爱你怎么说
คุณชายซูเปอร์สตาร์แห่งวงการบันเทิง
风流书呆 เฟิงหลิวซูไต เขียน
ศีตกาล แปล
MOON วาด
— โปรย —
เซียวจยาซู่ เกิดมาในตระกูลใหญ่ผู้กุมบังเหียนด้านกลุ่มธุรกิจเภสัชกรรม
ทว่าด้วยพื้นเพทางมารดา ทำให้เขาเป็นที่ขวางหูขวางตาและเดียดฉันท์ของคนในตระกูล
เขาที่เสมือนคนไร้ประโยชน์ ได้แต่ใช้ชีวิตเหมือนซากศพไปวัน ๆ
ถูกแม่ตัวเองที่ทนดูสภาพของลูกชายไม่ไหว ลากเข้าไปทำงานในวงการบันเทิง
จนได้รู้จักกับราชาจอเงินอย่าง จี้เหมี่ยน ที่ขึ้นชื่อว่าอ่อนโยนและใจดี
แต่ในความเป็นจริงแล้ว เจ้าตัวกลับบ้าอำนาจและเผด็จการต่อคนรอบข้างอย่างที่สุด
ซ้ำยังดูไม่ชอบคุณชายอย่างเซียวจยาซู่เอามาก ๆ
ทว่าโชคชะตายากคาดเดา หลังจากจี้เหมี่ยนประสบอุบัติเหตุเจ้าตัวก็เปลี่ยนไป
ดูจะเข้าอกเข้าใจในสิ่งที่คนอื่นคิด และดีกับคุณชายเซียวมากขึ้น…
โดยที่ทุกคนหารู้ไม่ว่า ดาราใหญ่แห่งวงการบันเทิงอย่างเขาได้ความสามารถในการอ่านใจผู้อื่นมา
—.—.—.—.—.—.—.—.—.—
ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ >> Rose Publishing
…XOXO…
มาดามโรส
ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์
บทที่ 6
ปากร้าย
เนื่องจากผู้เข้าแข่งขันล้วนมีความสามารถอันแข็งแกร่งกันทั้งหมด ผลการตัดสินย่อมยากคาดเดา การแข่งขันแบบดวลกันในเวทีสุดท้าย ผู้เข้าแข่งขันสองคนมีคะแนนโหวตใกล้เคียงกันมากแบบไม่มีใครยอมใคร สุดท้ายผู้เข้าแข่งขันหญิงที่ภายนอกดูอ่อนหวานคนนั้นก็ได้คะแนนสูงกว่าเพียงคะแนนเดียวจึงได้รับชัยชนะไป เมื่อก่อนมักจะมีคนวิพากษ์วิจารณ์หลังจบการประกวดว่าเจ้าของรายการน่าจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง อาจจะจัดฉากกันลับ ๆ หรือเพิ่มกฎใหม่ที่ไม่ได้มีอยู่แต่แรกขึ้นมาบ้าง แต่ครั้งนี้ทุกคนกลับโห่ร้องยินดี บอกว่าผู้ชนะเลิศมีความสามารถแข็งแกร่งมาก และการที่เธอชนะก็สมกับที่ผู้ชมให้การสนับสนุน
จี้เหมี่ยนเป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้ผู้ชนะเองกับมือ ทั้งยังสวมกอดเธอบนเวทีและกล่าวแสดงความยินดีกับเธอด้วย ผู้เข้าแข่งขันสาวน้ำคลอพลางพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง
การแข่งขันจบลงเช่นนี้ ผู้ชมกำลังค่อย ๆ ทยอยกลับ แต่หลังเวทีกลับมีคนมารวมตัวกันอยู่มากมาย ทั้งกรรมการ ผู้เข้าแข่งขัน นักข่าว คนใหญ่คนโตทางฝั่งผู้จัดรายการ ทุกคนอยู่รอเพื่อร่วมงานเลี้ยงฉลอง เซียวจยาซู่เดินฝ่าฝูงชนอย่างยากลำบากมาถึงตัวผู้ชนะเลิศ เขาอยากจะคุยกับเธอ แต่ก็ถูกคนอื่นมาขัดเสียทุกครั้ง ในฐานะตัวเอกของงานคืนนี้ผู้เข้าแข่งขันสาวจึงถูกห้อมล้อมไปด้วยผู้คน มีทั้งเพื่อน ๆ ที่มาแสดงความยินดี ครอบครัว และยังมีนักข่าวกับพวกแมวมองด้วย
