幼崽护养协会
ผมจะเป็นซูเปอร์ฮีโร่ที่อนุบาลสัตว์ เล่ม 2
酒矣 (Jiu Yi)
เขียน
ชาเย็น Lover
แปล
— โปรย —
ด้วยความช่วยเหลือของเซี่ยหลวน
อนุบาลสัตว์ สาขาอวิ๋นเป่า พัฒนาก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว
มีเหล่าลูกสัตว์สมาชิกใหม่เพิ่มเข้ามามากมายในสาขา
การที่ได้ดูแลและอยู่กับเจ้าพวกตัวน้อยทั้งหลาย|
ทำให้เซี่ยหลวนเริ่มเข้าใจทีละนิด
ว่าเพราะอะไรเขาถึงถูกเลือกให้มาทำหน้าที่พี่เลี้ยงลูกสัตว์ ณ อวกาศแห่งนี้
—.—.—.—.—.—.—.—.—.—
ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ >> Rose Publishing
…XOXO…
มาดามโรส
ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์
บทที่ 51
วันที่ห้าสิบเอ็ดในฐานะพี่เลี้ยง
หลังชายหนุ่มสวมสร้อยคอพร้อมจี้ให้ลูกเงือก เมื่อหินสีน้ำเงินใสบริสุทธิ์แตะที่ผิวเบา ๆ สัมผัสเย็น ๆ ก็ทำให้ลูกเงือกที่ซุกอยู่ในอกชอบมาก
ความรู้สึกแบบนี้ราวกับได้สัมผัสน้ำทะเล และเผ่าเงือกก็ชื่นชอบน้ำโดยธรรมชาติอยู่แล้ว
เซี่ยหลวนยืนอยู่หน้าป้ายหลุมศพสองป้ายสักพักหนึ่ง และเพราะประโยคสุดท้ายที่เขาพูดออกมา ทำให้ตอนนี้ลูกเงือกที่เขาอุ้มอยู่ก็กำลังมองภาพบนป้ายหลุมศพด้านหน้า
หินสี่เหลี่ยมเหล่านี้พูดและขยับไม่ได้ มีเพียงรูปภาพติดอยู่บนนั้นอย่างเงียบเชียบไร้เสียง
เมื่อมองไปมองมาลูกเงือกที่ซุกอยู่ในอกของเซี่ยหลวนก็ออดอ้อนเขาตามสัญชาตญาณ
แม้ยังไม่เข้าใจว่าป้ายหินที่ตั้งอยู่พวกนี้คืออะไร แต่เงือกน้อยแสดงออกว่ามันวางใจชายหนุ่มที่อุ้มมันอยู่ตามสัญชาตญาณ และขณะเดียวกันก็โหยหาความรู้สึกปลอดภัยจากเขา
“เกล เด็กดี” เซี่ยหลวนตอบรับความไว้วางใจของลูกสัตว์ด้วยการโอบกระชับเงือกน้อยแน่นขึ้นอีกนิด
ทว่าสิ่งที่ทำให้เซี่ยหลวนคาดไม่ถึงก็คือ เวลานี้เขาเห็นน็อกซ์ที่อยู่ข้าง ๆ ก้มหน้าลงเล็กน้อย ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือไม่ แต่เขาเล็กข้างซ้ายของน็อกซ์ก็อยู่ใกล้ ๆ มือของเกลแล้ว
จากนั้นเซี่ยหลวนก็เห็นลูกเงือกเอื้อมมือไปจับเขาน็อกซ์ พอจับได้สำเร็จเซี่ยหลวนจึงค่อยลูบหัวของลูกสัตว์ ไม่นานก็เห็นว่าลักษณะการสะบัดครีบหางเบา ๆ ของเงือกน้อยกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
