[ทดลองอ่าน] รักเธอตั้งแต่วันวาน ตอนที่ 5

曾是年少时
รักเธอตั้งแต่วันวาน

ชิงเหม่ย 青浼 เขียน
หนูน้อยฉี แปล

 

— โปรย —

เฉินจินหยาง คุณหนูบ้านรวย สวย สูง เรียนเก่ง
นักศึกษาจากคณะภาษาต่างประเทศ ต้องมาสอนพิเศษให้อ้ายเจีย
เด็กเกรียนรุ่นน้อง จนบ่มเพาะความรู้สึกที่ลึกซึ้ง

ทว่าเฉินจินหยางต้องไปเรียนเพิ่มเติมที่ต่างประเทศ
ขณะที่อ้ายเจียเองก็หมายจะเข้าสู่ลีกเกมออร์เดอร์ออฟสตรอม

ท่ามกลางเรื่องราวความรักของคุณหนูไฮโซสาว
กับเกมเมอร์หนุ่มมีอุปสรรคมากมาย
ทั้งคู่ต้องจูงมือกันฝ่าฟันขวากหนามอย่างไม่ย่อท้อ
เพื่อที่จะก้าวสู่เส้นทางเกียรติยศในอนาคต!

 

_______________________________

 

ติดตามการวางจำหน่ายหนังสือได้ทางเพจ “บ้านอรุณ

สำนักพิมพ์อรุณ

 

(ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์)

 

ตอนที่จินหยางกลับไปที่ห้องทำงานของแผนกประชาสัมพันธ์นั้น คาบแรกของการศึกษาด้วยตัวเองก็ล่วงเลยไปกว่าครึ่งคาบแล้ว คนอื่นในคณะทำงานนอนพังพาบกับพื้นพยายามทำโปสเตอร์ยักษ์ที่ต้องแขวนบนอาคารหลักอย่างสุดชีวิต เห็นท่าทางขยันขันแข็งของพวกเขาแล้ว จินหยางก็อยากเอ่ยว่า “ขุนนางทุกท่านไม่ต้องมากพิธี เรายังมีธุระ ขอตัวก่อน” แต่พอคำพูดมาจ่อถึงปากแล้ว สุดท้ายก็ไม่กล้าเอ่ย

จินหยางได้แต่นั่งยองกอดเข่าอยู่ข้างๆ มองพวกเขาสาละวนกับการละเลงสีลงบนโปสเตอร์นั้นทั้งคืน เธอถือโอกาสนี้ช่วยทำงานจุกจิกอย่างการล้างพู่กัน เปลี่ยนน้ำ ล้างถาดสี

“จินหยาง ฉันอิจฉาเธอจริงๆ ที่เขียนตัวหนังสือป๊อปเป็น แบบนี้ก็ไม่ต้องมานั่งหลังขดหลังแข็งอย่างพวกเรา นอกจากเธอจะฉลาดแล้ว ยังเรียนรู้วิธีเขียนได้เร็วและทำได้ดีอีกด้วย”

“ฉลาดบ้าอะไรละ” จินหยางมือหนึ่งถือพู่กันผสมสีน้ำ ตอบโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้า “เปิดเทอมสองวันแรก ฉันก็ฝึกเขียนตัวหนังสือป๊อปในสมุดเลกเชอร์ที่เตรียมไว้จดเนื้อหาในชั้นเรียนจนหมดเล่ม ฝึกขนาดนี้จะไม่เรียนรู้เร็วได้ยังไง”

“อะไรนะ!” เพื่อนร่วมภาควิชาที่ชวนคุยเงยหน้าอย่างตกตะลึง “นี่ไม่ใช่มหาวิทยาลัยเหรอ พวกเธอยังต้องจดเลกเชอร์ในชั้นเรียนอีกเหรอ!”

