[ทดลองอ่าน] รักเธอตั้งแต่วันวาน ตอนที่ 76

曾是年少时
รักเธอตั้งแต่วันวาน

ชิงเหม่ย 青浼 เขียน
หนูน้อยฉี แปล

 

— โปรย —

สำหรับจินหยางแล้ว ที่น่าเสียดายที่สุดน่าจะเป็นเรื่องที่เวลานี้เธอไม่ได้อยู่เคียงข้างเขา

อย่างน้อยถ้าอยู่ข้างๆ เขาก็พอจะมอบอ้อมกอดที่อบอุ่นให้เขา
หรือไม่ก็ตบไหล่เขาเงียบๆ ได้

พวกเราควรเรียนรู้หลักการหนึ่งตั้งแต่เนิ่นๆ นั่นก็คือ
อีสปอร์ตไม่ได้มีชัยชนะและเกียรติยศอยู่เคียงข้างตลอดเวลา
ยิ่งเสียงปรบมือในจุดที่สว่างไสวดังมากเท่าไหร่
เงาดำหลังแสงก็จะยิ่งมืดมนมากเท่านั้น

 

_______________________________

 

ติดตามการวางจำหน่ายหนังสือได้ทางเพจ “บ้านอรุณ

สำนักพิมพ์อรุณ

 

(ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์)

 

76

 

จินหยางใช้เวลาสองชั่วโมงนั่งอยู่บนเก้าอี้ยาวหน้าจุดตรวจความปลอดภัยพูดคุยกับถงเหยา พวกเธอคุยกันเรื่องอ้ายเจีย คุยกันเรื่องเจี่ยนหยาง จากนั้นก็ถอนหายใจว่าตัวเองทำเวรทำกรรมอะไร ทุ่มเทสุดกำลังเพื่อชีวิตที่มั่นคง แต่กลับเจอคนที่ไม่ได้เรื่องแบบนี้…

น่าจะเพราะพวกเธอสองคนพักอาศัยอยู่ใกล้กัน ตอนสวรรค์หย่อนบทบาทให้เกิดเกียจคร้านขึ้นมาเลยมอบบทชีวิตแบบเดียวกันให้พวกเธอสองคน

“ฉันพบว่าตอนเธอบอกว่าเธอคบกับอ้ายเจีย ฉันโน้มน้าวเธอว่าให้ปลงหน่อย ให้มองโลกในแง่ดีหน่อย นั่นมันคนยืนพูดไม่ปวดเอว[1]ชัดๆ…” ถงเหยาเปรย “เรื่องแบบเดียวกันพอเกิดขึ้นกับฉันแล้ว ฉันกลับปลงไม่ได้ เหมือนสำเนาความหวาดกลัวที่เธอเคยเจอตอนนั้นมาให้ฉันเลย…เขายังเรียนมัธยมปลายไม่จบด้วยซ้ำ วันหน้าหากไม่เป็นนักกีฬาอาชีพแล้วจะทำยังไง จะไปไหน จะทำงานอะไร ถ้าเกมปิดตัวไปจะทำยังไง”

ถงเหยากำมือที่วางบนเข่าแน่น คิ้วผูกเป็นปมขณะพูดต่อว่า “ถ้าฉันอ่านนิยายวัยรุ่นสร้างแรงบันดาลใจอยู่ ฉันคงคิดว่าพระเอกกำลังทิ้งทุกอย่างไปลองเสี่ยงดวงเพื่อความฝันของตัวเอง ทั้งระทึกใจทั้งปลุกใจ…แต่พอเป็นชีวิตจริง ฉันกลับพบว่าฉันไม่อยากให้เขาทำแบบนั้นเลยสักนิด เสี่ยงเกินไป แถมยังไม่มีทางให้ถอยด้วย”

จินหยางตบหลังถงเหยานิ่งเงียบไม่พูดไม่จา…

เธอปลอบถงเหยาไม่ได้เพราะความคิดของเธอที่จริงแล้วก็เหมือนเพื่อนรักตัวน้อย…ต่อให้พวกกลุ่มเด็กแสบจะมีมุมมองของตัวเองเหมือนกันก็เถอะ “อ้ายเจียบอกว่าเขาให้เวลาตัวเองห้าปีไปลองทำดู ไปทำเรื่องที่เขาอยากทำ…ฉันถามเขาว่าชีวิตคนเราจะมีห้าปีสักกี่หนให้สิ้นเปลือง เขาบอกว่าถ้าไม่ได้ทำเรื่องที่ตัวเองชอบ มีห้าปีสักกี่หนก็ล้วนสิ้นเปลือง”