ฟางคุนยืนพิงกรอบประตูห้องแต่งหน้า เขาหัวเราะหึๆพลางเอ่ย “ก็ว่าทำไมหาคุณชายน้อยเซียวไม่เจอ ที่แท้ก็ไปเต๊าะสาวอยู่นี่เอง ท่าทางจะถูกใจหลี่จยาเอ๋อร์เข้าแล้วนะเนี่ย ถึงกับเบียดเข้าไปใกล้ ๆ เธอเชียว เห็นแบบนั้น แต่ตั้งนานแล้วก็ยังพูดไม่จบสักประโยคเลย”
ฟางคุนคล้ายจะชอบมองท่าทางน่าอายของเซียวจยาซู่มาก เขาอดไม่ได้ต้องค่อย ๆ มองอย่างพินิจพิจารณา
“เรียกเขากลับมา นายก็เข้าใจสถานการณ์ของหลี่จยาเอ๋อร์ดีนี่ เธอรับมือกับเรื่องแบบนี้ไม่ไหวหรอก” จี้เหมี่ยนพิงพนักเก้าอี้พักผ่อน ช่างแต่งหน้ากำลังลบเครื่องสำอางให้เขาอย่างระมัดระวัง
“ได้ ฉันจะไปเรียกเขามาเดี๋ยวนี้แหละ” ฟางคุนรีบให้ผู้ช่วยไปเรียกเซียวจยาซู่ เขาเห็นอีกฝ่ายโบกมือปฏิเสธจึงมีสีหน้าเหลืออด ทั้งยังเริ่มโมโหด้วย “พวกลูกเศรษฐีนี่ไร้สาระจริง คิดแต่จะเต๊าะสาวทั้งวี่ทั้งวัน ไม่ทำอะไรจริงจัง”
ที่เขาพูดอย่างนี้ก็เพราะมีเหตุผล ตอนที่หลี่จยาเอ๋อร์เพิ่งเข้าร่วมการแข่งขันใหม่ ๆ นั้น ฟางคุนก็มองเห็นศักยภาพของเธอแล้ว จึงเชิญเธอมารับประทานอาหารเพื่อทำความรู้จักกันให้มากยิ่งขึ้น แล้วเขาก็ยิ่งรู้สึกชื่นชมเธอมากขึ้นไปอีก เด็กคนนี้ปีนี้เพิ่งจะอายุยี่สิบ แต่กลับหยุดเรียนไปตอนที่อยู่ชั้นมัธยมปลาย สาเหตุคือลูกเศรษฐีคนหนึ่งดันถูกตาต้องใจเธอเข้า ทำให้เธอถูกรังแก จำเป็นต้องลาออกมาเพื่อความปลอดภัย แค่นี้ยังไม่พอ ลูกเศรษฐีคนนั้นไม่พอใจจึงกดดันเธอหลายทาง ทำให้พ่อแม่ของเธอเสียงานไป เธอจึงจำต้องรีบออกมาทำงานหาเงิน ผ่านประสบการณ์ยากลำบากมามากมาย
ภายหลังพ่อของเธอทนความลำบากเช่นนี้ไม่ไหวจึงหอบเอาเงินที่บ้านหนีไป ส่วนแม่เป็นโรคซึมเศร้า จึงต้องอยู่ในสถานพักฟื้นระยะยาว เธอทำงานไปด้วยดูแลแม่ไปด้วย แต่ก็ไม่ได้ยอมแพ้ต่อความจริงอันโหดร้าย ทั้งยังเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น เป็นคนสดใสร่าเริง มองโลกในแง่ดี โชคดีที่ลูกเศรษฐีคนนั้นย้ายถิ่นฐานไปอยู่ยุโรปแล้ว ชีวิตหลายปีมานี้ของเธอจึงดีขึ้นหน่อย
หลังจากที่นัดพบกันครั้งนั้น ฟางคุนก็เอาเรื่องราวของหลี่จยาเอ๋อร์ไปบอกจี้เหมี่ยน จี้เหมี่ยนรู้สึกซาบซึ้งจึงช่วยเหลือเธอในหลาย ๆ ด้าน ภายหลังยังพูดคุยเรื่องสัญญากับหลี่จยาเอ๋อร์ด้วยตัวเองอีก แม้ว่าสัญญานั้นจะยังไม่ได้บรรลุข้อตกลงในท้ายที่สุด แต่ทั้งสองฝ่ายก็พอจะมีความคิดอยู่ในใจบ้างแล้ว ดังนั้นหลี่จยาเอ๋อร์จึงนับว่าเป็นศิลปินที่ ‘สตูดิโอก้วนเหมี่ยน’ จองตัวเอาไว้เป็นการภายใน พวกเขาย่อมต้องปกป้องเธอ
