ฝ่ากฎรักต่างโลก
Law of a Different World
异世之万物法则
焦糖冬瓜 เจียวถังตงกวา เขียน
BlueFeather แปล
นิยาย 3 เล่มจบ
ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ Rose Publishing
…XOXO…
มาดามโรส
ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์
———————————————————–
บทที่ 50
โจวอวี้หันไปมองข้างหลังเงียบ ๆ โจวชิงที่ยังคงนอนไม่ได้สติพิงตัวหลี่เชียนอยู่ ความจริงที่เขาอยากดูกล้องวงจรปิดเพราะอยากรู้ว่าสิ่งมีชีวิตระดับเอสตนนั้นเข้ามาในสถานีสังเกตการณ์ได้อย่างไร แล้วอีกฝ่ายออกไปได้อย่างปลอดภัยหรือเปล่า
ทว่าทั้งหมดนั่นไม่สำคัญอีกแล้วในตอนนี้
ในเมื่อสามารถมีชีวิตอยู่อย่างปลอดภัยต่อไปได้ ความลับบางอย่างก็ควรปล่อยให้มันจมอยู่ใต้น้ำต่อไป
เมื่อมองเห็นป่าโบราณที่อยู่เบื้องหน้าแล้ว อู๋อวิ้นก็พรูลมหายใจออกมาก่อนจะแจ้งรถทุกคันในขบวนผ่านวิทยุ “ทุกคนฉีดยาระงับแล้วใช่ไหม!”
“เรียบร้อย!”
“ฉีดแล้ว!”
สิ้นเสียงตอบรับจากรถทุกคัน อู๋อวิ้นก็ขับเข้าไปในป่าโบราณเป็นคันแรก
“เราต้องขับรถในป่าโบราณทั้งคืนเพื่อไปให้ถึงจุดหมาย เดิมทีเราจะให้นักวิชาการอยู่ที่สถานีสังเกตการณ์และคุ้มกันนักไวรัสวิทยาไปยังฐานที่สองซึ่งมีความปลอดภัยมากกว่า แต่ตอนนี้เรามีคนจำนวนมาก ความยากก็เพิ่มเป็นสองเท่า” อู๋อวิ้นกัดฟัน
โม่เย่ที่นั่งอยู่บนตักโจวอวี้ยื่นอุ้งเท้าออกมาตบไหล่ของอู๋อวิ้นราวกับจะปลอบใจและพูดว่า ‘ไม่ต้องกลัวสหาย! ฉันจะปกป้องนายเอง!’
บรรยากาศตึงเครียดจึงคลี่คลายลง แม้แต่หลี่เชียนกับหานลี่ก็ยังหัวเราะออกมาเบา ๆ
เวลานั้นเองโจวชิงพลันรู้สึกตัวขึ้นมา เขากดท้ายทอยตัวเองและลืมตาขึ้น ทันใดนั้นเขาก็จำอะไรบางอย่างได้ “พี่—ช่วยพี่ผม!”
เขาพลันยืดตัวและคว้าคอเสื้ออู๋อวิ้นจากทางด้านหลัง อู๋อวิ้นที่ถูกกระชากกะทันหันเกือบจะถูกรัดคอตาย
“ใจเย็น! โจวชิง พี่ไม่เป็นอะไร!” โจวอวี้จับข้อมือของโจวชิง
โจวชิงที่เพิ่งรู้สึกตัวมองใบหน้าด้านข้างของโจวอวี้อย่างโง่งม “ผม…ผมไม่ได้ตาฝาดใช่ไหม…พี่ออกมาได้จริง ๆ เหรอ”
“ใช่แล้วศาสตราจารย์โจว พวกเราทุกคนปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน! และกำลังเดินทางไปยังฐานที่สองกัน!” หานลี่พูดให้โจวชิงใจเย็นลงอีกแรง
ในที่สุดโจวชิงก็ปล่อยมือ เขามองป่าโบราณที่อยู่นอกหน้าต่าง ก่อนจะเอนหลังพิงเบาะและพ่นลมหายใจออกมา “ดีแล้ว…ดีแล้วที่พวกเราทุกคนปลอดภัย แล้วสถานีสังเกตการณ์ล่ะครับ”
“ถูกระเบิดไปแล้ว คนที่อยู่เบื้องหลัง…ดอกเตอร์หลินตายแล้ว โชคดีที่ขบวนของเราอพยพออกมาได้อย่างปลอดภัย” หลี่เชียนตอบ “ศาสตราจารย์โจว คุณโอเคหรือเปล่า ไม่ได้โดนอู๋อวิ้นฟาดจนเอ๋อใช่ไหม”
“นายพูดไร้สาระอะไรหา!” อู๋อวิ้นว่าอย่างไม่พอใจ
