幼崽护养协会
ผมจะเป็นซูเปอร์ฮีโร่ที่อนุบาลสัตว์ เล่ม 2
酒矣 (Jiu Yi)
เขียน
ชาเย็น Lover
แปล
— โปรย —
ด้วยความช่วยเหลือของเซี่ยหลวน
อนุบาลสัตว์ สาขาอวิ๋นเป่า พัฒนาก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว
มีเหล่าลูกสัตว์สมาชิกใหม่เพิ่มเข้ามามากมายในสาขา
การที่ได้ดูแลและอยู่กับเจ้าพวกตัวน้อยทั้งหลาย|
ทำให้เซี่ยหลวนเริ่มเข้าใจทีละนิด
ว่าเพราะอะไรเขาถึงถูกเลือกให้มาทำหน้าที่พี่เลี้ยงลูกสัตว์ ณ อวกาศแห่งนี้
—.—.—.—.—.—.—.—.—.—
ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ >> Rose Publishing
…XOXO…
มาดามโรส
ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์
บทที่ 52
วันที่ห้าสิบสองในฐานะพี่เลี้ยง
ลูกสัตว์ที่ไม่มีพ่อแม่ในสมาคมอนุบาลสัตว์สามารถรับอุปการะได้ แต่แน่นอนว่าไม่ใช่ใครก็สามารถรับเลี้ยงได้
อันดับแรกผู้อุปการะบุตรบุญธรรมจะต้องมีคุณสมบัติตามเงื่อนไขพื้นฐานที่ทางสมาคมอนุบาลสัตว์สาขากำหนด หลังจากมอบหนังสือรับรองต่าง ๆ และผ่านการประเมินจากสาขาแล้ว ถึงจะยืนยันได้ว่ามีคุณสมบัติเพียบพร้อมในการอุปการะบุตร
นอกจากเงื่อนไขพื้นฐานแล้ว สมาคมอนุบาลสัตว์แต่ละสาขาอาจจะมีข้อเรียกร้องสำหรับผู้ที่ต้องการรับอุปการะบุตรบุญธรรมเพิ่มเติม ซึ่งข้อเรียกร้องพวกนี้ล้วนเป็นไปเพื่อลูกสัตว์เป็นสำคัญ
ผู้อุปการะบุตรบุญธรรมสองคนที่เซี่ยหลวนต้อนรับในครั้งนี้มาจากดาวอันฮาร์ พวกเขาไม่ได้เลือกที่จะพูดคุยผ่านทางสตาร์เน็ตก่อน แต่เลือกมาเยือนถึงที่ด้วยตัวเองแล้วพูดคุยทำความเข้าใจกันต่อหน้า
มองจากมุมหนึ่งนับเป็นการแสดงความจริงใจของอีกฝ่าย
“เพราะปัญหาด้านสุขภาพของฉัน สองสามปีมานี้ฉันกับสามีเลยไม่มีลูกสักที…” พอเริ่มพูดคุยกัน หญิงเผ่าคูติที่ยืนอยู่ตรงข้ามเซี่ยหลวนก็หันไปมองสามีของตัวเองแวบหนึ่ง ก่อนจะเป็นฝ่ายพูดประโยคนี้ขึ้นมาก่อน
ขณะที่ยอมรับว่าตัวเองมีปัญหาด้านสุขภาพ ใบหน้าของหญิงสาวอ่อนวัยไม่ได้มีความลำบากใจใด ๆ เธอเพียงสอดประสานนิ้วมือทั้งสิบเข้าด้วยกันแล้วพยักหน้าให้ชายหนุ่มตรงหน้าเบา ๆ “นี่คือสาเหตุที่พวกเราอยากรับเลี้ยงลูกสัตว์ค่ะ อีกอย่าง หลังจากรับเลี้ยงพวกเขาแล้ว ครอบครัวของเราจะมีแค่ลูกสัตว์สองตัวนี้ตลอดไป จะไม่มีลูกสัตว์ตัวที่สามอีก นี่เป็นสิ่งที่ฉันและสามีให้คำมั่นได้ค่ะ”