“ใช่แล้ว จบคาบแล้วพวกเรายังต้องเข้าแถวท่องบทความต่อหน้าอาจารย์ด้วย น่ากลัวไหมล่ะ”

“…”

 

กว่าจินหยางจะทำทุกอย่างเสร็จก็เกือบสี่ทุ่มครึ่งแล้ว เหลือเวลาอีกแค่ครึ่งชั่วโมงก็จะปิดประตูหอพัก แต่พวกเขายังทำโปสเตอร์ยักษ์ไม่เสร็จ พวกรุ่นพี่ไม่ค่อยพอใจ แต่ก็ทำได้แค่ตะโกนไล่พวกเขาให้กลับหอพักไปพักผ่อน…

มหาวิทยาลัย T ถือเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ มีหลายสาขาวิชามาก ครอบคลุมพื้นที่กว้างขวาง ด้วยเหตุนี้แน่นอนว่าที่ตั้งของมหาวิทยาลัยไม่ได้อยู่ในเขตเมือง…เวลานี้เขตชานเมืองมืดสนิท ไม่มีแสงไฟ เรื่องอย่างการเดินทางออกจากมหาวิทยาลัยกลับบ้านเช่าที่อยู่ค่อนข้างไกลจากมหาวิทยาลัยสำหรับจินหยางที่เป็นลูกคนรวยที่กลัวตายและกลัวถูกลักพาตัวเป็นที่สุดนั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด เพราะฉะนั้นเธอเลยไม่มีวิธีอื่น ได้แต่เกาะกลุ่มกับเพื่อนร่วมแผนกเดินกลับหอพัก

ตอนที่โกยอ้าวขึ้นบันไดหอพักนั้น เธอล้วงมือถือออกมาอย่างหงุดหงิด กดส่งข้อความไปหาเด็กสาวติดเกมที่ชื่อถงเหยา ถงเหยาเป็นหนึ่งในเพื่อนไม่กี่คนของจินหยาง แถมรายนี้ยังเป็นเพื่อนสนิทด้วย…

[แม่นางเฉิน : …พวกสภานักศึกษาคุกเข่าวาดโปสเตอร์กันจนถึงตอนนี้ นี่ต่างหากถึงจะเป็นงานเลี้ยงต้อนรับนักศึกษาใหม่!! บ้าเอ๊ย หลังจากนี้ยังมีประกวดสิบสุดยอดนักร้องของมหาวิทยาลัย เทศกาลอาหาร การแสดงศิลปวัฒนธรรม งานจัดหางาน และการฝึกงานของนักศึกษา…ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปฉันกลัวว่าตัวเองจะคุกเข่าจนลุกไม่ขึ้น ห้องนอนบ้านย่าที่ทำความสะอาดเอาไว้เรียบร้อยคงได้แต่ต้องให้ผีไปอยู่แล้ว] [ท่านเหยาสาวน้อยปลาเค็ม : ดึกแล้วเธอยังแชตหานักเรียนมัธยมปลายปีสองที่กำลังเตรียมตัวสอบเพื่อเล่าเรื่องนี้น่ะเหรอ] [แม่นางเฉิน : งั้นจะให้เล่าเรื่องอะไรล่ะ ชีวิตมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้ต่างจากชีวิตมัธยมปลายเท่าไหร่หรอก ที่บอกว่าเข้ามหาวิทยาลัยแล้วจะเป็นอิสระน่ะเป็นแค่คำพูดที่พวกครูหลอกพวกเธอ…อย่าได้หวังเลย เด็กเตรียมสอบ] [ท่านเหยาสาวน้อยปลาเค็ม : …แล้วเธอคิดจะทำยังไงต่อ] [แม่นางเฉิน : รีบซื้อรถแล้วขับรถกลับเอง] [ท่านเหยาสาวน้อยปลาเค็ม : เยี่ยม ชีวิตนี้ฉันจะได้นั่งมาเซราตี[1] จับพวงมาลัยวางมาดได้หรือเปล่าก็ขึ้นอยู่กับเธอแล้ว…ฉันจะนอนบนฝากระโปรงรถแล้วเซลฟีสักร้อยรูป] [แม่นางเฉิน : ดูเธอสิไม่ได้เรื่องเลย เพื่อนสนิทเป็นคนซื้อไม่เห็นเจ๋งตรงไหน วันหน้าให้แฟนเธอซื้อมาเซราตีให้สิ นี่ถึงจะเจ๋งกว่าตั้งเยอะ] [ท่านเหยาสาวน้อยปลาเค็ม : สาธุ สมพรปากเถอะ ถ้าอนาคตแฟนฉันซื้อมาเซราตีให้ฉัน ทุกวันปีใหม่ฉันจะก้มกราบเธอสามที พอแก่แล้วก้มไม่ไหว ฉันจะให้ลูกฉันกราบเธอต่อ] [แม่นางเฉิน : …] [ท่านเหยาสาวน้อยปลาเค็ม : ฉันกำลังทำแบบฝึกหัดอยู่ ไหนๆ ก็คุยกันแล้ว เธอช่วยทำสักข้อแล้วค่อยไปนะ…ในระหว่างการตรวจสอบกระบวนการผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์หนึ่งบนสายการผลิต ทุกวันผู้ตรวจสอบจะสุ่มเลือกชิ้นส่วนอุปกรณ์ 16 ชิ้นจากสายการผลิต จากนั้นก็วัดขนาด (หน่วยเป็นเซนติเมตร) จากประสบการณ์การผลิตที่ยาวนาน รู้เลยว่าปกติสายการผลิตนี้จะผลิตชิ้นส่วนตามขนาดการแจกแจงปกติ N (μ, σ2)

