[ทดลองอ่าน] หวงจินไถ ปรปักษ์เร้นรัก บทที่ 5

黄金台
หวงจินไถ ปรปักษ์เร้นรัก

ชางอู๋ปินไป๋ เขียน
ฟองสมุทร แปล
Mao Shu วาด

– โปรย –

ฟู่เซิน แม่ทัพหนุ่มผู้มากความสามารถที่ชีวิตกลับพลิกผันเพราะใช้การขาทั้งสองข้างไม่ได้
ซ้ำยังได้รับพระราชทานงานสมรสกับศัตรูคู่อาฆาตอย่าง เหยียนเซียวหาน
เขาจึงเลือก “หวงจินไถ” แท่นพิธีอันเป็นจุดเริ่มต้นแห่งเกียรติยศเป็นสถานที่ไหว้ฟ้าดิน
เพราะที่นี่เป็นจุดเริ่มต้นแห่งความรุ่งโรจน์
เขาจึงขอเลือกที่นี่เป็นจุดเริ่มต้นของความอัปยศเช่นกัน

—.—.—.—.—.—.—.—.—.—

ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่
เพจ >> Rose Publishing
ทวิตเตอร์ >> Rose Publishing
…XOXO…

ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์

 

บทที่ 5

 

ปีนี้ถูกลิขิตให้ไม่สงบสุข ใกล้ปลายปี ต่อจากเหตุการณ์ซุ่มโจมตีคณะทูตเผ่าต๋าตะวันออกที่สร้างความตื่นตกใจแก่ราษฎรและราชสำนัก ก็มีข่าวลือเกี่ยวกับแม่ทัพเป่ยเยี่ยนแพร่งพรายท่ามกลางหมู่ขุนนางชั้นสูงในเมืองหลวง จากกลุ่มเล็กๆ จนเป็นวงกว้าง…

จิ้งหนิงโหวฟู่เซินเป็นพวกตัดแขนเสื้อ[1]

ข่าวลือนี้ค่อนข้างประหลาด แต่เมื่อคิดอย่างถี่ถ้วนก็มีมูลความจริงอยู่บ้าง ยิ่งไปกว่านั้นผู้คนมักคาดเดาและแต่งเติมความจริงไปในทางที่เลวร้ายที่สุด ไม่นานนัก เรื่องราวความรักของฟู่เซินตั้งแต่เข้าร่วมกองทัพก็ถูกพูดคุยเป็นคุ้งเป็นแควท่ามกลางตระกูลขุนนางชั้นสูง ถึงขั้นกลายเป็นประเด็นพูดคุยยามว่างของคนบางส่วน

ในต้าโจว รสนิยมรักร่วมเพศไม่ใช่เรื่องแปลก คนทั่วไปก็เปิดใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทว่าเมื่อเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นกับแม่ทัพผู้กุมอำนาจทหารไว้ จึงไม่ใช่เพียงรสนิยมธรรมดา

ราชวงศ์ก่อนหน้านี้เรียกว่า “เย่ว์” เป็นราชวงศ์ที่ยืนยาวกว่าร้อยปี หนึ่งในนั้นมีเรื่องราวความรักที่เลื่องลือยาวนานของหวงตี้นามว่าซู่จง

ยามซู่จงยังไม่ขึ้นครองราชย์ เขาโปรดปรานหญิงงามสกุลหานผู้หนึ่ง หลังขึ้นครองราชย์ เขาไม่เพียงแต่งตั้งให้นางเป็นกุ้ยเฟย[2] ทั้งยังแต่งตั้งตำแหน่งให้กับบิดา พี่ชาย และน้องชายของนางอีกด้วย น้องชายของหานกุ้ยเฟยนามว่าหานชาง ประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่าเขา “รูปลักษณ์งดงามราวกับสตรี ล้ำค่าเสมือนไข่มุกและหยก” หานชางเข้าเป็นองครักษ์หลวนอี๋เพราะพี่สาว ครั้งหนึ่งเขาแสดงตัวต่อหน้าหวงตี้ขณะขี่ม้าคุ้มกัน ซู่จงตกหลุมรักเขาตั้งแต่แรกเห็น หลังกลับวังหลวง หวงตี้ยังคงไม่ลืมเหตุการณ์นั้น จึงต้อนรับหานชางเข้าวังหลวง หานชางไม่เพียงเป็นที่โปรดปราน หวงตี้ยังแต่งตั้งตำแหน่ง “กุ้ยจวิน” ขึ้นเป็นพิเศษ ซึ่งมีตำแหน่งสูงกว่ากุ้ยเฟย ทำให้พี่สาวกับน้องชายปรนนิบัติรับใช้บุรุษคนเดียวกัน

