[ทดลองอ่าน] เจ้าเห็ดน้อย ตอนที่ 3

小蘑菇
เจ้าเห็ดน้อย

 

一十四洲 อีสือซื่อโจว เขียน
Isamare แปล

 

— โปรย —

“อย่าไปเลย … เจ้าเห็ดน้อย” คำเว้าวอนของอานเจ๋อ
มนุษย์เพียงคนเดียวที่เจ้าเห็ดน้อย ‘อันเจ๋อ’ รู้จัก ดังขึ้นก่อนที่อีกฝ่ายจะจากโลกนี้ไปอย่างสงบ
การไปยังฐานทัพมนุษย์เป็นอันตรายอย่างมากต่อพวกกลายพันธุ์อย่างเขาทว่าจะทำอย่างไรได้

ในเมื่อสปอร์ของเขาถูกคนช่วงชิงไป หากเขาอยากได้มันคืน
มีเพียงต้องเสี่ยงเท่านั้น ดังนั้นการเดินทางของเขาจึงเริ่มต้นขึ้น
ทว่าแค่ถึงประตูเมืองแล้วได้พบกับ ‘ผู้พิพากษา’ ท่านนั้นก็เล่นเอาขาเขาสั่นพั่บ ๆ
แล้วอีกฝ่ายไม่เชื่อว่าเขาเป็นมนุษย์ แถมยังจับตามองและแกล้งเขาไม่หยุดหย่อนอีก

แต่ถึงอย่างนั้น ภายใต้ความกลัว ความหวาดวิตก และถ้อยคำในแง่ลบต่าง ๆ ที่สมองของมนุษย์
คิดขึ้นมาบั่นทอนกำลังใจ อันเจ๋อกลับรู้สึกได้ถึงเกราะป้องกันที่ลู่เฟิงมอบให้เขา…
สิ่งนี้ในภาษามนุษย์เรียกว่าอะไร เขาที่เป็นเห็ดดอกน้อยไม่อาจรู้ได้เลย

 

—.—.—.—.—.—.—.—.—.—

 

ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ >> Rose Publishing

…XOXO…

มาดามโรส

 

ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์

 

‼️TRIGGER WARNING : นิยายเรื่องนี้ NOT FOR EVERYONE ‼️
มีเนื้อหาเกี่ยวกับ Blood (มีเลือด) , Gore (เนื้อหามีความโหดร้ายแบบกระซวกตับไตไส้พุง)
, Attempted sexual harassment (การพยายามล่วงละเมิดทางเพศ)
, Mentioned suicide thought (มีการกล่าวถึงความคิดว่าจะฆ่าตัวตายแต่ไม่ได้บรรยายชัดเจน)
, Massacre (การสังหารหมู่) , Abuse (การทำร้ายร่างกาย) / Torture (การทารุณ ทรมาน)
, Self-Sacrifice (การพลีชีพตัวเอง) , Violence (การใช้ความรุนแรง) , Women Oppression (การกดขี่เพศหญิง)

 

บทที่ 3

 

แสงออโรราแผ่รัศมีสีเขียวปกคลุมทั่วพื้นดิน แสงเรืองรองนี้สะท้อนบนผิวดำของชายคนนั้น ผสมกันกลายเป็นสีเขียวมอสส์แปลกตาคล้ายผิวหนังของกิ้งก่าหรือไม่ก็คางคก

ในที่สุดชายคนนั้นก็เอ่ยขึ้น “พวกเราไม่ใช่เจ้าพนักงานพิพากษา คอนเฟิร์มไม่ได้ว่าเขาเป็นมนุษย์ร้อยเปอร์เซ็นต์”

“นั่นก็จริง” ฮอว์สันกอดอก ลากเสียงยาว “แต่ระดับการปนเปื้อนในพื้นที่ราบหมายเลขสองแค่สองดาว”

ชายผิวคล้ำเงียบไปอีกพักหนึ่ง เอ่ยว่า “เวลาเฉลี่ยของการกลายร่างในพื้นที่ราบหมายเลขสองคือสี่ชั่วโมง ถ้าครบสี่ชั่วโมงแล้วก็โอเค”

“ตกลง” ฮอว์สันกล่าว “งั้นถ้าพวกเราเก็บกวาดซากชิ้นส่วนเสร็จแล้วเขายังไม่กลายร่าง ก็ค่อยพาไปด้วย”