ถงเหยาเหลียวมอง “เธอเลยให้เวลาเขาห้าปีและให้เขาแค่ห้าปีใช่ไหม”

จินหยางรู้สึกว่ายามที่เธออยู่กับถงเหยา เกรงว่าเธอจะต้องปรับระดับไอคิวของตัวเองให้สูงขึ้นอีกขั้นหนึ่ง…

เมื่อเทียบกันแล้ว ความสามารถในการจับประเด็นของเพื่อนรักตัวน้อยถือว่าดีกว่าอ้ายเจียตั้งไม่รู้กี่เท่า ดีจนถึงกับทำให้เธอพิพักพิพ่วนนิดหน่อย

“ฉันไม่มีทางรับปากให้เขาเดินบนเส้นทางที่ไม่มีหนทางให้หวนกลับหรอกนะ หากไม่มีทางถอย งั้นก็อย่าเริ่มก้าวเดินเลยดีกว่า” จินหยางเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงค่อนข้างเย็นชา “ชีวิตคนเราไม่จำเป็นต้องทุ่มสุดตัวเพื่อเสี่ยงวัดดวงครั้งสุดท้าย ฉันไม่ยอมให้คนข้างกายฉันทำตัวอย่างคนโง่งมหน้ามืด ตัดสินใจทำเรื่องที่ไม่มีทางแก้ไข”

ถงเหยา “…”

ถงเหยา “ฉันยังคิดว่าฉันนั่งตรงนี้เพื่อฟังเธอเกลี้ยกล่อมฉันซะอีก ยังไงซะเธอ…”

ก็เป็นคนที่ผ่านปัญหานี้มาก่อน

“ฉันโน้มน้าวเธอไม่ได้” จินหยางเอ่ย “เจี่ยนหยางไม่ใช่อ้ายเจีย แม้พวกเขาต่างโง่งม แต่เห็นได้ชัดว่าแต่ละคนเก่งไม่เหมือนกัน ฉันจะเอาความคิดของฉันมากล่อมเธอไม่ได้ คนที่ฉันเชื่อใจมีอ้ายเจียคนเดียว ไม่ใช่เจี่ยนหยาง”

ถงเหยาเบะปาก ดูคล้ายไม่พอใจที่จินหยางรังเกียจแฟนหนุ่มของเธอขนาดนี้…

เด็กสาวสมัยนี้เอาใจยากจริงๆ

ต่อให้เธอรู้ว่าจินหยางกับเจี่ยนหยางไม่สนิทสนมกันเลยสักนิด พูดถึงเรื่องเชื่อใจยิ่งเป็นไปไม่ได้เหมือนนิทานพันหนึ่งราตรี[2]

“อีกอย่าง แม่ของอ้ายเจียจนถึงตอนนี้ยังไม่ยอมคุยกับเขาเลย” จินหยางเตะขาไปเรื่อยเปื่อย “ไม่ใช่ว่าเขาปิดเทอมฤดูร้อนได้ไม่นานก็เดินทางไปเมือง S ก่อนกำหนดหรอกเหรอ นั่นน่ะเป็นเพราะแม่เขาไล่เขาออกจากบ้านเป็นครั้งที่สอง”

“แม่เจี่ยนหยางไม่คัดค้าน”

“เด็กนั่นถือว่าโชคดีพอควร…แม่อ้ายเจียค่อนข้าง…”

“นั่นครูสอนคณิตศาสตร์ของฉัน ฉันเข้าใจดี…ครั้งก่อนครูตวาดถามเพื่อนข้างโต๊ะฉันว่าทำไมถึงคิดว่าตอนกลางคืนบ้านไฟดับแล้วไม่ต้องทำการบ้านของวันนั้น จากนั้นก็ใช้แปรงลบกระดานฟาดกระจกแท่นหน้าห้องที่หนาสามเซนติเมตร จนร้าว เพื่อนฉันตกใจจนฉี่เกือบราดกางเกงแน่ะ…พวกเราชอบครูมากก็จริง แต่ก็ไม่เป็นปัญหาที่พวกเราจะรู้สึกว่าบางครั้งครูหัวรั้นจนถึงกับไม่ค่อยมีเหตุผลเท่าไหร่”

“…”