ราชวงศ์ต้าเย่ว์ไม่เคยมีแบบอย่างเช่นนี้มาก่อน ทั้งราชสำนักและราษฎรล้วนประหลาดใจ ขุนนางฝ่ายทหารและพลเรือนต่างต่อต้าน แทบอยากเรียงแถวโขกศีรษะจนตายอยู่หน้าตำหนัก

แม้ซู่จงมีรสนิยมผิดแผกจนชวนให้ตกตะลึง ทว่าหากไม่นับเรื่องนี้ เขาก็เป็นประมุขของแคว้น ทนไม่ได้ที่พวกไม่เอาไหนวิพากษ์วิจารณ์เรื่องส่วนตัวของตน ด้วยความโกรธเกรี้ยว หวงตี้ผู้เจ้าเล่ห์จึงออกคำสั่งอนุญาตให้ปัญญาชนรับบุรุษเป็นภรรยารองได้ ทั้งยังอนุญาตให้ขุนนางขั้นหกขึ้นไปและขุนนางตระกูลสูงศักดิ์แต่งบุรุษเป็นภรรยาหลวง

เบื้องบนกระทำอย่างไร เบื้องล่างย่อมปฏิบัติตาม ผู้คนในราชสำนักเป็นผู้รับชมเสียส่วนใหญ่ ทว่าปัญญาชนจำนวนมากกลับทำให้รสนิยมชายรักชายเป็นเรื่องสง่างาม เมื่อผู้คนทยอยทำตามๆ กัน รสนิยมชายรักชายจึงรุ่งโรจน์ตั้งแต่นั้นมา ซู่จงครองราชย์มาเกือบสามสิบปี ก็ไม่มีผู้ใดกล้ายื่นคำร้องให้ยกเลิกคำสั่งนี้

จนกระทั่งราชวงศ์ก่อนค่อยๆ เสื่อมอำนาจ ซวนจงที่ครองราชย์ในตอนนั้นรู้สึกว่ารสนิยมชายรักชายผิดกฎธรรมชาติ ทำให้ประชากรไม่อุดมสมบูรณ์ ชายวัยเยาว์ลดลงอย่างชัดเจน ทำการเพาะปลูกยาก ต่อมาจึงสั่งห้ามราษฎรแต่งงานระหว่างชายกับชาย ให้ภรรยารองกลับตระกูล คืนโฉนดขายตัวและขึ้นทะเบียนสำมะโนครัวใหม่ ทว่าก็มีข้อยกเว้น ซวนจงไม่เพียงอนุญาตให้ชายที่แต่งเป็นภรรยาหลวงอยู่บ้านสามีต่อไป แต่ยังออกคำสั่งพิเศษว่าจะประทานงานสมรสเป็นรางวัลให้ขุนนางระดับหกขึ้นไป ขุนนางบรรดาศักดิ์กงโหว และราชวงศ์ที่เสนอว่าต้องการแต่งบุรุษเป็นภรรยาหลวง

คำสั่งนี้จึงกลายเป็นกลยุทธ์สร้างสมดุลอำนาจระหว่างขุนนางชั้นสูงกับราชวงศ์ โดยเฉพาะขุนนางชั้นสูงที่สืบทอดบรรดาศักดิ์จากรุ่นสู่รุ่น การแต่งบุรุษเป็นภรรยาย่อมทำให้ไร้ทายาท ไร้ผู้สืบทอดบรรดาศักดิ์ ราชสำนักก็จะยึดบรรดาศักดิ์กลับคืนหลังจากเสียชีวิต

หลังจากราชวงศ์เย่ว์ล่มสลาย วิธีเลือดเย็นเช่นนี้ก็ยังถูกใช้มาจนถึงปัจจุบัน นับตั้งแต่ก่อตั้งต้าโจว ก็มีขุนนางชั้นสูงหลายสิบคนที่มักก่อความวุ่นวาย ได้รับพระราชทานงานสมรสพิเศษเป็นรางวัลจากหวงตี้

แม่ทัพแห่งกองทัพเป่ยเยี่ยน จิ้งหนิงโหว บุตรคนโตของอิ่งกั๋วกง ไม่ว่าฐานะใด สิ่งที่หวาดกลัวที่สุดย่อมเป็นคำว่า “ตัดแขนเสื้อ”

ผู้คนมากมายกำลังจับจ้องเขา ด้านหวงตี้ก็กังวลว่าจะไม่มีข้ออ้างที่จะรวบรวมอำนาจทหารไว้ในมือ แล้วทำไมข่าวลือจึงแพร่งพรายไปทั่วในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้