ขบวนรถขับอยู่ท่ามกลางต้นไม้สูงตระหง่าน กระทั่งแสงจันทร์ก็ถูกบดบังด้วยพุ่มไม้หนาทึบ ขบวนรถทำได้แค่เปิดไฟขึ้นจนก่อเกิดเป็นเงาของต้นไม้ตกทอดลงมาราวกับกรงเล็บของปีศาจ
อู๋อวิ้นหยุดรถกะทันหัน เงี่ยหูฟังอย่างระมัดระวังก่อนจะได้ยินเสียงร้องของสิ่งมีชีวิตบางอย่าง
“มีบางอย่างกำลังล่า…” พออู๋อวิ้นพูดจบ หลี่เชียนที่กำลังเคลิ้ม ๆ ใกล้จะหลับก็ลืมตาตื่นทันที
“อะไรนะ…พวกเราจะ…”
“เราฉีดยาระงับกันทุกคนแล้ว ตราบใดที่ไม่เจอกับสิ่งมีชีวิตระดับเอก็จะไม่ถูกมองว่าเป็นเหยื่อ…รวมถึงถ้าเราไม่ทะเล่อทะล่าเข้าไปในรังผสมพันธุ์และกระตุ้นพวกมันเข้า”
แม้จะพูดอย่างนั้น โจวอวี้ก็ยังให้อู๋อวิ้นเปิดปืนกลที่ติดอยู่กับรถแฮมเมอร์ออกมา ขบวนรถทั้งหมดเข้าสู่สภาวะเตรียมพร้อม
อู๋อวิ้นพ่นลมหายใจออกมาทางจมูก รู้ดีว่าการผ่านป่าโบราณไม่ง่ายอย่างที่พวกเขาคิด
เสียงวิ่งดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จนได้ยินแม้กระทั่งเสียงของกิ่งไม้ที่ถูกหักหรือเสียงล้มตึงที่ดังสนั่นของต้นไม้โบราณ
“แม่ง…ไม่ว่าจะมองยังไง เจ้านั่นก็ไม่น่าจะรับมือง่ายเลย!” ถึงไม่รู้ว่าจะสายเกินไปไหม แต่อู๋อวิ้นก็แจ้งให้ขบวนรถเปลี่ยนทิศทันที
ทว่าเสียงวิ่งกลับใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ อู๋อวิ้นเบิกตากว้าง มองเห็นฝูงไป๋เหมิ่งวิ่งกรูกันเข้ามา
จำนวนของพวกมันมีหลายสิบตัว ฝีเท้าดูยุ่งเหยิง ตื่นตระหนกและวิ่งชนเข้ากับต้นไม้โบราณที่ขึ้นอยู่เป็นระยะ
ช่วงเวลานั้นพวกเขายังมองไม่เห็นสิ่งที่ไล่ล่าพวกมัน แต่การที่สามารถทำให้ไป๋เหมิ่งกลัวได้ขนาดนี้จะต้องรับมือไม่ง่ายแน่
เมื่อมองฝูงไป๋เหมิ่งพุ่งเข้าใส่ขบวนรถของพวกเขา ความเร็วขนาดนี้สายเกินไปที่จะหลบ หูได้ยินเพียงแค่เสียงโครมครามต่าง ๆ ไป๋เหมิ่งเหยียบย่ำกระจกและหลังคารถของพวกเขา หลี่เชียนกับโจวชิงก้มต่ำและกดมือลงบนหลังของกันและกัน ไหล่สะท้านขึ้นทุกครั้งที่ไป๋เหมิ่งเหยียบลงมา รถแฮมเมอร์สะเทือนขึ้นลงทั้งคัน พื้นดินคล้ายกับกำลังจะแตกออก
“พระเจ้า…” หลี่เชียนร้องออกมาอย่างข่มความกลัวไว้ไม่ไหว
ไป๋เหมิ่งตัวหนึ่งชนเข้าที่หน้ารถของอู๋อวิ้นอย่างแรงจนคอของคนในรถแทบหัก ตัวรถถอยหลังไปหลายเมตร ท้ายรถชนเข้ากับรถอีกคัน เกิดผลกระทบเป็นโดมิโนจนรถที่อยู่ด้านหลังชนต่อกันไปอีกหลายคันจากแรงส่งนั่น
“พวกเราจะตายหรือเปล่า” หานลี่งอตัวป้องศีรษะ ไม่กล้าเงยหน้าดูอะไรทั้งสิ้น
หลังคารถยุบลง รถบางคันที่ตกอยู่ภายใต้ความหวาดกลัวต่างก็เรียกปืนกลออกมาเตรียมที่จะยิง
โจวอวี้ติดต่อพวกเขาผ่านทางวิทยุสื่อสารทันที “อย่ายิง! ห้ามยิงเด็ดขาด! ตราบใดที่เราไม่ยิง ก็จะไม่ดึงความสนใจของพวกมัน! แต่ถ้าเรายิง เราจะกลายเป็นศัตรูของไป๋เหมิ่ง! ตอนนี้พวกมันกำลังวิ่งหนี เราแค่รอเงียบ ๆ ให้พวกมันผ่านไป!”
