曾是年少时
รักเธอตั้งแต่วันวาน
ชิงเหม่ย 青浼 เขียน
หนูน้อยฉี แปล
— โปรย —
สำหรับจินหยางแล้ว ที่น่าเสียดายที่สุดน่าจะเป็นเรื่องที่เวลานี้เธอไม่ได้อยู่เคียงข้างเขา
อย่างน้อยถ้าอยู่ข้างๆ เขาก็พอจะมอบอ้อมกอดที่อบอุ่นให้เขา
หรือไม่ก็ตบไหล่เขาเงียบๆ ได้
พวกเราควรเรียนรู้หลักการหนึ่งตั้งแต่เนิ่นๆ นั่นก็คือ
อีสปอร์ตไม่ได้มีชัยชนะและเกียรติยศอยู่เคียงข้างตลอดเวลา
ยิ่งเสียงปรบมือในจุดที่สว่างไสวดังมากเท่าไหร่
เงาดำหลังแสงก็จะยิ่งมืดมนมากเท่านั้น
_______________________________
ติดตามการวางจำหน่ายหนังสือได้ทางเพจ “บ้านอรุณ“
สำนักพิมพ์อรุณ
(ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์)
74
ผลลัพธ์สุดท้ายทำให้ทุกคน (หลักๆ คือเสี่ยวเซียนกับอ้ายเจีย) พึงพอใจมาก เจี่ยงลู่เป็นผู้บริสุทธิ์ หลังเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็แย่งมือถือของตัวเองคืนมาจากมือของถงถง ก่อนเบิกตาโตมองอีกฝ่าย…อย่างกับว่านี่เป็นวันแรกที่เธอรู้จักถงถง เจี่ยงลู่พูดทิ้งไว้ประโยคหนึ่งว่า “เธอไม่ควรทำแบบนี้” จากนั้นเดินตัวสั่นหน้าซีดขาวกลับที่นั่งของตัวเอง ท่าทางหมดอาลัยตายอยาก
ตอนนั้นทั่วทั้งฐานเงียบกริบ
เสี่ยวเซียนสีหน้าไร้อารมณ์ขณะสั่งให้หรงหรงไปชงน้ำตาลทรายแดงร้อนให้เจี่ยงลู่…เจี่ยงลู่ตกใจกับสิ่งที่ได้รับมาก อย่างไรซะขอเพียงเป็นคนที่มีสติดีก็จะรู้ว่าในฐานนี้ใครคือตัวเอก
เมื่อหรงหรงฉีกยิ้มโชว์ฟันให้เจี่ยงลู่ ใบหน้าซีดขาวของเธอแดงก่ำโดยพลัน
ขณะที่ถงถงไม่ได้โชคดีขนาดนั้น
ไม่นานคนในคณะผู้บริหารก็มาถึง ความจริงพิสูจน์แล้วว่าถงถงไม่ใช่ญาติของผู้บริหารคนไหน หรือเป็นคู่รักของผู้บริหารคนไหนเช่นกัน…เธอถูกไล่ออกทันที อาจต้องเผชิญกับการถูกฟ้องร้องด้วย…เพราะขณะที่เธอป่วนอยู่ในเทียปา ทางแผนกประชาสัมพันธ์ต้องช่วยเช็ดก้นเก็บกวาดปัญหาให้เธอ พวกค่ากระดาษเช็ดก้นเหล่านี้ (ค่าประชาสัมพันธ์) อาจถูกระบุลงในหนังสือฟ้องร้อง เรียกร้องให้ถงถงรับผิดชอบทั้งหมดด้วย
ขณะเดียวกันเธอยังต้องเผชิญกับการจ่ายค่าปรับที่ผิดสัญญา ฐานเปิดเผยความลับและละเมิดข้อตกลง ทำลายชื่อเสียงของคนอื่น และอื่นๆ อีกก้อนใหญ่…
เมื่อรวมๆ กันแล้วอาจเป็นเงินก้อนใหญ่ ใหญ่จนสาวน้อยที่เพิ่งเรียนจบเห็นแล้วอาจเป็นลมไปเลย หรือไม่ครอบครัวเธอก็อาจฟาดขาเธอให้หัก
เรื่องราวทั้งหมดก็จบลง
ฉาก “เชือดไก่ให้ลิงดู” นี้ในที่สุดก็จบลงสักที
…
อ้ายเจียมองทุกคนกลับไปทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ของตัวเอง แต่ละคนสีหน้าเคร่งเครียด ดูมุ่งมั่นกับงาน อ้ายเจียมั่นใจเลยว่าในสามปีนี้แผนกเกมออร์เดอร์ออฟสตรอมของสโมสร YQCB คงจะไม่ปรากฏคนทรยศอีกแล้ว…
เสี่ยวเซียนรู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว “อย่าคิดว่าอยู่ในโลกโซเชียลแล้วจะปลอดภัยเหมือนสวมชุดเกราะ คิดจะพูดอะไรก็พูดได้ ถ้ามีใครสักคนคิดจะหาตัวคนทำจริงๆ ยังไงก็หาเจอ”
ตอนเสี่ยวเซียนพูดประโยคนี้ แทบทุกคนคิดเห็นตรงกันว่า “ใครสักคน” ที่เขากล่าวถึงก็คือแฟนสาวของอ้ายเจียที่โผล่หน้ามาเป็นครั้งคราว ไม่เคยรับรู้ว่าอะไรคือความถ่อมตัวและความปรารถนาที่จะผูกขาดอ้ายเจียค่อนข้างรุนแรง…
เมื่ออ้ายเจียเห็นเหลียงเซิงตัวสั่นเทิ้มขณะเปลี่ยนชื่อวีแชตของจินหยางเป็น “มารสาว” อ้ายเจียก็รีบฟ้องจินหยางทันที
จากการกระทำนี้ทำให้เขาได้รับดอกไม้แดงดอกเล็ก[1]จากแฟนสาวสุดที่รักดอกหนึ่ง
…และเสียงคำรามด้วยความเคืองโกรธของเหลียงเซิง…
“อ้ายเจีย! ไอ้คนทรยศ! ไอ้เด็กขี้ฟ้อง! วันหน้าต่อให้วอร์ดต้องเน่าตายอยู่บนตัวฉัน ฉันก็ไม่มีทางปักมันลงบนหนองน้ำเลนกลางแม้แต่อันเดียว! นายคอยดูได้เลย!”
…
…
ประมาณบ่ายสองโมง เจ้าของกระทู้ก็พิมพ์ขอโทษในกระทู้ตัวเอง ยอมรับว่าตัวเองพูดเหลวไหลไปเอง
บ่ายสามโมงครึ่ง กระทู้ถูกลบ…ผู้คนต่างคาดเดากันว่าเจ้าของกระทู้อาจโดนร้องเรียนและอาจถูกจับได้แล้ว ชาวเน็ตถกเถียงกันอย่างเมามัน แต่ไม่นานเมื่อวันแข่งใกล้เข้ามา ผู้คนก็ไม่สนใจเรื่องนี้อีก
…เธอดูสิ เมื่อก่อนผู้คนชื่นชมสนับสนุนกันใหญ่ แล้วยังไง ผู้คนจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเธอเป็นใครและไม่สนใจด้วยว่าชีวิตของเธอจะต้องพังเพราะเรื่องนี้หรือเปล่า
…
ตกเย็นอ้ายเจียเลี้ยงหมาล่าทั่งทุกคนในฐาน หมดเงินไปสามร้อยกว่าหยวน เดิมนี่ถือเป็นวันที่สวยงามมาก
จนกระทั่งห้าทุ่มตอนเขาออกไปทิ้งขยะ เขาพบว่าทีมข้างบ้าน รวมถึงผู้จัดการทีมได้รวมตัวกันแหกกฎห้ามออกจากเคหสถานยามวิกาล พออ้ายเจียถามพวกเขาว่าจะไปไหน พวกเขาก็บอกว่าจะไปกินหม้อไฟ…ลู่ซือเฉิงเลี้ยง
อ้ายเจียสงสัยมากว่าดึกขนาดนี้จะไปกินร้านไหตี่เลา[2]ที่แสนแพงนั่นเหรอ
เสี่ยวพั่งอธิบายว่าพวกเขาไม่ได้จะไปกินร้านไหตี่เลา แต่จะไปกินที่ร้านหม้อไฟหยางฝังหั่วกัว[3]…