เมื่อปลอบโยนลูกสัตว์แล้ว เซี่ยหลวนจึงมองน็อกซ์ที่ถูกลูกเงือกจับเขาเล็กๆไว้ ที่จริงเขาก็ตกใจอยู่บ้าง
อัยยอมให้ลูกสัตว์จับเขา เหมือนว่าต้องการช่วยตนปลอบโยนลูกเงือกน้อย…
แผนการเดินทางที่ดาวเฮเลนมิตต์สิ้นสุดลง เมื่อจองตั๋วยานอวกาศเรียบร้อย คืนวันนั้นเซี่ยหลวนก็พาลูกสัตว์สองตัวกลับสมาคมอนุบาลสัตว์ด้วยกัน
หลายวันต่อมาพวกเขากลับถึงดาวไกอา เมื่อมาถึงสาขาอวิ๋นเป่า สิ่งแรกที่เซี่ยหลวนทำคือหยิบน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ที่บรรจุอยู่ในขวดเล็กซึ่งนำมาจากหน้ารูปปั้นเทพสมุทรออกมา ก่อนจะนั่งลงบนพื้นที่ปูด้วยพรมนุ่มในห้องโถง
ตอนนี้ลูกสัตว์ที่เพิ่งได้รับการฝึกซ้อมการต่อสู้ขั้นพื้นฐานจากซาราดเสร็จพากันมาล้อมรอบตัวเซี่ยหลวน เขาห้ามเจ้าตัวขนปุกปุยหลายตัวที่อยากปีนขึ้นมาบนตัวเขาก่อน พลางบอกให้รออย่างไม่ดื้อไม่ซน
เซี่ยหลวนนำน้ำพุศักดิ์สิทธิ์มาแต้มบนหน้าผากขนปุกปุยของลูกสัตว์โดยเรียงจากซ้ายไปขวา
ลูกมายาที่หน้าผากไม่ได้มีขนปุกปุย พอเซี่ยหลวนแตะนิ้วมือลงไป มันก็ร้องอึง ๆ ส่ายหางเล็กแหลมด้านหลังไปมา
เมื่อถึงตาลูกมูกะตัวยักษ์ที่ยืนอยู่ริมสุด เซี่ยหลวนก็ต้องลุกขึ้นยืนเนื่องจากระดับความสูงของลูกสัตว์
นัยน์ตาเรียวรีสีแดงฉานจับจ้องชายหนุ่มที่เข้าใกล้ รูปลักษณ์ภายนอกของลูกมูกะนั้นชวนให้เกิดความหวาดกลัวได้ง่าย หากเป็นคนปกติแค่เผชิญกับนัยน์ตาที่ดูเย็นชาเหี้ยมโหดคู่นี้ก็คงไม่กล้าขยับเขยื้อนแล้ว
แม้จะเป็นเพียงลูกสัตว์ที่เพิ่งครบหนึ่งขวบเต็มได้ไม่นาน แต่รูปร่างของลูกมูกะก็สูงใหญ่กว่าผู้ใหญ่มากแล้ว ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่อันตรายทำให้มันดูก้าวร้าวโดยไม่รู้ตัว
เซี่ยหลวนยืนอยู่ตรงหน้าลูกมูกะ ยกมือขึ้นตบขาหน้าอันแหลมคมของลูกสัตว์ จากนั้นยื่นนิ้วชี้ที่เปียกน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ไปทางลูกมูกะ
นัยน์ตาสีแดงฉานที่จ้องมองใบหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนทิศไปยังนิ้วมือที่ยื่นมา ลูกมูกะยืนนิ่งไม่ไหวติงหลายวินาทีก่อนจะโน้มหัวที่เย็นเยือกและแข็งแรงไปแตะนิ้วที่เปียกน้ำพุของชายหนุ่มเบา ๆ
