幼崽护养协会
ผมจะเป็นซูเปอร์ฮีโร่ที่อนุบาลสัตว์ เล่ม 1
酒矣 (Jiu Yi)
เขียน
ชาเย็น Lover
แปล
— โปรย —
คืนที่มีฝนดาวตก อุกกาบาตพุ่งชนสวนหลังบ้านของเซี่ยหลวน
เหตุการณ์ดังกล่าวนำพาเขาไปพบเจอโลกอีกแห่ง
การขอความช่วยเหลือทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นซูเปอร์ฮีโร่ที่กำลังจะกอบกู้จักรวาล
ทว่า…ทำไมถึงส่งเขามาเป็นพี่เลี้ยงในสมาคมอนุบาลสัตว์สภาพซอมซ่อแบบนี้ล่ะ
—.—.—.—.—.—.—.—.—.—
ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ >> Rose Publishing
…XOXO…
มาดามโรส
ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์
บทที่ 5 วันที่ห้าในฐานะพี่เลี้ยง
เซี่ยหลวนเข้าใจวิธีการใช้ขวดนมขวดเล็กดีแล้ว และเรียนรู้แล้วว่าจะผสมอาหารอย่างไร ตอนนี้ถือว่าเป็นการปลดล็อกสกิลการป้อนอาหารลูกสัตว์ขั้นพื้นฐานของเขา
แต่มีลูกสัตว์อีกหลายตัวที่เขายังไม่รู้ว่าคือเผ่าพันธุ์อะไร จู่ ๆ เซี่ยหลวนก็ต้องการ สารานุกรมลูกสัตว์ ขึ้นมาเพื่อเพิ่มพูนความรู้ทั่วไปที่เขาขาดอยู่ทั้งหมด และถือโอกาสทำความเข้าใจนิสัยที่แตกต่างกันของลูกสัตว์แต่ละเผ่าพันธุ์
ลูกตาชีราซึ่งหมอบอยู่บนขาของเซี่ยหลวนยังคงหรี่ตาส่งเสียงงึมงำ ดูท่าใกล้จะหลับเต็มที จังหวะการส่ายหางค่อย ๆ ช้าลงเรื่อย ๆ ความจริงขาที่นั่งขัดสมาธิของเซี่ยหลวนเริ่มชาแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ผลักลูกสัตว์ตัวนี้ออกไป
การกล่อมลูกสัตว์นอนนั้นก็เป็นงานที่ใช้ทักษะอย่างหนึ่ง ลูกสัตว์บางเผ่าพันธุ์ก่อกวนเก่งมาก ใช่ว่าพี่เลี้ยงทุกคนจะทำให้ลูกสัตว์แบบนี้หลับได้ง่ายๆ การกล่อมนอนจึงมีสัดส่วนที่สำคัญมากในการประเมินระดับดาวที่สหพันธ์ดวงดาวใช้ประเมินอาชีพพี่เลี้ยง
เซี่ยฉีไม่เคยเห็นลูกตาชีราตัวนี้อยากนอนหลังจากเพิ่งกินนมเสร็จมาก่อน ตอนแรกเธอยังไม่ได้สติกลับมานัก กระทั่งหลุดจากภวังค์จึงเดินไปทางชายหนุ่มเผ่ามนุษย์ซึ่งยังนั่งขัดสมาธิอยู่