เมื่อเห็นว่าให้ตายอย่างไรเซียวจยาซู่ก็ไม่ยอมมา ฟางคุนจึงได้แต่ไปลากอีกฝ่ายมาด้วยตัวเอง
“นายสนใจหลี่จยาเอ๋อร์หรือ” เมื่อปิดประตูห้องแต่งหน้าแล้ว ฟางคุนก็ถามด้วยสีหน้าคล้ายจะยิ้มแต่ก็ไม่ได้ยิ้มออกมา
“นี่เป็นชื่อในวงการของเธอใช่ไหมครับ ชื่อจริงเธอชื่ออะไร บ้านอยู่ที่ไหนครับ” เซียวจยาซู่ถามรัว
“นายกำลังซักประวัติทำสำมะโนครัวอยู่หรือไง” ฟางคุนเอ่ยเตือน “เธอจะเซ็นสัญญากับสตูดิโอก้วนเหมี่ยนอยู่วันนี้พรุ่งนี้แล้ว นายอย่ามาสนใจเธอเลย ถ้าจะเต๊าะสาวก็ไปเต๊าะข้างนอก อย่าสร้างความวุ่นวายในบริษัท”
“ผมไม่ได้จะสร้างความวุ่นวาย” เซียวจยาซู่ไม่คิดเลยสักนิดว่าฟางคุนจะคิดกับเขาแบบนี้ เขารู้สึกน้อยใจขึ้นมาทันที
“ถ้าไม่คิดอย่างนั้นจะดีที่สุด” จี้เหมี่ยนที่ลบเครื่องสำอางเสร็จแล้วยืนขึ้น เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “หลี่จยาเอ๋อร์มีศักยภาพมาก ฉันจะบ่มเพาะเธอเป็นอย่างดี ตอนนี้ไม่อยากให้เธอว่อกแว่กไปกับการมีความรัก นายจะชอบเธอก็ได้ แต่อย่ารบกวนการทำงานกับชีวิตส่วนตัวของเธอ ขอแค่นี้คงไม่มากเกินไปหรอกใช่ไหม”
“ผมไม่ได้ชอบเธอ” เซียวจยาซู่ไม่รู้ว่าจะแก้ตัวพิสูจน์ตนเองได้อย่างไร และก็รู้สึกแย่ขึ้นมาแล้วด้วย ใบหน้าของเขาจึงเผยมันออกมาอย่างไม่อาจเลี่ยง
จี้เหมี่ยนเพ่งมองเขาอยู่นาน จากนั้นก็เอ่ยต่อ “ถึงสตูดิโอก้วนเหมี่ยนจะอยู่ภายใต้บริษัทก้วนซื่อ แต่ฉันมีอำนาจในการควบคุมสตูดิโอนี้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้านายรู้สึกว่าทำงานกับฉันแล้วไม่สะดวกใจ จะยื่นเรื่องขอไปอยู่แผนกอื่นก็ได้”
“ไม่…ผมไม่ได้ไม่สะดวกใจครับ” เซียวจยาซู่ยิ่งไม่อยากพูดกับคนพวกนี้เข้าไปใหญ่ เขาทำผิดอะไร ก็แค่อยากจะพูดคุยกับเธอสักหน่อยเท่านั้นเอง ทำอย่างกับว่าเขากำลังไปบังคับผู้หญิงดี ๆ ให้กลายเป็นผู้หญิงขายตัวอย่างนั้นแหละ! เขารู้สึกว่าจี้เหมี่ยนคล้ายจะไม่ได้อ่อนโยนอย่างที่คนอื่นพูดกัน กลับกันคือเป็นคนบ้าอำนาจ เอาตัวเองเป็นใหญ่เสียด้วยซ้ำ
เวลานี้เองมีคนข้างนอกเคาะประตูพอดี ผู้ช่วยแง้มประตูเป็นช่องเล็ก ๆ แล้วเอ่ยเบา ๆ “พี่คุน หลี่จยาเอ๋อร์ครับ”
“ให้เธอเข้ามา” ฟางคุนรีบปรับสีหน้าเป็นยิ้มแย้มทันที “จยาเอ๋อร์ สัมภาษณ์เสร็จแล้วหรือ อย่าเพิ่งรีบไปนะ เดี๋ยวไปกินมื้อดึกกับพวกเรากัน จะได้คุยเรื่องสัญญาด้วย”
“ได้ค่ะพี่คุน” หลี่จยาเอ๋อร์เดินมาอยู่ข้าง ๆ จี้เหมี่ยนแล้วเอ่ยยิ้ม ๆ “พี่จี้ ขอบคุณที่โหวตให้ฉันนะคะ ฉันไม่เคยแม้แต่จะฝันเลยว่าจะได้เป็นผู้ชนะเลิศ!”