“นิคนี่ฉลาดจริง ๆ” เซี่ยหลวนชม ก่อนจะลูบหัวลูกมูกะที่ก้มลงมาทางเขาพอดี
สำหรับพี่เลี้ยงของสมาคมอนุบาลสัตว์คนอื่น ๆ คงไม่เคยมีใครคิดเรื่องชมลูกมูกะว่า ‘ฉลาด’ มาก่อน
พักเรื่องที่มีสาขาทั่วทั้งอวกาศรับอนุบาลลูกมูกะน้อยเพียงหยิบมือไว้ก่อน เพราะหากพูดถึงเผ่ามูกะแล้ว นับว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่ค่อนข้างด้อยสติปัญญา ซึ่งคนทั่วไปก็เข้าใจกันเช่นนี้
แต่ในสายตาเซี่ยหลวน เมื่อลูกสัตว์ทำถูกต้องก็สมควรได้รับคำชม
ลูกมูกะก้มหน้าให้ชายหนุ่มราวกับเด็กน้อยผู้เชื่อฟัง มันส่งเสียงร้องครืดเบา ๆ ก่อนจะซบอกเขา
เซี่ยหลวนตอบรับพลางกอดลูกสัตว์ขนาดใหญ่ทีหนึ่ง ตั้งแต่ครั้งแรกที่ซบจนเขาล้มลงกับพื้น ลูกมูกะก็พยายามอย่างหนักเพื่อเรียนรู้ที่จะควบคุมแรงของตัวเอง
เซี่ยหลวนรอจนกระทั่งมันผละออกถึงได้ตบขาของลูกมูกะอีกครั้งแล้วพูดว่า “มา ๆ เด็กน้อย อ้า…”
เมื่อถูกสอนว่าต้องทำอย่างไร พอได้ยินเสียงของชายหนุ่ม ลูกมูกะจึงอ้าปากอย่างเชื่อฟัง
ในช่วงอายุหนึ่งขวบ ลูกสัตว์เผ่าพันธุ์อื่นจำนวนมากอยู่ในขั้นที่ฟันน้ำนมกำลังขึ้น แต่ฟันน้ำนมของลูกมูกะกลับใกล้จะหลุดแล้ว
เซี่ยหลวนดูฟันเขี้ยวที่เขารู้สึกว่ามันใกล้จะหลุดแล้วซี่นั้นใกล้ ๆ เมื่อแน่ใจว่าปล่อยให้ฟันซี่นี้หลุดเองได้ เซี่ยหลวนจึงพยักหน้าให้ลูกมูกะ
พอเห็นชายหนุ่มพยักหน้า ลูกมูกะถึงได้งับปากลงแล้วจ้องมองชายหนุ่มนิ่งเหมือนเคย
ความจริงแล้วนี่เป็นท่าทางเชื่อฟังของลูกมูกะ มันเก็บกรงเล็บของตัวเอง เห็นได้ว่ามันอยู่ในโอวาทของชายหนุ่มตรงหน้ามาก
เผ่ามูกะเป็นเผ่าพันธุ์นักรบโดยกำเนิด โครงสร้างร่างกายของพวกมันมีวิวัฒนาการที่ปรับให้เข้ากับการต่อสู้มาตลอด รูปลักษณ์ในปัจจุบันก็เกิดจากวิวัฒนาการตั้งแต่อดีตผ่านระยะเวลาอันยาวนานจนมีลักษณะแบบนี้ในที่สุด
ฟันน้ำนมหลุดเป็นสัญญาณว่าลูกมูกะจะกลายเป็นนักล่าโดยสมบูรณ์ แม้จะเป็นเพียงลูกสัตว์ก็ต้องพัฒนาพลังการต่อสู้ให้เร็วที่สุด เนื่องจากเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์นี้
“ถ้าฟันซี่อื่นเริ่มจะหลุดต้องมาให้ฉันดูนะ” เซี่ยหลวนพูดเนิบช้าขณะสบตาสีแดงฉานคู่นั้น