หยางฝังหั่วกัวคืออะไร เพราะสงสัย อ้ายเจียเลยกลับฐานไปคว้ามือถือมาค้นผ่านแอปพลิเคชันต้าจ้งเตี่ยนผิง[4] พบว่าไม่ใช่ไหตี่เลาจริงๆ นั่นแหละ ราคา 1,180 ต่อคนที่มุมขวาสว่างแสบตาเขา เขากดจิ้มหน้าต่างต้าจ้งเตี่ยนผิงไปทั่วกระทั่งมั่นใจว่าแอปนี้ไม่ได้แอบเปลี่ยนจากเงินหยวนเป็นเงินเยนจริงๆ
เมื่อคิดถึงหมาล่าทั่งราคาสามร้อยกว่าหยวนที่สิบคนกินกันอย่างมีความสุขในค่ำคืนนี้ อ้ายเจียก็วางมือถือลง เขย่าไหล่ของเสี่ยวเซียน “พวกเราย้ายฐานกันเถอะ”
เสี่ยวเซียน “นายครอบครองห้องนอนที่ใหญ่ที่สุดแล้ว ยังมีอะไรไม่พอใจอีกเรอะ”
อ้ายเจีย “ไม่ใช่ไม่พอใจแต่เพราะทีม ZGDX ที่อยู่ข้างบ้านส่งผลต่อแต้มโชคดีของฉัน”
เสี่ยวเซียน “พูดบ้าอะไรของนาย”
อ้ายเจีย “เดิมฉันยังคิดว่าตัวเองกินหมาล่าทั่งราคาสามร้อยกว่าหยวนถือเป็นการใช้ชีวิตแบบเชื้อพระวงศ์แล้ว…แต่เมื่อกี้ฉันเห็นทีมข้างบ้านไปกินหม้อไฟ แค่เนื้อวัวจานเดียวก็สามร้อยแปดสิบแปดหยวนแล้ว”
เสี่ยวเซียนไม่แม้แต่จะเลิกคิ้ว “คนเขาลงแข่งในการแข่งขันฤดูร้อน จนถึงตอนนี้แพ้แค่นัดเดียว ทำไมนายไม่มองข้อดีของคนอื่นเขาบ้าง ถ้าเมื่อไหร่ที่นายเก่งขนาดนั้น ฉันก็ให้นายกินเนื้อวัวจานละสามร้อยแปดสิบแปดหยวนได้เหมือนกัน”
อ้ายเจียหมดคำพูด เช้าวันนี้เสี่ยวเซียนในสายตาของเขายังเป็นผู้ยิ่งใหญ่ประหนึ่งเทพเซียนตัวเป็นๆ จนเขาอยากเปลี่ยนคำเรียกเสี่ยวเซียนเป็น “ต้า[5]เซียน” แทน…ทว่าตอนนี้เสี่ยวเซียนในสายตาของเขาอยู่ในระดับเดียวกับแม่ของเขาแล้ว ประเภทที่ทำให้เขากินไม่อิ่มกายไม่อุ่น และยังดึงหูเขา ตวาดใส่ว่า “ดูพี่สาวบ้านข้างๆ เป็นแบบอย่าง”
ดูบ้าอะไร
…สิ่งเดียวที่เขาเสียใจก็คือการตอบโต้แม่อย่างรุนแรงที่สุดโดยเลือกที่จะแต่งกับ “พี่สาวบ้านข้างๆ” แต่เขากลับไม่สามารถแต่งกับเสี่ยวพั่งที่อยู่บ้านข้างๆ ได้
เขาเลยได้แต่อดกลั้นไว้
[YQCB อ้ายเจีย : เธอเคยกินหม้อไฟที่เนื้อวัวจานหนึ่งสามร้อยแปดสิบแปดหยวนหรือเปล่า] [แม่นางเฉิน : หยางฝังหั่วกัวเหรอ เคยสิ ที่จริงก็รสชาติงั้นๆ มีแค่ผลไม้กับของหวานหลังอาหารที่คุ้มกับค่าอาหาร] [YQCB อ้ายเจีย : …] [YQCB อ้ายเจีย : จบบทสนทนาแต่เพียงเท่านี้] [YQCB อ้ายเจีย : นับแต่วันนี้ไปพวกเราไม่ใช่เพื่อนรักกันอีกแล้ว ฉันจะไปเล่นกับเด็กคนอื่นที่จนเหมือนฉัน!] [แม่นางเฉิน : อ้อ งั้นนายอาจต้องกลับไปหาที่โรงเรียนอนุบาลแล้วล่ะ] [แม่นางเฉิน : ไปเถอะ] [YQCB อ้ายเจีย : …เธอรับมุกทันทีโดยไม่ลังเลแบบนี้ได้ยังไงเนี่ย] [แม่นางเฉิน : เพราะรักไงเลยยอมหมด] [YQCB อ้ายเจีย : บ้า ปากหวานจริงๆ] [YQCB อ้ายเจีย : พวกเราคืนดีกันเถอะ พวกเรายังเป็นเพื่อนรักกันอยู่] [แม่นางเฉิน : …]