ชายผิวคล้ำพยักหน้าตกลงในที่สุด พวกเขาสามคนมองหน้ากันสักครู่คล้ายเห็นพ้องต้องกัน

“ฉันชื่อแวนส์” ชายร่างสูงใหญ่คนตรงกลางหันไปแนะนำตัวกับอันเจ๋อ

อันเจ๋อ “สวัสดีครับ”

ฮอว์สันที่ทำให้เขารู้สึกรังเกียจเล็กน้อยก็แนะนำตัวเช่นกัน “ฮอว์สัน”

เหลือเพียงคนที่ถูกเรียกว่า ‘นิโกร’ ที่เงียบอยู่พักหนึ่ง ก่อนเอ่ยออกมาสามพยางค์ “แอนโธนี”

อันเจ๋อก็ทักทายเขาคำหนึ่งว่า “สวัสดีครับ” เช่นกัน หลังจากนั้นก็กล่าวอีก “ขอบคุณพวกคุณมาก”

“ไม่ต้องขอบคุณหรอก” แวนส์ยิ้ม กล่าวว่า “ทุกคนล้วนเป็นมนุษย์ร่วมชาติ อีกอย่างพวกเราก็เพิ่งเสียเพื่อนร่วมทีมไปหนึ่งคน กำลังขาดผู้ช่วยพอดี”

พูดจบเขาก็เดินไปหยุดอยู่ข้างหัวของสัตว์กลายพันธุ์ตัวนั้นแล้วออกคำสั่งกับคนที่เหลือ “เก็บศพเสร็จแล้วก็ออกเดินทาง เร่งมือหน่อย”

ระหว่างที่พูดแวนส์ก็หยิบถุงมือคู่หนึ่งและกริชยาวออกมาจากกระเป๋าสะพาย โยนให้อันเจ๋อ “นายไปถอดขามันออก”

อันเจ๋อรับอุปกรณ์พลางขานรับอย่างว่าง่าย ก่อนจะเดินไปข้างหน้าสิบกว่าก้าว แล้วหยุดลงข้างลำตัวครึ่งท่อนบนของสัตว์กลายพันธุ์ เมื่อสวมถุงมือเรียบร้อยก็เริ่มสังเกตร่างกายของมัน

ขนาดของสัตว์ขาข้อใหญ่มาก ตัวกระดองเรียบลื่น แต่บางส่วนมีหนามยาวและแหลม หรือไม่ก็เป็นติ่งเนื้องอกนูนขึ้นมา เขาไล่มองต่ำไปยังขาของสัตว์กลายพันธุ์ มันมีขาทั้งหมดหกข้าง บางแต่ยาว แบ่งออกเป็นสามท่อน ข้างบนปกคลุมไปด้วยขนดำวาวหนาดก

แวนส์กับแอนโธนีจัดการหัวของสัตว์กลายพันธุ์อยู่อีกฟาก เริ่มจากการถอดกระดองส่วนหัวเพื่อให้มันสมองและของเหลวอื่น ๆ ไหลออกมา แล้วก็ขูดภายในจนสะอาด ส่วนฮอว์สันยืนเฝ้าระวังอยู่รอบนอก

ด้วยเหตุนี้อันเจ๋อจึงดึงกริชออกมาแล้วตั้งใจผ่าข้อต่อของสัตว์กลายพันธุ์ ใช้เวลาประมาณห้านาทีข้อต่อแรกก็ถูกผ่าออก ขาท่อนหนึ่งหลุดออกจากหน้าอกของสัตว์กลายพันธุ์ตกลงพื้น ของเหลวสีขาวเหนียวข้นเหมือนมันสมองไหลออกมาจากบริเวณรอยแยกค่อย ๆ ซึมลงไปในพื้นทรายสีเหลือง

เขาได้ยินเสียงหยอกเย้าของฮอว์สันดังขึ้น “หนุ่มน้อย อย่าคลื่นไส้จนอ้วกออกมาล่ะ”

อันเจ๋อไม่ตอบกลับ ผ่าข้อต่ออื่นอย่างเงียบ ๆ

เขาไม่มีความรู้สึกอะไรต่อสัตว์กลายพันธุ์ตัวนี้ ถึงขั้นคิดว่ามันสะอาดว่าสัตว์ที่อาศัยอยู่ในเหวลึกเสียอีก

ทว่าฮอว์สันราวกับไม่คิดจะปล่อยเขา เสียงฝีเท้าดังขึ้นข้างหลัง ฮอว์สันเดินอ้อมมาแล้วใช้มือขวากดหัวไหล่ของอันเจ๋อ ปลายนิ้วไล้วนรอบไหล่เขา “หนุ่มน้อย ปีนี้อายุเท่าไหร่แล้ว”