“มันคือสิ่งที่เธอควรได้รับ” จี้เหมี่ยนยิ้มน้อย ๆ โบกมือพลางว่า “ไปกันเถอะ ไปกินมื้อดึกกัน หลายวันมานี้ลำบากเธอแย่เลย”
“ไม่ลำบากเลยค่ะ มันเป็นช่วงเวลาที่งดงามที่สุดในชีวิตของฉัน ฉันจะไม่มีวันลืมเลยค่ะ” หลี่จยาเอ๋อร์เดินตามทั้งสองคนไปที่ลานจอดรถ เธอเห็นเซียวจยาซู่เข้ามานั่งที่เบาะหลังในรถตู้คันเดียวกัน ดวงตาคู่นั้นก็ฉายแววสงสัยแต่ไม่ได้เอ่ยถามออกไปทันที คนคนนี้หน้าตาหล่อเหลางดงามขนาดนี้ คงเป็นเด็กใหม่ที่เตรียมจะเดบิวต์ละมั้ง
เมื่อเห็นคุณชายน้อยเซียวตามขึ้นรถมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ฟางคุนก็ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย เขาเอ่ยแนะนำอย่างจนใจ “นี่คือผู้ช่วยของพี่จี้ เซียวจยาซู่”
“พี่เซียว สวัสดีค่ะ!” หลี่จยาเอ๋อร์ยิ้มหวาน
“ปีนี้ผมอายุยี่สิบ คุณล่ะ” เซียวจยาซู่มองตรงไปข้างหน้าด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
“…ปีนี้ฉันอายุยี่สิบเอ็ดค่ะ” รอยยิ้มหวาน ๆ ของหลี่จยาเอ๋อร์แข็งค้างไปหนึ่งวินาที
เซียวจยาซู่ขานรับเสียงหนึ่ง “อ้อ”
แทงใจดำแล้วเนี่ย! นี่จีบสาวเป็นหรือเปล่าหา! ถ้าไม่เป็นก็รีบไสหัวลงจากรถไปเลย อย่ามาทำตาแข็งอยู่ตรงนี้! ฟางคุนโกรธจนแทบหัวเราะออกมา เขาหันไปถลึงตาใส่เซียวจยาซู่ แม้แต่จี้เหมี่ยนที่ควบคุมสีหน้าตัวเองเก่งยังอดขมวดคิ้วไม่ได้
เซียวจยาซู่กลับไม่รู้ตัวเลยสักนิด เขาพูดต่อ “คุณทำศัลยกรรมมาหรือเปล่า ตา จมูก คางของคุณดูไม่เป็นธรรมชาติเลยสักอย่าง”
หลี่จยาเอ๋อร์ “…”
ฟางคุนยอมใจเซียวจยาซู่จริง ๆ เขาเคยเห็นคนที่พูดคุยไม่เป็นมาบ้าง แต่ไม่เคยเห็นใครที่คุยแล้ววอนโดนต่อยขนาดนี้ ถ้าเขาเป็นหลี่จยาเอ๋อร์ละก็ คงฟาดไปสักฝ่ามือนานแล้ว
หลี่จยาเอ๋อร์แอบสูดหายใจเข้าออกอยู่เงียบ ๆ จากนั้นก็มองจี้เหมี่ยนซึ่งนั่งตรงที่นั่งข้างคนขับแล้วพูดเบา ๆ “พี่จี้คะ ก่อนหน้านี้ฉันลืมบอกไปว่าฉันเคยทำศัลยกรรมมา ฉันไม่อยากให้คนคนนั้นหาฉันเจอ ดังนั้นพอหยุดเรียนแล้วฉันก็เลยไปทำศัลยกรรม…”
จี้เหมี่ยนเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ไม่เป็นไร เรื่องแบบนี้มีเยอะแยะในวงการบันเทิง รูปลักษณ์ภายนอกของดาราน่ะเป็นสินค้าอย่างหนึ่ง ต้องดูแลให้ดี ๆ เธอส่งรูปสมัยก่อนนี้ให้ฟางคุนแล้วกัน ต่อไปเขาจะได้เอาไปใช้เวลาโปรโมตเธอได้สะดวก ๆ”
“ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะพี่จี้ ขอบคุณค่ะพี่คุน ในมือถือของฉันไม่มีรูปสมัยก่อนเลย เอาไว้กลับบ้านแล้วจะไปหาในมือถือเครื่องเก่าส่งให้นะคะ ถ้ามีนักข่าวถามเรื่องนี้ขึ้นมาฉันก็ไม่อยากปิดบัง อย่างนี้ได้หรือเปล่าคะ ทำอย่างนี้แล้วจะทำให้ถูกใส่ร้ายเอาได้หรือเปล่า ฉันไม่ค่อยอยากโกหกเลย อยากจะแสดงตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง” หลี่จยาเอ๋อร์เอ่ยอย่างประหม่า
“ทำหน้ามาขนาดนี้ยังจะมาพูดว่าอยากแสดงตัวตนที่แท้จริงของตัวเองอะไรอีก เหอะ!” เซียวจยาซู่เอ่ยขึ้นมาเนิบ ๆ
หลี่จยาเอ๋อร์ “…” คนคนนี้เป็นใครเนี่ย ประสาทหรือไง
ฟางคุน จี้เหมี่ยน “…” คุณชายน้อยเซียวคงไม่ได้เชื่อลูกไม้แบบเด็กประถมนั่นหรอกนะ…ที่ว่าชอบใครให้แกล้งคนนั้นน่ะ
ผ่านไปครู่หนึ่งจี้เหมี่ยนจึงค่อยพูดต่อ “จะยอมรับหรือไม่ยอมรับทั้งหมดก็แล้วแต่ตัวของเธอเลย ฉันจะไม่ก้าวก่ายหรอก สตูดิโอจะเตรียมการโปรโมตให้สอดรับกับสิ่งที่เธอจะทำ ต่อให้ถูกใส่ร้ายก็ไม่กลัว เพราะเราพิสูจน์ความบริสุทธิ์ได้เสมอ”
“ใช่ ถูกใส่ร้ายก่อนแล้วค่อยพิสูจน์ความบริสุทธิ์ จากนั้นก็ดัง มันก็เป็นวิธีสร้างชื่อเสียงวิธีหนึ่งนะ ถ้าเธอไม่อยากปิดบังก็เปิดเผยเต็มที่ไปเลย แฟนคลับสมัยนี้ชอบดาราที่ตรงไปตรงมากันมาก ถ้าวางแผนให้ดีก็ไม่แน่ว่าจะถูกใส่ร้ายเสมอไป” ฟางคุนปลอบ
ผู้เข้าแข่งขันหญิงรายการซูเปอร์ซินเซิงไต้ส่วนใหญ่เคยศัลยกรรมมา บางคนก็เห็นชัดมาก หน้าแหลมยิ่งกว่าพลั่วเสียอีก ถ้าก้มหน้าคงจะเจาะอกเป็นแผลได้เลย ผู้ชมต้องตาบอดจริง ๆ เท่านั้นจึงจะมองไม่ออก แต่พวกเธอกลับไม่กล้ายอมรับ ถ้าเวลานี้หลี่จยาเอ๋อร์ออกมาสารภาพอย่างตรงไปตรงมาก็จะเป็นการสร้างกระแสใหม่ ไม่เพียงแต่ไม่ถูกรังเกียจเท่านั้น แต่อาจได้ใจคนทั่วไปที่ไม่ใช่แฟนคลับด้วย จากนั้นฝ่ายโปรโมตก็จะเชิญพวกสุ่ยจวิน[1]มาดึงทิศทางของคำวิพากษ์วิจารณ์ไป ภาพลักษณ์ของหลี่จยาเอ๋อร์ก็จะเปลี่ยนแปลงได้ในเวลาอันรวดเร็ว ขณะเดียวกันยังสร้างคาแร็กเตอร์ ‘กล้าพูดกล้าทำ นิสัยตรงไปตรงมา’ ให้เธอได้อีกด้วย เรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
ฟางคุนยิ่งรู้สึกว่าเข้าท่ามากขึ้นทุกที เขาแอบจดเรื่องนี้เอาไว้ เตรียมจะเอากลับไปให้ทีมงานวางแผนกลยุทธ์