เซี่ยฉีคิดจะอุ้มลูกตาชีราที่ใกล้หลับแล้วกลับเข้าไปในกรงของมัน แต่เพิ่งเดินเข้าไปยอบตัวลงใกล้ ๆ ยื่นมือออกไปยังไม่ถึงครึ่ง ลูกตาชีราก็พลันลืมตาขึ้น ส่งเสียงงึมงำต่ำ ๆ ออกมาจากลำคอ หางปุกปุยป้อมสั้นด้านหลังตีพื้นติดกันหลายครั้ง
มันไม่ชอบให้คนอุ้ม เซี่ยฉีรู้ดีถึงนิสัยรักสันโดษของลูกสัตว์เผ่าพันธุ์ตาชีรา ดังนั้นจึงรีบหดมือกลับ สีหน้าฉายแววจนปัญญาเล็กน้อย เธอคิดว่ามันหลับไปแล้วเลยอยากอุ้มมันกลับที่นอน
ในเมื่อยังตื่นอยู่ก็คงอุ้มไปไม่ได้…
“จะอุ้มกลับห้องทางด้านนั้นใช่ไหม” เซี่ยหลวนอุ้มลูกตาชีราที่ลืมตาขึ้นมากะทันหันอีกครั้งพร้อมกับลุกขึ้นยืน เป็นเพราะนั่งจนขาชา ตอนลุกขึ้นเลยทรงตัวไม่ค่อยมั่นคงเท่าไหร่นัก
งานของอีกฝ่ายยุ่งกว่าเขามาก เรื่องอุ้มลูกสัตว์ตัวนี้กลับที่นอนให้เขาเป็นคนทำก็ได้ เซี่ยหลวนคิดแบบนี้
“…” เซี่ยฉีมองลูกสัตว์ที่ถูกชายหนุ่มอุ้มโดยไม่ขัดขืนด้วยสีหน้าซับซ้อน ลูกตาชีราที่แสดงพฤติกรรมเชื่อฟังผิดวิสัยทำให้เธอพยักหน้าช้าไปครึ่งจังหวะ
ไหนว่าไม่ชอบให้คนอุ้ม ไหนว่าอุ้มไม่ได้ แม้เวลานี้ในใจเซี่ยฉีจะครุ่นคิดอย่างหนัก แต่เธอก็ยังพยายามรักษาภาพลักษณ์สุขุมของตัวเองไว้ให้มากที่สุด
อุ้มลูกตาชีรากลับรังนอนก็ไม่ได้ใช้เวลามากอะไร ทว่าเมื่อเดินกลับมา เซี่ยหลวนก็เห็นเพื่อนร่วมงานของเขาสองคนเหมือนกำลังถกเถียงกันอยู่ พอหนึ่งในนั้นเห็นเขาก็ลากไปเอี่ยวในหัวข้อสนทนาด้วย
“วันนี้เป็นคิวฉันก็จริง แต่ฉันคิดว่าให้พนักงานใหม่ทำความคุ้นเคยมากหน่อยก็น่าจะดี อีกหน่อยถึงคิวเขาจะได้คล่อง ๆ หน่อยไง” จ้าวชวนพูดกับอีกสองคนแบบนี้
พนักงานใหม่ต้องหมายถึงเขาแน่นอน เซี่ยหลวนไม่ได้ยินเรื่องราวก่อนหน้านี้ เลยไม่รู้ว่าสองคนนั้นกำลังพูดเรื่องอะไรกันอยู่ จึงถามเซี่ยฉีด้วยสายตา
“ไม่มีอะไรหรอก แค่จะเปลี่ยนน้ำให้ลูกเงือกตัวนั้นน่ะ” เซี่ยฉีส่ายหน้าให้ชายหนุ่ม เธอจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าจ้าวชวนวางท่าพูดจาให้ดูดีขนาดนี้เพื่อที่ตัวเองจะได้อู้งาน ตอนนี้พอเพื่อนร่วมงานคนใหม่มา คนคนนี้ก็อยากปล่อยมือโยนงานที่ตัวเองควรทำทิ้งไป
ฝันไปเถอะ!