สมมติว่าการผลิตเป็นปกติ จากบันทึก X ระบุว่าหนึ่งวัน ชิ้นส่วนอุปกรณ์ 16 ชิ้นที่สุ่มวัดมีชิ้นที่มีขนาดเกินกว่า (μ-3σ, μ3σ) คำถามคือ P (X≥1) และค่าเฉลี่ยของ X เป็นเท่าไหร่] [แม่นางเฉิน : …ฉันเพิ่งคุกเข่ามาทั้งคืน ตอนนี้หน้ามืดตาลายไปหมดแล้ว เธอดันให้ฉันแก้โจทย์แบบฝึกหัดคณิตศาสตร์! ไสหัวไปหาคำตอบเอาเองสิ!] [ท่านเหยาสาวน้อยปลาเค็ม : คำตอบเขียนว่า ‘คำตอบข้อนี้ถูกละไว้’ เธอรีบตอบเร็วเข้า ฉันต้องทำให้เธอรู้ว่า ดึกดื่นแล้วยังชวนเด็กมัธยมปลายคุยเรื่องน่าเบื่อจะต้องชดใช้]

จินหยาง “…”

ด้วยเหตุนี้จินหยางเลยใช้เวลาที่ไต่บันไดจากชั้นหนึ่งถึงชั้นห้าได้อย่างคุ้มค่าด้วยการแก้โจทย์คณิตศาสตร์เกี่ยวกับทฤษฎีความน่าจะเป็นของข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัยฉบับจริงให้ถงเหยา วินาทีที่กำลังจะก้าวเข้าประตูห้องนั้น เธอก็ส่งคำตอบให้เด็กมัธยมปลาย เพื่อนสนิทที่สุดแสนจะน่ารำคาญของเธอ

จากนั้นก็ก้าวเข้าประตูห้องในหอพัก

เผชิญหน้ากับพายุลูกใหม่

 

เมื่อก้าวเข้าห้อง จินหยางที่สมองยังเบลอเพราะเพิ่งทำโจทย์คณิตศาสตร์เสร็จก็เห็นคนนั่งอยู่บนเก้าอี้ของตัวเอง…

พอเพ่งมองก็เห็นเหล่าเอ้อร์นั่งอยู่หน้าโต๊ะของเธอ เล่นลิปสติกของเธออยู่ นั่นเป็นลิปจิ้มจุ่มแท่งใหม่ของชาแนล[2] วันนี้ก่อนที่เธอจะเดินออกจากห้องพัก มันอยู่ในสภาพที่ยังไม่แกะห่อพลาสติก…

ตอนนี้ไม่ใช่แค่พลาสติกถูกแกะออกแล้ว แต่เนื้อลิปเหลวยังอยู่ที่ริมฝีปากของเหล่าเอ้อร์ด้วย

จินหยาง “…”

เหล่าลิ่วว่า “หือ จินหยาง คืนนี้เธอไม่ได้กลับบ้านย่าเหรอ…”

จินหยาง “สภานักศึกษายุ่งมาก ทำงานกันจนถึงตอนนี้”

เธอตอบเสียงค่อนข้างแหบพร่าเจือขุ่นมัว เวลานี้คล้ายคนอื่นในห้องพักรู้สึกได้ว่ากำลังจะเกิดเรื่องบางอย่างขึ้น จู่ๆ ทั้งห้องก็เงียบกริบจนน่ากลัว…