เนื่องจากเคยเกิดกรณีแบบนี้ขึ้นไม่น้อย คู่สามีภรรยาอ้างว่าอยากจะอุปการะลูกสัตว์เพราะสาเหตุด้านสุขภาพ และครอบครัวไม่เหมาะแก่การมีบุตร แต่หลังจากนั้นกลับผิดคำพูด
พอมีลูกที่คลอดออกมาเองแล้วก็ไม่ใส่ใจลูกสัตว์ที่อุปการะเหมือนแต่ก่อน อาจถึงขั้นปฏิบัติด้วยความเย็นชา ซึ่งนั่นไม่ยุติธรรมกับลูกสัตว์ที่รับไปอุปการะ
เซี่ยหลวนให้เซี่ยฉีไปตรวจสอบหนังสือรับรองทุกฉบับที่อีกฝ่ายส่งมาให้เรียบร้อยแล้ว ยืนยันได้ว่าอีกฝ่ายมีคุณสมบัติเพียบพร้อมในการอุปการะบุตร พอได้ยินคำพูดดังนั้นแล้วก็ต้องบอกว่าทำให้เขาประทับใจอยู่บ้าง
แต่มีปัญหาอยู่ข้อหนึ่งที่เซี่ยหลวนรู้สึกสงสัย
“ทำไมถึงเลือกมาที่ดาวไกอาโดยเฉพาะล่ะครับ” ขณะที่เอ่ยถามก็สังเกตสีหน้าของฝ่ายตรงข้ามทั้งคู่ไปด้วย “ที่ดาวอันฮาร์ก็มีลูกสัตว์ของสมาคมอนุบาลสัตว์หลายสาขาให้เลือก อันที่จริงพวกคุณไม่จำเป็นต้องมารับเลี้ยงลูกสัตว์ไกลถึงสาขาของพวกเราเลย อีกอย่าง ก่อนที่พวกคุณจะมาก็ตัดสินใจไว้แล้วว่าจะรับเลี้ยงลูกสัตว์ตัวไหน ผมเลยอยากรู้สาเหตุที่พวกคุณเลือกลูกสัตว์สองตัวนี้น่ะครับ”
ดูเหมือนคำถามนี้ของเซี่ยหลวนไม่ค่อยเกินความคาดหมายนัก ตอนหญิงเผ่าคูติตอบจึงเผยรอยยิ้มสดใสบาง ๆ “เพราะตอนมหกรรมแข่งบิน ฉันเห็นท่าทางน่ารักน่าชังของลูกสัตว์สองตัวนี้ที่แท่นรับรางวัลค่ะ”
ความจริงแล้วมีลูกสัตว์ที่น่ารักสามตัว ตอนอยู่บนเวทีรับรางวัล ลูกนกสามตัวนี้ต่างยืดอกเล็กปุกปุยของตัวเองขึ้น ไอลีย์เห็นเพียงแวบเดียวก็สนใจแล้ว
เมื่อพบว่าลูกสัตว์สามตัวอยู่ในสมาคมอนุบาลสัตว์สาขาเดียวกัน ไอลีย์จึงติดตามสาขาอวิ๋นเป่ามาตั้งแต่นั้น
โดยทั่วไปแล้วสมาคมอนุบาลสัตว์แต่ละสาขาต่างมีฐานข้อมูลการลงทะเบียนลูกสัตว์เก็บไว้ในสตาร์เน็ตกันทั้งนั้น ยกเว้นลูกสัตว์ที่ผู้ปกครองชำระค่าฝากเลี้ยง หากทางสาขามีลูกสัตว์ที่รอรับการอุปการะก็จะมีการบันทึกข้อมูลของลูกสัตว์กำพร้าเหล่านี้ลงไปด้วย ส่วนลูกสัตว์ที่ได้รับการอุปการะแล้วก็จะมีสัญลักษณ์เพิ่มมาอย่างหนึ่ง
เธอพบว่าลูกสัตว์ที่น่ารักมาก ๆ สองตัวนั้นเป็นกำพร้าจากหน้าข้อมูลที่สาขาอวิ๋นเป่าเพิ่งสร้างขึ้นไม่นาน ไอลีย์จึงอยากรับอุปการะพวกมัน
รอยยิ้มในนัยน์ตาของอีกฝ่ายปราศจากความเสแสร้ง เมื่อได้ยินดังนี้คิ้วของเซี่ยหลวนก็คลายลง ไม่ได้ทำท่าทางเคร่งขรึมเหมือนทีแรกอีก
ฟังจากที่อีกฝ่ายพูด เซี่ยหลวนค่อนข้างพอใจผู้ปกครองสองท่านนี้ที่อยากจะรับอุปการะลูกสัตว์
