我愛種田
ผมแค่อยากปลูกผัก ส่วนความรักน่ะ… เล่ม 1
ลาเหมียนฮวาถังเตอะทู่จื่อ เขียน
ตัวละครผู้ถูกแทงที่ท้อง แปล
ยุคสมัยที่เทคโนโลยีต่างๆ พัฒนาถึงขีดสุด
สายเลือดจักรพรรดิโบราณในตัว ชุยชีฉาว ถูกปลุกให้ตื่นขึ้น
หลินหลิน แห่ง LJJ รีบคว้าตัวทายาทท่านเทพเอาไว้หมับ
คิดว่าจะทำรายได้ให้รายการเรียลลิตี้ในโลกเสมือนอย่างถล่มทลาย
ทว่าสายเลือดเทพโบราณที่ย้อนไปถึงเหยียนตี้เสินหนง
ไม่ค่อยอยู่ในกรอบที่ LJJ หวังไว้สักเท่าไหร่
แต่เทพก็คือเทพ จะหยิบจะจับอะไร
สุดท้ายก็ดึงดูดผู้คนให้สนใจได้ทั้งนั้น
ว่าแต่ … ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยของท่านเทพจะเป็นยังไงกันนะ
—.—.—.—.—.—.—.—.—.—
ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ >> Rose Publishing
…XOXO…
มาดามโรส
ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์
โลกที่ 1: ปลูกผักทำไร่ในรั้วมหาวิทยาลัย
บทที่ 1.1
ในปัจจุบันที่เทคโนโลยีก้าวสู่ความล้ำสมัยขั้นสูงสุด มนุษย์ยุคใหม่คิดว่าตัวเองไม่ต่างจากพระเจ้าเลยสักนิด พวกเขาสามารถสร้าง “โลกเสมือน” จำนวนมหาศาลขึ้นด้วยมือของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นโลกที่พวกเขาอาศัยอยู่ หรือจะเป็นโลกคู่ขนาน พวกเขาก็สามารถจำลองมันขึ้นได้อย่างเสมือนจริงขั้นสูงสุด
เรียกได้ว่าเป็นถ้ำสวรรค์ของชาวเซียน หรือเปรียบดั่งการสร้างโลกของพระเจ้าเลยทีเดียว
คนจีนยุคใหม่สืบทอดวัฒนธรรมมหัศจรรย์อย่างการนำเทคโนโลยีระดับสูงมาประยุกต์ใช้กับความบันเทิงทางด้านอารมณ์ พวกเขาคัดเลือกคนหลากหลายรูปแบบและส่งเข้าไปในโลกเสมือนที่ต่างกันออกไป ก่อนจะจัดรายการเรียลลิตี้ที่กินเวลาอันแสนยาวนานขึ้น จากนั้นก็นำมาตัดต่อและถ่ายทอดลงสื่อให้มนุษย์ยุคใหม่รับชมแก้เบื่อหน่าย
ความบันเทิงรูปแบบนี้ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม เหล่าผู้จัดทำเลือกเฟ้นหาคนที่มีพลังแตกต่างหลากหลายกันออกไป ก่อนจับมาเซ็นสัญญา พร้อมทำการจัดแบ่งประเภทหมวดหมู่รายการ จากนั้นท้ายที่สุดก็ส่งพวกเขาเข้าโลกเสมือน
ในวันนี้ ผู้อำนวยการบริษัท LJJ อย่างหลินหลินก็อยู่ในระหว่างการเดินทางไปคุยสัญญากับคนที่เธอเล็งเห็นว่ามีศักยภาพอย่างมากอีกคน
คนที่ว่ามีชื่อว่าชุยชีฉาว ปีนี้อายุยี่สิบหกปี ตามความเข้าใจของหลินหลินแล้ว อีกฝ่ายสืบสายเลือดของจักรพรรดิจีนโบราณที่ค่อนข้างพบเจอได้ยาก อีกทั้งยีนของฝ่ายตรงข้ามอาจกำลังอยู่ในช่วงตื่นขึ้นก็เป็นได้
มนุษย์ที่ครองสายเลือดพิเศษเช่นนี้ นอกจากจะมีศักยภาพในการเป็นตัวแสดงหลักอันแสนยอดเยี่ยมได้แล้ว ยังสามารถทำอย่างอื่นได้อีกมากมายสารพัดอย่าง
สายเลือดแห่งราชันย์นั้น ไม่ว่าจะใช้ความแข็งแกร่งเข้ายึดครองแชแนลชาย หรือใช้ความอ่อนโยนครองใจแชแนลหญิงสาวล้วนทำได้ทั้งนั้น
อิงจากเคสก่อนหน้า พวกรายการเรียลลิตี้ที่นักแสดงมียีนโดดเด่น มักจะมียอดเข้าชมสูงเป็นพิเศษ ซ้ำยังสร้างรายได้ให้พวกผู้จัดอย่างมหาศาลอีกต่างหาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยว่าหากเป็นสายเลือดจักรพรรดิโบราณที่หายากแบบนี้จะมีผลตอบรับอย่างไร
ถึงจะไม่รู้ว่าเป็นสายเลือดของจักรพรรดิองค์ไหน แต่จากข้อมูลที่สืบหามาจากทางหน่วยงานตรวจสอบยีนนั้น เธอก็มั่นใจได้ว่าอีกฝ่ายต้องอยู่ในระดับท๊อปของเหล่าจักรพรรดิแน่นอน มีโอกาสสูงที่จะเป็นหนึ่งในสามราชาห้าจักรพรรดิ[1]ด้วยซ้ำ!