อันเจ๋อสัมผัสได้ถึงความกระหายในน้ำเสียงของเขา เป็นความกระหายแบบเดียวกับตอนที่สัตว์ป่าเล็งเหยื่อ แต่ในความรู้ความเข้าใจที่มีจำกัดของเขาบอกว่า มนุษย์ไม่เห็นพวกเดียวกันเป็นอาหาร

เขาจึงตอบคำถามเงียบ ๆ “สิบเก้าครับ”

ปีนี้อานเจ๋ออายุสิบเก้า เขากินยีนของอานเจ๋อเข้าไป ดังนั้นก็นับว่าเขาอายุสิบเก้าเช่นกัน

“แต่นายดูเหมือนเพิ่งอายุสิบเจ็ด” ฮอว์สันกลั้นเสียงหัวเราะเจือความประหลาดใจไว้ในอก กล่าวด้วยเสียงแหลมเล็กติดแหบพร่า

อันเจ๋อขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร

“ฮอว์สัน” ตอนนี้เองที่เสียงของแวนส์ดังขึ้นมาจากไม่ไกล “ตั้งใจเฝ้าระวังหน่อย”

ฮอว์สันแค่นเสียง “เฮอะ” ปลายนิ้วยังไม่วายบีบหัวไหล่เขาอีกครั้งก่อนจะเดินจากไป

อันเจ๋อตระหนักได้อีกครั้งว่ามนุษย์แต่ละคนอาจมีนิสัยเฉพาะตัวต่างกัน อย่างเช่นอานเจ๋อไม่เหมือนกับมนุษย์กลุ่มนั้นที่ขุดสปอร์ของเขาไป และแวนส์ก็ไม่เหมือนกับฮอว์สัน เขาชื่นชมในตัวแวนส์มาก

เขาก้มหน้าทำงานต่อ ขาแต่ละข้างแบ่งเป็นสามท่อน หลังผ่าเสร็จแล้วก็นำพวกมันมาวางกองซ้อนกันอย่างเป็นระเบียบ กระดองของสัตว์กลายพันธุ์ตัวนี้เงาวาวคล้ายโลหะ แข็งเหมือนก้อนหิน เมื่อนำมากองรวมกันจึงส่งเสียงกระทบดังกังวาน

เมื่อเขาถอดขาข้างที่หกลงมา แวนส์กับแอนโธนีก็แยกส่วนหัวเสร็จแล้วเช่นกัน ก่อนจะเดินมาสมทบกันบริเวณลำตัวครึ่งท่อนที่อยู่ด้านข้าง แวนส์มองขาที่กองอย่างเป็นระเบียบบนพื้นแวบหนึ่ง ยิ้มชม “นายทำดีมาก”

แล้วก็หันไปบอกฮอว์สันอย่างรวดเร็วว่า “นายไปขับรถมา”

ฮอว์สันไม่พูดอะไร หันหลังเดินออกไปข้างนอก

อันเจ๋อยืนอยู่ด้านข้าง มองแวนส์กับแอนโธนีลงมือจัดการกับส่วนหน้าอกของสัตว์กลายพันธุ์

เขาขันอาสา “ให้ผมช่วยไหมครับ”

แวนส์สวมถุงมือ ในมือถือคีมสีดำขนาดใหญ่เท่าน่องของมนุษย์เล่มหนึ่ง ถามว่า “นายไม่เคยออกมาข้างนอกสินะ”

อันเจ๋อ “…อืม”

“งั้นยืนรอข้าง ๆ ก็พอแล้ว” แวนส์ใช้คีมงัดกระดองที่เชื่อมต่อกับหน้าอกสัตว์กลายพันธุ์ ขอบกระดองผิดแปลกไป ประกอบด้วยหนามสีดำแหลมคมต่างจากบริเวณที่เชื่อมต่อกับกระดองส่วนอื่น เปล่งประกายเย็นเยียบ แวนส์กล่าวว่า “เจ้านี่หนามเยอะ ถ้าไม่มีประสบการณ์จะถูกแทงเอาได้ ระดับการปนเปื้อนในที่ราบหมายเลขสองไม่สูงก็จริง แต่ก็มีโอกาสติดเชื้อได้”