แต่สิ่งที่เซี่ยหลวนให้ความสำคัญมากที่สุดยังคงเป็นความรู้สึกของลูกสัตว์ เขาจึงเสนอให้อีกฝ่ายได้ลองคลุกคลีกับทั้งสองตัวก่อน หากลูกสัตว์ให้ความสนิทสนมกับผู้อุปการะ ไม่รู้สึกต่อต้านหรือหวาดกลัว เซี่ยหลวนก็ยินดีให้อีกฝ่ายรับอุปการะพวกมัน
ทั้งหมดเป็นที่มาของภาพหญิงเผ่าคูติอุ้มลูกนกอ้วนสองตัวไว้ในอก เธอกำลังลูบจัดขนบนตัวพวกมันด้วยความใส่ใจและทำอย่างเบามือ
“จิ๊บ ๆ”
แม้จะเป็นผู้ใหญ่แปลกหน้า แต่ลูกนกทั้งสองรับรู้ได้จากการที่ผู้หญิงคนนี้ใช้นิ้วมือลูบจัดขนให้พวกมันอย่างเบามือ จึงเงยหน้าขึ้นร้องเสียงใสให้หญิงเผ่าคูติ
ใบหน้าของไอลีย์ฉายความยินดีเมื่อได้ยินเสียงร้องของลูกนกทั้งสอง เธอหวังว่าพวกมันจะรู้สึกดีกับตัวเองขึ้นอีกนิด จึงลูบขนนุ่มนิ่มบนหลังของทั้งคู่
เธออุ้มลูกนกสองตัวไว้นี้พักใหญ่ แต่เพราะไม่อาจทำความรู้จักเพียงคนเดียว ไอลีย์จึงต้องแบ่งให้สามีของตัวเองอุ้มลูกนกตัวหนึ่งด้วยความอาวรณ์
อาจเพราะผู้ชายไม่ละเอียดอ่อนเท่าผู้หญิง จึงไม่ค่อยเข้าใจว่าควรจะจัดการกับลูกสัตว์อย่างไร แต่ตอนที่อีกฝ่ายอุ้มลูกสัตว์ก็ระมัดระวังอย่างมาก เขาอุ้มให้กระชับ แล้วลูบหลังลูกนกเหมือนที่ภรรยาของตนทำ
“ต่อไปให้ฉันเป็นแม่ของพวกหนูดีไหมจ๊ะ” ลูกนกในอ้อมกอดมองไอลีย์ตาแป๋ว เธอจึงถามเบาๆ พอพูดจบก็ดึงสามีที่อยู่ข้าง ๆ มาด้วย “เขาด้วยนะ เขาเป็นพ่อของพวกหนู”
เธออยากให้ลูกสัตว์สองตัวนี้มาเป็นครอบครัวของตัวเองด้วยใจจริง ถึงแม้เพิ่งทำความรู้จักใกล้ชิดกันได้ไม่นาน ไอลีย์ก็รู้สึกว่าทั้งคู่เป็นเด็กดีและน่ารักมากจริง ๆ
ถ้ารับอุปการะได้โดยไม่ติดขัด เธอกับสามีจะรักลูกสัตว์สองตัวนี้ให้มากๆ
ลูกนกทั้งสองเองก็อยากมีพ่อแม่ เมื่อได้ยินคำพูดของหญิงเผ่าคูติที่ลูบขนให้พวกมันด้วยความใส่ใจเมื่อครู่ พวกมันจึงขยับปีกเล็กของตัวเองเบา ๆ โดยไม่ส่งเสียง ก่อนจะมองชายหนุ่มซึ่งยืนอยู่ด้านหน้าด้วยดวงตาแป๋วแหวว
แม้อยากจะมีพ่อแม่ อีกทั้งยังชอบความอ่อนโยนและเอาใจใส่จากผู้ใหญ่ทั้งคู่มากก็ตาม แต่ไม่ว่าอย่างไรสำหรับพวกมันแล้วเซี่ยหลวนก็ยังสำคัญกว่านิดหน่อยอยู่ดี
ไอลีย์เห็นสายตาของลูกสัตว์ทั้งสอง เธอจึงรีบเอ่ยกับเซี่ยหลวนอีกว่า “หลังจากรับเลี้ยงทั้งสองตัวนี้ พวกเราไม่คิดจะย้ายพวกเขาไปอยู่สาขาอื่นนะคะ เราจะยังให้พวกเด็ก ๆ อยู่สาขาอวิ๋นเป่าต่อไปค่ะ”