หลินหลินหมายมั่นไว้ว่าเป็นตายยังไงก็ต้องเซ็นสัญญาให้สำเร็จ พอมาถึงหน้าบ้านของชุยชีฉาว เธอก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่ในสวนดอกไม้ขนาดเล็กตรงหน้าบ้าน อย่างที่ข้อมูลบอกไว้ไม่มีผิด ตัวจริงของอีกฝ่ายมีบรรยากาศรอบกายที่ไม่ว่าจะเทคนิควิธีการถ่ายภาพแบบไหนก็ไม่สามารถแสดงออกมาให้เห็นได้
ใบหน้าเขาหล่อเหลาตามสไตล์ตะวันออก คมเข้มราวกับหมึกจีนโบราณ ไม่น่าแปลกใจที่อีกฝ่ายจะปลุกสายเลือดเช่นนั้นได้ ทว่าใต้ดวงตาดำขลับน่ามองทั้งคู่กลับมีรอยคล้ำอย่างเห็นได้ชัด ดูเหมือนชายหนุ่มจะไม่ได้พักผ่อนอย่างเพียงพอมาสักพักแล้ว
รายละเอียดเล็กน้อยเช่นนี้เพิ่มความมั่นใจให้หลินหลินยิ่งขึ้นไปอีก เธอก้าวเข้าไปหาเขาก่อนจะแนะนำตัว “คุณชุยใช่ไหมคะ? ดิฉันหลินหลินจาก LJJ ที่เคยติดต่อคุณไว้ก่อนหน้านี้ ขอโทษที่ให้รอนานนะคะ”
“สวัสดีครับ” ชุยชีฉาวขยี้ตาอย่างง่วงงุน ก่อนยกมือผลักเปิดรั้วของสวนออก “ไม่นานเลยครับ อากาศกำลังดี ผมเลยนั่งเหม่ออยู่ที่นี่มาสักพักแล้วละ”
หลินหลินเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “งั้นพวกเราคุยกันตรงนี้ก็ได้ค่ะ แดดกำลังดีเลย”
ชุยชีฉาวตั้งใจไว้แบบนั้นตั้งแต่แรก บนโต๊ะมีชุดน้ำชาวางไว้อยู่ก่อนแล้ว เขาจัดการชงชาให้หลินหลินพลางเอ่ย “ผมทำความเข้าใจกับโปรเจคของพวกคุณมาบ้างแล้ว แต่ว่าผมไม่มีพรสวรรค์ทางด้านการแสดงเท่าไหร่เลย”
“ไม่ค่ะ ไม่ใช่การแสดง” หลินหลินเซ็นสัญญามานักต่อนัก ในใจเธอรู้ดีว่าอาจเจอปัญหาอะไรบ้าง จึงกล่าวต่อ “เพราะความต้องการของผู้ชมสมัยนี้ที่เปลี่ยนไป นอกจากการจัดแบ่งหมวดหมู่หรือประเภทแล้ว พวกเราก็ไม่ได้เตรียมสคริปต์เอาไว้ล่วงหน้า และไม่มีการวางพล็อตเรื่องไว้ด้วยเช่นกันค่ะ เรียกว่าเป็นการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของนักแสดงมากกว่า”
ชุยชีฉาวลูบคาง พลางเอ่ยอย่างใช้ความคิด “คุณหมายความว่าทำอะไรตามใจผมได้เลยงั้นเหรอครับ”
หลินหลิน “ควรต้องพูดว่าผู้ชมอยากเห็นการแสดงออกอย่างเป็นธรรมชาติมากกว่าค่ะ คุณชุยคะ ดิฉันทราบดีถึงความกังวลของคุณ งานนี้นอกจากจะต้อง ‘เดินทางออกจากบ้านเกิด’ แล้ว สภาพแวดล้อมของโลกเสมือนที่ไปก็มีความเป็นไปได้ที่จะลำบากกว่าที่นี่ แต่ว่าค่าตอบแทนจากทางเราค่อนข้างสูงนะคะ ดิฉันเห็นว่าคุณชุยดูไม่ค่อยมีชีวิตชีวาเท่าไหร่ คาดว่าพรสวรรค์คงกำลังตื่นขึ้นสินะคะ หากเทียบกับระบบสังคมในตอนนี้ คุณน่าจะกำลังต้องการโลกที่กว้างใหญ่กว่าเดิม เพื่อแสดงฝีไม้ลายมืออย่างเต็มที่แน่ ๆ!”
