[ทดลองอ่าน] ช่วงเวลาดีๆ ที่มีแต่รัก เล่ม 4 บทที่ 108

ช่วงเวลาดีๆ ที่มีแต่รัก

造作时光 

 

เยว่เซี่ยเตี๋ยอิ่ง 月下蝶影 เขียน

Hanza แปล

 

— โปรย —

“เจ้าไม่สมควรเรียกข้าว่ารัชทายาทแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นให้เรียกว่าอันใดเพคะ”
“เรียกข้าว่า…ท่านพี่ หรือเรียกชื่อข้าว่า หยวนซู่”
นิ้วของทั้งสองคนสอดประสานกัน เหมือนกับชีวิตของพวกเขานับจากนี้ไป
จะเกี่ยวพันกันอย่างลึกซึ้งที่สุด…

.
ฮวาหลิวหลี สตรีอ่อนแอไร้เรี่ยวเเรง
แต่แท้จริงนางเข้มแข็งและฉลาดปราดเปรื่องจนน่าครั่นคร้าม
จีหยวนซู่ รัชทายาทหนุ่มรูปงาม เย็นชา หยิ่งยโส ไม่ไว้หน้าผู้ใด
แต่พอตกอยู่ในห้วงรัก ก็เปลี่ยนเป็นคนละคนทันที

 

_______________________________

 

ติดตามการวางจำหน่ายหนังสือได้ทางเพจ “บ้านอรุณ

สำนักพิมพ์อรุณ

 

(ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์)

 

108

 

ฮวาหลิวหลี ยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนที่มีสีหน้าเคร่งเครียดแล้ว รู้สึกว่านางช่างไม่เข้าพวก นางส่งสายตาให้รัชทายาท อยากให้รัชทายาท บอกใบ้ให้นางรู้บ้าง

รัชทายาทยื่นกระดาษบันทึกคำให้การแผ่นนั้นให้ฮวาหลิวหลี

ฮวาหลิวหลีมิได้รับมาถือเอาไว้ นางเป็นแค่องค์หญิงที่ได้รับการ แต่งตั้งเป็นพิเศษจากราชสำนัก มิใช่องค์หญิงที่เป็นคนในราชสกุลจริง ๆ ตามหลักแล้ว นางมิอาจอ่านรายงานที่เกี่ยวกับราชการงานเมืองได้

“นางหนูสกุลฮวา เจ้าก็อ่านสิ” ความคิดของฮ่องเต้ชางหลงนั้น ตรงไปตรงมา ฮวาหลิวหลีจะเป็นลูกสะใภ้ของเขา ในฐานะชายารัชทายาท ได้รับรู้เรื่องเหล่านี้มากสักหน่อยย่อมเป็นเรื่องดี รัชทายาทเกียจคร้าน มีชายาคอยควบคุมดูแล ไม่แน่ว่าจะขยันขันแข็งขึ้นมาอีกหน่อย

“หม่อมฉันล่วงเกินแล้วเพคะ” ฮวาหลิวหลีคำนับฮ่องเต้ชางหลง คราหนึ่ง ก่อนรับบันทึกคำสารภาพจากรัชทายาทมาอย่างสง่างาม นาง กวาดตาอ่านเนื้อหาอย่างรวดเร็ว ยิ่งอ่านก็ยิ่งงุนงง เพราะคนสกุลเซี่ย เลื่อมใสขนบประเพณีของแคว้นไต้เม่า ดังนั้นจึงคิดจะเปลี่ยนแปลง ขนบประเพณีของต้าจิ้นมาโดยตลอด แต่สิ่งที่ทำคนสกุลเซี่ยต้องสิ้นหวัง ก็คือ ไม่เพียงอดีตฮ่องเต้จะปฏิเสธคำแนะนำของพวกเขา แม้แต่ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันก็ยังไม่เห็นด้วย