กว่าไป๋เหมิ่งจะวิ่งเตลิดผ่านไปได้กว่าครึ่งนั้นไม่ง่ายเลย ยามที่ทุกคนถอนหายใจออกมาและคิดว่าทุกอย่างจบลงแล้ว ฝูงทารันทูล่าสองหัวโตเต็มวัยก็วิ่งกรูเข้ามาอีก!
ขาที่แหลมคมของพวกมันกระแทกเข้าที่กระจกรถเกิดเป็นเสียงดังยิ่งกว่าก่อนหน้านี้ แต่ละครั้งที่มันกระแทกลงมาคล้ายกับจะทะลุผ่านหลังคาและกระจก เสียงยางระเบิดดังขึ้นไม่ขาดสาย
หานลี่กับหลี่เชียนที่เคยเห็นความร้ายกาจของทารันทูล่าสองหัวมาก่อนต่างรู้สึกหวาดกลัวสุดหัวใจ
“ไม่ต้องกลัว ๆ!! พวกมันแค่ล่าอาหาร เราทุกคนฉีดยาระงับแล้ว พวกมันจะไม่รู้สึกถึงความกลัวของเรา เทียบกับไป๋เหมิ่งพวกนั้น เรายังปลอดภัยกว่าพวกมันอีก” อู๋อวิ้นหันไปปลอบหานลี่กับหลี่เชียน
ทันใดนั้นทารันทูล่าสองหัวตัวหนึ่งก็กระโดดขึ้นมาที่ฝากระโปรงหน้ารถ ดวงตาของมันจับจ้องคนในรถผ่านกระจก หัวของมันเอียงเล็กน้อยคล้ายประเมิน ‘อาหาร’ ที่อยู่ภายใน
ดวงตาสีแดงดั่งเลือดกลิ้งกลอกไปมา ทุกคนที่นั่งอยู่เบาะหลังก้มศีรษะต่ำ หลีกเลี่ยงที่จะสบสายตากับมัน บรรยากาศตึงเครียดจนหายใจไม่ออก ร่างของทารันทูล่าสองหัวที่อยู่ภายใต้การสะท้อนของแสงไฟดูราวกับเอเลี่ยนไม่มีผิด
โจวอวี้เตรียมตัวพร้อมยิงทุกเมื่อ
ทารันทูล่าสองหัวพลันยกขาขึ้นและกระแทกกระจกรถอย่างแรง
ทั้งสามคนที่นั่งอยู่ตรงเบาะหลังตัวสั่นสะท้าน มีเพียงโจวอวี้เท่านั้นที่ยังคงลืมตามองไปที่ทารันทูล่าสองหัว แววตาเขาไม่ได้หลบเลี่ยงมันเลยแม้แต่นิดเดียวและไร้ซึ่งความหวาดกลัวใด ๆ
โม่เย่ที่ขดตัวอยู่ในวงแขนของเขาพลันเหยียดแผ่นหลังตรง เอียงหัวและจ้องทารันทูล่าสองหัวตาโต
จู่ ๆ ทารันทูล่าสองหัวตัวนั้นก็ถอยหลังไปครึ่งก้าว ไถลลงไปจากกระจกหน้ารถอย่างไม่ทราบสาเหตุ ท้ายรถกระดกขึ้นเพราะการขยับตัวของมัน หลี่เชียนและคนอื่น ๆ ที่อยู่ด้านหลังแทบจะถูกเทไปข้างหน้า
แล้วรถก็ทิ้งตัวลงพื้นดังโครม แรงสะเทือนที่เกิดขึ้นทำเอาศีรษะของหลี่เชียนกับโจวชิงแทบจะกระแทกหลังคา
ทารันทูล่าสองหัวก้าวถอยไปเล็กน้อย โจวอวี้สัมผัสได้ถึงความกลัวของมัน
ความกลัวนี้ไม่ได้เกิดจากปืนกลที่อยู่บนรถแต่เป็นโม่เย่ สิ่งมีชีวิตที่มีชนชั้นสูงกว่าทารันทูล่าสองหัว มันหมอบตัวลงคล้ายกับกำลังขออภัยก่อนจะอ้อมผ่านรถของอู๋อวิ้นกับโจวอวี้ ตามไล่กวดฝูงไป๋เหมิ่งที่วิ่งหนีไปอย่างว่องไว
ข้างหลังของมันยังมีทารันทูล่าสองหัวอีกหลายสิบตัววิ่งกันอย่างครึกโครม มันพ่นใยไหมที่แข็งแกร่งพาดไปมาระหว่างต้นไม้โบราณและกำลังจะทิ้งตัวลงบนหลังคารถของพวกเขา