ช่วงกลางถึงปลายเดือนสิงหาคม เพราะฟอร์มการเล่นของอ้ายซาดีขึ้น รูปแบบการเล่นในการแข่งขันฤดูร้อนของทีม YQCB เลยกลับมาดีขึ้นด้วย นอกจากแพ้ทีม ZGDX ตอนแข่งแบบพบกันหมดรอบสองแล้ว การแข่งอื่นๆ พวกเขาก็ชนะมาโดยตลอด…
ที่ทำให้คนมีความหวังยิ่งกว่าก็คือนับแต่แข่งข้ามกลุ่มแบบพบกันหมด จังเกิลของทีม CK เหมือนจะรับ “ไม้ต่อความซวย” ไปจากมือของอ้ายซา สถิติการเล่นย่ำแย่จนทนดูไม่ได้ เมื่อไปอ่านความคิดเห็นใต้เวยปั๋วทางการของพวกเขา…
จินหยางสงสัยว่าพวกคนที่ด่าอ้ายซาตอนนั้นอาจพุ่งไปเปิดศึกที่สนามรบแห่งนี้แทนแล้ว
ไม่เปลี่ยนบทพูดเลยด้วยซ้ำ คัดลอกและแปะคำพูดที่ด่าอ้ายซาตอนนั้นมา แค่เปลี่ยนชื่อตัวเอกก็นำมาใช้ต่อเลย
แต่นี่ไม่ใช่เรื่องที่อ้ายเจียจะต้องกลุ้มอกกลุ้มใจอะไรแล้ว ในที่สุดเขาก็เฝ้ารอจนถึงวันที่แฟนสาวสุดที่รักของเขาหิ้วกระเป๋าเดินทางมาเมือง S ซะที…
วันที่จินหยางมาถึงเป็นวันศุกร์ อ้ายเจียยังแข่งนัดฝึกซ้อม การแข่งเกมนั้นเขาทำเหมือนถูกผีเข้าสิง ไดรฟ์ป้อมไล่ฆ่าคนอย่างคลุ้มคลั่ง ฆ่าจนมิดทีม DQWL พิมพ์ข้อความรัวใส่เขา…
[DQWL อาหลวน : ????] [DQWL อาหลวน : เพื่อนเอ๋ย???] [DQWL อาหลวน : ถูกนายไล่เด็ดหัวจนคิดอำลาวงการแล้ว] [YQCB อ้ายเจีย : …] [YQCB สติวเดนต์ : อย่าเครียด มิดทีมนี้ปกติไม่ใช่แบบนี้ วันนี้แค่มีหนอนไชสมอง จู่ๆ ก็คลุ้มคลั่ง คิดจะถล่มทุกอย่างให้ราบเป็นหน้ากลอง] [DQWL อาหลวน : น่ากลัวขนาดนั้นเลยเรอะ]ระหว่างที่พิมพ์ อ้ายเจียก็ฆ่าเขาอีกครั้ง อ้ายเจียประกาศศักดาอยู่บนศพเขา พิมพ์ตอบว่า [ใช่] จากนั้นก็อวยพรให้เขาในใจจากใจจริง หวังว่าเขาคงไม่ถูกโค้ชของทีมพวกเขาเด็ดหัวทิ้ง
แข่งนัดฝึกซ้อมไปได้สามสิบห้านาที เกมก็จบลง พวกเขามีแข่งทั้งหมดสองเกม เกมที่สองเปลี่ยนให้อ้ายซาลงแทน อ้ายเจียลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ เดินขึ้นชั้นบนไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ก่อนเตรียมโกยอ้าวออกนอกประตู
ตอนเขานั่งสวมรองเท้าอยู่ที่โถงทางเดิน เขาได้ยินเสียงหัวเราะเยาะดังลั่นของเสี่ยวเซียนและเหลียงเซิงจากทางด้านหลัง ในวินาทีที่เขาร้อนรนจนสองเท้าแทบลอยพ้นพื้นพร้อมกัน…ทั้งคู่ระเบิดเสียงหัวเราะอย่างไม่ไว้หน้า แต่อ้ายเจียกลับไม่คิดจะสนใจเลยสักนิด ไม่แม้แต่จะเบือนหน้ากลับไปมอง เขาทะยานออกจากฐานประหนึ่งทหารวานรตัวน้อยที่พร้อมจะออกรบกับราชาวานร!