สิ่งปกติทั่วไปที่จักรพรรดิควรทำก็คือการปกครองทั่วหล้า ยึดครองดวงดาวไม่ใช่หรือไง? เธอคิดว่าคำพูดของตัวเองช่างโน้มน้าวได้ดีเหลือเกิน
ประโยคนี้พูดได้ถูกใจชุยชีฉาวมาก ช่วงนี้เขากำลังเผชิญกับปัญหาการตื่นขึ้นของสายเลือด พื้นที่บ้านแค่นี้ไม่เพียงพอให้เขาได้ใช้ บางทีการไป “แสดงฝีไม้ลายมืออย่างเต็มที่” ในโลกเสมือนอาจจะช่วยแก้ปัญหาตรงนี้ได้
หลินหลินเห็นว่าชุยชีฉาวเริ่มคล้อยตาม จึงรีบตีเหล็กในยามร้อน “พวกเราให้ความสำคัญกับคุณชุยมากเลยนะคะ วางแผนไว้เรียบร้อยเสร็จสรรพ โลกแรกพวกเราจะเริ่มจากช่วงศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดค่ะ เทคโนโลยียังไม่ล้าหลังมากนัก พวกเราจะให้คุณได้ใช้ชีวิตในรั้วสถานศึกษาสักพัก เพื่อเป็นการปรับตัวก่อนทำงานต่อจากนี้ โดยทั้งหมดจะมีระยะเวลาจำลองสี่ปีค่ะ”
ด้วยใบหน้านี้ของชุยชีฉาว เธอตัดสินใจแทนผู้ชมเพศหญิงนับสิบล้านคนแล้วว่าโลกแรกจะนำไปลงที่แชแนลหญิงสาว!
เวลาในโลกเสมือนกับโลกแห่งความเป็นจริงต่างกันที่สัดส่วนห้าสิบต่อหนึ่ง นั่นหมายความว่าต้องใช้เวลาทั้งหมดหนึ่งเดือนนั่นเอง ความจริงจะปรับเวลาให้เร็วขึ้นอีกก็ได้ เพียงแต่ติดอยู่ที่ต้องทำตามกฎหมายของประเทศและต้องเฝ้าสังเกตการณ์ได้ง่าย เพื่อรักษาสุขภาพจิตของคนที่ทำงานด้านนี้ก็เท่านั้น
ชุยชีฉาวก้มหน้าครุ่นคิดชั่วครู่ และในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้ “ได้ครับ ผมจะไปเซ็นสัญญากับคุณเดี๋ยวนี้เลย”
ในใจของหลินหลินลิงโลดไปหมด “คุณชุย เชิญค่ะ”
ชุยชีฉาวกลับเข้าบ้านไปเก็บของใช้จำเป็นอย่างเรียบง่าย ก่อนจะเดินทางไปพร้อมหลินหลิน
เมื่อชุยชีฉาวปิดประตูบ้านลง ภาพที่แสนแปลกประหลาดก็ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง——
ทุกซอกทุกมุมตั้งแต่ริมหน้าต่าง โต๊ะทำงาน ตู้หนังสือไปจนถึงโซฟาต่างมีภาชนะมากมายวางจับจองอยู่ทั่วทุกพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นข้าวเปลือก K9 ที่อยู่ในกระถางดินเผาขนาดใหญ่ ข้าวสาลีบนถาดรองจาน ต้นเบบี้โรสขนาดจิ๋วในกระถางแขวน…มีแม้กระทั่งพืชพันธุ์ที่มีเงื่อนไขในการเติบโตที่ยุ่งยากซับซ้อน ใบไม้เขียวชอุ่มรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน บ้างก็ปลูกในน้ำ บ้างก็ปลูกในดิน บางส่วนกำลังออกผลอย่างเต็มที่
พืชพันธุ์ที่มีสภาพแวดล้อมเดิมมาจากคนละทิศคนละทางเหล่านี้ถูกรวบรวมไว้ในพื้นที่ของมนุษย์คนหนึ่ง พวกมันทำให้สถานที่แห่งนี้ดูเหมือนเรือนเพาะปลูกแทนที่จะเป็นที่พักอาศัย ความแตกต่างอย่างสุดขั้วกลับให้ความรู้สึกกลมกลืนอันน่ามหัศจรรย์ ส่งผลให้ที่แห่งนี้มีชีวิตชีอย่างน่าประหลาด