หากโดนเหยียบลงมามากกว่าสองครั้ง รถแฮมเมอร์จะต้องทนรับไม่ไหวและยุบลงมาแน่
“นี่กะจะไม่ให้พวกเราเดินทางไปฐานที่สองกันดี ๆ เลยใช่ไหม”
ทว่าสิ่งที่พวกเขาคาดไม่ถึงคือไม่มีทารันทูล่าสองหัวตัวไหนทิ้งตัวใส่รถในขบวนเลยแม้แต่ตัวเดียว พวกมันปีนขึ้นต้นไม้โบราณและกระโดดไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาทำได้แค่เพียงมองดูสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ข้ามผ่านศีรษะไปทีละตัว ๆ อู๋อวิ้นกับโจวอวี้เงยหน้าขึ้นอย่างเผลอไผล ช่างเป็นช่วงเวลาที่น่าหวาดเสียวและน่าตื่นตาตื่นใจมากทีเดียว
ทันใดนั้น ทารันทูล่าสองหัวตัวหนึ่งก็พ่นน้ำเหลืองออกมาจากปาก ไป๋เหมิ่งตัวหนึ่งที่วิ่งอยู่พลันล้มลงและแข็งตัว ทารันทูล่าสองหัวตัวนั้นกระโดดลงมาก่อนจะแทงสิ่งที่เหมือนกับหนามแหลมภายในปากเข้าไปในน้ำเหลืองที่แข็งตัวนั่น ทะลุเข้าไปยังร่างของไป๋เหมิ่งและดูดสารอาหาร ไม่นานน้ำหนองก็ค่อย ๆ รัดแน่นขึ้นและไป๋เหมิ่งตัวนั้นก็เหลือแต่กระดูกก่อนจะแหลกละเอียดไปในที่สุด
ช่างเป็นภาพที่น่าสยดสยองสุด ๆ หลายคนที่อยู่ในฐานไม่เคยได้เห็นอะไรแบบนี้ โจวอวี้ที่นึกกังวลว่าพวกเขาจะทำอะไรไม่เข้าท่าจึงแจ้งเตือนผ่านวิทยุสื่อสารอีกครั้ง “ห้ามยิงเด็ดขาด! ขอย้ำ ห้ามยิงเด็ดขาด! ถ้ายิงออกไปจะเป็นการทำให้พวกมันโกรธ!”
ดีที่เจ้าหน้าที่ภาคสนามในคราวนี้ค่อนข้างจะควบคุมตัวเองได้ดีและปฏิบัติตามคำสั่งของอู๋อวิ้นกับโจวอวี้อย่างเคร่งครัด แม้พวกเขาจะเรียกปืนกลออกมา ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบก็ยังไม่มีใครยิงออกมาสักนัด จนกระทั่งสิ่งมีชีวิตกลุ่มนี้เคลื่อนตัวห่างออกไป
ป่าโบราณกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง
อู๋อวิ้นขอให้สมาชิกทุกคนประเมินความเสียหายที่ได้รับผ่านทางวิทยุสื่อสาร
มีรถสามคันที่ต้องเปลี่ยนยางและมีหนึ่งคันที่ไม่สามารถขับต่อได้ โชคดีที่รถขนส่งซึ่งบรรทุกน้ำมันสำรองและอาหารยังอยู่ในสภาพดี
อู๋อวิ้นถอนหายใจก่อนจะพูดขึ้นว่า “อันที่จริง เทียบกับครั้งก่อนที่เจอกับจ้าวแมงมุมเงินแล้ว ครั้งนี้นับว่าโชคดีนะเนี่ย”
เจ้าหน้าที่ภาคสนามบางส่วนลงจากรถและเริ่มเปลี่ยนยาง อู๋อวิ้นเองก็ลงไปช่วยเช็กเครื่องยนต์รถอีกคันที่สตาร์ตไม่ติด
เมื่อเปิดฝากระโปรงหน้าของรถคันนั้น ควันสีดำก็พวยพุ่งออกมา อู๋อวิ้นกุมศีรษะและถอนหายใจดังเฮ้อ “แม้แต่เทพเซียนก็ทำให้มันวิ่งไม่ได้หรอก!”