จินหยางเข้าพักในโรงแรมใกล้ฐานของอ้ายเจียตามที่เธอสัญญาไว้ เพราะก่อนหน้านี้ได้ฝากข้อมูลไว้ อ้ายเจียเลยขอคีย์การ์ดจากพนักงานต้อนรับที่เคาน์เตอร์และรูดการ์ดเข้าห้องได้โดยตรง…
ทันทีที่เขาก้าวเข้าห้อง เขาก็ได้ยินเสียงน้ำไหลดังมาจากห้องน้ำ
เขาเหลือบมองกระเป๋าเดินทางที่ถูกเปิดออกวางไว้ด้านข้างอย่างขอไปที เห็นกระเป๋าเก็บอุปกรณ์อาบน้ำเปิดอ้า กางเกงขาสั้นและเสื้อเชิ้ตกองบนเตียงเหมือนว่าเจ้าของโยนทิ้งไว้ลวกๆ…
อ้ายเจียใช้เวลาหนึ่งวินาทีทำความเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องน้ำ เขารู้สึกเหมือนตัวเองเจียนจะตายแล้ว ได้แต่ยืนนิ่งค้างอยู่ที่เดิมไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว ราวกับว่าถ้าเขาขยับตัวแล้วโลกจะแตกสลาย ไม่มีเรื่องไหนที่ชวนให้ตื่นเต้นเหมือนอย่างตอนนี้อีกแล้ว
ดังนั้นอ้ายเจียเลยยืนค้างอยู่หน้าประตูห้อง คงท่าเดิมไว้เนิ่นนานราวหนึ่งศตวรรษได้ จนกระทั่งเสียงน้ำในห้องน้ำหยุดลง
จินหยางสวมชุดคลุมอาบน้ำเดินออกมาจากห้องน้ำ…
ขอบคุณอวี้หวงต้าตี้[6]ที่เธอยังจำได้ว่าต้องสวมชุดคลุมอาบน้ำ
ภาพเด็กหนุ่มยืนนิ่งอยู่หน้าประตูชวนให้เธอสะดุ้งตกใจ วินาทีที่จินหยางเงยหน้า เธอก็กรีดร้องพร้อมก้าวถอยหลังก้าวหนึ่ง อ้ายเจียกลับเห็นแค่ว่าหยดน้ำที่หยดจากแพขนตาของเธอกลิ้งผ่านปลายจมูกเธอตกลงไปที่คาง…
เขาสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่ง ด้วยความปราดเปรียวที่ไม่เคยมีมาก่อน เขาก้าวไปจับแขนของเธอไว้เพื่อกันไม่ให้เธอลื่นล้ม วินาทีที่กลิ่นหอมของสบู่อาบน้ำโชยเตะจมูก ผ้าขนหนูที่เธอพันผมไว้ก็หล่นลง ผมเปียกชื้นปัดผ่านแขนของเขาจนได้กลิ่นหอมยิ่งกว่า
อ้ายเจียรู้สึกว่าตัวเองอาจกำลังชมเหตุการณ์ฆาตกรรมอยู่ และเขาก็คือคนที่ถูกฆาตกรรม…
เขาจะกลายเป็นมนุษย์คนแรกในประวัติศาสตร์ที่ถูกฆาตกรรมโดยสบู่อาบน้ำ
เมื่อเทียบกันแล้ว จินหยางถือว่าใจเย็นกว่ามาก วินาทีต่อมาเธอก็เข้าใจแล้วว่าแฟนหนุ่มของเธอ “เลิกงานก่อนกำหนด” และสแกนคีย์การ์ดเข้าห้อง…วินาทีที่เธอถูกจับแขน เธอจึงอาศัยแรงดึงของเขาโถมตัวเข้าสู่อ้อมกอดของเขา ยกมือโอบคอเขา เงยหน้าใช้ปลายจมูกถูไถปลายจมูกเขา “ฉันคิดถึงนายจัง”
เสียงของเธอเฉื่อยเนือยระคนขบขัน
ต่อให้เวลานี้เรือนผมเธอแผ่สยาย ใบหน้าเปียกชื้น ทั่วร่างแผ่ไอร้อนที่ชวนให้คนเสียสติ…แต่ความสนใจทั้งหมดของอ้ายเจียกลับหยุดอยู่ที่มุมปากโค้งขึ้นเล็กน้อยของเธอและชุดคลุมอาบน้ำที่เผยอนิดๆ จากการกระทำเมื่อกี้
เขาเงียบ
อ้ายเจียยื่นมือออกไปตบๆ หลังคนในอ้อมกอด เธอให้ความร่วมมือโดยเลื่อนตัวขึ้นเล็กน้อย แขนอ้ายเจียก็ออกแรงรั้งให้เธอนั่งอยู่บนแขนแข็งแกร่งของเขา…
เขาอาศัยท่านั้นก้มลงจูบมุมปากที่โค้งขึ้นซึ่งเขาเฝ้ารออยากจูบมานานมากแล้ว จากนั้นจ้องลึกเข้าไปในนัยน์ตาเจือยิ้มของเธอ “พักโรงแรมแล้วทำไมไม่ลงกลอนใส่โซ่ล็อกประตู เธออยากตายใช่ไหม”