ชุยชีฉาวอ่านข้อสัญญาทั้งหมดในบริษัท LJJ โดยไม่ลืมที่จะส่งให้ทนายของตนเองอีกชุด เขาค่อนข้างให้ความสำคัญกับเนื้อหาบางส่วน อย่างเช่นด้านเทคโนโลยีมีระบบคัดกรองอัตโนมัติ หรือกล่าวคือภาพโป๊เปลือยในโลกเสมือนที่ไม่ได้รับการอนุญาตจากนักแสดงหลักจะถูกเซนเซอร์โดยระบบอัจฉริยะอัตโนมัติ เพราะฉะนั้นจึงไม่จำเป็นต้องห่วงว่าความเป็นส่วนตัวจะเล็ดลอดออกไปแม้แต่น้อย
ชุยชีฉาวทำการรีเช็คกับหลินหลินอีกครั้ง “พวกคุณจะไม่แทรกแซงทุกการกระทำของผมใช่ไหมครับ”
หลินหลินพยักหน้าอย่างหนักแน่น “พวกเราอาจให้คำแนะนำบ้าง หลังได้รับฟีดแบคจากผู้ชมค่ะ แต่ถึงอย่างไรสิทธิ์ในการตัดสินใจทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับคุณค่ะ แน่นอนว่าตัวคุณเองก็คงต้องคำนึงถึงเรื่องยอดวิวกับรายได้ด้วย นอกจากนี้การยืนยันว่าสถานการณ์นั้นดำเนินไปในทิศทางที่ตั้งไว้ไม่นับว่าเป็นการแทรกแซงค่ะ ยกตัวอย่างหากธีมเรื่องของเราคือโรงเรียน คุณก็ต้องใช้ชีวิตในรั้วโรงเรียน ไม่ใช่ว่าไปสร้างธุรกิจของตนเองหรือไปท่องเที่ยวอะไรประมาณนั้นค่ะ”
ชุยชีฉาวพยักหน้าด้วยท่าทางครุ่นคิด “อย่างนี้นี่เอง…งั้นสักครู่นะครับ ผมขอคุยกับทนายหน่อย”
หลินหลินนั่งรออยู่กับที่ ระหว่างช่วงเวลาที่ชุยชีฉาวกำลังคุยกับทนาย ตัวเธอก็เริ่มขบคิดขึ้น การที่ชุยชีฉาวถามคำถามแบบนี้ เพราะหวังที่จะมีอิสระอย่างเต็มที่หรือเปล่า?
อันที่จริง ผู้ดำเนินรายการหลายคนที่เธอเคยเจอไม่ค่อยมีไอเดียหรือความคิดจึงมักขอคำแนะนำจากทางบริษัทแทน แต่ในเมื่อชุยชีฉาวสามารถปลุกสายเลือดราชันย์ในตัวให้ตื่นขึ้นได้ ความคิดของเขาก็คงต่างจากคนปกติธรรมดา ราชาที่ไหนจะยอมถูกมัดมือมัดเท้าไว้กัน
พอเห็นว่าชุยชีฉาวมีเอกลักษณ์เช่นนี้ หลินหลินก็ยิ่งตื่นเต้นขึ้นไปอีก เธอสามารถจินตนาการเห็นยอดวิวที่จะพุ่งขึ้นสูงในอนาคตได้แล้ว การลงโฆษณาจะต้องจับจองทั่วทุกพื้นที่แน่นอน เธอคิดประเภทโฆษณาที่เหมาะสมกับแชแนลของชุยชีฉาวได้แล้วด้วยซ้ำ เสื้อผ้าผู้ชายระดับไฮเอนด์เอย จิวเวลรี่เอย…
—— อีกไม่กี่วันให้หลัง หลินหลินคงอยากย้อนเวลากลับมาตบหน้าของตัวเองสักฉาด แต่ในปัจจุบัน เธอได้ตกอยู่ในห้วงแห่งความเพ้อฝันอย่างสมบูรณ์แบบ
จนกระทั่งชุยชีฉาวเดินกลับมา แล้วพยักหน้าให้เธอ “เซ็นกันเถอะครับ”
ไม่มีข้อผิดพลาดด้านการสื่อสารระหว่างคนทั้งสองฝ่าย หลังลงลายเซ็นเสร็จ สัญญาก็เกิดผลโดยทันที
