที่ว่าเป็นเด็กอันธพาล นิสัยเกเร มีเสน่ห์น่าดึงดูดนั้นเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ!

ถ้าผู้ชายคนไหนอยากจีบผู้หญิงย่อมต้องตั้งใจเรียนหนังสือให้ดี!

รัศมีของเด็กเทพมีมูลค่าสูงกว่าพวกกางเกงขาดหลายคนรวมกันเสียอีก!

ในใจจินหยางแผดเสียงตะโกน แต่ภายนอกแค่กะพริบตาปริบๆ แสร้งเฉยเมยโดยตอบแค่ “อืม” หนหนึ่ง จากนั้นก็เห็นอ้ายเจียทำแบบฝึกหัดต่อโดยไม่คิดจะสนใจเธอ เธอเลยหดคอกลับที่เดิม

นี่เป็นครั้งแรกที่จินหยางนั่งเรียนวิชาศึกษาด้วยตัวเองที่ห้องบรรยายของนักศึกษาสายวิทยาศาสตร์ เธอรู้สึกแปลกใหม่นิดหน่อย

จินหยางย่นคอ หลังฟังคลิปเสียงสองท่อน ก่อนอดใจไม่ไหวเยี่ยมหน้ามองว่าอ้ายเจียทำอะไรอยู่อีกครั้ง…เห็นแค่ว่าเวลานี้เขาทำแบบฝึกหัดข้อแรกเสร็จแล้ว เตรียมทำข้อต่อไป อ้ายเจียใช้ปากกาวาดแผนผังการวิเคราะห์แรงจนยุ่งเหยิง เขาวาดสัญลักษณ์แรงออกเป็นแปดทิศทางสำหรับโจทย์ง่ายๆ

จินหยางดูแล้วรู้สึกสนใจเลยเกยคางตัวเองบนศอกเขาที่พาดกับโต๊ะ

จินหยางหยุดคิดสักพักก่อนถาม “ยากไหม”

อ้ายเจียตวัดตามองเธอแวบหนึ่ง ครั้งนี้แววตาเขาเจือหัวเราะอยู่หน่อยๆ…เด็กสาวที่เกยคางบนศอกของเขากะพริบตาปริบๆ มองเขาสีหน้าจริงจังขณะถาม

อ้ายเจียไม่ได้ผลักเธอออก ปล่อยให้เธอวางหัวที่หนักอึ้งบนศอกของเขา เขาเบือนหน้ากลับไปทำแบบฝึกหัดต่อ

ถึงอย่างไรจินหยางก็ไม่ใช่นักศึกษาสายวิทยาศาสตร์ เธอนั่งดูอ้ายเจียตั้งใจคำนวณชั่วครู่ แต่เธอรู้จักแค่สูตรพื้นฐานทั่วไปเลยดูไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่…

ยามที่พวกเด็กติดอ่าง หวังเหล่ย และอ้ายเจียหารือกันถึงวิธีทำโจทย์ พวกเขาพยายามกดเสียงพูดให้เบาลง

เสียงแผ่วเบาและความอบอุ่นในห้องบรรยายมีฤทธิ์กล่อมคนได้ดีเยี่ยม ไม่นานจินหยางก็ง่วงงุน ปิดเปลือกตาเป็นครั้งคราว

รอจนอ้ายเจียทำแบบฝึกหัดข้อสองเสร็จ เขาเงยหน้าด้วยแปลกใจว่าทำไมคนข้างกายไม่ส่งเสียงเสียแล้ว เมื่อเหลียวมองค่อยพบว่าที่แท้เธอพาดศีรษะบนศอกของเขา…

ผล็อยหลับไปแล้ว

อ้ายเจีย “…”

แบบนี้ยังนอนได้อีกเรอะ

อ้ายเจียมองจินหยาง ขนตาของจินหยางยามหลับขยับไหวเบาๆ ตามลมหายใจที่สม่ำเสมอ ใต้แสงไฟขาวของห้องบรรยาย อ้ายเจียถึงกับมองเห็นเส้นขนละเอียดบนหน้าของเธอ…ริมฝีปากล่างเธอสัมผัสแขนของเขาเบาๆ ทิ้งรอยลิปสติกที่ไม่เด่นชัดไว้บนเสื้อของเขา…

อ้ายเจียขยับมือ ศีรษะที่ตั้งอยู่ของเธอก็ไถลตกลงมา จินหยางถูไถหัวกับแขนของอ้ายเจียโดยไม่รู้ตัว จากนั้นเธอค่อยหลับต่อในท่วงท่าที่สบายมากขึ้น

อ้ายเจียขยับเข้าไปใกล้จินหยาง ร้องเรียก “นี่” เบาๆ แพขนตาเธอแค่ไหวแต่ไม่ได้ลืมตาขึ้น…ด้วยเหตุนี้อ้ายเจียเลยค้างอยู่ในระยะที่เพียงพอให้แลกเปลี่ยนลมหายใจของกันและกัน เขาหลุบตามองเธอนิ่ง