ถ้าไม่ใช่เพราะสาขาของพวกตนขาดคนจริง ๆ ทั้งยังหาคนใหม่มาสมัครไม่ได้ เซี่ยฉีคงบอกให้ประธานสมาคมไล่เขาออกนานแล้ว
เธอจึงมีความประทับใจต่อเพื่อนร่วมงานคนใหม่ที่ใส่ใจดูแลลูกสัตว์ยิ่งกว่าอย่างเห็นได้ชัด เซี่ยฉีเลิกคิ้วทันที ตีหน้าขรึมเตรียมช่วยเซี่ยหลวนพูด
“อ้อ ได้สิ” เซี่ยหลวนพยักหน้ารับปากอย่างรวดเร็ว
เซี่ยฉีถูกคำพูดของชายหนุ่มหยุดไว้ จึงกลืนคำพูดที่กำลังจะเอ่ยกลับไปทันที เธอกลุ้มใจ เพื่อนร่วมงานคนใหม่ว่าง่ายเกินไป หรือมองไม่ออกว่าอีกฝ่ายอยากอู้งานเลยโยนงานให้เขากันแน่
แน่นอนว่าเซี่ยหลวนย่อมดูออก เพียงแต่เขาขี้เกียจจะเอาเรื่องเล็กน้อยที่ ‘ง่ายเหมือนยกฝ่ามือ’ มาโต้เถียงกัน อีกอย่าง เขาก็ยินดีจะเปลี่ยนน้ำให้ลูกเงือก
ในเมื่อชายหนุ่มรับปากแล้ว เซี่ยฉีก็ไม่อาจพูดอะไรได้มากนักในเรื่องนี้ เธอมองจ้าวชวนด้วยสีหน้าเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “ต้องเติมของในสาขา ฉันลิสต์ลงใบรายการไว้แล้ว ตอนบ่ายนายออกไปซื้อของตามใบรายการมาด้วย”
เมื่อพูดจบเซี่ยฉีก็ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะทำหน้าแบบไหน ถึงยังไงเธอก็ตัดสินใจเรื่องนี้แล้ว
เปลี่ยนน้ำให้ลูกเงือก…เดิมทีถังไม้ใบนี้ก็ไม่ได้ใหญ่นัก แล้วการเปลี่ยนน้ำนั้นก็เป็นเรื่องสบาย ๆ เพียงแต่ต้องอุ้มลูกเงือกขึ้นมาก่อน เทน้ำในถังไม้ใบเล็กออกให้หมด เติมน้ำเข้าไปใหม่จนเต็ม แล้วนำลูกเงือกใส่กลับลงไปก็เป็นอันเสร็จ
เซี่ยหลวนอุ้มถังไม้ใบเล็กที่ลูกเงือกอยู่เข้าไปวางในห้องอาบน้ำ จากนั้นจึงเริ่มถลกแขนเสื้อ
ตั้งแต่เมื่อครู่เซี่ยหลวนยังไม่ได้ยินลูกสัตว์ตัวนี้ส่งเสียงอะไรออกมาสักแอะ มันเพียงเงยหน้าใช้ดวงตาสีฟ้าครามสำรวจเขาเท่านั้น ใบหน้าน่ารักน่าเอ็นดูยังคงไม่แสดงสีหน้าใด ๆ
เซี่ยหลวนเองก็ไม่ได้ถือสาอะไร เขายอบตัวนั่งยอง ๆ ก่อนจะลูบผมสั้นสีทองอ่อนของเงือกน้อย ส่งยิ้มเพื่อแสดงว่าเขามาดี ก่อนอุ้มลูกเงือกออกจากถังไม้ใบเล็กที่บรรจุน้ำไว้อย่างระมัดระวัง
แต่หลังจากถูกเซี่ยหลวนอุ้มขึ้นมา ลูกเงือกที่นิ่งสงบมาตลอดตั้งแต่เมื่อครู่กลับเริ่มขัดขืนขึ้นมา คงเป็นสัญชาตญาณหลังจากออกห่างน้ำ หางของลูกเงือกเริ่มสะบัดไปทั่ว หางปลาที่ปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีฟ้าน้ำแข็งตีพั่บ ๆ อยู่ตรงเสื้อของเซี่ยหลวนซ้ำไปซ้ำมา
เพียงครู่เดียวเซี่ยหลวนก็ถูกลูกเงือกสะบัดน้ำใส่ ทำให้เสื้อผ้าท่อนบนของเขาเปียกไม่น้อย