เขาทำได้แค่ปรึกษากับโจวอวี้ กระจายคนจากรถคันนั้นให้ไปนั่งกับคันอื่น ๆ หลังจากปรับเปลี่ยนเรียบร้อย ขบวนรถก็ออกเดินทาง-อีกครั้ง
อู๋อวิ้นขับรถพลางครุ่นคิดถึงสิ่งมีชีวิตอันตรายทั้งหมดที่เขาได้พานพบ
ทั้งผีเสื้อกระดูกดาบ นกยักษ์สามตา เถาวัลย์ปีศาจ…ดูเหมือนแม้แต่เพอริตอนก็ไม่สามารถนับเป็นอะไรได้อีก เขาเลื่อนสายตาไปมองโม่เย่โดยไม่รู้ตัว ได้แต่หวังว่าโม่เย่จะปกป้องพวกเขาได้จริง ๆ
ขบวนรถขับมาได้ไม่ถึงสิบนาทีก็เจอกับปัญหาใหญ่อีกปัญหา ป่าโบราณที่อยู่ข้างหน้าทั้งหมดถูกฝูงไป๋เหมิ่งและทารันทูล่าสองหัวเมื่อกี้นี้วิ่งทำลายจนเละ แม้ความเสียหายที่เกิดขึ้นจะไม่ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อป่าโบราณ แต่กิ่งไม้และลำต้นที่หักล้มก็ปิดกั้นเส้นทางของขบวนรถจนไม่สามารถขับฝ่าออกไปได้
“ช่างเป็นผลลัพธ์ที่น่ายินดีจริง ๆ พับผ่า! กว่าพวกเราจะย้ายต้นไม้พวกนี้ได้หมด ยาระงับคงหมดฤทธิ์กันพอดี” อู๋อวิ้นมองเส้นทางข้างหน้าที่อธิบายได้แค่ว่าเละตุ้มเป๊ะกับน่าเวทนาเกินกว่าจะทนดู แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็ไม่เหมาะที่จะให้ขบวนรถแฮมเมอร์ขับผ่านอยู่ดี
“จะขับอ้อมไหมครับ” โจวชิงถาม
หลี่เชียนหยิบแล็ปท็อปที่พกติดตัวอยู่เสมอออกมา เขาเปิดมันและชี้ไปที่แผนที่อิเล็กทรอนิกส์ “เส้นทางที่เราอยู่ตอนนี้คือเส้นทางที่ปลอดภัยที่สุดในป่าโบราณแล้ว ถ้าต้องอ้อมไปไม่ว่าจะทางทิศใต้หรือตะวันตกก็มีแต่สิ่งมีชีวิตที่อันตรายมากปรากฏตัวออกมาได้ทั้งนั้น แค่ไป๋เหมิ่งกับทารันทูล่าสองหัวเมื่อกี้ก็เพียงพอสำหรับเราแล้วเถอะ ถ้าต้องไปเจอกับสิ่งมีชีวิตอันตรายตัวอื่นอีก…ผม หานลี่ แล้วก็ศาสตราจารย์โจวน่ะไม่มีปัญหาหรอก เพราะนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจอแบบนี้ และเราก็เชื่อในการตัดสินใจของพวกคุณ อย่างมากก็แค่ก้มหน้ายอมรับชะตากรรม จะตายก็ตายด้วยกันนี่แหละ แต่กลัวว่าคนอื่น ๆ ที่ไม่เคยเจออะไรแบบนี้จะทนรับเรื่องอันตรายกว่านี้ไม่ไหวน่ะสิ”
อู๋อวิ้นพยักหน้าพลางเอ่ย “สิ่งที่หลี่เชียนกังวลนับว่ามีเหตุผล ถ้าเป็นไปได้ เราไปตามเส้นทางนี้จะดีที่สุด แถมต้นไม้พวกนี้ก็ถูกทำลายซะยับ เทียบกับป่าโบราณแบบทึบ ๆ แล้วถนนเส้นนี้เปิดโล่งกว่ากันเยอะ”
สิ้นคำทุกคนก็หันไปมองโม่เย่ที่ยังคงนั่งอยู่บนตักของโจวอวี้อย่างพร้อมเพรียง
โม่เย่ที่คล้ายจะไม่เข้าใจจุดประสงค์ที่ทุกคนหันมามองมันหาวหวอดออกมา ก่อนจะทรุดตัวลงท่าทางเหมือนอยากจะนอนเสียเต็มประดา มันหมอบลงและใช้หัวถูไถท้องของโจวอวี้
โจวอวี้ลูบหลังของมันอย่างขบขัน ปุยขนที่เหมือนกับผ้าซาตินนั้นให้ความรู้สึกดีกว่าเมื่อก่อน โม่เย่ส่งเสียงงึมงำออกมาอย่างเกียจคร้านและขดตัวกลม
“เฮ้ ๆๆ โจวอวี้ นายอย่าปล่อยให้ไอ้หนูนี่หลับสิ ฉันยังอยากให้มันเคลียร์ทางอยู่นะ!”