ฟู่เซินอยู่จวนว่างๆ ไม่ไปมาหาสู่กับญาติสนิทมิตรสหาย ย่อมไม่รู้ข่าวลือเหล่านี้ ทว่าผู้ใต้บัญชากลับได้ยินข่าวลือไม่น่าเชื่อถือของจิ้งหนิงโหวมามากมาย ไม่ว่าเรื่องพิลึกพิลั่นเหนือธรรมดาแค่ไหนล้วนมีทั้งนั้น พวกเขาจึงชินชาต่อข่าวลือเหล่านี้

ยิ่งมีความอ่อนไหวทางการเมือง พวกเขายิ่งไม่ควรพูดข่าวลือเช่นนี้ตามอำเภอใจ

ผู้วางแผนเตรียมการไว้อย่างดี ทว่าผู้ถูกกระทำกลับไม่รู้อะไรเลย

เหยียนเซียวหานที่เพิ่งตื่นได้ยินข่าวลือนี้จากองครักษ์เฟยหลง หัวใจก็เต้นแรงด้วยสังหรณ์ถึงลางร้าย

คืนนั้นเขาไม่รอคำตอบจากฟู่เซิน ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ ไม่ว่าคนแข็งแกร่งเพียงใดก็คงอดหวั่นใจไม่ได้ แม้เหยียนเซียวหานเป็นฝ่ายได้เปรียบ ทว่าเขากลับไม่ดีใจแต่อย่างใด

หยวนไท่หวงตี้มิได้ให้องครักษ์เฟยหลงรับช่วงต่อคดีคณะทูตชนเผ่าต๋าตะวันออกถูกโจมตี เหยียนเซียวหานจึงได้แต่ลอบสืบสวน แม้ฟู่เซินกล่าวว่าตนประเมินเขาสูงเกินไป ทว่าคนที่กลับจากสนามรบได้อย่างปลอดภัยถูกซุ่มโจมตี กลับเสมือนเป็ดจมน้ำตาย ยิ่งไปกว่านั้นการซุ่มโจมตีครั้งนี้ยังมีแต่ความไม่ชอบมาพากล ทว่าองครักษ์เฟยหลงกลับยังคงไม่พบผู้บงการจวบจนตอนนี้

ท่าทางของฟู่เซินทำให้เขาสงสัยว่าคดีนี้อาจมีเงื่อนงำบางอย่าง และเหยียนเซียวหานต้องการรู้ความจริงให้ได้

ไม่เกี่ยวกับความเที่ยงธรรมหรือศีลธรรม แต่เพราะเขากุมดาบคมกริบที่ไร้ผู้ใดทัดเทียมแทนหวงตี้ เขาต้องมองคลื่นใต้น้ำอันปั่นป่วนให้กระจ่างชัด จึงจะควบคุมดาบโดยไม่ให้ถูกมันแว้งกัดหรือถูกกระแสน้ำพัดพาไปด้วย

หวงตี้ราชวงศ์นี้ให้ความสำคัญกับทหารรักษาพระองค์ เขตเมืองหลวงมีสิบองครักษ์คือจินอู๋ หลวนอี้ จิ่วเหมิน เซียวฉี และเป้าเทา แบ่งเป็นฝ่ายซ้ายและขวา เรียกว่า “สิบองครักษ์สำนักใต้” ภายในวังหลวงมีหกองครักษ์คืออวี่หลิน เสินซู และเสินอู่ แบ่งเป็นฝ่ายซ้ายและขวา เรียกว่า “หกองครักษ์สำนักเหนือ” นอกจากนี้ยังมีองครักษ์เฟยหลงคอยตรวจตราสี่ชายแดน โดยทูตแทนพระองค์ขุนนางขั้นสามมีอำนาจรายงานหวงตี้ได้โดยตรง

แม่ทัพทั้งหมดขององครักษ์สำนักเหนือล้วนเข้าเป็นองครักษ์เฟยหลง ครั้นเหยียนเซียวหานรับตำแหน่งทูตแทนพระองค์ เขาจึงอยู่เหนือเหล่าแม่ทัพ มีอำนาจเป็นผู้บัญชาการองครักษ์สำนักเหนือ