จินหยางได้ยินเสียง “แคร็ก” ดังขึ้นในสมองคล้ายความเหนื่อยล้าทั้งหมดในวันนี้ถูกนำมาบีบอัดรวมกัน…เธอสาวเท้ายาวไปข้างหน้า สูดลมหายใจเข้าลึกหนหนึ่ง พยายามข่มเพลิงโทสะในใจ ก่อนยื่นนิ้วออกไปเคาะโต๊ะ ถามคนที่ก้นยังติดอยู่บนเก้าอี้ของเธอว่า “เหล่าเอ้อร์ ทำไมเธอถึงยุ่งกับของของฉัน”

เหล่าเอ้อร์ร้อง “อ้อ” ท่าทางเฉยเมยมาก “คืนพรุ่งนี้ฉันมีสัมภาษณ์งานพิธีกรการแข่งขันอีสปอร์ตที่อินเทอร์เน็ตคาเฟ่ ลิปสีแดงสดของฉันหมดแล้ว สีที่เหลือก็ส้มเกินไป ไม่สดพอ พอดีเห็นเธอมีอยู่แท่งหนึ่งก็เลยแกะออกมาลองดู…”

“ลิปสติกเธอหมดแล้ว เธอไม่ซื้อใหม่ละ” จินหยางแย่งลิปสติกที่ตัวเองยังไม่ทันแกะก็แปดเปื้อนแล้วมาโยนทิ้งถังขยะโดยไม่แม้แต่จะชายตามอง “ก่อนเธอจะหยิบมาใช้ ได้ถามฉันรึยัง”

น่าจะเพราะท่าโยนลงถังขยะของจินหยางดูเป็นธรรมชาติมากเกินไป…

เหล่าเอ้อร์ตะลึงงันพักหนึ่ง ไม่หลงเหลือสีหน้าราบเรียบแล้ว ใบหน้านั้นเปลี่ยนสีจากขาวเป็นแดงก่อนเป็นเขียวคล้ำ เธอขยับเก้าอี้ “ครืด” ลุกขึ้นยืน “เดี๋ยวนะ เฉินจินหยาง เธอพูดยังงี้หมายความว่ายังไง…ลิปสติกฉันหมดแล้วเลยยืมของเธอมาทาหน่อย จะเป็นอะไรนักหนา ใช้แค่นิดเดียวเอง ไม่ได้ขโมยหรือแย่งไปเสียหน่อย”

จินหยางเลิกคิ้วแทบจะสูงขึ้นไปถึงตีนผมแล้ว “ถ้าจะใช้ก็ซื้อเองสิ”

เหล่าเอ้อร์ว่า “ซื้ออะไร เดือนหนึ่งฉันได้ค่าขนมแค่ห้าร้อยหยวน ถ้าฉันซื้อลิปสติกราคาสองร้อยกว่าหยวน แล้วอีกครึ่งเดือนให้ฉันกินอากาศหรือไง…เธอคิดว่าใครๆ ก็เป็นลูกคนรวยเหมือนเธอเหรอ ใช้เงินพ่อแม่โดยไม่ปวดใจ จะทุ่มเงินซื้อเท่าไหร่ก็ได้!”

เสียงของเหล่าเอ้อร์ดังมาก คิดว่ากระทั่งห้องข้างๆ ก็คงได้ยินหมดแล้ว…

จะต้องได้ยินแล้วแน่

เพราะเวลานี้เสียงพูดคุยหยอกล้อของพวกที่อยู่ห้องข้างๆ เบาลงกว่าเดิมมาก

จินหยางที่ไม่ได้เตรียมใจจะตกเป็นหัวข้อนินทาหลังมื้ออาหารถูกยั่วโมโหจนหลุดหัวเราะ “อ้อ เธอยังทำเหมือนตัวเองมีเหตุผลอีกนะ”

เหล่าเอ้อร์ว่า “ก็ฉันมีเหตุผลน่ะสิ ของแพงขนาดนี้เธอกลับโยนทิ้งถังขยะโดยไม่แม้แต่จะชายตามองด้วยซ้ำ คิดจะหยามใคร ฉันแค่เอามาทานิดหน่อยเอง ฉันเป็นโรคเอดส์หรือไงถึงได้โยนมันทิ้ง มีเงินแล้วเจ๋งนักเหรอ ก็แค่เงินไม่กี่หยวน แน่จริงเธอก็หาเองสิ…เธอลองถามพวกเพื่อนรุ่นเดียวกันดูก็ได้ มีใครซื้อของดีๆ แล้วไม่ใช้เงินที่ตัวเองหามาบ้าง…”