หลินหลินจับมือกับชุยชีฉาว “ยินดีที่ได้ร่วมมือกันนะคะ คุณชุย คุณอยากเข้าโลกเสมือนเมื่อไหร่ดีคะ? คุณน่าจะมีเวลาในการเตรียมตัวอีกประมาณ…ห้าวันค่ะ”
“ไม่ต้องรอถึงห้าวันหรอกครับ วันนี้เลยก็ได้” ชุยชีฉาวพยายามระงับแรงกระตุ้นที่เกิดจากสายเลือดของเขา “ช่วยจัดการให้ผมโดยเร็วที่สุดก็ดีครับ”
“เห็นคุณกระตือรือร้นที่จะทำงานแบบนี้ ฉันรู้สึกยินดีจริงๆ” หลินหลินขยิบตาให้เขา “งั้นเชิญตามฉันมาเลยค่ะ คุณสามารถทำการโอนย้ายได้ทันทีที่ดูข้อมูลเบื้องต้นทั้งหมดเสร็จ พวกเราเตรียมการไว้เสร็จเรียบร้อยแล้ว เพราะอยากปล่อยให้คุณมีทางเลือก พวกเราจึงไม่เปลี่ยนลักษณะทางกายภาพตามจริงของคุณมากนัก ส่วนอายุถูกเซตไว้ที่ยี่สิบสี่ปีค่ะ เรื่องราวในสถานศึกษาสามารถพัฒนาไปได้หลายรูปแบบ โลกนี้จะเกิดขึ้นในรั้วมหาวิทยาลัยค่ะ คุณจะเลือกเป็นอาจารย์ หรือนักศึกษาปริญญาเอกก็ได้ และในโลกนั้น ‘คุณอา’ ของคุณจะเป็นอธิการบดีของมหาวิทยาลัย เพราะฉะนั้นทุกอย่างสามารถเจรจาได้หมดค่ะ”
ความจริงแล้ว การมีแบคกราวน์ที่ค่อนข้างดีตั้งแต่เริ่มนับว่าเป็นสิทธิพิเศษซึ่งทางบริษัทมอบให้เขา—— ในเมื่อผู้ชมในยุคสมัยนี้ไม่ค่อยมีความอดทนเท่าไหร่นัก
ตอนชุยชีฉาวได้ยินว่า “ทุกอย่างสามารถเจรจาได้” เขาก็เผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย ถึงแม้ว่าบนใบหน้าจะแฝงความเหนื่อยล้าจากการพักผ่อนไม่เพียงพอในหลายวันมานี้ แต่พอเขายิ้ม มันกลับนำพาความอ่อนล้าให้กลายเป็นความงดงามที่ดูบอบบาง ทำเอาหลินหลินใจลอยไปชั่วครู่
เธอสังหรณ์ใจอย่างแรงกล้าว่ารายการต้องดังเป็นพลุแตกแน่
หลินหลินนำทางชุยชีฉาวไปยังห้องทำงาน ทีมงานติดตั้งอุปกรณ์บนตัวของชุยชีฉาว ปากก็พลางเอ่ยถาม “คุณชุยเคยมีประสบการณ์เล่นกีฬาทางอากาศอย่างการโดดร่ม หรือบันจี้จัมพ์มาบ้างไหมครับ?”
ชุยชีฉาวชะงักเล็กน้อย “เคยบ้าง ทำไมเหรอครับ?”
หลินหลินที่ประคองเครื่องมือพร้อมกล่าว “ตอนทำการโอนย้ายจะเกิดสภาวะไร้แรงโน้มถ่วงอย่างรุนแรงค่ะ มีตัวแสดงหลักหลายคนที่ทนไม่ไหว แล้วอ้วกตอนไปถึงค่ะ ที่จริงแล้วทางแล็ปพยายามที่จะแก้ไขในจุดนี้มาโดยตลอด แต่ขณะนี้ยัง7หาวิธีแก้ปัญหาไม่ได้เลยค่ะ คุณชุยเคยมีประสบการณ์เล่นกีฬากลางอากาศมาบ้างน่าจะรับมือได้ดีกว่าคนอื่นๆ”
ในความคิดของเธอ คนที่มีสายเลือดราชันย์คงไม่กลัวสภาวะไร้แรงโน้มถ่วงเท่าไหร่หรอกมั้ง
เป็นไปอย่างที่เธอคิด ชุยชีฉาวไม่ใส่ใจในจุดนี้นัก “ไม่เป็นไรครับ เริ่มเถอะ”
“เตรียมการโอนย้ายไปยังโลกเสมือน”
“สาม”
“สอง”
“หนึ่ง!”