นอกจากฮ่องเต้องค์ปัจจุบันจะปฏิเสธคำแนะนำของสกุลเซี่ย ยังแต่งตั้งเว่ยหมิงเย่ว์เป็นแม่ทัพหญิง เป็นผู้นำกองทัพที่มีทหารนับ หมื่นนาย เรื่องนี้ทำให้สกุลเซี่ยรู้สึกว่าฮ่องเต้ชางหลงจงใจตั้งตัวเป็น ปรปักษ์กับพวกเขา ไม่เพียงไม่ยอมรับคำแนะนำของพวกเขา แต่ยังจงใจ ให้สตรีขึ้นมามีอำนาจ

คนสกุลเซี่ยที่ไม่พอใจฮ่องเต้ชางหลงแอบร่วมมือกับกลุ่มอิทธิพล ที่ยังเหลืออยู่ซื้อใจผู้ที่เกี่ยวข้อง และยังไปมาหาสู่กับคนของแคว้นไต้เม่า น่าเสียดายที่เซี่ยเหยามิใช่คนที่ได้รับความสำคัญจากครอบครัว จึงมิอาจ ล่วงรู้ความลับมากไปกว่านี้ ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าผู้ที่คนสกุลเซี่ยติดต่อด้วยนั้น คือใครในแคว้นไต้เม่า

ฮวาหลิวหลีมิอาจเข้าใจแนวคิดของพวกเขา ทำกันถึงขนาดนี้เพียง เพื่อต้องการเปลี่ยนแปลงขนบประเพณีเท่านั้นหรือ

นิสัยดั้งเดิมของคนเรามิใช่ต้องการชื่อเสียงและผลประโยชน์หรอก หรือ การทำเรื่องนี้ไม่ก่อให้เกิดผลดีต่อสกุลเซี่ยมากสักเท่าไร นางส่งบันทึก คำให้การคืนรัชทายาท ให้นางพูดอันใดยามนี้นางพูดไม่ออก

หรือเพราะสมองของนางปกติมากเกินไป จึงมิอาจเข้าใจคนเหล่านั้น

นางมองรัชทายาท แล้วมองมารดาที่มีสีหน้าเรียบเฉย รู้สึกว่ายามนี้ ไม่พูดจะดีที่สุด

แต่เพราะฮ่องเต้ชางหลงคงพึงใจว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้ยิ่งยวด ดังนั้น แม้เขาจะกรุ่นโกรธมากเพียงใด ก็ยังยิ้มอ่อนโยนให้ฮวาหลิวหลี “นางหนู สกุลฮวา เจ้าคิดเห็นกับเรื่องนี้อย่างไร”

เผยจี้ไหวบอกเขาแล้วว่า หากไม่ใช่เพราะองค์หญิงฝูโซ่วหาเรื่อง ยั่วโมโหเซี่ยเหยา เซี่ยเหยาไม่มีทางคายความลับของสกุลเซี่ยเร็วเพียงนี้

“ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่เข้าใจราชการงานเมืองเพคะ” ฮวาหลิวหลี ยิ้มเอียงอาย ดูคล้ายคนขี้กลัวยิ่งนัก “จากที่หม่อมฉันคิด สกุลเซี่ย ชุบเลี้ยงนักฆ่าไว้เป็นกองกำลังส่วนตัว ยังคิดจะลอบปลงพระชนม์รัชทายาท ย่อมผิดมหันต์ที่คิดร้ายต่อราชวงศ์”

ฮ่องเต้ชางหลงได้ยินแล้วก็เข้าใจในบัดดล นางหนูสกุลฮวายังคงจำเรื่องที่รัชทายาทเกือบถูกทำร้ายฝังใจ

ในฐานะบิดา ใครจะไม่ชอบสะใภ้ที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจปกป้อง บุตรชายตนเองถึงเพียงนี้

ฮ่องเต้ชางหลงหัวเราะร่า พยักหน้ารับ “ที่องค์หญิงฝูโซ่วพูดมีเหตุผล”