เกิดความเงียบที่ชวนให้คนอึดอัดพักหนึ่ง

“ที่ครูทำไปก็เพราะหวังดีต่ออ้ายเจีย” ถงเหยาพูดเสียงเบา

“ตอนอยู่ชั้นประถมฉันมักสาบานเวลาถูกบังคับให้อ่านหนังสือว่าถ้าฉันมีลูกจะไม่มีทางบังคับเขาให้ตั้งใจเรียน” จินหยางเล่นนิ้วของตัวเองขณะก้มหน้าพูดอย่างใจลอย “แต่พอโตขึ้น ฉันก็เปลี่ยนความคิด และฉันเข้าใจแล้วว่าสาเหตุที่แม่ให้ฉันตั้งใจเรียนก็แค่เพราะประสบการณ์ชีวิตของแม่สอนว่าการตั้งใจเรียนมีประโยชน์จริงๆ ก็เท่านั้น…แม่อยากบอกเหตุผลนี้กับฉัน แต่ตอนยังเด็ก ฉันไม่เข้าใจและรำคาญที่จะฟังแม่สั่งสอน

“แถมยังเถียงกลับ โดยยกตัวอย่างคนที่ไม่ตั้งใจเรียนแต่มีอนาคตที่ดีด้วย

“ต่อให้ที่จริงแล้วพวกเราต่างรู้ดีว่านั่นเป็นแค่คนหมู่น้อยก็ตาม เหมือนกับวงการนักกีฬาอีสปอร์ตเกมออร์เดอร์ออฟสตรอม ทุกปีจะมีคนที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกแค่ห้าคน…” จินหยางเลิกคิ้วพลางพูดเหน็บ “ทั่วโลกมีแค่ห้าคน…ถ้างั้นคำถามก็มาแล้ว คนเล่นเกมนี้ทั่วโลกรวมกันอย่างน้อยก็หลายสิบล้านคนจนถึงร้อยล้านคนใช่ไหมล่ะ”

“…ที่เธอยกตัวอย่างนี่ ฉันฟังแล้วยังสิ้นหวัง เธอว่าฉันโน้มน้าวเจี่ยนหยางอีกครั้งดีไหม” ถงเหยาถามงึมงำ “พอเธอยกตัวอย่างมาเทียบให้เห็นแบบนี้แล้ว ทุกปีมีคนสอบเข้ามหาวิทยาลัยหลายสิบล้านคน อย่างน้อยจำนวนนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งกับมหาวิทยาลัยชิงหวาวางแผนจะรับรวมกันก็หลายแสนคนจริงไหม”

“…”

ความเงียบเข้าปกคลุม เพื่อนรักสองคนหลงทางอยู่ในวังวนของตัวเลข

เนิ่นนานหลังจากนั้น

จินหยางยกมือขึ้นลูบศีรษะถงเหยาประดุจลูบหัวแมวอาเหมาของเธอ “ค่อยๆ ดูกันไปก็แล้วกัน ถ้าเขาดูท่าไม่ดีแล้วบอกเลิกหนีไปเลย…เธอก็ไม่ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้…ส่วนตอนนี้เรื่องทุกอย่างยังไม่เกิดขึ้น เธอจะคิดมากทำไม”

“เธอเอาแต่เตือนฉันให้หนี เธอไม่ถูกชะตากับเจี่ยนหยางขนาดนั้นเลยเหรอ”

“ฉันไม่ได้พูดยังงั้นต่อหน้าเขาซะหน่อย”

“ถ้าเขารู้คงเสียใจแน่”

“ถ้าเธอปิดปากเงียบแล้วเขาจะรู้ได้ยังไง” จินหยางย้อนถามเสียงรักใคร่เอ็นดู แต่ความจริงแล้วกึ่งกล่อมกึ่งข่มขู่ “ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขา ฉันกลัวก็แต่เด็กโง่อย่างเธอจะถลำลึกกับความสัมพันธ์นี้มากเกินไป”

“บางด้านฉันอาจไร้หัวใจกว่าเธอเยอะ เธอน่ะปากแข็งแต่ใจอ่อน แต่ฉันน่ะใจคออำมหิต”

ถงเหยาโบกมือ สีหน้าผ่อนคลายขึ้น…ตอนเธอว่าตัวเองว่า “ใจคออำมหิต” สีหน้าที่แสดงออกไม่เหมือนกำลังล้อเล่นสักนิด…แบบนี้ทำให้จินหยางพอจะวางใจลงได้บ้าง

สุดท้ายถงเหยาก็ยอมรับแนวคิด “ค่อยๆ ดูกันไป” ของจินหยาง

เธอเดินทางกลับพร้อมความลังเลที่จะสำรวจอนาคต

 