ทันใดนั้น เขาก็ตกอยู่ในสภาวะไร้แรงโน้มถ่วงอย่างรุนแรง การโอนย้ายให้ความรู้สึกเหมือนกับตอนร่วงหล่นสู่พื้นดินจากที่สูงด้วยความเร็วสุดขีด
ชุยชีฉาวร้องตะโกนอย่างสะใจ “Geronimo[2]——”
เมื่อ “ตกลงสู่พื้นดิน” ก็กลายเป็นอีกโลกหนึ่งแล้ว
เสียงตะโกนร้องดังกึกก้องจบลงพร้อมกับสัมผัสของเท้าที่แตะลงบนพื้นดินอีกครั้ง จากความมืดมิดในเบื้องหน้าค่อยๆ มีแสงสว่างขึ้น ชุยชีฉาวกลับมาควบคุมร่างกายของตนเองได้อีกครั้ง
เขาลืมตาขึ้น ภาพอพาร์ทเม้นต์ที่เคยนิยมในสักช่วงของศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดปรากฏเข้าสู่สายตา ห้องถูกตกแต่งด้วยโทนสีขาวดำเทาเป็นหลัก เรียบง่ายแต่ดูดี หากพิจารณาจากเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ตกแต่งนับว่ามีคุณภาพชีวิตที่ไม่เลวเลยในยุคสมัยนี้
บริษัท LJJ ย่อมมีเซตติ้งโลกเสมือนที่แตกต่างสำหรับตัวแสดงแต่ละคน ถึงแม้จะมีการดูแลชุยชีฉาวเป็นพิเศษในครั้งแรก แต่ถ้าโลกที่ชุยชีฉาวต้องดำเนินเป็นชีวิตที่ต้องสร้างแรงบันดาลใจแทนที่จะเป็นชีวิตในรั้วสถานศึกษา ภาพที่เห็นคงจะเป็นคนละแบบอย่างแน่นอน
แม้ว่าระยะเวลาหลังจากเซ็นสัญญาจนมาถึงตอนนี้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ชุยชีฉาวได้วางแผนทั้งหมดเอาไว้เรียบร้อยตั้งแต่อ่านข้อมูลทั้งหมดจบ เขาเดินวนรอบห้องอย่างไร้ซึ่งความลังเล ก่อนจะหยิบคู่มือการใช้งานของเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดออกมาอ่าน
หลังจากใช้เวลาอันสั้นในการทำความคุ้นเคยเสร็จ ชุยชีฉาวก็ลุกขึ้นเดินไปที่ริมหน้าต่าง เขาจัดกระถางดอกเดซี่ปลอมตรงขอบหน้าต่างเล็กน้อย ก่อนจะหยิบเครื่องมือสื่อสารในยุคสมัยนี้อย่างโทรศัพท์มือถือขึ้นค้นหา ‘คุณอา’ ในรายชื่อติดต่อ แล้วทำการต่อสายออกไป
“ฮัลโหล คุณอาครับ ผมชุยชีฉาวเอง”
อธิการบดีชุยในปลายสายมีน้ำเสียงสนิทสนมเป็นอย่างยิ่ง “ชีฉาวนี่เอง อากำลังนึกอยู่เลยว่าหลานเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ อยากจะชวนมานั่งเล่นที่บ้านสักหน่อย คิดไม่ถึงว่าหลานจะเป็นฝ่ายโทรหาอาก่อน เป็นยังไงบ้าง คุยกับพ่อเรียบร้อยแล้วหรือยังว่าจะทำอะไรต่อ?”
ชุยชีฉาวดึงดอกไม้ปลอมอย่างใจเย็น แม้ดอกไม้จะเป็นของปลอม แต่ดินเป็นของจริง ถึงคุณภาพของดินจะธรรมดาและขาดความชุ่มชื้นไปหน่อยก็ตาม เขาเอ่ยตอบ “คุณอา ผมอยากอยู่ในมหาวิทยาลัยในประเทศไปอีกสักพัก”
อธิการบดีชุยส่งเสียง “เอ๋” ออกมา แต่ด้วยความเชื่อมั่นในตัวหลานชาย เขาจึงตอบกลับอย่างรวดเร็ว “ฮ่าๆ งั้นที่โทรหาอานี่ อย่าบอกนะว่าอยากเข้ามหาวิทยาลัย C น่ะ ถึงจะหมดเขตรับสมัครแล้ว แต่ก็ยังใช้ช่องทางพิเศษได้แหละ”
ชุยชีฉาววางดอกไม้ปลอมไว้ด้านข้าง เขาเดินไปหยิบพริกจากในครัว ก่อนเลือกพริกเม็ดใหญ่มาหั่น “คุณอาครับ ผมไม่ได้จะไปเรียนหนังสือ”