ฮวาหลิวหลีหน้าตาเหลอหลา นี่นางพูดอันใดถึงชมว่ามีเหตุผล

“สกุลเซี่ยคิดจะทำอันใดไม่สำคัญแล้ว ที่สำคัญก็คือพวกเขาเคยทำ อันใดบ้าง แล้วส่งผลเสียใดบ้าง” ฮ่องเต้ชางหลงเคาะหน้าโต๊ะ “ไล่สืบคดี ตามเบาะแสที่เซี่ยเหยาสารภาพ ตรวจสอบสกุลเซี่ยให้ชัดเจน”

“ฝ่าบาท แล้วบัณฑิตแดนใต้เหล่านั้น…” เผยจี้ไหวลังเล สกุลเซี่ย มีชื่อเสียงระบือในแดนใต้ อีกทั้งแดนใต้ยังอยู่ห่างจากเมืองหลวงค่อนข้าง ไกล เกิดคนสกุลเซี่ยแต่งเรื่องโกหก สุดท้ายถึงจะจับคนสกุลเซี่ยมารับโทษ ได้หมด แต่ก็จะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของฮ่องเต้

“เราจะปล่อยให้คนสกุลเซี่ยดำเนินการตามแผนร้ายจนสำเร็จเพียง เพราะห่วงชื่อเสียงจอมปลอมไม่ได้” ฮ่องเต้ชางหลงมุ่งมั่นยิ่งกว่าที่เผยจี้ไหว คิดไว้ “สกุลเซี่ยวางแผนมากมายถึงเพียงนี้ เพื่อความเป็นอยู่ของอาณา ประชาราษฎร์ทั่วแผ่นดิน เรามิอาจปล่อยพวกเขาไว้ได้”

“เสด็จพ่อ แม่ทัพฮวาและแม่ทัพเว่ยนำทัพปราบปรามทหารแคว้น จินพั่วสำเร็จย่อมน่ายินดี ลูกคิดว่าการจัดงานเลี้ยงพระราชทานร้อยแคว้น เพียงอย่างเดียวน่าจะไม่พอ” รัชทายาทเอ่ย “ไม่สู้เปิดสอบเข้ารับราชการ เป็นกรณีพิเศษ ปีหน้าต้นฤดูใบไม้ผลิเราจัดสอบเข้ารับราชการอีกคราดี หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

“ถ้าว่ากันตามความเร็วของข่าวลือที่แพร่สะพัด ข่าวที่เซี่ยเหยา ส่งคนไปลอบปลงพระชนม์รัชทายาทสมควรแพร่ไปถึงแดนใต้แล้ว” รัชทายาทยิ้มกล่าวราวกับจนใจ “ข่าวลือนี้ยิ่งแพร่ก็ยิ่งไกล ยิ่งไปไกล เรื่องก็ยิ่งเปลี่ยน ไม่แน่ว่าตอนที่เล่าลือไปถึงแดนใต้อาจจะเปลี่ยนไป จนน่าเหลือเชื่อแล้วก็ได้พ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้าพูดมีเหตุผล” ฮ่องเต้ชางหลงยิ้มพอใจ “แม่ทัพฮวากับ แม่ทัพเว่ยกำราบกองทัพแคว้นจินพั่วลงได้เป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งยวด ในรอบร้อยปีของพวกเรา สมควรเปิดสอบเข้ารับราชการเป็นกรณีพิเศษ”

ไม่เพียงรัชทายาทจะไม่ถูกถอดจากตำแหน่ง แต่เขาจะยังเหิมเกริม เช่นนี้ต่อไป เหิมเกริมจนกระทั่งเขานั่งบัลลังก์มังกร เพราะรัชทายาทที่ พฤติกรรมภายนอกกำเริบเสิบสานผู้นี้ ความจริงแล้วชาญฉลาด เข้าใจ สถานการณ์ได้ดี

การเปิดสอบเข้ารับราชการเป็นกรณีพิเศษนั้นเป็นวิธีซื้อใจปัญญาชน แดนใต้ได้ดีที่สุด การกระทำเช่นนี้ไม่เพียงดึงปัญญาชนมาเป็นพวกเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความสำคัญที่ทางราชวงศ์มีต่อเหล่าแม่ทัพนายกอง อย่างไม่ตั้งใจ ทั้งยังช่วยลดความขัดแย้งระหว่างขุนนางบุ๋นและบู๊