น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำ พยายามบังคับให้เหมือนสั่งสอนคนอยู่ แต่ความจริงฟังแล้วกลับไม่รู้สึกว่าดุเลยสักกระผีก
“ตอนคนอื่นพูดว่า ‘ฉันคิดถึงนายจัง’ เวลานี้นายควรจะตอบว่า ‘ฉันเองก็คิดถึงเธอ’ แค่นี้ก็สิ้นเรื่องแล้ว”
ก่อนอ้ายเจียจะตั้งตัวทัน จินหยางก็ล็อกคอของเขาไว้ ทวีความแนบแน่นของจุมพิตที่เดิมแค่จูบเบาๆ ราวแมลงปอแตะผิวน้ำที่มุมปากเธอเมื่อกี้…อ้ายเจียค่อนข้างตกใจ จวบจนปลายลิ้นของเธอรุกเข้าโพรงปากเขา…
เขายอมให้เธอบุกรุกเข้ามาแต่โดยดี
เวลาเดียวกันทั้งคู่เซล้มลงบนเตียงใหญ่ทางด้านหลัง ยามนี้มือใหญ่อุ่นร้อนของอ้ายเจียยังวางทาบอยู่บนตัวเธอ…เพราะการกระทำทั้งหลายเมื่อกี้ทำให้ชายชุดคลุมอาบน้ำของเธอเลิกขึ้น อ้ายเจียเหลือบมอง เห็นแค่ความขาวเนียนใสดุจหิมะ
พอนึกได้ว่าเธอไม่ได้ใส่อะไรไว้ใต้ชุดคลุมอาบน้ำเลย…
อ้ายเจียก็รู้สึกหน้ามืดนิดหน่อย
ขณะที่จินหยางยังคงกอดคอเขา ประทับจูบดูดดื่ม ดั่งว่าอยากชดเชยจูบอรุณสวัสดิ์และจูบราตรีสวัสดิ์ของทุกวันนับแต่พวกเขาจากกันให้ครบหมดภายในสิบนาทีนี้…
จนกระทั่งมือของอ้ายเจียขยับขึ้นบน เธอก็ตัวสั่นหน่อยๆ ก่อนถอนหายใจเสียงดัง
อ้ายเจียรีบหยุด ชักมือออกจากใต้ชุดคลุมอาบน้ำของเธอ เลื่อนมือไปด้านหลังพาให้ตัวเขาเองขยับถอยหลังด้วย “พอแล้วๆ…”
“…” จินหยางกะพริบตาปริบๆ อย่างงุนงง แววตายังหม่นมัวจากจุมพิตเร่าร้อนวินาทีก่อน เธอมองเขา รู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อนลวกของเขาที่ต้องแก้มของเธอ “อะไรพอแล้ว”
อ้ายเจียไม่พูดไม่จา เส้นเลือดบนขมับของเขากระตุกยิบๆ จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าเหลียงเซิงพูดถูก เฉินจินหยางเป็นมารสาวจริงๆ
“ภูเขาไฟจะระเบิดแล้ว” เด็กหนุ่มพูดสีหน้าไร้คลื่นอารมณ์ “หากไม่อยากถูกลาวาหลอมละลายก็รีบขยับออกไปจากตัวฉัน ต่างฝ่ายต่างสงบใจลงสักสิบนาที แบบนั้นแล้วฉันยังพอจะคุยดีๆ กับเธอได้…”
จินหยางได้ยินแล้วไม่ขยับตัวไปไหน
เธอแค่ยื่นนิ้วเรียวยาวออกไปเกี่ยวปอยผมหยักศกสีดำนุ่มของอ้ายเจีย…เธอขยับเข้าใกล้เขาพลางหรี่ตามอง “พวกเราไม่ได้คุยกันทุกวันเหรอ”
“หืม” อ้ายเจียชะงัก นี่มันคำตอบอะไรกันเนี่ย
จินหยางเอื้อมมือออกไปกดกางเกงยีนที่แน่นตึงของอ้ายเจีย เมื่อได้ยินเขาร้อง “ซี้ด” พร้อมสูดลมหายใจเย็นเข้าลึก แล้วเธอก็สัพยอกเขา “น้องชายของนายบอกว่ามันมีอะไรจะคุยกับฉันแหละ”
อ้ายเจียสีหน้างงงัน
หลายวินาทีต่อมาเขาถึงค่อยกะพริบตาปริบๆ เอ่ยเสียงทุ้มต่ำกว่าเดิม “เธอรู้ตัวใช่ไหมว่าพูดอะไรอยู่”
“ฉันรู้ตัวเองดี ไม่งั้นกลางวันแสกๆ ฉันจะอาบน้ำทำบ้าอะไร นายคิดว่าฉันนั่งรถม้ามาจากเมือง G ตอนนี้เลยต้องอาบน้ำล้างกลิ่นสาบม้าออกจากตัวเรอะ…”
จินหยางยังพูดไม่จบเพราะเวลานี้จู่ๆ เธอก็รู้สึกคล้ายโลกหมุน ตัวเธอถูกเหวี่ยงลงบนเตียงของโรงแรมด้วยแรงที่แทบเรียกได้ว่าดิบเถื่อน!