อธิการบดีชุยคิดตามแล้วกล่าว “งั้นจะมาสอนหนังสือเหรอ? ไม่ใช่ว่าไม่ได้นะ แต่อาไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่…”
ชุยชีฉาวขัดประโยคอีกฝ่ายด้วยเสียงเรียบนิ่ง “คุณอา ผมได้ยินมาว่าโรงอาหารในมหาวิทยาลัย C กำลังจะเปิดให้ประมูลซื้อเหรอครับ”
เขาเลือกหยิบเมล็ดพริกที่ค่อนข้างแข็งไปตากไว้ใต้แสงแดด
เทียบกับท่าทางสบายๆ ของชุยชีฉาวแล้ว อธิการบดีชุยกลับตกอยู่ในความเงียบอันน่าแปลกประหลาด จากนั้นปลายสายก็ส่งเสียง “หือ?” ออกมาอย่างซื่อๆ
มหาวิทยาลัย C เป็นมหาวิทยาลัยที่มีพื้นที่กว้างใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ในเมืองมหาวิทยาลัย[3]ของเขตหนานไห่[4] โรงอาหารก็มีมากถึงห้าแห่งด้วยกัน ทว่าโรงอาหารหมายเลขหนึ่งไปจนถึงโรงอาหารหมายเลขห้าต่างขึ้นชื่อว่าเป็นฝันร้ายในชีวิตมหาวิทยาลัยสำหรับเหล่านักศึกษา เพราะระดับความเลวร้ายของโรงอาหารในมหาวิทยาลัย C ก็ติดอยู่ในอันดับต้น ๆ ของหมู่มวลมหาวิทยาลัยทั้งหมดในเขตหนานไห่เช่นกัน
—— ไม่สิ ตั้งแต่มีคนเผยแพร่เมนูของโรงอาหารมหาวิทยาลัย C บนอินเทอร์เน็ตเมื่อปีก่อน ชาวเน็ตจากหลายมหาวิทยาลัยต่างก็แสดงความเห็นร่วมกันว่าแม้แต่ข้าวโรงอาหารของตนเองก็ไม่อาจสู้ น่ากลัวว่าคงได้อัพเกรดกลายเป็นผู้ที่อยู่จุดสูงสุดในหมู่อาหารท้องถิ่นจีนตระกูลที่เก้า[5]ในระดับมณฑลจนไปถึงระดับประเทศแล้วล่ะมั้ง
อย่างเช่นในเวลานี้ เมิ่งชั่ง นักศึกษาชั้นปีที่สามจากสาขาภาษาจีนกำลังเดินวนเวียนไปมาอย่างลังเลตรงทางแยก
เพื่อนร่วมชั้นที่เดินผ่านตบไหล่เขาพลางเอ่ยถาม “ยืนทำอะไรอยู่ตรงนี้”
เมิ่งชั่งเผยรอยยิ้มเหยเก “เลี้ยวซ้ายคือโรงอาหารหนึ่ง เลี้ยวขวาเป็นโรงอาหารสี่ เลือกอะไรดี”
มุมปากของเพื่อนคนนั้นกระตุกหนึ่งที ก่อนเอ่ยอย่างเศร้าโศก “มันต่างกันด้วยหรือไง”
ภายในหมู่โรงอาหารในมหาวิทยาลัย C ก็มีการแข่งขันกันที่ค่อนข้างดุเดือดเช่นกัน พวกเขาเอาแต่คิดเมนูสุดสร้างสรรค์ออกมาแข่งกันอย่างไม่หยุดหย่อน โรงอาหารหมายเลขหนึ่งกับสี่นับว่าแข่งขันกันดุเดือดที่สุดในหมู่โรงอาหารทั้งหมดเลยก็ว่าได้
หัวข้อผู้ที่จะกลายเป็นตัวแทนของโรงอาหารมหาวิทยาลัย C ยังเป็นที่ถกเถียงกันไม่หยุดในกลุ่มนักศึกษา
เมิ่งชั่ง “ฉันเห็นในเว็บบอร์ดของมหาวิทยาลัย เมื่อวานโรงอาหารหนึ่งเพิ่งออกเมนูใหม่อย่างฟักผัดล่าเถียว[6] แล้วยังมีข่าวจากวงในบอกว่าวันนี้โรงอาหารสี่ออกเมนูใหม่เป็นเนื้อตุ๋นแก้วมังกร…”
เพื่อนร่วมคลาส “…”
เมิ่งชั่ง “…”
ทั้งสองคนตกอยู่ในความเงียบงันสักพัก
เพื่อนร่วมคลาส “ใกล้เปิดเทอมแล้ว โรงอาหารน่าจะใกล้เปิดให้ประมูลใหม่แล้วมั้ง?”
เมิ่งชั่งคอตก “อย่าหวังอะไรลม ๆ แล้ง ๆ เลย โรงอาหารพวกนี้เส้นใหญ่จะตาย จะไปเปลี่ยนเจ้าของง่ายขนาดนั้นได้ยังไง อีกอย่าง ถ้าเปลี่ยนแล้วแย่กว่าเดิมล่ะ?”