สองทุ่มกว่า

จินหยางนั่งเครื่องบินไปเมือง S อีกครั้ง มาถึงโรงแรมตอนห้าทุ่มแล้ว เธอเหนื่อยจนยกมือไม่ขึ้น แต่พอผลักประตูเข้าไปก็ปลาบปลื้มใจที่พบว่าอ้ายเจียยังนั่งอยู่บนเตียงกอดผ้าห่มดูทีวีรอเธออยู่

เด็กหนุ่มงัวเงียใกล้จะผล็อยหลับ ในมือยังกำ…

เอ่อ

จินหยางสีหน้าเหนื่อยหน่ายยามที่พบว่าในมือของอ้ายเจียยังกำถุงยางที่ไม่ได้แกะเอาไว้

คงไม่ใช่ว่าเสียสติไปแล้วหรอกนะ

เวลานี้พอได้ยินเสียงจินหยางเปิดประตู เด็กหนุ่มบนเตียงก็ขยับขึ้นนั่งเล็กน้อย…ผมหยักศกสีดำของเขาถูไถกับเตียงจนยุ่งเหยิง ปลายผมชี้โด่ชี้เด่ บวกกับท่าทางง่วงงุนดูแล้วไม่มีพิษไม่มีภัย

จินหยางยืนอยู่ข้างเตียง ดึงคอเสื้อเขาให้เข้ามาใกล้ก่อนจุมพิตริมฝีปากเขา อ้ายเจียเลียเรียวปากตัวเองพลางย้อนนึกถึงรสชาติจูบกอดใต้ผ้าห่ม เขาโอดครวญว่า “ทำไมเพิ่งกลับมา ฉันเบื่อจนง่วงแล้วเนี่ย”

น้ำเสียงเขานุ่มหวาน…

จินหยางไม่มีวันได้เห็นท่าทางโหดเหี้ยมเหมือนอย่างเช้าวันที่เขานั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร แล้วเผยสีหน้าเย้ยหยันยิ้มเยาะผู้หญิงอีกคนหนึ่ง

เอาเป็นว่าเวลานี้ความน่ารักของเขาโจมตีจินหยางเข้าอย่างจังแล้ว เธอขยับเข้าไปใกล้ก่อนจูบเขาอีกที…ครั้งนี้เขาจับข้อมือเธอไว้ แล้วดึงเธอขึ้นเตียง เขาก้มหน้าดอมดมซอกคอของเธอปานสุนัข เหงื่อจากความร้อนข้างนอกทำให้น้ำหอมที่เธอแต้มไว้ตรงจุดชีพจรเปลี่ยนเป็นกลิ่นอื่น…

นี่ทำให้อ้ายเจียนึกถึงซอยเล็กที่เขากับจินหยางเจอกันครั้งแรก

เขาเลียริมฝีปาก ตื่นเต้นกับความทรงจำที่ผุดขึ้นมากะทันหัน

“คุยกับสาวน้อยคนนั้นเป็นไงบ้าง เธอโน้มน้าวให้อีกฝ่ายยอมรับเพื่อนร่วมสายงานในอนาคตของฉันได้รึเปล่า”

“ฉันไม่ได้โน้มน้าวเธอ เพราะฉันรู้ว่านายไว้ใจไม่ได้ขนาดไหน ฉันเองก็รับประกันไม่ได้ด้วยว่าเพื่อนร่วมสายงานในอนาคตของนายจะยิ่งไว้ใจไม่ได้มากกว่านายหรือเปล่า”

อ้ายเจียถูไถซอกคอของจินหยางพลางส่งเสียงประท้วงอย่างไม่พอใจ “ฉันไว้ใจไม่ได้ตรงไหน ช่วงที่เธอไม่อยู่ ฉันก็รออยู่ที่นี่แต่โดยดี แถมฉันไม่ได้หนีไปที่อื่นเพราะเบื่อด้วย!”