แม้จะเกิดเรื่องไม่คาดฝัน เซี่ยหลวนก็ไม่ได้โกรธ เขารู้สึกว่าลูกเงือกตัวนี้ดูหวาดกลัวมาก
“ไม่ต้องกลัวนะ เด็กดี” เซี่ยหลวนปลอบโยนลูกสัตว์แล้วเร่งมือกว่าเดิม รีบเทน้ำออกจากถังไม้ใบเล็กอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็รีบหมุนก๊อกเติมน้ำ เพียงครู่เดียวก็อุ้มลูกเงือกลงน้ำได้อีกครั้ง
เมื่อกลับไปอยู่ในน้ำ ลูกเงือกก็กลับไปเงียบสงบอีกครั้งอย่างที่คิดไว้ เซี่ยหลวนรู้สึกว่าลูกสัตว์ตัวนี้ยังอยู่ในอาการตกใจ เลยนั่งยอง ๆ ปลอบโยนมันอีกครู่หนึ่งอย่างใจเย็น
เซี่ยหลวนไม่ได้ใส่ใจใบหน้าที่ถูกสะบัดน้ำใส่ แต่เวลานั้นเองลูกเงือกที่ใช้ดวงตาสีฟ้าครามจ้องเขาอยู่ก็ค่อย ๆ ยื่นมือออกมา คงอยากจะเช็ดน้ำที่เปียกแก้มของเขาออกให้
ถึงจะเป็นแค่ลูกสัตว์ แต่ลูกเงือกตัวนี้จำได้ว่าพี่เลี้ยงสองคนที่ก่อนหน้านี้เคยเปลี่ยนน้ำให้ล้วนมีท่าทีไม่พอใจที่ถูกมันสะบัดน้ำใส่
แต่มือของลูกเงือกเปียกอยู่ ยิ่งเช็ดเท่าไหร่ใบหน้าของเซี่ยหลวนก็ยิ่งเปียกมากขึ้นเท่านั้น เขาเองก็ไม่ได้ตำหนิ ทำแค่ลูบหัวของมันเท่านั้น สุดท้ายเขาก็ยกมือขึ้นเช็ดหน้าตัวเองลวก ๆ แล้วอุ้มถังไม้ใบเล็กที่เปลี่ยนน้ำเรียบร้อยออกไป
เมื่อเห็นว่าเสื้อของชายหนุ่มเปียกชุ่มไม่น้อย เซี่ยฉีจึงหันไปมองลูกเงือกที่ทำตัวสงบเสงี่ยมอยู่ในถังไม้ใบเล็ก อดพูดไม่ได้ว่า “อย่าว่ามันเลยนะ ลูกเงือกตัวนี้แค่ขี้กลัวเกินไป เพราะงั้นถึงได้…”
มันไม่ได้ตั้งใจจะสะบัดน้ำใส่พี่เลี้ยง เพียงแต่ตอนที่มันตื่นตระหนกจะควบคุมการกระทำของตัวเองไม่ได้
“เผ่าพันธุ์เงือกในช่วงวัยเด็กจะห่างจากน้ำนานมากไม่ได้ เรื่องนี้นายน่าจะรู้ ตอนแรกที่มีคนเจอลูกเงือกตัวนี้ที่ลานขยะ มันเกือบจะตายเพราะขาดน้ำอยู่แล้ว” เซี่ยฉีพูดด้วยสีหน้าแฝงความรู้สึกที่ยากจะรับไหว “โชคดีที่ตอนนั้นคนที่เจอลูกเงือกตัวนี้เอามันไปไว้ในน้ำทันที มันถึงได้เคราะห์ดีรอดมาได้”
ทำไมถึงเก็บลูกสัตว์ตัวหนึ่งได้จากลานขยะของดาวไกอา นั่นต้องเป็นเพราะผู้ปกครองของมันจงใจทอดทิ้งแน่ ดาวเคราะห์ที่เผ่าเงือกอาศัยอยู่ไกลจากดาวไกอา ตั้งใจเดินทางมาทิ้งลูกสัตว์ที่ดาวเคราะห์อันห่างไกลดวงนี้ เซี่ยฉีคิดว่าผู้ปกครองของลูกเงือกตัวนี้คงรังเกียจมันมากจริง ๆ ส่วนเหตุผลนั้น…
“ลูกเงือกตัวนี้พูดไม่ได้…” มันเป็นความบกพร่องที่มีมาแต่กำเนิด เซี่ยฉีชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดอีกว่า “แต่ถ้าผู้ใหญ่โมโห มันก็รับรู้ได้นะ แบบนั้นมันจะยิ่งรู้สึกกลัว”