ยังจะมีที่ย่ำแย่ไปกว่าเหล่าโรงอาหารห้าพยัคฆ์ของมหาวิทยาลัย C อีกเหรอ? ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังครุ่นคิดก็ตกลงสู่ความเงียบอันน่าเศร้าอีกครั้ง
ผ่านไปสักพัก เมิ่งชั่งถึงตื่นจากภวังค์ เขาถามขึ้น “เออใช่ นายกำลังจะไปไหน? ไม่ไปกินข้าวที่โรงอาหารเหรอ?”
เพื่อนคนนั้นเผยรอยยิ้มของผู้รอดชีวิตออกมา “เกือบลืมไปเลย เมื่อกี้ตกอยู่ในห้วงความน่ากลัวของโรงอาหารจนลืมตัว! มื้อนี้ฉันไม่ต้องตายแล้ว พี่ชายมาเยี่ยมพอดี พี่จะพาฉันไปกินข้าวที่ร้านดังที่เพิ่งเปิดสาขาใหม่อย่างเว่ยจือหลินล่ะ”
ร้านอาหารเว่ยจือหลิน ขึ้นชื่อในเรื่องรสเผ็ดร้อนอันเป็นเอกลักษณ์ของอาหารเสฉวน ช่วงนี้ร้านกำลังได้รับความนิยมในหลายพื้นที่ การตลาดออนไลน์ก็เป็นไปได้ด้วยดี ในที่สุดตอนนี้ก็มาเปิดสาขาในเมืองมหาวิทยาลัยหนานไห่ที่มีนักศึกษาหนาแน่นที่สุดสักที แม้จะยังไม่ถึงช่วงเวลาเปิดเทอม แต่ก็มีผู้คนอยู่แถวนี้มากพอสมควร แถมยังมีชาวเมืองที่มาเพื่อการนี้โดยเฉพาะอีก ได้ยินมาว่าต้องไปต่อแถวรอรับบัตรคิวล่วงหน้าเกือบสองถึงสามชั่วโมงเลยทีเดียว
เมิ่งชั่งที่ค่าใช้จ่ายในการกินอยู่กำลังจะหมดแทบน้ำตาไหลอีกครั้ง “นาย…”
“รักษาตัวล่ะ ฉันจะห่อกลับมาให้นายเป็นอาหารเย็นแล้วกัน ถ้าฉันกินเหลือและนายยังกินไหวอีกนะ!” พอเพื่อนร่วมคลาสพูดจบก็หนีหายไปทันที
[1] สามราชาห้าจักรพรรดิ คือ บุคคลทั้ง 8 ที่มีคุณูปการที่สำคัญต่อมวลมนุษย์ เพราะเป็นผู้วางรากฐานอารยธรรมจีน ถูกนับว่าเป็นวีรบุรุษทางด้านประวัติศาสตร์ของจีน (ใครบ้าง)
[2] Geronimo แปลว่า ถึงพื้นแล้ว มาแล้ว เป็นคำที่ใช้ตะโกน แสดงความตื่นเต้น เร้าใจ มีความสุขโดยเฉพาะตอนกระโดดจากที่สูง อย่างการโดดร่ม บันจี้จัมพ์ ฯลฯ เริ่มใช้กันในหมู่พลทหารที่ทำการโดดร่มในช่วงปีค.ศ. 1997 มีนักเขียนหยิบมาใช้เพื่อเป็นคำพูดติดปากของตัวละครด็อกเตอร์รุ่นที่ 11 ในซีรี่ส์เรื่อง Doctor Who
[3] เมืองมหาวิทยาลัย (College Town) เป็นเมืองทั้งเมืองที่โดยรอบจะถูกปกครองโดยมหาวิทยาลัยและมีสิ่งอำนวยความสะดวก สาธารณูปโภคครบครัน
[4] เขตหนานไห่ ตั้งอยู่ในเมืองฝูซานของมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน
[5] อาหารท้องถิ่นตระกูลที่เก้า เป็นศัพท์แสลงที่เกิดขึ้นในปี 2012 เอาไว้ใช้เรียกเมนูของโรงอาหารในสถานศึกษาต่างๆ ที่นับวันยิ่งแปลกพิสดารไม่น่ากินของจีน และเน้นคอนเซปต์ “แพง ไม่น่ากิน น้อย และไม่มีเนื้อสัตว์” (เช่น ข้าวโพดผัดองุ่น บะหมี่ผัดใบชา สลัดขนมไหว้พระจันทร์กับผักดอง ฯลฯ) โดยเป็นการล้อกับอาหารท้องถิ่นจีนแปดตระกูลดั่งเดิม
[6] ล่าเถียว คือ ขนมกินเล่นชนิดหนึ่ง เป็นแผ่นแป้งที่ทำเป็นรสเผ็ดต่างๆ