เซี่ยหลวนวาดภาพลูกมูกะไว้ที่โลกฝั่งเดิมของเขา เป็นภาพแนวจิบิ เลยทำให้ภาพลักษณ์ของลูกสัตว์กลายเป็นน่ารักทั้งที่จริงๆแล้วอันตราย แต่เซี่ยหลวนรู้ว่าที่จริงแล้วลูกมูกะตัวนี้เชื่องมาก เป็นเด็กว่านอนสอนง่ายเหมือนกับลูกสัตว์ตัวอื่น ๆ
หลังจากเซี่ยหลวนพูดจบ ลูกมูกะตรงหน้าก็ร้องครืดเบา ๆ อีกครั้งอย่างรวดเร็วเป็นการตอบรับอย่างเชื่อฟัง
พอฟันน้ำนมหลุดจะมีพลังการต่อสู้สูงขึ้น ลูกมูกะรับรู้ได้ตามสัญชาตญาณของเผ่าพันธุ์
อยากให้ฟันน้ำนมหลุดเร็ว ๆ จัง
ต้องพัฒนาพลังการต่อสู้ต่อไปถึงจะได้รับทรัพยากรเพื่อยังชีพมากขึ้น นี่เป็นความรู้ตามสัญชาตญาณของมัน
เมื่อเป็นเช่นนั้น รอจนมันเติบโตขึ้นก็จะแบ่งทรัพยากรในการยังชีพให้ชายหนุ่มได้มากขึ้นแล้ว แม้ชายหนุ่มจะรบไม่เป็นก็ไม่เป็นไร
นี่เป็นความคิดของลูกมูกะ แม้เซี่ยหลวนจะไม่ได้ขาดแคลนทรัพยากรที่ใช้ในการยังชีพ แต่ถ้าเขารู้ว่าลูกมูกะซึ่งฟันน้ำนมกำลังจะหลุดคิดอะไรอยู่ จะต้องใจอ่อนยวบแน่
ผ่านไปครึ่งเดือนกว่า สิ่งมีชีวิตในสาขาอวิ๋นเป่าอยู่กันอย่างสงบสุขเรื่อยมา ในระยะเวลาดังกล่าวเซี่ยหลวนได้ทำสิ่งที่เคยรับปากไว้กับลูกนกอ้วนสองตัวสำเร็จ อีกทั้งยังได้รับแหล่งเงินทุนใหม่โดยไม่คาดคิดด้วย
ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ดาวออร์ต พ่อของลูกเคิร์ดพาลูกตัวเองบินขึ้นท้องฟ้า เซี่ยหลวนเคยถามลูกนกอ้วนอีกสองตัวว่าไว้ต่อไปเขาจะพาพวกมันบินดีไหม และเวลานั้นลูกนกอ้วนสองตัวก็ร้องจิ๊บ ๆ ให้เขาหลายครั้งติดต่อกัน
เซี่ยหลวนไม่ได้พูดส่งเดชและโยนเรื่องนี้ทิ้งไป หลังกลับจากดาวออร์ตมาถึงสาขาอวิ๋นเป่าครั้งนั้น เขาก็หาวิธีที่จะทำให้มนุษย์ธรรมดาอย่างเขาบินขึ้นฟ้าและพาลูกสัตว์สองตัวไปด้วยได้จากสตาร์เน็ต
หนึ่งในวิธีที่เข้าท่าที่สุดก็คือซื้อเมก้าจิ๋ว
ขนาดของเมก้าจิ๋วจะขึ้นอยู่กับรูปร่างของแต่ละคน โดยปกติแล้วขนาดจะเทียบเท่ากับมนุษย์สวมเกราะเพิ่มเข้ามาอีกชั้นหนึ่ง ต่างกับเมก้าทั่วไปที่มีขนาดใหญ่มโหฬาร
เมก้าราคาไม่ใช่ถูก ๆ แม้ราคาเมก้าจิ๋วจะไม่แพงเท่าเมก้ารุ่นปกติ แต่เพราะเป็นอุปกรณ์ส่วนบุคคลที่ต้องสั่งทำและวัดตัว จึงมีราคาสูง
ราคาขั้นต่ำอยู่ที่สองล้านหน่วยเครดิตขึ้นไป สุดท้ายเซี่ยหลวนจึงมุ่งเป้าไปที่บริษัทประมูลสินค้าเพื่อให้ได้เงินทุนก้อนนี้มา