“แล้วยังไง อยากให้ฉันมอบดอกไม้แดงให้นายเป็นรางวัลเรอะ”

“…”

เวลานี้จินหยางยื่นมือไปแงะมือเขาออก เพื่อหยิบของในซองพลาสติกจากอุ้งมือของเขา แล้วแกว่งไปมาตรงหน้าเขาก่อนพูดเย้ยว่า “ก็นะ ทำไมฉันถึงมองไม่ออกเลยว่านายเบื่อสุดๆ แถมดูเหมือนมีบางอย่าง ‘ยุ่ง’”

พอจินหยางพูดจบ เธอก็พบว่าอ้ายเจียหน้าแดงชั่วครู่…

เห็นไม่ค่อยชัดเท่าไร

แต่ถ้าเพื่อนร่วมทีมของอ้ายเจียเห็นภาพนี้ คนพวกนั้นจะต้องตกใจจนหัวใจวายตายแน่นอน

“ถ้าฉันมีเรื่องที่ต้อง ‘ยุ่ง’ จริงๆ” อ้ายเจียเน้นคำนั้น “งั้นฉันต้องทำด้วยมือของฉันแน่ด้วยภาพของเธอในใจฉัน ในโลกนี้ไม่มีผู้ชายสติดีคนไหน ‘จัดการเรื่องยุ่ง’ ทั้งๆ ที่ถือถุงยางไว้ในมือหรอก จะทำแบบนั้นไปทำไม หรือทำเพื่อตอบรับนโยบายของประเทศและเตือนตัวเองตลอดเวลาว่าการวางแผนคุมกำเนิดเป็นเรื่องสำคัญมาก”

ท่าทางจริงจังสุดเปรียบของอ้ายเจียทำจินหยางหัวเราะร่วน เธอโถมตัวเข้าสู่อ้อมกอดของเขา

เธอยื่นสองมือไปโอบเอวเขา เขาถอนหายใจอย่างพึงใจก่อนดึงเธอเข้าไปใต้ผ้าห่ม แล้วดึงผ้าห่มคลุมตัวเธอไว้ ในห้องเปิดแอร์ เธอเพิ่งกลับมาจากข้างนอกที่อากาศร้อนอบอ้าว ถ้าถูกลมเย็นโดยตรงอาจเป็นหวัดได้

“ฉันแค่กำลังคิด” อ้ายเจียบอกคนในอ้อมกอด

“กุมถุงยางแล้วคิด นี่ใช่เรื่องที่ผู้ชายปกติเขาทำกันเรอะ”

“ฉันอยากแอบเจาะรูบนถุงยาง” อ้ายเจียประกาศด้วยน้ำเสียงจริงจัง

จินหยาง “…”

จินหยางไม่เข้าใจว่าเธอจากไปราวแปดชั่วโมงเอง ทำไมจู่ๆ แฟนหนุ่มที่เดิมปกติดีของเธอถึงกลายเป็นคนปัญญาอ่อนไปแล้ว

แต่เวลานี้จินหยางยังอารมณ์ดี เธอเลยแค่ยกมือบีบแก้มอ้ายเจียและสัพยอกเขาว่า “ลูกไม้เก่าๆ ที่นิยมใช้ในซีรีส์ พวกผู้หญิงที่คิดจะ ‘จับโอรสสวรรค์เป็นตัวประกันเพื่อกุมอำนาจสั่งการขุนนาง’ หวังว่าตัวเองจะปีนป่ายขึ้นเป็นหงส์คู่บัลลังก์พวกนั้นล้วนใช้วิธีนี้กุมหัวใจของพวกเศรษฐีเฒ่า…ฉันรู้ว่าฉันทั้งสวยและรวย แต่คิดไม่ถึงว่าจะมีวันที่นายคิดจะใช้วิธีนี้แต่งเข้าตระกูลเฉินของฉัน”

อ้ายเจียกลอกตามองฟ้า “เพื่อนรักของเธอแค่ร้องไห้ เธอก็รีบบินกลับไปกอดอีกฝ่ายแล้ว ฉันเกรงว่าตอนฉันไม่อยู่จะมีผู้ชายอื่นร้องไห้และเธอก็ไปกอดเขาอีก ฉันเลยอยากมีหลักประกันให้ตัวเอง แล้วผิดตรงไหน”

“…หลักประกันอะไร”

“มอบสัตว์ประหลาดตัวเล็กที่ร้องไห้กระจองอแงทั้งวันไม่ยอมหยุดให้เธอไง แบบนี้เธอก็ไม่มีเวลาไปสนใจอย่างอื่นแล้ว” อ้ายเจียพูดอย่างหน้าไม่อาย “แล้วเขายังมียีนครึ่งหนึ่งของเธอด้วย แบบนี้เธอก็ยัดเขาใส่ชักโครกเพราะรำคาญไม่ได้แล้ว”

“…นายอยากตายใช่ไหม” จินหยางหุบยิ้ม

“ฉันว่าแล้วว่าเธอต้องพูดแบบนี้ ดังนั้นตอนนี้เจ้าถุงยางเลยยังอยู่ดี” อ้ายเจียพูด “ฉันแค่ถือมันไว้ขณะดูทีวี แล้วนอนพร้อมกับมันสักพัก”