หลี่จยาเอ๋อร์วางใจโดยสมบูรณ์ เธอหยิบโทรศัพท์มือถือมาคลิกเปิดคลังรูปภาพเพื่อจะหารูปตอนที่เธอยังไม่ได้ทำศัลยกรรม
เซียวจยาซู่เอ่ยปากอีกครั้ง “ส่งให้ผมสักรูปด้วยสิ แอดผมเป็นเฟรนด์ในวีแชทด้วย” พูดจบก็ยื่นโทรศัพท์มือถือให้ด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจ หน้าจอโทรศัพท์ของเขาเปิดคิวอาร์โค้ดวีแชทเอาไว้ให้แล้ว
หลี่จยาเอ๋อร์ละยอมใจผู้ช่วยเซียวคนนี้จริง ๆ วิพากษ์วิจารณ์เขาแล้วยังจะให้แอดเฟรนด์อีก นี่ลืมกินยาหรือเปล่าเนี่ย
“ใครเขาขอรูปผู้หญิงตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน” จี้เหมี่ยนเอ่ยเสียงเรียบ “ผู้ช่วยเซียว บ้านนายอยู่ไหน ฉันไปส่งนายก่อนแล้วกัน”
ฟางคุนเหลือบมองจี้เหมี่ยนเร็ว ๆ แล้วลอบหัวเราะในใจ พี่จี้นี่อดทนแล้วอดทนอีกจนอดไม่ไหวแล้วสินะ เซียวจยาซู่ก็สุด ๆ ไปเลย ขนาดพี่จี้ที่ความอดทนสูงขนาดนี้ยังยั่วให้โกรธได้
เซียวจยาซู่โบกมือพลางว่า “ผมจะไปกินมื้อดึกกับพวกคุณด้วย”
ฟางคุนเกือบปล่อยพวงมาลัยรถมาปรบมือให้ความหน้าหนาของคุณชายน้อยเซียวโดยไม่สนความปลอดภัยอะไรทั้งนั้นแล้วเชียว แต่จี้เหมี่ยนก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ไปแล้ว ครู่ต่อมาเขาก็อ่านสิ่งที่แสดงอยู่บนหน้าจอ “เขตตงเฉิง ถนนติ่งไท่ ซินเหอจยาย่วน”
เฮ้ย ๆ ๆ คุณอ่านที่อยู่บ้านผมทำไมเนี่ย คนที่ทำตัวหน้าไม่อายเป็นครั้งแรกในชีวิตอย่างเซียวจยาซู่รู้สึกกระอักกระอ่วนแล้วก็ท้อแท้ใจอย่างที่สุด แต่เขาไม่มีทางหยุดไม่ให้ฟางคุนขับรถไปถึงปากทางซินเหอจยาย่วนได้ ที่นี่เป็นเขตคนรวยที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง ข้างในมีแต่วิลล่า ระบบรักษาความปลอดภัยเข้มงวดมาก เดิมทีรถที่มาจากข้างนอกไม่สามารถเข้าไปได้ แน่นอนฟางคุนเองก็ไม่ได้อยากขับเข้าไปหรอก เขาหันกลับมามองคุณชายน้อยเซียวที่ทำหน้าหมองแล้วเอ่ยเร่ง “ถึงบ้านแล้ว รีบเข้าไปเถอะ”
รถจอดที่ปากทาง พนักงานรักษาความปลอดภัยเดินออกมาเหมือนจะมาถาม เซียวจยาซู่จึงจำต้องเปิดประตูรถอย่างไม่เต็มใจ
เมื่อส่งพ่อคุณชายคนนี้ลงไปได้แล้ว ฟางคุนกับหลี่จยาเอ๋อร์ก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย จี้เหมี่ยนค่อย ๆ คลายคิ้วที่ขมวดแน่นออกจากกัน
[1] พวกรับจ้างสร้างกระแสในอินเทอร์เน็ต