อันเจ๋อถอยหลังสองสามก้าวอย่างเชื่อฟัง มองพวกเขาเดินวนรอบซากเพื่อถอดแยกชิ้นส่วน กระดองสีดำฝาแล้วฝาเล่าถูกงัดออก อวัยวะภายในและเนื้อเยื่อสีขาวไหลย้อยลงพื้น

ระหว่างมองเพลิน ๆ อยู่นั้น เสียงครั่นครืนอันหนักทึบก็ดังขึ้น อันเจ๋อมองไปทางขวามือของตนเอง เห็นรถหุ้มเกราะสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีดำคันหนึ่งกำลังขับตรงมาทางนี้ ดูแล้วคล้ายกับอสุรกายยักษ์เปลือกแข็ง ยานพาหนะนี้เขาคุ้นตามาก ทีมที่อานเจ๋อเคยสังกัดก่อนหน้าก็มีรถหุ้มเกราะแบบนี้ห้าคัน

รถหุ้มเกราะเคลื่อนเข้ามาใกล้ ฮอว์สันกระโดดลงมาจากรถ แวนส์กล่าวโดยที่ไม่เงยหน้าขึ้นมอง “นายช่วยเขายกซากชิ้นส่วนขึ้นรถไปก่อน”

อันเจ๋อตอบ “อืม” เสียงหนึ่งก่อนเก็บกระดองขึ้นมาจากพื้น จากนั้นก็ใช้เชือกมัดพวกมันอย่างระมัดระวังแล้วส่งให้
ฮอว์สัน อีกฝ่ายรับแล้วนำไปวางในห้องเก็บของบนรถหุ้มเกราะ

สัตว์กลายพันธุ์ยักษ์ถูกพวกเขาถอดชิ้นส่วนจนมีขนาดเล็กลง กระดองที่อันเจ๋อเก็บขึ้นมาก็ยิ่งมากขึ้นเช่นกัน

ขณะใช้เชือกมัดฝากระดอง การเคลื่อนไหวของเขาพลันชะงัก

ยามนี้ใต้ฝ่ามือเขาคือฝากระดองสีดำซึ่งมีหนามแหลมงอกออกมา บนผิวปลายหนามมีหยดน้ำเนียนจับตัวกันเป็นก้อนสองสามหยด มันมีสีเข้ม หากไม่สังเกตอย่างละเอียดก็มองไม่เห็น

เขามองไปยังคราบสกปรกจากอวัยวะภายในบนพื้น แน่ใจแล้วว่าของเหลวทั้งหมดในตัวสัตว์กลายพันธุ์ล้วนเป็นสีขาว สีเหลือง หรือไม่ก็สีใส

ถ้าอย่างนั้นหยดน้ำสีเข้มเหล่านี้คืออะไรล่ะ เขาพลันนึกถึงเลือดที่ไหลออกมาจากร่างกายอานเจ๋อก่อนตาย

ด้วยเหตุนี้อันเจ๋อจึงมองไปทางแวนส์และแอนโธนี ทั้งสองต่างกำลังมีสมาธิกับการแยกชิ้นส่วนซากศพ สีหน้าสงบนิ่ง ทุกสิ่งเป็นไปอย่างปกติ ดังนั้นอันเจ๋อจึงเพียงทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก้มหน้าลงอีกครั้ง มัดกระดองให้เรียบร้อย

เนิ่นนานหลังจากนั้น ในที่สุดการแยกชิ้นส่วนก็เสร็จสิ้น ทั้งสามคนคล้ายแน่ใจแล้วว่าอันเจ๋อจะไม่กลายร่างเป็นสัตว์กลายพันธุ์คร่าชีวิตคนกะทันหัน

แวนส์เอ่ยขึ้น “ขึ้นรถ กลับฐานกัน อันเจ๋อก็มาด้วย”

รถหุ้มเกราะหนึ่งคันจุคนได้เจ็ดถึงแปดคน ภายในก็มีห้องสำหรับพักผ่อนด้วย ถูกแบ่งอย่างง่าย ๆ ออกเป็นสามห้องขนาดเล็ก ทว่าแต่ละห้องเพดานต่ำและแคบมาก มนุษย์ต้องก้มตัวถึงจะเดินไปมาข้างในได้

อันเจ๋อถูกจัดให้พักในห้องริมสุด ขวามือคือประตูรถ เขานอนลงหนุนกระเป๋าสะพาย แอนโธนีขับรถอยู่ข้างหน้า แวนส์อยู่ห้องข้างเขา ส่วนข้างในสุดเป็นฮอว์สัน