หลังจากเขาเอาไม้อวบน้ำไปประมูลที่บริษัทประมูลสินค้า จนทำให้ได้เงินทุนตั้งต้นที่นำมาใช้พัฒนาสาขาอวิ๋นเป่าและปรับปรุงคุณภาพชีวิตของลูกสัตว์ สาขาถึงดำเนินการต่อได้ตามปกติ เซี่ยหลวนก็ไม่ได้ไปที่บริษัทประมูลอีก
แน่นอนว่าของหายากนั้นมีราคาแพง แต่หากจะให้ขายไม้แบบนั้นอีกก็ไม่ควร และอาจเป็นการหาเรื่องปวดหัวอีกด้วย
ครั้งนี้เซี่ยหลวนจึงเลือกงานประมูลประเภทอื่น โดยของประมูลที่นำมาจากโลกเดิมสอดคล้องกับความต้องการของตลาด เมื่อนำสินค้ามาประมูลหลายอย่างจึงมีเงินพอซื้อเมก้าจิ๋ว
“จิ๊บ! จิ๊บ ๆ…”
ลูกนกสองตัวที่ชายหนุ่มพาไปยังลานกว้างกำลังกระพือปีกเล็กๆของพวกมันไม่หยุด ดวงตาดำแป๋วสองคู่นั้นสุกสว่างขึ้นมา
ลูกนกร้องเสียงใสพลางเอนตัวซบอกของชายหนุ่มซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เซี่ยหลวนลูบหลังที่มีขนนุ่มนิ่มของลูกนก ทั้งสองตัวจึงใช้จะงอยปากแหลมไซ้นิ้วมือที่ยื่นมาเบา ๆ และเซี่ยหลวนเองก็ตอบรับด้วยการใช้ปลายนิ้วแตะจะงอยปากเล็กแหลมของพวกมันอย่างแผ่วเบา
เซี่ยฉีและหลินอี้ยืนดูอยู่ไม่ไกล เซี่ยหลวนกดปุ่มหุ่นยนต์เมก้า จากนั้นเมก้าจิ๋วที่สร้างตามขนาดตัวก็ประกอบเข้ากับร่างของเขาอย่างรวดเร็ว
เซี่ยหลวนอุ้มลูกนกที่เขาวางไว้บนพื้นหญ้ากลับมาไว้ในอกใหม่อีกครั้ง หลังจากอุ้มลูกสัตว์สองตัวดีแล้ว เซี่ยหลวนก็บังคับเมก้าทะยานขึ้นไปจนใกล้กับชั้นเมฆ
ลูกนกที่ชายหนุ่มพาบินขึ้นฟ้ากระพือปีกเล็กด้วยความดีใจไม่หยุด พวกมันเอาแต่ส่งเสียงจิ๊บ ๆ กังวานใสออกมาไม่ขาดสาย
เซี่ยหลวนพาลูกนกบินขึ้นฟ้ารอบหนึ่ง กระทั่งลงสู่พื้นดิน ลูกนกทั้งคู่ก็ยังส่งสายตาออดอ้อนชายหนุ่มไม่เลิก
เขาลูบหลังของลูกนกทั้งสองตัว พวกมันยังคงซบเขาอยู่ตลอด เซี่ยหลวนจึงก้มหน้าลงแล้วจูบหน้าผากลูกนกตัวละที
หลังจากเซี่ยหลวนพาลูกนกสองตัวบินได้ไม่กี่วัน สาขาอวิ๋นเป่าก็ได้ต้อนรับผู้อุปการะเป็นรายแรก
ฝ่ายนั้นมาจากครอบครัวของเผ่าคูติ และแจ้งว่าอยากอุปการะลูกนกสองตัวนี้
“จิ๊บ ๆ?”
พวกเขาให้ลูกสัตว์ได้ลองคลุกคลีกับคนที่ตั้งใจจะรับอุปการะ ตอนหญิงเผ่าคูติอุ้มลูกนกสองตัวไว้ในอกอย่างทะนุถนอม พวกมันก็เงยหน้ามองคนที่กำลังใช้สายตาอ่อนโยนมองพวกมันอยู่
พวกมันจะมีพ่อแม่แล้ว?