พูดแบบนี้ฟังแล้วน่าเอ็นดูจริงๆ

นี่ไม่เป็นปัญหาต่อการที่จินหยางโยนถุงยางทิ้งถังขยะอย่างไม่ลังเล

อ้ายเจียเยี่ยมหน้าไปดูขณะพูดอย่างแสนเสียดาย “ยังใช้ได้นะ”

กระทั่งจินหยางเอื้อมมือไปหยิกแก้มเขาอีกครั้ง เขาถึงแยกเขี้ยวยิงฟัน รั้งสายตากลับมา…จากนั้นตบไหล่จินหยางอย่างไม่ค่อยสบายใจ ไม่เอ่ยคำ

ทว่าจินหยางรับรู้ได้ถึงความกังวลของเขา

จินหยางรู้สึกว่าวันนี้คนทั้งโลกต่างก็ไม่สบายใจ ทั้งๆ ที่เธอต้องแยกจากแฟนหนุ่มไปไกลเป็นพันหลี่ เดินทางไปยังประเทศที่ไม่คุ้นเคยตามลำพัง…และท่ามกลางความสัมพันธ์เชิงเหตุและผลนี้ อ้ายเจียยังอยู่ในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย และเดินสู่เส้นทางที่จะเป็นซูเปอร์สตาร์อีสปอร์ต อนาคตของเขาสดใส มีแสงสว่างเจิดจรัส และอาจมีผู้หญิงกลุ่มใหญ่เบียดกันเข้าเถาเป่าไปกดสั่งป้ายไฟเชียร์ที่เขียนว่า “อ้ายเจีย ฉันรักนาย” กันอย่างเอาเป็นเอาตาย…

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ จินหยางก็อยากด่าคนนิดหน่อย

“ไม่ต้องรีบร้อนมอบสัตว์ประหลาดตัวเล็กที่ทำเป็นแค่ร้องไห้จ้าให้ฉันหรอก นายให้สัตว์ประหลาดตัวเล็กที่นอกจากอ้อนแล้วก็ทำอะไรไม่เป็นมาแล้วตัวหนึ่ง” จินหยางพึมพำอย่างไม่พอใจ “อาเหมาโตขนาดนี้แล้ว กระทั่งหนูหน้าตาเป็นยังไงยังไม่รู้เลย ครั้งก่อนมันตกใจกลัวแมลงสาบในสวนจนกระโจนหนี ข่วนกระเป๋าราคาแพงเท่าค่าตัวมันของฉันจนเป็นรอยหมดแล้ว”

“ฉันก็กลัวแมลงสาบเหมือนกัน” อ้ายเจียเบะปาก

“ขอมองข้ามไม่พูดถึงเรื่องที่นายดัดจริตก็แล้วกันนะ แมวทุกตัวที่ฉันรู้จักต่างชอบจับแมลงสาบกันทั้งนั้น”

“อาเหมาล่ะ”

“วันที่ฉันบิน มันจะนั่งเครื่องบินไปด้วย ทำเรื่องขออนุญาตไว้หมดแล้ว”

“หวังว่ามันจะทำหน้าที่สอดส่องแม่แทนพ่อได้ รีบแจ้นมาโทร.ฟ้องฉันตอนแม่ของมันพูดคุยกับผู้ชายแปลกหน้าที่มีอาชีพเป็นคนขับรถคนนั้น”

“นายอยู่ไกลคนละซีกโลก นอกจากโมโหจนตายแล้วก็ทำอะไรไม่ได้อีก”

“เธอว่าอะไรนะ ตอนนี้ฉันจะบ้าตายเพราะเธอแล้วเนี่ย ขอเตือนเธออย่างจริงจังนะ!”

“…แค่พูดไปยังงั้นเอง นายต่างหากคือคนต่ำช้าที่คิดจะ ‘จับโอรสสวรรค์เป็นตัวประกันเพื่อกุมอำนาจสั่งการขุนนาง’ ยังมีหน้ามาตะคอกใส่ฉันอีก…”

อ้ายเจียมองจินหยาง ดูคล้ายตั้งใจตริตรองว่าควรบีบคอเธอให้ตายดีหรือจูบเธอดี…จินหยางรู้สึกถึงความขัดแย้งของเขาได้อย่างง่ายดาย เพราะอ้ายเจียมักมองเธอด้วยสายตาแบบนี้ ครั้งก่อนที่เขามองเธอด้วยสายตาแบบนี้ก็คือเมื่อสิบชั่วโมงที่แล้วยามเธอคิดจะรับสายของถงเหยา และตอนเขาจับเธอไว้เตรียมรุกเธอ