แม่ทัพเว่ยซวีโจวแห่งกองทัพเสินซูฝ่ายซ้ายนำข่าวลือว่า “จิ้งหนิงโหวเป็นพวกตัดแขนเสื้อ” แพร่งพรายในหมู่องครักษ์วังหลวง ตระกูลเว่ยเป็นญาติกับขุนนางชั้นสูงส่วนใหญ่ในเมืองหลวง ยิ่งไปกว่านั้นแม่ทัพเว่ยยังมีสถานะที่ดีเป็นพิเศษ จึงไม่มีชายใดในสำนักองครักษ์ที่เป็นพ่อสื่อหรือแพร่งพรายข่าวลือได้ดีกว่าเขา

เหยียนเซียวหานและฟู่เซินขึ้นชื่อในหมู่องครักษ์เฟยหลงเรื่องไม่ลงรอยกัน เว่ยซวีโจวกล่าวอย่างยินดีปรีดา “ข่าวลือนี้ช่างน่ารังเกียจ จิ้งหนิงโหวสูงส่งจะตาย ข้านึกว่าเขาต้องช่วยตัวเองด้วยสองมือไปตลอดชีวิตเสียอีก ฮ่าๆๆ…”

เหยียนเซียวหานขมวดคิ้ว “ไปเอาคำพูดพวกนี้มาจากไหน”

แม่ทัพเว่ย “ลูกพี่ลูกน้องของสามีน้องสาวของอารองข้า…ภรรยาของหลิวเอินโหว ตระกูลพวกเขามีบุตรสาวที่ยังไม่หมั้นหมาย ถูกตาต้องใจจิ้งหนิงโหว เมื่อลองไปสอบถามเป็นการส่วนตัว จึงรู้ว่ามีเรื่องลับๆ เช่นนี้ด้วย”

เหยียนเซียวหานกุมขมับ ไม่อยากสนทนากับเขา

“ใต้เท้า” เว่ยซวีโจวเดินวนรอบตัวเขาสองรอบพลางพูดแปลกๆ “จิ้งหนิงโหวเป็นเช่นนั้นยังไม่กังวลเลย ทำไมท่านจึงกังวลแทนเขาเล่า”

แปลกแปลกมาก

คนที่ไม่เคยโชคร้ายมาหลายปี จู่ๆ กลับเคราะห์ซ้ำกรรมซัด…ฟู่เซินทำอะไรให้ผู้คนโกรธเคือง ทำไมพวกคนชั่วจึงเอาแต่คิดร้ายกับเขา

“เรื่องนี้ไม่ชอบมาพากล พี่เว่ย รบกวนเจ้าไปตรวจสอบว่าข่าวลือเรื่องรสนิยมชายรักชายของจิ้งหนิงโหวแพร่งพรายมาจากที่ใด…” เหยียนเซียวหานพูดไม่ทันจบ ขันทีในชุดสีน้ำเงิน ศิษย์ของเถียนกงกงที่เคยรับใช้หวงตี้เดินมาจากด้านนอกห้องโถง ทั้งสองรีบหยุดบทสนทนา เดินเข้าไปฟังคำถ่ายทอด “ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ใต้เท้าเหยียนเข้าเฝ้าที่ตำหนักหย่างซินขอรับ”

เว่ยซวีโจวได้ยินว่ามีธุระจึงคิดปลีกตัว ทว่าเหยียนเซียวหานพลันส่งสัญญาณมือให้เขา “กงกงรอสักครู่ ข้ากำลังมอบหมายงานให้แม่ทัพเว่ย”

ขันทีผู้นั้นกล่าวอย่างไร้เมตตา “นี่คือคำสั่งของหวงตี้ ใต้เท้าเหยียนคิดจะให้ฝ่าบาทรอท่านหรือ”

เหยียนเซียวหานเผยรอยยิ้มจางๆ ที่พบได้บ่อยครั้งชนิดว่าทั้งดูอ่อนโยน ทั้งราวกับเขมือบคนได้

“ในฐานะที่ข้าเป็นทูตแทนพระองค์แห่งองครักษ์เฟยหลง ทุกการกระทำล้วนเป็นพระประสงค์ของหวงตี้ กงกงพูดเช่นนี้ ย่อมทำให้ข้าลำบากใจ”

ขันทีที่เดิมทีวางมาดใหญ่โต ครั้นเห็นรอยยิ้มเช่นนี้ก็นึกถึงเรื่องเล่าน่าสะพรึงของอีกฝ่าย ขันทีถึงกับหน้าเปลี่ยนสี เมื่อสงบจิตใจได้จึงยอมอ่อนข้อ “เมื่อเป็นเช่นนี้ เชิญใต้เท้าเหยียนตามสบาย”