เหตุผลที่จัดสอบเข้ารับราชการเป็นกรณีพิเศษคือสิ่งใด

ก็เพราะแม่ทัพทั้งสองกำชัยในสงคราม

ในโลกนี้ไม่ขาดแคลนผู้มีชื่อเสียง แต่กลุ่มคนที่มีจำนวนมากกว่า ก็คือคนธรรมดาทั่วไป จะมีบัณฑิตสักกี่คนที่ไม่คิดจะสอบได้เป็นขุนนาง เพื่อสร้างชื่อเสียงให้ตนเอง สร้างเกียรติยศให้วงศ์ตระกูล

เมื่อใดที่เปิดสอบเข้ารับราชการอีกครา คนที่ดีใจที่สุดก็หนีไม่พ้น คนเรียนหนังสือ อีกทั้งการสอบเข้ารับราชการปีนี้ นักเรียนจากแดนใต้ ที่สอบได้ลำดับที่ดีนั้นมีไม่มาก พวกเขาจะต้องรู้สึกอับอายขายหน้า เมื่อราชสำนักจัดสอบครั้งใหม่ เท่ากับเป็นการส่งถ่านไม้ให้กลางหิมะ1

สกุลเซี่ยมีชื่อเสียงเป็นที่ยกย่อง แต่ถ้าเทียบระหว่างผลประโยชน์ ส่วนตนกับความมั่นคงปลอดภัยของแผ่นดินแล้ว เรื่องของสกุลเซี่ย ไม่นับเป็นเรื่องใหญ่

แผ่นฟ้ากว้างผืนดินไพศาล เรื่องกินกับเรื่องของแผ่นดินเป็น เรื่องใหญ่ที่สุด

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เราจะเรียกขุนนางของกรมทั้งหกมาปรึกษาเรื่อง การจัดสอบเข้ารับราชการครั้งใหม่” ฮ่องเต้ชางหลงไม่เอ่ยถึงเรื่องสกุลเซี่ย อีกต่อไป เขาหันมองฮวาอิ้งถิง “รัชทายาทกับแม่ทัพฮวาอยู่ต่อก่อน เรามีเรื่องจะปรึกษา”

“ฝ่าบาท หม่อมฉันได้รับการไหว้วานจากองค์หญิงเล่อหยางให้นำ จดหมายมาถวายฝ่าบาทและไทเฮาเพคะ” เว่ยหมิงเย่ว์ล้วงจดหมายที่ เล่อหยางฝากนางออกมา

ฮ่องเต้ชางหลงสีหน้าเฉยเมย มิได้รับจดหมาย “ถวายไทเฮาให้ ทรงวินิจฉัย”

เรื่องที่เซี่ยเหยาส่งคนไปลอบปลงพระชนม์รัชทายาทนั้นสร้างความ เจ็บช้ำน้ำใจให้ฮ่องเต้ชางหลงยิ่งนัก จนเขาไม่เหลือเยื่อใยกับครอบครัว ของเล่อหยางแม้แต่นิดเดียว

ยังดีที่ขณะลอบสังหาร โอรสเขาเดินทางไปพร้อมกับองค์หญิงฝูโซ่ว แม้ร่างกายนางอ่อนแอ แต่ก็ยินดีใช้ชีวิตตนเองหลอกล่อมือสังหารออกไป จากรัชทายาท หากองค์หญิงฝูโซ่วไม่อยู่ตรงนั้นเล่า

รัชทายาทเป็นโอรสที่เขาเลี้ยงดูด้วยตนเอง เพื่อให้เป็นผู้สืบทอด คนต่อไป เป็นบุตรชายที่เขาโปรดที่สุด ฮ่องเต้ชางหลงมิอาจจินตนาการ ได้เลยว่าหากเกิดเหตุร้ายกับรัชทายาทจริง ๆ เขาจะเสียใจเพียงใด