โจวอวี้ว่าขำ ๆ “มันแค่กำลังหยิ่งน่ะ!”
หลี่เชียนรีบยื่นมือไปลูบหัวโม่เย่และพูดด้วยน้ำเสียงขอร้องอย่างจริงใจ “โม่เย่เด็กดี! โม่เย่คนเก่ง! ถ้านายจัดการกับกิ่งไม้พวกนี้ได้หมด ขบวนรถก็จะไปถึงฐานที่สองได้เร็วขึ้น แบบนี้โจวอวี้ก็จะพักผ่อนได้เต็มที่และเล่นกับนายได้มากขึ้น ไม่ดีเหรอ”
หัวของโม่เย่ฝังเข้าไปลึกกว่าเดิม แม้กระทั่งปีกเล็ก ๆ ก็ยังกางออกและปิดหูจนมิด
“ไอ้เปี๊ยกนี่ช่างหาโอกาสเอาแต่ใจดีจริง ๆ!” อู๋อวิ้นบึนปากอย่างขบขัน
โจวชิงโค้งตัวไปพูดกับโม่เย่บ้าง “โม่เย่ พวกเรามีเรื่องสำคัญมากที่ต้องไปทำที่ฐานที่สอง คุณซ่งกำลังรอให้พวกเราไขความลับของไวรัสบนตัวแมงกะพรุนนีเบอลุงเงินและช่วยชีวิตคนอื่น ๆ ที่อยู่ในฐาน ถ้าเราช้าไปหนึ่งนาทีทุกคนก็อันตรายขึ้นอีกหนึ่งนาที โม่เย่ ช่วยกำจัดสิ่งกีดขวางที่อยู่บนเส้นทางให้หน่อยเถอะนะ!”
เมื่อได้ยินโจวชิงพูดแบบนั้น โม่เย่ก็ขยับปีกออก เปิดเปลือกตาขึ้นและใช้ดวงตางดงามคู่นั้นมองโจวอวี้ โจวอวี้จึงพยักหน้าให้มัน
“นี่! ฟังนะโม่เย่ ถ้านายจัดการสิ่งกีดขวางพวกนี้ได้หมด ตอนที่เราไปถึงฐานที่สองฉันจะให้โจวอวี้เต้นระบำเปลื้องผ้าให้ดู! นายรู้ไหมว่าระบำเปลื้องผ้าคืออะไร มันสุดแสนจะเซ็กซี่และน่าดูสุด ๆ เลย!” อู๋อวิ้นพูดด้วยน้ำเสียงที่วางมาดจริงจัง
ข้อเสนอสุดโต่งนี้ทำให้หลี่เชียนกับหานลี่มองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนจะเป็นหลี่เชียนที่เอื้อมมือไปตบศีรษะของอู๋อวิ้นอย่างสุดจะทน “คุณอย่าซี้ซั้วสัญญาอะไรทุเรศ ๆ แบบนั้นจะได้ไหม!”
แต่คิดไม่ถึงว่าโม่เย่จะส่งเสียง “งื้อ” ออกมา ท่าทางดูสนอกสนใจมากถึงขนาดมองไปที่โจวอวี้อย่างคาดหวัง
โจวอวี้ใช้นิ้วจิ้มจมูกโม่เย่เบา ๆ พลันปรากฏบรรยากาศรักใคร่จาง ๆ ระหว่างแววตาที่หลุบลงของเขา นั่นเป็นสิ่งที่โจวชิงไม่เคยเห็นมาก่อนและมันก็ทำให้ท่าทางที่เย็นชาอยู่เสมอของโจวอวี้ดูนุ่มนวลขึ้น
“ไอ้หนู นายรู้หรือไงว่าระบำเปลื้องผ้าคืออะไร”
คิดไม่ถึงว่าโม่เย่จะพยักหน้า
หลี่เชียนพูดอย่างกรุ่นโกรธ “จะต้องรู้มาจากหนังไร้ยางอายที่อู๋อวิ้นเลือกมาแน่ น่าเกลียดจริง ๆ!”