พูดไม่ได้งั้นเหรอ เซี่ยหลวนอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนหน้านี้เขายังคิดอยู่ว่าลูกเงือกตัวนี้ดูเงียบเกินไปหน่อย นึกไม่ถึงว่าจะเป็นเพราะสาเหตุนี้
“ผมไม่โกรธหรอก” เซี่ยหลวนส่ายหน้า จากนั้นก็พูดพร้อมรอยยิ้มว่า “เป็นพี่เลี้ยง จะไม่พอใจด้วยเรื่องขี้ปะติ๋ว เพราะถูกลูกสัตว์ทำเสื้อผ้าเปียกไม่ได้หรอก แบบนั้นถือว่าไม่มีคุณสมบัติมากพอ”
เซี่ยฉีได้ยินแล้วก็วางใจ “ถ้างั้นก็ดีแล้ว”
เผ่าพันธุ์เงือกใช้เสียงขับร้องเป็นสื่อของพลังพิเศษ นี่คือเอกลักษณ์ของเผ่าเงือก เพราะฉะนั้นลูกเงือกที่พูดไม่ได้ อาจมีความเป็นไปได้ที่มันจะไม่มีพลังพิเศษ
แต่เรื่องข้อบกพร่องที่มีมาแต่กำเนิดแบบนี้ ลูกสัตว์ตัวนี้เลือกเองได้เหรอ ชั่วชีวิตนี้เซี่ยฉีไม่มีวันเข้าใจผู้ปกครองที่ทอดทิ้งลูกของตัวเองด้วยเรื่องนี้ เธอถึงขนาดรู้สึกแค้นเคือง ลูกเงือกตัวนี้ถูกทิ้งอย่างเดียวดายในลานขยะ ดังนั้นเมื่อมันห่างจากน้ำเลยดิ้นรนทุรนทุรายไม่หยุด ไม่รู้ว่าหวาดกลัวมากแค่ไหนกัน คนที่ทิ้งขว้างมันเคยคิดบ้างไหม!
เพียงแค่คิด เซี่ยฉีก็รู้สึกว่าตัวเองเดือดดาลจนจะพ่นไฟออกมา เธอโมโหแทบบ้า…
เหล่าพี่เลี้ยงที่พาลูกสัตว์กลับเข้าที่นอนไปนอนเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาพักผ่อนบ้างในช่วงสั้น ๆ แต่เซี่ยหลวนไม่ได้ไปพักผ่อน เขาเดินออกไปที่ลานด้านนอกห้อง ไปหาสระน้ำที่หลินอี้พูดถึงก่อนหน้านี้
ถึงอีกฝ่ายจะบอกว่าสระน้ำนี้ใช้การไม่ได้แล้ว เซี่ยหลวนก็ยังตัดสินใจมาดูด้วยตาตัวเองแล้วค่อยว่ากันอีกที
สระน้ำอยู่ไม่ไกลจากอาคารเท่าไหร่ ถ้าออกมาจากประตูด้านข้าง เดินไม่กี่ก้าวก็เห็นแล้ว เมื่อเซี่ยหลวนมองไปก็เป็นอย่างที่หลินอี้บอกจริง ๆ มันเหือดแห้งไปแล้ว อีกทั้งก้นสระยังเต็มไปด้วยใบไม้และฝุ่น
สระน้ำเป็นทรงกลม ลึกประมาณหนึ่งเมตรกว่า สิ่งที่ติดตั้งใต้สระน้ำคล้ายรูบิคขนาดใหญ่ เซี่ยหลวนคิดว่าคงเป็นเครื่องเปลี่ยนถ่ายน้ำ
เขากระโดดลงไปที่ก้นสระอย่างรวดเร็ว เดินเข้าไปตรงหน้าเครื่องเปลี่ยนถ่ายน้ำก่อนจะย่อตัวลงใช้มือเคาะมัน
เครื่องเปลี่ยนถ่ายน้ำพังแล้วจะจัดการอย่างไร ในฐานะที่เป็นมนุษย์โลกผู้มีชีวิตอยู่ในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด เซี่ยหลวนหมดหนทางซ่อมเทคโนโลยีขั้นสูงในโลกฝั่งนี้
“นายมีวิธีไหนทำให้เครื่องเปลี่ยนถ่ายน้ำกลับมาใช้งานได้เหมือนเดิมไหม” เซี่ยหลวนจิ้ม ๆ ลูกไฟสีทองที่ลอยอยู่ข้างตัวเอง พร้อมถามโดยไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก
ลูกไฟสีทองดวงนี้ยังไม่หายไป หมายความว่ามันยังไม่ได้นำทางสุดท้ายให้กับเขาจริง ๆ เซี่ยหลวนเองก็จำได้ว่าลูกไฟสีทองดวงนี้สื่อสารกับเขาไม่ได้อีก ฉะนั้นจึงถามออกไปเรื่อยเปื่อยในระหว่างที่ครุ่นคิด
ลูกไฟสีทองไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับตามที่คาด เซี่ยหลวนคงต้องพึ่งตัวเองแล้ว
เป็นไปไม่ได้เลยที่จะหาคนมาซ่อม เปลี่ยนเครื่องเปลี่ยนถ่ายน้ำใหม่ก็ไม่ได้ เซี่ยหลวนเข้าใจสภาพการเงินของสมาคมอนุบาลสัตว์สาขานี้ดี ถ้าจะแก้ปัญหา คงทำได้แค่เริ่มจากเครื่องเปลี่ยนถ่ายน้ำที่มีในตอนนี้
ดูภายนอกเครื่องเปลี่ยนถ่ายน้ำไม่ได้มีอะไรเสียหาย หากด้านนอกผุพัง เซี่ยหลวนคงยอมแพ้อย่างจนปัญญาไปแล้ว แต่สภาพภายนอกที่ยังสมบูรณ์ปกติดีทำให้เซี่ยหลวนมีความหวังเล็ก ๆ
ว่ากันตามเหตุและผล นี่เป็นยุคอวกาศแล้ว สิ่งของที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงอย่างนี้ควรจะใช้ได้ทนทานสิ…ในเมื่อทุกส่วนของเครื่องยังสมบูรณ์ดี บางทีเครื่องเปลี่ยนถ่ายน้ำนี้อาจแค่เกิดปัญหา ‘ขัดข้อง’ เล็กน้อยเท่านั้น
เวลานี้เซี่ยหลวนนึกถึงตอนนั้นที่จู่ ๆ คอมพิวเตอร์บ้านเขาก็เปิดไม่ติด พอเขาฟาดตัวเครื่องไปหนึ่งทีก็หายเป็นปกติ…ถ้างั้นตอนนี้ก็คงได้แต่รักษาม้าตายประหนึ่งม้าเป็น[1]
“รีบกลับมาใช้การได้เร็ว ๆ ล่ะ…” เซี่ยหลวนถลกแขนเสื้อ ฟาดเครื่องเปลี่ยนถ่ายน้ำที่เหมือนรูบิคขนาดใหญ่ทีหนึ่ง ไม่รู้ว่าเครื่องเปลี่ยนถ่ายน้ำนี้ทำจากวัสดุอะไร แต่ยังไงมันก็ถูกเซี่ยหลวนฟาดเข้าอย่างจังดัง ‘ปึง’ อยู่ดี
ฟาดไปประมาณหนึ่งนาที ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นในลานกว้างที่ว่างเปล่า
‘ติ๊ด’
เมื่อเสียงนี้ดังขึ้น ส่วนบนของเครื่องสี่เหลี่ยมคล้ายรูบิคขนาดใหญ่ก็สว่าง แสงวาบขึ้นอย่างรวดเร็วมากจนแทบไม่ทันมอง สุดท้ายก็เหลือแค่ไฟสีน้ำเงินริบหรี่ที่เป็นสัญญาณว่าเครื่องเริ่มทำงาน
ยังไม่ทันได้ดีใจ แทบจะในเสี้ยววินาทีเดียวกับที่เครื่องเปลี่ยนถ่ายน้ำกลับมาใช้การได้ เซี่ยหลวนก็พลันรู้สึกถึงความเหนื่อยล้าระลอกหนึ่งในจิตใจ ทำให้เขาต้องยกมือขึ้นกุมหน้าผากตัวเอง แล้วหลับตาลงรอให้ความรู้สึกแปลกประหลาดนี้ลดลง
มันถูกเขาทุบก็เลยเชื่อฟังขึ้นมา? คิดไม่ถึงว่าโถพังยังหล่นแตกซ้ำ[2]จะได้ผลจริง ๆ เซี่ยหลวนกะพริบตาอีกครั้งเพื่อยืนยันว่าจุดสีน้ำเงินบนเครื่องสว่างแล้วจริง ๆ ก็ยืนขึ้นทันที