ในฐานะฮ่องเต้ แม้แต่โอรสของตนเองก็ยังคุ้มครองไม่ได้ แล้ว จะเป็นฮ่องเต้ไปไย

เสนาบดีทั้งหกได้รับคำสั่งให้เข้าเฝ้าก็รีบรุดมายังตำหนักเฉินหยางเร็วรี่ พอได้ยินฮ่องเต้เอ่ยถึงการจัดสอบเข้ารับราชการเป็นกรณีพิเศษ ก็ยัง คิดตามไม่ทัน

แต่เรื่องนี้นับเป็นประโยชน์ต่อผู้เรียนหนังสือ ถือเป็นเรื่องดี

เสนาบดีทั้งหกไม่มีผู้ใดโต้แย้ง เริ่มปรึกษากันว่าจะประกาศเรื่องนี้ ให้รู้ทั่วกันโดยเร็วที่สุดอย่างไร เพื่อให้บัณฑิตทั้งหลายมีเวลาเตรียมตัว มากขึ้นอีกสักหน่อย

เมื่อทุกคนปรึกษากันแล้ว จึงล่าถอยออกจากตำหนักเฉินหยาง อย่างสำรวม พวกเขาค่อยฉุกคิดขึ้นได้ว่าท่าทีของฮ่องเต้นั้นเหมือน ให้พวกเขาทำงานตามรับสั่งให้ดี มิได้ต้องการรับฟังความคิดเห็นของพวกเขาแต่อย่างใด

เหล่าเสนาบดีมองตากันผาดหนึ่ง รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ค่อยปกติ ไม่มี สัญญาณล่วงหน้าแม้แต่น้อย แล้วจู่ ๆ ไยฮ่องเต้ถึงคิดจะเพิ่มการสอบเข้า รับราชการเป็นกรณีพิเศษ

“เมื่อครู่รัชทายาทและแม่ทัพฮวาก็อยู่ หรือจะเป็นพระดำริของ รัชทายาท”

“รัชทายาททรงดีถึงเพียงนี้เชียวหรือ” เสนาบดีกรมกลาโหมฉงน “ความสัมพันธ์ของรัชทายาทกับเหล่าบัณฑิตนั้นไม่ใช่จะ…”

ก็ไม่ใช่จะดีอันใด

ไม่เพียงไม่ดี ยังมีขุนนางบุ๋นบางคนรอคอยให้รัชทายาทถูกปลดด้วยซ้ำ

ทว่าน่าเสียดายที่รอมาหลายปีแล้ว รัชทายาทก็ยังกำเริบเสิบสาน ไม่รู้ว่าจะต้องรอถึงเมื่อใด ความหวังของพวกเขาจึงจะเป็นจริง

 

ไม่ถึงสองวันบรรดาเสนาบดีก็รู้ข่าวว่า การเสนอให้จัดสอบเข้ารับราชการ เป็นกรณีพิเศษนั้นเป็นความคิดของรัชทายาทจริง ๆ คนที่เผยข่าวนี้ให้รู้ ก็คือเผยจี้ไหว รองหัวหน้าศาลต้าหลี่ ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดสงสัยข้อเท็จจริง ของข่าวนี้

แต่กลายเป็นว่าทุกคนล้วนกังขาว่ารัชทายาทอาจจะมีปัญหา

โดยเฉพาะขุนนางบุ๋นเหล่านั้นที่รอให้รัชทายาทถูกปลด หลัง รัชทายาทเสนอให้เพิ่มการสอบเข้ารับราชการแล้ว พวกเขารู้สึกละอายใจ อยู่หลายวันกับการแอบพูดจาว่าร้ายรัชทายาทลับหลัง

ไยรัชทายาทผู้สูงส่งถึงไม่มีนิสัยเลวร้ายให้ถึงที่สุด ทำแบบนี้พวกเขา วางตัวลำบากนัก