พวกเขาคิดว่ายังมีโอกาสได้อยู่ร่วมกับลูกสัตว์ได้ทุกสุดสัปดาห์ อีกอย่าง อีกสองเดือนก็จะเป็นวันหยุดยาวที่สมาคมอนุบาลสัตว์ทุกสาขากำหนดไว้ พวกเขาที่อยากสร้างความประทับใจต่าง ๆ ร่วมกับลูกสัตว์สองตัวนี้ก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนอะไร
เซี่ยฉีและคนอื่น ๆ ที่ดูเหมือนกำลังเล่นเป็นเพื่อนลูกสัตว์ แต่ความจริงพวกเธอกำลังแอบเงี่ยหูฟัง หญิงเผ่าคูติคนนี้พูดได้ตรงใจพวกเธอ
ลูกสัตว์ที่อนุบาลมานานขนาดนี้ หากได้รับการอุปการะไปแล้วจะต้องออกไปอยู่สาขาอื่น แม้ว่าจะเป็นเรื่องปกติ แต่อย่างไรในใจของพวกเธอก็ยังคงอาวรณ์อยู่นิดหน่อย
สุดท้ายลูกสัตว์สองตัวก็กลับไปสู่อ้อมอกอันคุ้นเคยของเซี่ยหลวน พวกมันพากันซบอกเขาเบาๆ
“เด็กน้อย อยากให้พวกเขาเป็นพ่อแม่ของพวกเธอไหม” เซี่ยหลวนแตะปีกเล็กของลูกสัตว์เบา ๆ ก่อนจะก้มหน้ามองดวงตาใสแป๋วสองคู่แล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ
ปฏิกิริยาของลูกสัตว์นั้นซื่อตรงมาก เซี่ยหลวนเห็นสายตาเป็นประกายเล็กน้อยของลูกนกสองตัว ก่อนพวกมันจะหันไปมองคนที่บอกว่าจะเป็นพ่อแม่ของพวกมัน แล้วหันกลับมาออดอ้อนเขาอีกครั้ง ก่อนจะส่งเสียงจิ๊บ ๆ เบา ๆ
“จิ๊บ ๆ”
ลูกสัตว์ตอบกลับ เซี่ยหลวนจึงพยักหน้าให้สองคนที่อยู่ตรงข้าม เมื่อดูจากความต้องการของลูกสัตว์ก็เป็นอันผ่านด่านแล้ว
ที่เหลือก็แค่ดำเนินการตามขั้นตอนให้เรียบร้อย ผู้อุปการะบุตรบุญธรรมคู่นี้ก็จะเป็นผู้ปกครองของลูกนกสองตัวนี้อย่างเป็นทางการ
พวกมันทั้งคู่จะยังคงอยู่ที่สาขาอวิ๋นเป่าต่อไป ดูภายนอกเหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่สำหรับลูกนกสองตัวนี้ ทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
พวกมันมีพ่อแม่แล้ว
ตอนแรกผู้ปกครองป้ายแดงอยากอุ้มลูกสัตว์อีกสักหน่อยแล้วค่อยจากไป สัปดาห์หน้าพวกเขาตั้งใจจะพาพวกมันไปเที่ยว ทว่ากลิ่นหอมที่โชยมาทำเอาพวกเขาชะงัก
ใกล้ถึงเวลาอาหารของพนักงานแล้ว เจิ้งโจวทำอาหารเสร็จก็ยกอาหารสองสามอย่างจากในครัวมาวางไว้บนโต๊ะกินข้าว
เมื่อได้กลิ่นหอมฉุยนี้ ผู้ปกครองป้ายแดงสองคนที่เปิดภัตตาคารก็อดเหลือบมองไม่ได้ พวกเขาเห็นอาหารหน้าตาดูใช้ได้สองสามอย่าง
อาหารพวกนี้ทำให้ทั้งสองมีปฏิกิริยาเล็กน้อย
ไม่กี่ปีมานี้ตั้งแต่ทั้งอวกาศเข้าสู่สภาวะมั่นคงและสงบสุข ผู้คนจึงมีเวลาเพลิดเพลินกับชีวิตมากยิ่งขึ้น อุตสาหกรรมอาหารในอวกาศที่ไม่ค่อยรุ่งเรืองในตอนแรกเริ่มพัฒนาขึ้นอย่างช้า ๆ ร้านรวงที่มีชื่อเสียงบางส่วนพากันรังสรรค์เมนูอาหารใหม่ ๆ ออกมาด้วยตัวเอง