กระบวนการไม่สำคัญ ที่สำคัญคือผลลัพธ์ ในเมื่อเครื่องเปลี่ยนถ่ายน้ำใช้การได้แล้ว เขาแค่ทำความสะอาดสระนี้ เดี๋ยวก็จะเปลี่ยนสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้นอีกนิดให้ลูกเงือกได้แล้ว…
แม้สระน้ำนี้จะไม่ใหญ่มาก แต่เมื่อเทียบกับถังไม้ใบเล็กแล้วย่อมกว้างขวางกว่ามาก บางทีการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีอิสระบ้าง ลูกเงือกอาจรู้สึกปลอดภัยมากกว่า
การทำความสะอาดสระน้ำนี้ไม่ถือว่าเป็นงานเบา แต่ถ้าพยายามหน่อย สุดท้ายก็จะทำเสร็จได้ เซี่ยหลวนง่วนอยู่ตรงนี้หลายชั่วโมง ในที่สุดก็ทำให้สระน้ำสะอาดได้
เมื่อเติมน้ำจนเต็มสระ เซี่ยหลวนก็กลับเข้าไปในห้องบอกเรื่องนี้กับเซี่ยฉี ก่อนจะอุ้มถังไม้ใบเล็กที่ใส่ลูกเงือกออกไปท่ามกลางสายตาที่จับจ้องด้วยความตกตะลึงของเธอ
“ขอโทษทีนะเด็กน้อย ฉันสร้างทะเลให้เธอไม่ได้ แต่สระน้ำคงดีกว่าถังไม้ละมั้ง” เซี่ยหลวนพูดพลางอุ้มลูกเงือกออกจากถังไม้ใบเล็กลงไปในสระน้ำ
ลูกเงือกที่อยู่ในสภาพแวดล้อมใหม่ยังไม่มีปฏิกิริยาอะไรในทันที แต่สภาพแวดล้อมที่กว้างขวางต่างจากถังไม้ใบเล็กทำให้มันอดไม่ได้ที่จะลองว่ายน้ำไปรอบ ๆ เมื่อปรับตัวได้แล้ว มันยังลองดำลงไปใต้น้ำด้วย
สำหรับลูกเงือกแล้ว เมื่อรอบด้านเป็นน้ำ ก็ไม่มีอะไรให้ความรู้สึกปลอดภัยยิ่งกว่านี้อีกแล้ว
เซี่ยหลวนย่อตัวลงนั่งมองอยู่ข้างสระ เห็นลูกเงือกปรับตัวได้ดี ดูเหมือนชอบสระน้ำนี้มาก เขาก็ยิ้มตามไปด้วย
เมื่อมองไปครู่หนึ่ง เซี่ยหลวนก็พบว่าลูกเงือกว่ายมาทางเขา มันใช้ดวงตาคู่สวยสีฟ้าครามจ้องมาที่เขาอยู่หลายวินาที ก่อนจะยกมือขึ้นขยี้ตาตัวเองกะทันหัน
“เป็นอะไรหรือเปล่า” พอเห็นว่าจู่ ๆ ลูกเงือกตัวนี้เริ่มขยี้ตาไม่หยุด เซี่ยหลวนจึงแอบกังวลไม่ได้
ขณะที่เขาทนมองต่อไปอีกไม่ได้ เตรียมจะอุ้มลูกสัตว์ขึ้นมาจากสระเพื่อดูว่ามันเป็นอะไร เขาจึงเห็นว่าลูกเงือกหยุดขยี้ตา จากนั้นคล้ายกับประคองอะไรไว้ในมือยื่นมาตรงหน้าเขาอย่างระมัดระวัง
เพราะขยี้ตานานไปหน่อย ดวงตาบนใบหน้าเล็กละเอียดอ่อนของลูกเงือกจึงแดงเล็กน้อย
“อา…” ลูกเงือกตัวนี้พูดไม่ได้ เลยได้แต่ส่งเสียงลมแผ่วเบาออกมาจากลำคอ แม้มองสีหน้าของมันไม่ออก แต่กลับรับรู้ความรู้สึกของมันจากดวงตาคู่นั้นได้ราง ๆ
สิ่งที่อยู่ในมือลูกเงือกคือของที่มีประกายระยิบระยับไม่กี่เม็ด มันเล็กมาก เมื่อต้องแสงอาทิตย์ก็สะท้อนประกายออกมาเล็กน้อย
เนื่องจากร่างกายที่พิเศษของเผ่าพันธุ์เงือก น้ำตาจึงกลายเป็นคริสตัลแสนพิเศษได้ สาวสังคมชั้นสูงบางส่วนชอบสวมเครื่องประดับที่ทำจากผลึกประเภทนี้