ชนชั้นสูงในเมืองหลวงมีจำนวนมาก บัณฑิตผู้เรียนหนังสือก็มีมาก เมื่อประกาศข่าวการสอบเข้ารับราชการเป็นกรณีพิเศษ บทกลอนยกย่อง เชิดชูฮ่องเต้ชางหลง รัชทายาท ฮวาอิ้งถิง และเว่ยหมิงเย่ว์ก็ปรากฏ ขึ้นราวกับดอกเห็ดที่ขึ้นหลังฝนตก ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีผู้ใดสนใจเรื่องที่ เซี่ยซื่อจื่อ บุตรชายขององค์หญิงเล่อหยางถูกรับตัวเข้าวังสักเท่าไร

เซี่ยซื่อจื่อย้ายเข้าวังหลวงแล้วก็อาศัยอยู่ใกล้กับองค์ชายสี่และองค์ชายห้าที่ยังมิได้อวยยศเป็นอ๋อง แต่องค์ชายห้าไม่ชอบคนสกุลเซี่ย ส่วนองค์ชายสี่ก็ไม่ค่อยพูดจา เมื่อเขาย้ายเข้ามาแล้วก็อยู่ในสภาพที่กลืน ไม่เข้าคายไม่ออก

บ่าวรับใช้ข้างกายของเขาก็เป็นคนที่ไทเฮาส่งมาให้ใหม่ เพราะมิอาจ พาข้ารับใช้จากตำหนักองค์หญิงเข้ามาได้ แม้เซี่ยซื่อจื่อจะได้รับการเลี้ยงดู อย่างดีจนมีนิสัยอ่อนต่อโลก แต่มาถึงขั้นนี้แล้ว เขาก็เข้าใจถ่องแท้ว่าจะต้อง เกิดเรื่องร้ายแรงกับคนในครอบครัว

ท่านแม่ส่งเขาเข้าวังเพื่อให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไป

 

ข่าวการสอบเข้ารับราชการที่เพิ่มขึ้นเป็นกรณีพิเศษเป็นดั่งสายลมวสันต์ ที่พัดกระจายไปทั่วทุกแห่งหนในแผ่นดิน นักเรียนทั้งหลายยินดีปรีดากัน ทั่วหน้า เพิ่มการคัดอักษรและอ่านหนังสือมากขึ้น เพื่อปีหน้าจะได้สอบได้ ลำดับที่ดีในเมืองหลวง

ข่าวที่เซี่ยเหยาส่งคนไปลอบปลงพระชนม์รัชทายาทยังลือไปถึงแดนใต้ เร็วกว่าข่าวสอบเข้ารับราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษก้าวหนึ่ง

ตอนที่ข่าวแพร่มาถึง พวกบัณฑิตคิดว่าเป็นแค่ข่าวลือ ยังพูดกันว่า มีคนอิจฉาริษยาชื่อเสียงของคนสกุลเซี่ย จึงตั้งใจให้ร้ายพวกเขา

แต่เมื่อข่าวนี้เล่าลือกันมากขึ้นเรื่อย ๆ เหล่าปัญญาชนก็เริ่มเชื่อว่า เป็นเรื่องจริง บุตรีคนรองสกุลเซี่ยกระทำความผิดร้ายแรงต้องโทษถึงขั้น ตัดศีรษะจริง ๆ

“อันใดนะ พวกเจ้ายังไม่รู้ว่าไฉนเซี่ยเหยาต้องส่งคนไปลอบปลง- พระชนม์รัชทายาทหรือ” พ่อค้าจากเมืองหลวงคนหนึ่งอุทานอย่างหลากใจ ต่อหน้าคนใต้ที่ไม่รู้เรื่องนี้เลย “ไม่ถูกสิ ข้าเพิ่งมาจากแดนเหนือ ข่าวนี้ ลือกันไปทั่วแดนเหนือแล้ว ปกติทางใต้ของพวกเจ้าได้ข่าวกันไว เหตุใด พอเป็นเรื่องนี้กลายเป็นไม่รู้อันใดสักอย่าง”

เขาเกาศีรษะ ถามอย่างแปลกใจว่า “หรือมีคนตั้งใจปิดข่าวนี้”

ใครตั้งใจปิดข่าวนี้ จะต้องเป็นผู้ที่ไม่ต้องการให้ผู้อื่นรู้ข่าวประเภทนี้ ของสกุลเซี่ยแน่