เมื่อรู้ว่านี่เป็นอาหารที่เซี่ยหลวนให้สูตรมา ทั้งสองจึงเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมาทันใด พวกเขาอยากซื้อสูตรอาหารพวกนี้
“ซื้อด้วยวิธีแบ่งเปอร์เซ็นต์ คุณคิดว่าเป็นยังไงคะ” พวกเขาต้องการสูตรอาหารทั้งหมด และจะมอบกำไร 20 เปอร์เซ็นต์จากยอดขายเป็นการตอบแทน ไอลีย์รู้สึกว่าต้องคุ้มค่ามากอย่างแน่นอน
สาขาได้แหล่งเงินทุนเพิ่มแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยอย่างนี้ เซี่ยหลวนย่อมยินดีเป็นธรรมดา ทำให้ทั้งสองฝ่ายเจรจาตกลงกันได้ในเวลาอันรวดเร็ว
ตกกลางคืนเมื่อถึงเวลาพักผ่อน เซี่ยหลวนก็กลับเข้ามาในห้องพักพนักงาน
ตั้งแต่กลับจากดาวเฮเลนมิตต์ ทุกคืนบนเตียงของเขาก็ถูกยึดครองโดยลูกสัตว์สองตัว
นับแต่คืนนั้นที่ห้องพักในโรงแรม เมื่อกลับมาถึงดาวไกอา เซี่ยหลวนก็พบว่าเงือกน้อยไม่ยอมนอนเตียงเปลือกหอยอีกต่อไป พอตกกลางคืนก็อยากจะมานอนกับเขา
ถูกลูกเงือกเรียกว่า ‘ปะป๊า ปะป๊า’ ไม่กี่ครั้ง เซี่ยหลวนก็ปฏิเสธไม่ลง จึงเกิดเหตุการณ์อย่างในตอนนี้
พอเซี่ยหลวนล้มตัวลงนอน ลูกเงือกที่นอนอยู่กลางเตียงอย่างเรียบร้อยก็ซุกตัวเข้าหาเขาอย่างรวดเร็ว
“ปะป๊า~”
ลูกเงือกเรียกเซี่ยหลวน พอได้ยินเสียงตอบรับแผ่วเบาของชายหนุ่มมันจึงค่อย ๆ ปิดเปลือกตาของตัวเองลง เหลือเพียงครีบหางที่ส่ายไปมาเบา ๆ
เซี่ยหลวนมองท่าทางการนอนของลูกเงือก ช่วงนี้มันมักจะเอาหลังชิดพิงอกของเขา ส่วนมือก็จะจับเขาเล็กข้างหนึ่งของน็อกซ์ที่ขดอยู่ข้างหมอนอย่างเบามือ
เห็นภาพนี้แล้วเซี่ยหลวนจึงอดลูบเขาเล็กอีกข้างบ้างไม่ได้ ขณะที่กำลังจะหดมือกลับ ปลายนิ้วมือของเขาก็สัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นนิด ๆ
น็อกซ์จับจ้องนิ้วมือของชายหนุ่ม ก่อนจะเลียปลายนิ้วอย่างแผ่วเบาทีหนึ่ง
“ฮู่ววว”
เมื่อได้ทิ้งกลิ่นไว้บนร่างกายของชายหนุ่มอีกครั้ง อัยจึงหรี่ตาลงแล้วส่งเสียงงึมงำเบาๆ
เซี่ยหลวนหดมือกลับ แต่สุดท้ายก็ยังยื่นมือกลับไปลูบหลังขนปุกปุยของน็อกซ์อีกครั้งแล้วค่อยปิดไฟหลับตาลง
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากเซี่ยหลวนพาลูกเงือกกลับไปที่สระแล้วจึงเดินกลับไปยังห้องโถง เซี่ยฉีเรียกเขาไว้ อีกฝ่ายถามเขาด้วยสีหน้าจริงจังจนทำให้ออกจะตั้งรับไม่ทันอยู่บ้าง
“อาหลวน นายเคยคิดอยากรับเลี้ยงเกลน้อยบ้างไหม”