ลมหายใจร้อนระอุของเด็กหนุ่มรินรดหน้าเธอ พลอยให้ลมหายใจของเธอไม่สม่ำเสมอ ตอนคนที่ทาบทับเธอยื่นมือสอดเข้ามา เธอกรีดร้อง ขยับถอยหลัง…
นิ้วมือของเด็กหนุ่มทั้งเคลื่อนไหวเร็วและลงแรงหนัก
“…ฉันลองเป็นคนดีแล้ว” อ้ายเจียก้มหน้ากลืนเสียงกรีดร้องของเธอเข้าปากของตัวเอง “แต่เธอไม่อยากให้ฉันเป็นเอง”
…
ครั้งก่อนเพราะปัญหาด้านสถานที่และเวลา พวกเขาเลยต้องออกท่วงท่าทั้งหมดอย่างระมัดระวัง ราวกับโรงภาพยนตร์ห่วยๆ ที่ฉายหนังแอ็กชั่นเก่าฟิล์มเหลืองของศตวรรษที่แล้ว
แต่ครั้งนี้อ้ายเจียไม่ต้องกังวลว่าเสียง “เอี๊ยดอ๊าด” ที่น่ากลัวของเตียงโรงแรมจะปลุกย่าห้องข้างๆ ให้ตื่นขึ้นอีก พวกเขาถึงขั้นลองท่าพิสดารอีกหลายท่า…
เป็นท่าที่ไม่เหมาะจะใช้กับคู่รักที่เพิ่งมีความสัมพันธ์กันเป็นครั้งที่สองอย่างแน่นอน
ในความเป็นจริงแค่เขาใช้นิ้วก็เพียงพอให้จินหยางร้องครวญคราง กระชากคอเสื้อเขามาตวาดด่า “ถ้ายังไม่เอามันเข้ามาอีกก็ไสหัวออกจากห้องไป” ขอบคุณความลึกซึ้งของภาษาจีนที่ทำให้ทุกคนรับรู้ว่าจินหยางไม่ได้เสียสติถึงกับพูดจาไม่รู้เรื่อง…
อ้ายเจียใช้มือหนึ่งเท้าข้างศีรษะเธอ เขาโน้มตัวลงไปจุมพิตน้ำตาที่ไหลรินออกจากหางตาเธอด้วยท่าทางดั่งเสือดาวเพศผู้ที่แข็งแรง ก่อนยื่นมือไปคลำซองพลาสติกลึกลับขนาดเล็กออกมายัดใส่มือของจินหยาง “เธอจัดการ”
พูดด้วยน้ำเสียงออกคำสั่ง
ปกติแล้วเมื่อทั้งคู่สนทนากัน จินหยางมักเอ่ยด้วยน้ำเสียงแบบนี้…
เว้นแต่บนเตียง
จินหยางฉีกซองออก เขย่าๆ มันออกมาด้วยความใคร่รู้ จากนั้นก็หยิบขึ้นมาดูตรงหน้า…จวบจนเห็นสีหน้าดำคล้ำของอ้ายเจีย เธอเลยเก็บจิตวิญญาณแห่งการวิจัยของตัวเอง แล้วร้อง “อ้อๆ” เหมือนเพิ่งนึกได้ก่อนยื่นมือเข้าไปในผ้าห่ม…
ต่อมาอ้ายเจียเริ่มเสียใจที่เขาปล่อยให้เธอทำ
เธอจับไปจับมาอย่างไม่ชำนาญ จนนัยน์ตาเขาแดงก่ำดุจคนตาแดง อ้ายเจียก้มหน้ากัดจมูกของเธออย่างหงุดหงิด “ขืนชักช้าก็ไม่ต้องใส่แล้ว”
จินหยางย่อมเข้าใจดีว่าเขารู้สึกยังไง เธอมองอ้ายเจียด้วยความรู้สึกผิดก่อนเสนอแนะจากใจจริงว่า “ทนหน่อยนะ ยังไงอาหารหลักต้องดีกว่าออร์เดิร์ฟอยู่แล้ว”
อ้ายเจียได้ยินคำที่เธอพูดแล้วเกือบอารมณ์เสีย
ไม่ง่ายเลยกว่าจินหยางจะใส่เจ้าชิ้นเล็กๆ นี้ได้ ขณะอ้ายเจียเตรียมจะลงมือ จังหวะนี้เองมือถือของจินหยางก็ดังขึ้น…
จินหยางเอื้อมมือไปรับสายตามสัญชาตญาณ
อ้ายเจียยื่นมือไปกดมือของเธอ “วาง!”
จินหยางปัดมือเขาทิ้ง แล้วหยิบมือถือมาดู จากนั้นมองอ้ายเจีย อ้ายเจียเลิกคิ้ว “อย่าบอกฉันนะว่าเป็นคนขับรถบ้านเธอ ถ้าแน่จริงเธอลองรับสายดูสิ ลองเดาดูว่าเขาจะได้ยินอะไรบ้าง”
จินหยางกลอกตาใส่อ้ายเจีย ด่าว่า “สุนัขป่าหางโต[7]” พูดเสริมว่า “ถงเหยาต่างหากละ ปกติเธอไม่โทร.มาหาฉัน มีแต่ส่งวีแชต…”
“เด็กน้อยยังมีเรื่องอะไรได้ล่ะ”
อ้ายเจียคิดจะแย่งมือถือเธอไป แต่จินหยางขยับหลบ แถมยังฝืนพลิกตัว…ขณะที่อ้ายเจียถูกยั่วโมโหจนหายใจหอบถี่ จินหยางนอนคว่ำหน้าบนเตียงพลางกดรับสาย “ฮัลโหล ถงเหยาเหรอ เธอมีเรื่องอะไร…กรี๊ด!”