ในใจของปัญญาชนแดนใต้ สกุลเซี่ยเป็นตระกูลที่เปิดเผยตรงไปตรงมา เป็นตัวแทนของตระกูลบัณฑิตที่สืบทอดกันมาหลายรุ่น ยามนี้ จู่ ๆ ก็มีคนบอกพวกเขาว่าคนสกุลเซี่ยอาจหาญยกมือปิดแผ่นฟ้า2 แม้แต่ ข่าวที่ส่งมาจากเมืองหลวงก็ยังกล้าปิดบัง พาให้เหล่าบัณฑิตประหลาดใจ ในบัดดล

มนุษย์เรามักเป็นเช่นนี้ คนชั่วทำความชั่วก็รู้สึกว่าคนคนนี้ไม่ค่อยชั่ว สักเท่าไร แต่หากคนที่พวกเขาเข้าใจว่าเป็นคนดีทำเรื่องชั่วร้าย ผู้คนจะกังขา ว่าคนคนนี้เป็นสุภาพชนจอมปลอมหรือไม่

ปัญญาชนส่วนใหญ่ยังรู้สึกว่าพ่อค้าคนนี้พูดจาเหลวไหล ทั้งสองฝ่าย ไม่มีใครเชื่อใคร สุดท้ายทะเลาะกัน

“เกิดอันใดขึ้น” ร้านน้ำชาขนาดใหญ่มีผู้คนเข้าออกมากมาย โดยเฉพาะพ่อค้าที่เดินทางไปทั่ว มีพ่อค้าคนหนึ่งเดินเข้ามา ได้ยินทั้ง สองฝ่ายทะเลาะกันเรื่องคุณหนูรองสกุลเซี่ยส่งคนไปลอบปลงพระชนม์ รัชทายาทแล้วก็อดเข้าร่วมวงไม่ได้ “เรื่องนี้แม้แต่เด็กสามขวบก็ยังรู้ จะทะเลาะกันไปไย ก็แค่ราชบุตรเขยเซี่ยต้องการให้คุณหนูรองเป็นชายา รัชทายาท แต่หญิงที่รัชทายาททรงถูกพระทัยก็คือธิดาของแม่ทัพฮวา เลยปฏิเสธสกุลเซี่ย สกุลเซี่ยอับอายจนกลายเป็นแค้นใจ จึงส่งคนไป ลอบปลงพระชนม์รัชทายาท ได้ยินว่าเพื่อปกป้องรัชทายาท ธิดาของ แม่ทัพฮวายังถูกคนร้ายทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส โลหิตไหลเต็มตัว เสื้อผ้า แดงฉานไปด้วยเลือด”

พอบัณฑิตหลายคนที่ยกย่องเลื่อมใสแม่ทัพฮวาอักโขได้ยินว่าธิดา แม่ทัพฮวาถูกคนร้ายทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส ก็หน้าเปลี่ยนสีโดยพลัน “แล้ว…แล้วคุณหนูฮวาเป็นอันใดหรือไม่”

“คุณหนูฮวาเสียเลือดมากเพียงนั้นคิดว่าเป็นอันใดเล่า” พ่อค้า ส่ายหน้า ยกถ้วยน้ำชาจิบอึกหนึ่ง “ไม่ถึงแก่ชีวิต แต่ก็ไม่รู้ว่าจะบำรุง รักษาร่างกายให้กลับมาเหมือนเดิมได้เมื่อไร รัชทายาทเองก็ทรงเป็นบุรุษ ที่มีคุณธรรมมีน้ำพระทัย ฮ่องเต้จึงรับสั่งสู่ขอนางกับคนสกุลฮวาต่อหน้า ขุนนางจำนวนมาก”