แม่ทัพเว่ยที่กำลังงุนงงถูกเหยียนเซียวหานลากไปตรงหน้าโต๊ะ หยิบเอกสารทางการหลายฉบับแล้วพูดเสียงเบา “เจ้าไปที่จวนจิ้งหนิงโหว เล่าข่าวลือให้เขาฟัง ให้เขาระวังและเตรียมการไว้แต่เนิ่นๆ ไม่ว่าเกิดเรื่องอะไรก็ให้ใจเย็นไปก่อน อย่าวู่วาม”

เว่ยซวีโจวที่ชอบซุบซิบเป็นชีวิตจิตใจถูกเหยียนเซียวหานกระตุ้น ทว่าเมื่อเห็นท่าทางจริงจังของอีกฝ่าย จึงรีบพยักหน้า “ใต้เท้าวางใจเถอะ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้า”

ไม่ว่าเหยียนเซียวหานมีเหตุผลเพียงใด ก็ปล่อยให้ขันทีผู้นั้นรอนานไม่ได้ จึงได้แต่ทิ้งเรื่องนี้ไว้ก่อน แล้วรีบไปตำหนักหย่างซิน

เถียนกงกงไม่ลงรอยกับองครักษ์เฟยหลงมาแต่ไหนแต่ไร ขันทีผู้นั้นจึงมีศัตรูคู่แค้นร่วมกับอาจารย์อย่างลับๆ จนกระทั่งเข้าไปในตำหนักหย่างซินจึงพบว่านอกจากหยวนไท่หวงตี้ ยังมีไท่จื่อซุนอวิ่นเหลียงอยู่อีกคน

“ถวายบังคมฝ่าบาท ถวายบังคมไท่จื่อ”

“ลุกขึ้นเถิด”

หยวนไท่หวงตี้มีร่างสูงใหญ่ หน้าตาดูองอาจ ทว่ากลับหย่อนคล้อยเล็กน้อย มีริ้วรอยร่องลึกสองข้างจมูก ริมฝีปากบาง ใบหน้าดูเด็ดขาดและเย็นชา หวงตี้องค์นี้ทั้งเฉลียวฉลาดและมีความสามารถ ดูขึงขัง สำรวมท่าทีและคำพูดมาแต่ไหนแต่ไร ทว่าตอนนี้กลับดูอารมณ์ดีถึงขั้นมีรอยยิ้มประดับใบหน้า หลังจากขจัดความโกรธและความหม่นหมองจากคดีคณะทูตก่อนหน้านี้ เขาก็ดูมีเมตตายิ่งขึ้น

ดูแล้วคงมิใช่เรื่องเลวร้ายอะไร เหยียนเซียวหานจึงสบายใจขึ้นเล็กน้อย พลางคิดว่าตนชักกลัวลูกไม้ที่ประดังเข้ามาในช่วงหลายวันนี้จนหวาดระแวงเสียแล้ว

ไท่จื่อยืนอยู่ข้างๆ ด้วยใบหน้านิ่งเฉย เหยียนเซียวหานรู้สึกถึงสายตาของเขาที่จ้องมาที่ตน ไม่ใช่สายตาปองร้าย ทว่ากลับเหมือนสำรวจหาปลายเข็มที่ซ่อนอยู่

“ไท่จื่อกลับตำหนักบูรพาเถอะ” หยวนไท่หวงตี้ต้องการพูดคุยกับเหยียนเซียวหานตามลำพัง หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก็ให้กำลังใจไท่จื่ออย่างที่พบได้ไม่บ่อย “เรื่องวันนี้เจ้าทำได้ดีมาก”

เมื่อไท่จื่อได้รับคำชมและบรรลุเป้าหมายของวันนี้จึงไม่รั้งอยู่อีก เขาละสายตาจากเหยียนเซียวหาน ทั้งยังคลี่ยิ้มให้เล็กน้อยก่อนโค้งตัวอำลา

รอยยิ้มนั้นราวกับแฝงความเย้ยหยันและความเวทนาอย่างบอกไม่ถูก ทำให้เหยียนเซียวหานรู้สึกถึงลางร้าย

 

 

[1] ตัดแขนเสื้อ หมายถึงชายรักชาย มีที่มาจากเมื่อฮั่นอายตี้ขึ้นครองราชย์ พระองค์ทรงหลงใหลขันทีนามว่าตงเสียน เช้าวันหนึ่งขณะที่ตงเสียนนอนหลับทับแขนเสื้อของพระองค์อยู่ หวงตี้จำต้องลุกจากบรรทมแต่ไม่อยากรบกวนคนรัก จึงยอมตัดแขนเสื้อของตนทิ้งเพื่อให้คนรักนอนหลับต่อไป

[2] กุ้ยเฟย ตำแหน่งพระสนมเอก

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า