“ฉันเป็นลูกคนรวยแล้วมันไปหนักหัวใคร เกิดในครอบครัวที่ดีเป็นความผิดของฉันเหรอ เธอไม่ลองคิดดูบ้างละว่าการที่ฉันเกิดเป็นลูกคนรวย ก็เพราะตอนจะมาเกิด ฉันโกยเท้าวิ่งนำหน้ามาก่อนก็เลยมีสิทธิเลือกก่อน…ความพยายามตอนไหนบ้างไม่เรียกว่าความพยายาม จะต้องแบ่งสูงแบ่งต่ำให้ได้ใช่ไหม”

จินหยางตอกกลับด้วยน้ำเสียงเฉื่อยเนือย จากนั้นได้ยินเหล่าลิ่วหลุดขำ “พรืด” อย่างห้ามไม่อยู่ จินหยางเหลือบมองใบหน้าของเหล่าเอ้อร์ที่โมโหจนหน้าแดงก่ำ จู่ๆ ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก…

จินหยางไม่ชอบพูดเสียดสีจิกกัดใครเท่าไหร่ พอกล่าวถึงจุดหนึ่งก็จะหยุด…เวลานี้เธอดึงเก้าอี้ออก ขยับไปนั่งที่นั่งของตัวเอง พยายามรักษาสภาพผู้คว้าชัยเอาไว้และปฏิเสธที่จะเอ่ยอะไรอีก

ขณะที่จินหยางหาสำลีชุบน้ำยาล้างเครื่องสำอางนั้น เหล่าเอ้อร์ยังยืนอยู่ด้านหลังเธอ พร่ำบ่นต่อว่า “เธอรู้ไหมว่าการสัมภาษณ์พรุ่งนี้สำคัญกับฉันมากแค่ไหน ฉันเล่นเกมออร์เดอร์ออฟสตรอม[3]มาครึ่งปีแล้ว มั่นใจว่าเป้าหมายในชีวิตของฉันก็คือวงการอีสปอร์ต ฉันอยากเข้าร่วมทีมของพวกเขา ฉันจำเป็นต้องเข้าร่วมทีมของพวกเขา…วันมะรืนเป็นการแข่งรอบคัดเลือกของลีกอาชีพประจำเมืองที่อินเทอร์เน็ตคาเฟ่เปยอวี๋ ฉันอยากเป็นพิธีกรจริงๆ ถ้ารู้จักพวกผู้เข้าแข่งขัน อย่างน้อยวันหน้าพอฉันเข้าวงการก็จะได้มีเส้นสายบ้าง…”

จินหยางล้างเครื่องสำอางอยู่ ท่าทางเฉยชา แสดงออกชัดเจนว่าเธอฟังไม่เข้าใจแม้แต่คำเดียว…

เล่นเกมยังเล่นจนกลายเป็นเป้าหมายของชีวิตได้เหรอ

น่าตลก

จินหยางขานรับอืมๆ เป็นครั้งคราวเพื่อแสดงว่าเธอกำลังฟังคำโอดครวญทั้งน้ำตาของคนที่อยู่ด้านหลัง ทีแรกจินหยางคิดว่ารอให้เหล่าเอ้อร์คร่ำครวญจบแล้วเงียบไปเอง ถึงเวลานั้นหอพักก็คงปิดไฟพอดี แบบนี้จะได้คืนความสงบให้กับทุกคน แต่คิดไม่ถึงว่าพอเหล่าเอ้อร์เห็นจินหยางไม่ตอบสนอง ไม่สนใจ ไม่ไหวหวั่น แม้จะใช้ทั้งไม้แข็งไม้อ่อนแล้ว เธอเริ่มอาละวาดอีกครั้ง…

“ฉันรู้ว่าพูดกับเธอเยอะขนาดนี้ เธอก็คงไม่เข้าใจอยู่ดี คนอย่างเธอคาบช้อนทองมาเกิด ไม่ว่าเรื่องอะไรครอบครัวก็วางแผนไว้ให้แล้ว ยังจะเอ่ยถึงเป้าหมายชีวิตอีกทำไม…ฉันก็แค่อยากบอกเธอว่าเธออย่าได้ใจนักเลย ทุกอย่างของเธอได้มาจากพ่อแม่ มีอะไรให้น่าภูมิใจนักเหรอ เงินน่ะถ้าฉันพยายามก็มีได้เหมือนกัน ใครจะรู้ว่าพ่อแม่เธอจะมีเงินให้เธอใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายทั้งชีวิตหรือเปล่า อนาคตใครจะเหนือกว่าใครก็ยังไม่แน่เลย!”