บัณฑิตส่วนใหญ่ล้วนละเอียดอ่อน สิ่งที่พวกเขานับถือที่สุดก็คือ ความรักที่มั่นคงแน่วแน่ ไม่ทอดทิ้งกัน มีบัณฑิตอายุไม่น้อยรำพึงรำพัน ว่า “คุณหนูสกุลฮวาใช้ชีวิตของนางช่วยรัชทายาท รัชทายาททรงตอบแทน นางด้วยความจริงพระทัย นับเป็นความสัมพันธ์ที่น่าประทับใจยิ่งนัก”

เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งส่งผลให้พฤติกรรมของคนสกุลเซี่ยดูเลวร้ายขึ้น

พ่อค้าถอนหายใจ “ก็ใช่น่ะสิ คุณหนูสกุลฮวาร่างกายอ่อนแอ ยังบาดเจ็บไม่น้อย นางเอาชีวิตรอดจากความตายมาได้ ก็อาจเป็นเพราะ มิอาจละทิ้งความรักที่รัชทายาททรงมีให้นางกระมัง”

มีรักปักใจ ไม่นึกเสียใจภายหลัง เพื่อคนที่รักแล้วไม่สนใจความเป็น ความตาย อดทนต่อความทุกข์ทรมาน

สิ่งเหล่านี้นับเป็นคุณสมบัติของหญิงในอุดมคติของชายหนุ่มนับ ไม่ถ้วน

เมื่อพวกบัณฑิตประทับใจ พวกเขาก็รู้ว่าสามารถกลับเรือนไป เขียนกลอนสรรเสริญความรักระหว่างรัชทายาทกับคุณหนูสกุลฮวาบทหนึ่ง

“ไฉนคนเรียนหนังสือที่แดนใต้อย่างพวกเจ้าถึงนิ่งนอนใจเช่นนี้” พ่อค้าเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “บัณฑิตที่อื่นอ่านตำรากันหามรุ่งหามค่ำ เพื่อเตรียมตัวสอบเข้ารับราชการที่จะมีขึ้นเป็นกรณีพิเศษปีหน้ากันแล้ว ไยพวกเจ้าถึงยังนั่งคุยกันอย่างสบายอารมณ์ในร้านน้ำชาเล่า”

“สอบเข้ารับราชการกรณีพิเศษอันใด” บัณฑิตแดนใต้มองพ่อค้า คนนั้นอย่างประหลาดใจ

“เพื่อเฉลิมฉลองที่ทำศึกมีชัยเหนือแคว้นอื่น ฮ่องเต้จึงมีพระ- บัญชาให้เพิ่มการสอบเข้ารับราชการเป็นกรณีพิเศษ” พ่อค้าคนนั้นแปลกใจ ยิ่งกว่าบัณฑิตทั้งหลายเสียอีก “มีประกาศไปทั่วแผ่นดินตั้งนานแล้ว เมื่อวานบัณฑิตสกุลเซี่ยสายย่อยยังซื้อตำราสอบเข้ารับราชการที่ข้าพก ติดตัวมาจากเมืองหลวงตั้งหลายชุด บอกว่าจะซื้อไปอ่านเพื่อเตรียมตัวสอบ ปีหน้า นี่พวกเจ้าไม่รู้เรื่องหรือ”

บัณฑิตทั้งหลายงุนงง ข่าวใหญ่ถึงเพียงนี้ กลับไม่มีผู้ใดรู้เรื่องเลย สักคน

“ที่อื่นเขาติดประกาศกันแล้วหรือ” บัณฑิตหลายคนสีหน้าไม่สู้ดี

“ทางเหนือติดประกาศตั้งแต่ห้าวันก่อนแล้ว” พ่อค้าที่อ้างว่าตนเอง เพิ่งมาจากแดนเหนือตอบ “พวกเจ้าทางนี้เป็นส่วนหนึ่งของเขตเมือง อยู่ไกล จากเมืองหลวงไม่มาก ไยถึงยังไม่ติดประกาศเล่า”

พ่อค้าที่มาทีหลังพึมพำอย่างข้องใจ “ไม่น่าจะใช่นะ คนสกุลเซี่ย สายย่อยล้วนรู้เรื่องแล้ว ไฉนพวกเจ้าถึงยังไม่รู้”

 

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า