“แต่ฉันไม่เต้นระบำเปลื้องผ้าให้นายดูหรอกนะ” โจวอวี้ยิ้มบาง
“งื้อ…” โม่เย่เผยสีหน้าผิดหวังออกมาและก้มหัวลง
ทว่าโจวอวี้กลับใช้ฝ่ามือประคองไหล่และโน้มตัวไปหามัน “แต่ฉันหวังให้นายจัดการกับของพวกนี้เพื่อให้ขบวนรถไปต่อ นายทำได้ไหม”
“งื้อ…” แม้จะผิดหวังมาก โม่เย่ก็ยังลุกขึ้นเตรียมกระโดดออกจากประตูรถ
โจวอวี้ยื่นมือไปแตะที่แผ่นหลังของโม่เย่ ในตอนที่มันกำลังจะออกไปเขาก็จูบเข้าที่สันหลังของมันเบา ๆ
ร่างกายของโม่เย่แข็งทื่อไปเล็กน้อย มันหันกลับไปมองโจวอวี้ ภายในดวงตาสีอำพันคู่นั้นเต็มไปด้วยความตกใจและความดีใจที่ไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้
“ไปเถอะ!” โจวอวี้พูดด้วยรอยยิ้ม
โม่เย่วิ่งไปโดยไม่หันกลับมาอีก ปีกของมันสยายออกและเหินขึ้นไปบนท้องฟ้ายามราตรีก่อนจะทิ้งดิ่งลงมาอย่างรวดเร็ว ความรุนแรงนั้นเสมือนกับอุกกาบาตที่พุ่งกระแทกพื้น อุ้งเท้าหน้าของมันค้ำอยู่กับต้นไม้ที่หัก ขาหลังออกแรง ปีกกระพือสร้างกระแสลมขึ้นในอากาศ มันร้องเสียงยาวออกมา ทันใดนั้นท่อนไม้ก็ถูกผลักออกไป เพียงแค่กะพริบตาถนนราบเรียบก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขา
“พระเจ้า…” หลี่เชียนตกตะลึง
“ดีจริง ๆ ที่โม่เย่ถูกโจวอวี้เลี้ยงดู…” หานลี่ทอดถอนใจออกมา
ทว่าอู๋อวิ้นกลับมองไปที่โจวอวี้ด้วยสายตาเห็นใจก่อนจะพูดขึ้นว่า “พระเจ้า หลังจากนี้นายจะทำยังไงเนี่ยโจวอวี้ นายไม่ใช่คู่ต่อสู้ของโม่เย่เลย แถมมันจะทำอะไรกับนายก็ได้อีกต่างหาก! ถึงตอนนี้เจ้าหนูนั่นจะยังไม่โตเป็นหนุ่มและทำได้แค่คิดเพ้อฝันเกี่ยวกับนาย…แต่พอมันเข้าสู่วัยต่อต้านที่รับมือยากที่สุด อารมณ์ทั้งหลายจะอยู่เหนือเหตุผล ทั้งยังสามารถทำให้จินตนาการของตัวเองเป็นจริงได้ละก็ นายเสร็จแน่โจวอวี้!”
“นายกำลังพูดไร้สาระอะไรอยู่เนี่ย! อู๋อวิ้น!”
คราวนี้ยังไม่ทันที่หลี่เชียนจะได้ลงมือตบ โจวอวี้ก็ชิงยกมือขึ้นตบศีรษะอู๋อวิ้นดังผัวะเสียก่อน
“เฮ้! ฉันเป็นเพื่อนที่เตือนเรื่องจริงกับนายนะ ไม่ดีหรือไงเล่า!”
สิ้นเสียงของอู๋อวิ้น โม่เย่ที่วิ่งกลับมาก็กระโดดแผล็วเข้ามาในรถอย่างหน้าชื่นตาบาน มันหดตัวแล้วนั่งขดเป็นลูกบอลอยู่บนตักของโจวอวี้คล้ายกับจะบอกว่า ‘ขอจูบ ๆ ขอกอด ๆ’
“ดูสิ! โจวอวี้ เห็น ๆ กันอยู่ว่านายจัดการมันได้ยากมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว” อู๋อวิ้นว่าอย่างไม่พอใจ
“ขับรถไปเลย!” หานลี่เองก็อดไม่ได้ที่อยากจะฟาดศีรษะอู๋อวิ้นเหมือนกัน
ด้วยความช่วยเหลือของโม่เย่ ขบวนรถทั้งหมดจึงขับผ่านป่าโบราณไปได้อย่างปลอดภัย ยามที่แสงแรกของดวงอาทิตย์ตกลงที่กระจกรถของอู๋อวิ้น พวกเขาก็มองเห็นโครงร่างของฐานที่สอง
‘ขอพระเจ้าทรงคุ้มครองให้ครั้งนี้ฐานที่สองไม่มีหนอนกร่อนกระดูกหรือสิ่งมีชีวิตอันตรายอื่น ๆ ที่พิลึกพิลั่นด้วยเถิด เราแค่ต้องการมาเอาตัวอย่างดี ๆ แล้วจากนั้นก็จะศึกษาไวรัสให้ดี ๆ เท่านั้นเอง’ หลี่เชียนประสานมือเข้าหากันและภาวนาอยู่ในใจ