เนิ่นนานมากกว่าสีหน้าของอ้ายเจียจะอ่อนโยนลง

เขาโถมตัวใส่จินหยาง ทั้งคู่เกลือกกลิ้งกันอยู่บนเตียง

“ฉันแค่อยากบอกเธอว่าความจริงแล้วฉันไม่สบายใจมากเหมือนกัน”

“นายสมควรรู้สึกอย่างนั้น ถ้าฉันเห็นว่ามีผู้หญิงนับหมื่นชูป้ายไฟเชียร์นายนั่งอยู่ในโซนแฟนคลับทีม YQCB แล้วนายส่งยิ้มเรี่ยราดให้พวกเธอ”

“…ฉันจริงจังอยู่นะ”

“ฉันก็จริงจังมาก”

“ฉันพยายามจะหาสมดุลของเรื่องนี้มานานมาก!” อ้ายเจียพูดเสียงดัง “ฉันห้ามคนอื่นไม่ให้มาชอบฉันไม่ได้ ถ้าเกิดฉันเล่นดีมากจริงๆ ฉันก็จะมีแฟนคลับเยอะมาก!”

“นายมีแฟนคลับเยอะมากได้แน่นอนอยู่แล้ว” จินหยางเล่นพอแล้วก็ยกมือตบๆ หลังเขา “ขอแค่นายอย่าโปรยยิ้มให้พวกเธอก็พอ ฉันเคยบอกแล้วว่านายพิมพ์จุ๊บๆ กอดๆ ม้วฟๆ กับพวกเธอในเวยปั๋วได้”

ตอนเธอพูด มือของอ้ายเจียก็สอดเข้าทางชายเสื้อของเธอ ก่อนไต่ขึ้นด้านบนอย่างต่อเนื่อง…

“พวกเราก็ไม่สบายใจเป็นเหมือนกัน” อ้ายเจียก้มหน้าจูบกลีบปากของเธอ ยามสอดปลายลิ้นเข้าสู่โพรงปากของเธอ เขาพูดเสียงอู้อี้ว่า “ไม่ว่าจะเป็นแฟนหนุ่มของเพื่อนซี้เธอคนนั้นหรือฉัน…อย่าคิดว่ามีแต่พวกเธอที่ไม่สบายใจ”

“อ้อ”

“ดังนั้นก่อนพวกเราจะจากไปเลยพยายามหาวิธีทิ้งอะไรสักอย่างไว้บนตัวพวกเธอ”

“จูบแรกของถงเหยาของฉันยังอยู่ดี” จินหยางแก้ให้ถูกต้องอย่างคนความรู้สึกไว “แค่แตะปากกันเองจะนับเป็นอะไรได้ ‘ทิ้งอะไรสักอย่างไว้’ ก่อนหน้านั้นวันๆ ถงเหยาก็กอดแมวตัวเองและจุ๊บปากมันไม่รู้ตั้งกี่ครั้งกี่หนแล้ว!”

“อ้อ” อ้ายเจียทำปากแจ๊บๆ ไม่สนใจสวัสดิการที่เพื่อนร่วมวงการในอนาคตของเขาได้รับจากแฟนสาวเลยสักนิด “ยังไงซะฉันก็ทิ้งอะไรบางอย่างไว้แล้ว”

“ฟังนายพูดแล้วเหมือนนายคิดว่านายถูกบีบบังคับ”

“นั่นเป็นแค่หนึ่งในการแสดงออกของความไม่สบายใจเท่านั้น”

“ก็ได้”

จินหยางรู้สึกสบายใจขึ้นนิดหน่อย

ความจริงวันนี้ทั้งวันเธออึดอัดคับข้องใจมาโดยตลอด…

แค่เพราะเหตุใดทุกครั้งคนที่กระวนกระวายเป็นเดือดเป็นร้อนกับเรื่องแบบนี้ถึงมีแต่ผู้หญิง

ระหว่างเดินทางกลับ เธอเก็บงำความคิดที่ชวนหงุดหงิดนี้ไว้ และคิดจะหาเหตุผลมาหาเรื่องอีกฝ่ายชุดใหญ่…