คริสตัลแบบนี้จะบอกว่ามีค่าก็มีค่า จะบอกว่าไม่มีค่าก็ไม่มีค่า เพราะคริสตัลที่เงือกทั่วไปผลิตออกมาไม่มีค่าเลยแม้แต่นิดเดียว แต่สำหรับเงือกที่มีพลังพิเศษแข็งแกร่งนั้นต่างออกไป
คริสตัลที่ลูกเงือกตัวนี้ผลิตออกมานั้นไร้มูลค่า แต่ลูกสัตว์ไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ มันคิดเพียงว่าคริสตัลพวกนี้เป็นของขวัญให้ชายหนุ่มได้
เมื่อสังเกตคริสตัลเล็ก ๆ สองสามเม็ดที่ลูกเงือกประคองอยู่ในมือดี ๆ เซี่ยหลวนถึงกับตะลึงไปเล็กน้อย ขณะที่เขาตกตะลึงอยู่นั้น ลูกเงือกตัวนี้ที่ยังคงประคองผลึกพวกนั้นยื่นมาทางเขาตลอดเวลาก็เปล่งเสียงออกมาพยางค์หนึ่ง “ปะ…”
เซี่ยหลวนรู้ได้ว่านี่เป็นของขวัญ ฉะนั้นเขาจึงรับคริสตัลที่มีขนาดเท่าเมล็ดข้าวเหล่านั้นมาวางไว้ในอุ้งมืออย่างดี ท่ามกลางสายตาจับจ้องของลูกเงือก
“อืม…สวยมาก” เซี่ยหลวนเอ่ยเสียงอ่อนโยน ใจก็คิดไปว่า หลังจากนี้คงต้องหากล่องใบเล็ก ๆ ไว้เก็บของขวัญนี้แล้ว
ยังเหลือเวลาพักผ่อนอีกนิดหน่อย เซี่ยหลวนที่เหนื่อยจากการทำความสะอาดสระน้ำจึงตัดสินใจกลับไปงีบที่ห้องพักพนักงาน
ตอนแรกกะว่าจะหลับสักครึ่งชั่วโมง แต่เซี่ยหลวนกลับรู้สึกว่าตัวเองหลับไปนานมาก ท่ามกลางความมืดอันเงียบงันนั้น มีเสียงร้อนรนกระวนกระวายดังขึ้นข้างหูปลุกให้เขาตื่น
“อาหลวน! นายตื่นสิ ถ้ายังไม่ตื่นอีก ฉันจะแจ้งตำรวจจริง ๆ แล้วนะ…”
นี่มันเสียงลู่หย่วน เพราะเป็นเสียงที่คุ้นหูมาก เซี่ยหลวนจึงจำได้แทบจะทันที แต่เป็นไปได้ยังไงที่เขาจะได้ยินเสียงของอีกฝ่าย
เซี่ยหลวนลืมตาโพลง พอเห็นใบหน้าที่เจือความร้อนอกร้อนใจของอีกฝ่าย ความคิดเขาก็ชะงักค้างทันที ที่นี่เป็นสวนของบ้านเขา หรือว่าเขาข้ามมิติกลับมาแล้ว?
ความคิดของเขาหยุดนิ่งไปหลายวินาที ขณะที่กำลังงุนงง เซี่ยหลวนพลันได้สตินึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้…ลูกไฟสีทองที่บังคับให้เขาข้ามมิติในตอนแรกเคยพูดกับเขาไว้สองประโยคซึ่งเขายังไม่ทันได้ขบคิดสรุปประเด็น
หนึ่งคือ เป็นแค่การสร้างการเชื่อมต่อ
สองคือ จะไม่กระทบกับชีวิตจริงของเขามากเกินไป
สองประโยคนี้คงแสดงถึงกฎที่สำคัญบางอย่างโดยเฉพาะ อีกทั้งยังให้เขาใช้ประโยชน์จากกฎนั้นได้ด้วย
[1] หมายถึง คนที่พยายามสุดกำลังเพื่อทำบางอย่างทั้งที่รู้แก่ใจว่าหมดหนทางแล้ว
[2] หมายถึง เมื่อเกิดข้อผิดพลาดแล้วไม่ยอมแก้ไขให้ถูกต้อง กลับปล่อยผ่านไปหรือจงใจทำให้แย่ลง