ฐานที่สองเป็นฐานที่เก่าที่สุดฐานหนึ่งที่จวี้ลี่กรุ๊ปสร้างขึ้นในนีเบอลุงเงิน แม้จะเป็นฐานที่ก่อตั้งขึ้นในช่วงแรก ๆ แต่อุปกรณ์และโครงการวิจัยของฐานนี้ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าฐานที่ห้าที่ซ่งจื้อประจำการอยู่ กระทั่งงานวิจัยบางอย่างก็อยู่ในระดับแนวหน้า อย่างเช่น ไวรัสวิทยา
ดอกเตอร์รอนคือผู้รับผิดชอบฐานที่สอง เขาเป็นอัจฉริยะทางด้านนิเวศวิทยาและมีอายุพอ ๆ กับซ่งจื้อ แต่หน้าตาดูเด็กกว่ามาก
เขาขมวดคิ้วมองดูขบวนรถทั้งหมดที่อู๋อวิ้นกับโจวอวี้ขับนำเข้ามาในฐาน ท่าทางไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“ผมจำได้ว่าซ่งจื้อบอกว่านักวิชาการและเจ้าหน้าที่ภาคสนามของพวกคุณส่วนใหญ่จะอยู่ที่สถานีสังเกตการณ์ แต่พวกคุณทั้งหมดกลับมาอยู่ที่นี่ ผมเลยไม่มีเวลาเตรียมตัว แถมพื้นที่ทั้งหมดของฐานก็มีจำกัด จนกว่าเราจะขยับขยายพื้นที่ได้ ตอนนี้พวกคุณสามารถอยู่ได้แค่ที่โรงอาหารเท่านั้น”
ความไม่พอใจของดอกเตอร์รอนนับว่ามีเหตุผล แต่เขาก็ใช่ว่าจะไม่เต็มใจช่วยเหลืออู๋อวิ้นกับโจวอวี้เพียงเพราะพื้นที่ที่รองรับมีจำกัด
สำหรับนักวิชาการที่ลำบากตรากตรำมาทั้งวันทั้งคืนแล้ว การไม่ต้องสัมผัสกับสภาพแวดล้อมที่อันตรายอีกต่อไปนั้นนับว่าหายากมาก ทันทีที่มาถึงโรงอาหาร ผู้มีพรสวรรค์มากมายต่างก็พากันฟุบหลับคาโต๊ะโดยไม่กินดื่มอะไรทั้งสิ้น
โจวชิงเองก็ง่วงมากเช่นกัน แต่หลี่เชียนกลับตบไหล่ตัวเองอย่างคนใจกว้าง “ถ้านายง่วงก็นอนพิงฉันได้นะ!”
เจ้าหน้าที่ภาคสนามบางคนเอนตัวลงนอนบนพื้นโรงอาหาร บางคนก็หลับอยู่ในรถ สำหรับพวกเขาแล้ว การนอนคือสิ่งสำคัญที่สุด พวกเขาจำเป็นต้องมั่นใจว่ามีพลังงานเพียงพอที่จะปฏิบัติงานต่อ
ดอกเตอร์รอนเดินมาที่ข้างตัวโจวชิง เขาลดตัวลงเล็กน้อย “ศาสตราจารย์โจว คุณก็เหนื่อยมามากแล้ว ยังไงไปพักผ่อนที่ห้องของผมก่อนเถอะ!”
โจวชิงรู้สึกประหลาดใจ ตั้งแต่ที่เข้ามาในฐานดอกเตอร์รอนไม่ยิ้มแย้มเลย โจวชิงนึกว่าพวกเขานำปัญหามาให้ดอกเตอร์รอนเสียอีก แต่คิดไม่ถึงว่าดอกเตอร์รอนจะมาหาเขาด้วยตัวเองแบบนี้
“คุณเป็นนักวิชาการที่โดดเด่นและยอดเยี่ยมมากคนหนึ่ง เท่าที่ผมทราบ สุขภาพร่างกายของคุณไม่ค่อยดีนัก ในฐานะผู้รับผิดชอบฐานที่สอง ผมควรให้คุณพักผ่อนอย่างสบาย ๆ ได้โปรดอย่าปฏิเสธและตามผมมาเถอะครับ ฐานของเราได้หารือเรื่องการสับเปลี่ยนกะเวียนกันนอนแล้ว เวลาที่เจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ในฐานปฏิบัติงานหรือทำวิจัยกัน พวกคุณสามารถใช้ห้องของพวกเขาเพื่อพักผ่อนได้ และในตอนที่พวกเขาเสร็จงาน พวกคุณก็สามารถกลับมาที่โรงอาหาร ดูทีวีหรือเล่นหมากรุกกันได้เช่นเดียวกัน”