มองจมูกเชิดโด่งของเธอ ไรผมปอยหนึ่งทาบแก้มนวลแผ่วเบา

แววตาอ้ายเจียเริ่มเปลี่ยนเป็นมืดดำลึกล้ำ เด็กหนุ่มหลุบตาลงให้แพขนตาดกหนาปิดบังไว้ ก่อนก้มหน้าลงอีก…จนกระทั่งจมูกของเขาเจียนแตะถูก…

เขาได้กลิ่นหอมของลิปสติกเธอ

“ลูกพี่ พี่ดูโจทย์ข้อนี้หน่อยสิ เด็กติดอ่างยืนยันว่าค่าโมดูลัสความยืดหยุ่น[2]แบบนี้ F(A) จะเท่ากับ F(C) ทำให้เกิดมุมแหลม 30° โดยฝั่งที่ได้รับความเค้นมากที่สุดคือฝั่ง CD ค่าความเค้นสูงสุดคือ F…”

เสียงโวยวายดังเข้ามาใกล้

ตอนจินหยางลืมตาสะลึมสะลือลืม เลื่อนศีรษะออกจากแขนของอ้ายเจีย เธอก็เห็นเด็กหนุ่มยื่นมือออกไปรับกระดาษแผ่นหนึ่งจากหวังเหล่ยและเด็กติดอ่าง

“…ฉันหลับไปเหรอ” จินหยางถามอย่างแปลกใจ

“อืม” อ้ายเจียก้มหน้าอธิบายโจทย์ให้พวกเด็กติดอ่างฟัง ก่อนพูดต่อโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้า “ขนาดนี้แล้วเธอยังหลับได้ ไม่กลัวเป็นหวัดเหรอ”

“อ้อ”

จินหยางจ้องวงหน้าด้านข้างที่นิ่งไม่ไหวติงของเขาก่อนขานตอบช้าๆ แต่จริงๆ แล้วเธอสงสัยสุดๆ ว่า…

ทำไมเขาถึงไม่มองเธอเลยล่ะ

คนไม่รู้อาจคิดว่าเขาทำผิดเรื่องอะไร

 

พลบค่ำ

อ้ายเจียนอนอยู่บนเตียงในหอพัก เขาพลิกตัวไปมา เมื่อปิดตาลงก็เห็นแต่ภาพแพขนตาที่กระเพื่อมไหวเบาๆ ของจินหยางกับกลีบปากที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมนั้น

พอลืมตา…เขาก็อยากฆ่าเด็กติดอ่างกับหวังเหล่ย

อ้ายเจียถอนหายใจเป็นครั้งที่ห้าร้อยของคืนนี้แล้วพลิกตัวไปมาบนเตียงราวกับย่างต้าปิ่ง[3] ขณะเขาเอ่ยอย่างหงุดหงิด “เวรเอ๊ย ขาดอีกแค่นิดเดียวเอง”…เวลานี้เองบนเตียงเหนือศีรษะก็มีเสียงทอดถอนใจของเพื่อนรักหวังเหล่ยดังขึ้น “เจียเกอ มีประโยคหนึ่งฉันไม่รู้ว่าควรถามไหม…คืนนี้ในคาบศึกษาด้วยตัวเอง ฉันกับเด็กติดอ่างหันไปจะถามโจทย์พี่ ตอนนั้น…พี่คิดจะทำอะไรบางอย่างกับเทพธิดาแห่งโชคลาภใช่ไหม”

ครั้นเด็กติดอ่างเดิมซุกตัวเล่นเกมอยู่ในโปงผ้าห่มได้ยินประโยคนี้ เขาเลิกผ้าห่มแล้วโผล่ศีรษะออกมา หน้าจอมือถือส่องหน้าเขาให้สว่างเจิดจ้ายามเบือนมองอ้ายเจีย

คนอื่นๆ ที่อยู่บนเตียงในห้องพักเดียวกันพากันขยับลุกขึ้นบ้าง แต่ละคนทำท่าทางคล้ายรอฟังเรื่องซุบซิบ

“…” อ้ายเจียร้อง “ฮึบ” แล้วเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง แทบอยากบีบคอเจ้าโง่สองคนนี้ให้ตาย “รู้ว่าฉันคิดจะทำอะไรแล้วพวกนายยังมาขวางอีกเรอะ!”

หวังเหล่ยหัวเราะฮ่าๆ

จากนั้นอธิบายให้เขาฟังอย่างอดทน “พี่เคยกินปูไหม ปูปีนป่ายเก่งมากนะเลยต้องมัดมันให้แน่น มันถึงจะไม่ปีนออกจากถัง! แต่ถ้าวันหนึ่งใส่ปูเป็นโขยงไว้ด้วยกันก็ไม่ต้องมัดแล้ว เพราะปูตัวหนึ่งปีนขึ้นไป อีกตัวหนึ่งก็จะดึงมันลงมา ตัวหนึ่งปีนขึ้นไป อีกตัวหนึ่งก็จะดึงมันลงมา ที่ปีนก็ปีน ที่ดึงก็ดึง…”

ทุกคนในห้อง “…”

เสียงหัวเราะลั่นดังขึ้นจากทุกมุมของห้องพัก

อ้ายเจีย “…”

ปูบ้านนายสิ!