“…”

จินหยางวางสำลีที่ชุบน้ำยาล้างอายไลน์เนอร์ลง หันมองเหล่าเอ้อร์สีหน้าไร้อารมณ์

สายตาที่จ้องอย่างตรงไปตรงมานั้นทำให้เหล่าเอ้อร์เงียบไปครู่หนึ่ง

จินหยางถาม “พูดจบแล้วเหรอ”

เหล่าเอ้อร์ว่า “เธอไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น ทั้งความฝันของฉันและเป้าหมายในชีวิตของฉัน”

จินหยางพยักหน้าพลางโยนสำลีทิ้ง “ฉันไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น เป้าหมายในชีวิตคืออะไร ความจนคืออะไร”

เธอกล่าวพลางหยิบมือถือขึ้นมา กดเปิดอ่านข้อความที่บ่ายวันนี้เปิดอ่านไปแล้วรอบหนึ่ง…

[รุ่นพี่แผนกพิธีการ : น้องจินหยางที่รัก อาทิตย์หน้าอินเทอร์เน็ตคาเฟ่เปยอวี๋ที่ตั้งอยู่หน้าประตูมหาวิทยาลัยจัดแข่งเกมออร์เดอร์ออฟสตรอมรอบคัดเลือกของลีกอาชีพประจำเมือง…ถึงเวลานั้นต้องการพิธีกรคนหนึ่ง ทางอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ฝากให้ฉันช่วยหาคนให้หน่อย ฉันเลยคิดถึงเธอ…

ฉันเคยเห็นตอนที่เธอสัมภาษณ์เข้าสภานักศึกษา งานนี้เธอต้องทำได้แน่

ถ้าเธอมีเวลาก็บอกฉันนะ จะได้ยกงานนี้ให้เธอ…

ปล. ทางที่ดีอย่าพลาดเชียว เกมออร์เดอร์ออฟสตรอมเปิดให้เล่นในจีนสองปีกว่าแล้ว เป็นที่นิยมมาก แม้ตอนนี้ยังไม่ดังระเบิด แต่ไม่แน่ว่าวันหน้าอาจจะดังมากก็ได้ มีคนตั้งเยอะตั้งแยะแย่งตำแหน่งนี้กัน!]

จินหยาง “…”

ดูสิ

เตรียมพร้อมตลอดเวลาแล้วอย่างไร โอกาสมักมอบให้กับผู้โชคดี

จินหยางเอ่ย “อินเทอร์เน็ตคาเฟ่เปยอวี๋ เกมออร์เดอร์ออฟสตรอมใช่ไหม”

“…” เหล่าเอ้อร์เบิกตาโตอย่างหวาดระแวง ไม่ค่อยเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เธอเหลือบมองมือถือในมือของจินหยางอย่างฉงน “เธอเอ่ยถึงอะไรน่ะ”

จินหยางรัวนิ้วลงบนมือถือ พิมพ์ตอบอย่างรวดเร็วว่า [ได้สิ เพิ่งเห็นข้อความ ขอบคุณรุ่นพี่นะคะ <ยิ้ม>] จากนั้นก็วางมือถือลง แล้วลุกขึ้นยืน เธอตบไหล่เหล่าเอ้อร์ที่มีสีหน้างุนงงและยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น “เหล่าเอ้อร์สั่งสอนได้ถูกต้องแล้ว ฉันน่ะเป็นลูกคนรวยที่น่ารังเกียจ ไม่มีเป้าหมายในชีวิต ตอนนี้พอคิดดูแล้วก็รู้สึกว่าไม่ค่อยดีเท่าไหร่…เพราะฉะนั้นฉันเลยตัดสินใจจะเรียนรู้จากเธอ ก้าวแรกคือไปดูว่าเป้าหมายในชีวิตของเธอเป็นยังไง”

 

[1] ยี่ห้อรถยนต์ซูเปอร์คาร์ของอิตาลี

[2] ยี่ห้อเครื่องแต่งกายและเครื่องสำอางจากฝรั่งเศส

[3] The Order of Storm : OOS

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า