ทว่าคิดไม่ถึงว่าสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของอ้ายเจียจะสูงขนาดนี้ ก่อนเธอจะทันหาเหตุผลมาหาเรื่องเขาชุดใหญ่ เขากลับเป็นฝ่ายหยิบยกประเด็นของปัญหาขึ้นมาพูดก่อนแล้ว…

พวกเขาเองก็ไม่สบายใจเหมือนกันงั้นรึ

ได้ แบบนี้ถือว่ายุติธรรมดี

“รักษาความไม่สบายใจนี้ไว้นะ น้องนักศึกษา” จินหยางสั่งด้วยน้ำเสียงของผู้ที่อยู่เหนือกว่า “นี่อาจทำให้นายทำเรื่องที่ผิดพลาดแสนปัญญาอ่อนน้อยลง และพอจะรักษาสถานะเอาไว้ได้จนถึงวันที่ประตูใหญ่ของคฤหาสน์ตระกูลเฉินยอมเปิดต้อนรับนาย”

“ได้เลย”

อ้ายเจียโน้มตัวไปจูบริมฝีปากของจินหยาง

เวลาเดียวกันนั้นมือมายากลของเขาก็ดึงเสื้อชั้นในของจินหยางออกจากชายเสื้อเธอก่อนที่เธอจะทันรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น…

แถมเขายังถามเสียงอ่อนโยนขณะจินหยางปากอ้าตาค้าง “เธออยากอาบน้ำไหม อาบกับฉันน่ะ”

 

เดือนกันยายนของปีนี้

เฉินหยวนผ่านการฟื้นฟูสภาพจิตใจขั้นที่หนึ่งเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เธอได้รับอนุญาตให้ใช้มือถือได้สักพัก บางครั้งเธอก็ไปคุยเล่นกับหัวหน้ากิลด์ตะลุยดันเจี้ยนคนนั้นในห้องพักผ่อน

ถงเหยาขึ้นชั้นมัธยมปลายปีสาม พลันเปลี่ยนจากว่าที่นักเรียนที่เตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยเป็นนักเรียนที่เตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยอย่างแท้จริง

ขณะที่เจี่ยนหยางผ่านการทดลองฝึกซ้อมสำเร็จ และได้เข้าเป็นสมาชิกทีม CK หนึ่งในสามทีมชั้นนำของ SPL

ส่วนอาเหมาเริ่มเติบโต หน้าตาดูเลอค่าเหมือนแมวแร็กดอลล์เท่านั้นที่พึงมี หน้าตามันไม่เหมือนแมวพันธุ์พื้นบ้านขนาดนั้นแล้ว ด้วยเหตุนี้จินหยางเลยเอาคำว่า “ต้มตุ๋น” ที่บันทึกไว้หน้าแรกสุดของศูนย์เพาะพันธุ์แมวออกเงียบๆ

เวลาเดียวกันนั้นจินหยางก็นั่งเครื่องบินมุ่งหน้าสู่แวนคูเวอร์ เธอก้มลงมองสนามบินที่ค่อยๆ เล็กลง หยุดสายตาไว้ที่รั้วตาข่ายเหล็กข้างสนามบิน…

หากว่าตามซีรีส์ญี่ปุ่น แฟนหนุ่มสุดที่รักของเธอเวลานี้น่าจะพาดตัวอยู่บนรั้วตาข่าย แล้วเงยหน้ามองส่งเธอจากไป

จินหยางคิดเพ้อเจ้อไปเรื่อยเปื่อย

แน่นอนว่าเธอไม่เห็นสิ่งมีชีวิตประเภทมนุษย์คนไหนอยู่ข้างรั้วตาข่ายเหล็ก และเธอก็เกลียดคำว่า “แยกจากกัน” ยิ่งยวดด้วย…

เมื่อคิดแบบนี้ เธอก็รู้สึกว่าพ่อเธอน่าจะเป็นภิกษุฝาไห่กลับชาติมาเกิด โดยต้องแยกสวี่เซวียนกับนางพญางูขาวที่รักกันให้พรากจากกันให้ได้ ไร้เหตุผลสิ้นดี

 

[1] หมายถึง หากไม่อยู่ในสถานการณ์เดียวกันไม่มีทางเข้าใจ ไม่มีทางรับรู้ถึงความเจ็บปวดของอีกฝ่าย

[2] หรืออาหรับราตรี เป็นนิทานซ้อนนิทาน โดยรวบรวมเรื่องเล่าพื้นบ้านไว้มากมายหลากหลายประเภทเพื่อเล่าคืนละเรื่องนานถึง 1,001 คืน เปรียบเปรยว่าเป็นเรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า