เสียงกรีดร้องดังขัดประโยคของเธอ
เพราะคนข้างหลังเธอพุ่งตรงเข้ามาจากทางด้านหลัง!
จินหยางตัวเกร็งและขนลุกซู่ไปทั้งตัว เธอหันไปถลึงตาใส่อ้ายเจีย ทำปากด่าว่า “แม่นายสิ” เขากลับเลิกคิ้วให้เธออย่างได้ใจ จากนั้นค่อยๆ เคลื่อนไหวอย่างแช่มช้า
จินหยางเมื่อยเอวปวดหลัง กัดริมฝีปากล่างแน่น แพขนตายาวหลุบลงคล้ายพัดอันเล็ก เธอยื่นมือไปหยิกแขนตึงแน่นของอ้ายเจียที่ค้ำอยู่ข้างศีรษะเธอ แล้วเกร็งเอว
“มีอะไรค่อยๆ พูด เธอเป็นอะไรไป” เสียงของจินหยางฟังแล้วแหบพร่าปนเกียจคร้าน ราวกับเธอเพิ่งลงจากลู่วิ่ง “ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าเสียงเธอเหมือนคนจะร้องไห้เลยล่ะ”
อ้ายเจียได้ยินแล้วนึกสนใจขึ้นมาเช่นกัน
เขายังคงรักษาท่วงท่าที่ลำตัวทั้งคู่เชื่อมชิดกัน ขณะขยับศีรษะเข้ามาแนบมือถือในมือของจินหยาง…
จากนั้นได้ยินเสียงสับสนระคนอับจนหนทางน่าดูจากสาวน้อยทางปลายสาย “เจี่ยนหยางได้รับเชิญจากทีม CK แล้ว เขาบอกว่าตอนเปิดเทอมเขาจะไม่เรียนมัธยมปลายปีสามต่อแล้ว เขาจะไปเป็นนักกีฬาอาชีพ”
ภายในห้องเงียบกริบชั่วเวลาสั้นๆ
จินหยางกุมมือถือไว้ในมือ สมองมีแต่คำว่า “เป็นบ้าอะไรเนี่ย” “ฉันมันปากอีกา” “ยุคนี้นักกีฬาอาชีพเยอะจนกระทบต่อการใช้ชีวิตแล้วรึไง” “นักกีฬาอาชีพนี่เป็นขนของเมล็ดหลิวในฤดูใบไม้ผลิเหรอ ทำไมไปไหนก็เจอ”…
หลังบรรยากาศตึงเครียดอยู่นาน จินหยางก็รู้สึกว่าหลังมือของเธอถูกปลายนิ้วหยาบถูไถ เธอเอี้ยวหน้ามองอ้ายเจีย อีกฝ่ายยิ้มยั่วเย้า “บอกเพื่อนเธอว่ากลางคืนปิดประตูหน้าต่างให้ดี”
“…”
ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดแบบนี้
จินหยางดึงหมอนใต้ร่างออกสีหน้าเรียบเฉย ก่อนเอี้ยวตัวอย่างยากลำบากเพื่อกดหมอนใส่หน้ายิ้มแย้มนั่น
[1] ในจีนเมื่อนักเรียนสอบได้คะแนนดี ครูจะให้รางวัลเป็นสติ๊กเกอร์ดอกไม้แดงเพื่อเป็นกำลังใจ
[2] ร้านหม้อไฟสไตล์เสฉวน เป็นที่นิยมและมีหลายสาขาทั้งในและต่างประเทศ
[3] ร้านหม้อไฟชื่อดัง ราคาแพงที่ชาวจีนจัดให้เป็นร้านหม้อไฟอันดับหนึ่ง
[4] เป็นแอปพลิเคชันที่ให้ผู้บริโภคให้คะแนนและวิจารณ์บริการและสินค้าต่างๆ เช่น ร้านอาหาร โรงแรม สถานที่ท่องเที่ยว
[5] ต้า (大) แปลว่า ใหญ่ ตรงข้ามกับเสี่ยว (小) แปลว่า เล็ก
[6] จักรพรรดิสวรรค์ หรือที่คนไทยรู้จักกันในนามเง็กเซียนฮ่องเต้
[7] หมายถึง คำเหน็บแนมคนที่ทำตัวกร่าง อวดดี อวดเก่ง