อ้ายเจียหมุนตัวไปถีบเตียงหวังเหล่ยทีหนึ่ง จนเตียงของอีกฝ่ายดัง “แกร๊งๆ” ชั่วครู่…ต่อมาอ้ายเจียดึงผ้าห่มขึ้นคลุมหัวอย่างหงุดหงิด แล้วล้มตัวลงนอนพร้อมกับรู้สึกเสียใจ ขณะสิ้นหวัง เขาก็ล้วงมือถือออกมา เริ่มค้นไป่ตู้ราวกับคนโง่ [ตอนเดตกัน เมื่อไหร่ถึงจะจูบกันได้]

ไป่ตู้บอกว่า…

[ทางที่ดีที่สุดฝ่ายชายควรหยอกอย่างมีอารมณ์ขันหน่อยๆ เจ้าเล่ห์นิดๆ ไม่ใช่มาถึงก็ถามว่า พวกเราจูบกันได้ไหม แบบนั้นโดยมากจะถูกฝ่ายหญิงปฏิเสธ แนะนำให้ใช้ภาษากระตุ้นความสนใจของเธอเรื่องจูบก่อน เช่น มองตาเธอ แสดงความรักที่มีต่อเธอ…]

อ้ายเจีย “…”

เชี่ย!

บ้าอะไรวะเนี่ย!

ถ้าทำตามที่ไป่ตู้บอก เขาก็จูบเธอได้ตลอดเวลาแล้ว!

ไม่ใช่บอกว่าไป่ตู้รู้ทุกอย่างเหรอ ทำไมแค่ถามเรื่อยเปื่อยแค่คำถามเดียวก็ตอบไม่ได้แล้วล่ะ!

เด็กติดอ่าง “ลูก…ลูกพี่…พี่กำลัง…กำลังทำอะไรน่ะ!”

อ้ายเจียถามเสียงเย็น “ไป่ตู้ ทำยังไงถึงจะจูบเธอได้”

เด็กติดอ่าง “โธ่เอ๊ย!”

หวังเหล่ยได้ยินประโยคนี้แล้วเริ่มหัวเราะอีกครั้ง “พวกพี่เพิ่งคบกันแป๊บเดียวเอง จะรีบร้อนอะไรนักหนา”

อ้ายเจีย “เกี่ยวไรกับนาย! วันนี้ฉันเกือบทำสำเร็จแล้วเชียว!”

หวังเหล่ย “เทพธิดาแห่งโชคลาภหลับอยู่ พี่แอบทำแบบนี้ก็นับว่าสำเร็จด้วยเรอะ”

อ้ายเจีย “…นับ”

หวังเหล่ย “…”

อ้ายเจียซุกตัวอยู่ในโปงผ้าห่ม สอดมือเย็นเฉียบไว้ที่หว่างขาช่วยเพิ่มความอบอุ่น ก่อนเลื่อนภาพในหน้าจอมือถือลงข้างล่าง ตั้งอกตั้งใจอ่านคู่มือการเดต ทว่า…ที่เขียนไว้ทั้งหมดไร้สาระจริงๆ

อ้ายเจียโยนมือถือทิ้งพร้อมกับใจห่อเหี่ยว เขาดึงผ้าห่มลงมาถึงคาง แล้วขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม ตัวเขาสั่นเทาก่อนหลับตาลง ลมหายใจคล้ายยังได้กลิ่นหอมจางๆ ของลิปสติกเธอ…

โอ๊ย

อยากจูบเธอจัง

 

[1] หรือ Malice นิยายแนวสืบสวนสอบสวน เมื่อนักเขียนชื่อดังถูกฆาตกรรมในค่ำวันหนึ่ง และตำรวจต่างตั้งสมมติฐานถึงเจตนาในการสังหารและควานจับฆาตกร

[2] Modulus of Elasticity : E เป็นค่าบอกระดับความแข็งแกร่งของวัสดุ ได้จากการทดสอบแรงดึง (Tensile Test) หรือการทดสอบแรงกด (Compression Test) โดยเป็นอัตราส่วนระหว่างของความเค้น (Stress) ตามแนวแรง (σ) ต่อความเครียด (Strain) ตามยาว (ε) ทั้งนี้ ค่าโมดูลัสมีหน่วยเป็นนิวตันต่อตารางเมตร (N/m2)

[3] แพนเค้กจีน เป็นแผ่นแป้งแบนๆ ที่มีขนาดใหญ่

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า