เมื่อประตูรถปิดสนิทข้างในก็ตกสู่ความมืด มีเพียงแสงสว่างน้อย ๆ ส่องเข้ามาจากหน้าต่างบานเล็กด้านข้างเท่านั้น หลังสั่นโคลงระลอกหนึ่งรถหุ้มเกราะก็ค่อย ๆ ติดเครื่องยนต์แล่นไปข้างหน้าอย่างมั่นคง มีบางครั้งที่เกิดแรงสั่นสะเทือน แต่ก็ไม่ได้รุนแรงมากนัก

อันเจ๋อลืมตามองความมืดเบื้องหน้า รู้สึกราวกับว่าตนเองกำลังลอยอยู่กลางกระแสน้ำสีดำ กระแสน้ำนั้นโอบอุ้มเขาลอยไปยังฐานทัพทางเหนือ และเขาก็ไม่รู้จักที่นั่นโดยสิ้นเชิง

ความงุนงงและความว่างเปล่าห้อมล้อมเขา เขานอนนิ่งอยู่ในความมืดทั้งแบบนี้

เมื่อแสงที่ผ่านหน้าต่างบานเล็กค่อย ๆ เข้มขึ้น รอบข้างก็สว่างขึ้นบ้างเช่นเดียวกัน รถหยุดลง อันเจ๋อเห็นฮอว์สันลุกขึ้นเดินลึกเข้าไปสองสามก้าว เปิดประตูระหว่างห้องคนขับกับห้องพักออก แล้วเดินเข้าไปเปลี่ยนกับแอนโธนี ส่วนแอนโธนีก็กลับมานอนในตำแหน่งเดิมของฮอว์สัน เสียงหายใจเขาหนักมาก การเคลื่อนไหวก็รุนแรงมากเช่นกัน ทำเอาพื้นในห้องพักสั่นสะเทือนครู่หนึ่ง ตามมาด้วยเสียงแวนส์ถามไถ่ว่า “เป็นอะไร” แอนโธนีตอบแค่ “เหนื่อยนิดหน่อย”

เวลาผ่านไปนานอีกพักใหญ่ก็ถึงคราวที่แวนส์ต้องไปเปลี่ยนกับฮอว์สัน

อันเจ๋อขดตัวโดยสัญชาตญาณ แค่เขารู้ว่าอีกสักครู่ฮอว์สันจะมานอนในห้องข้าง ๆ ก็รู้สึกไม่ปลอดภัยแล้ว

ทว่าผ่านไปเนิ่นนานห้องข้าง ๆ ก็ยังไม่มีเสียงมนุษย์นอนลงดังออกมา

อันเจ๋อลืมตาและเฝ้ารอ

วินาทีถัดมาเสียงฝีเท้าสวบ ๆ ก็ดังขึ้น ชายคนหนึ่งตรงเข้ามาโผใส่เขา

“หนุ่มน้อย…” เสียงของฮอว์สันทุ้มต่ำและแหบพร่ามาก สองขาของเขาเบียดแทรกอยู่ระหว่างขาอันเจ๋อ แขนก็โอบไหล่ อันเจ๋อดิ้นขัดขืนโต้ตอบพักหนึ่ง ทว่ากลับถูกเรี่ยวแรงที่มากกว่ากดไว้กับพื้น “แวนส์ออกไปแล้ว…ฉันรู้ว่านายทำงานอะไร ฉันใช้ชีวิตอยู่กับทหารรับจ้างมากกว่าที่เขาเห็นซะอีก”

การดิ้นขืนเมื่อครู่กินแรงอันเจ๋อไม่น้อย เขาหอบพักหนึ่ง “ได้โปรด คุณอย่าทำแบบนี้เลย”

“อย่าทำแบบไหน” ฮอว์สันยิ้ม รอยยิ้มของเขาดูน่ากลัวมากในความมืดแบบนี้

อันเจ๋อไม่ตอบ ฮอว์สันคลายมือข้างที่กดไหล่อันเจ๋อแล้วเลื่อนไปปลดเข็มขัด เขาใช้มือเพียงข้างเดียวก็สามารถล็อก
อันเจ๋อไว้ได้อย่างแน่นหนา การทำแบบนี้ราวกับทำให้เขามีความสุขมาก รอยยิ้มกว้างขึ้นทุกขณะ ซ้ำยังเอ่ยหยอกเย้าอย่างหยาบคาย “หนุ่มน้อย แรงแค่นี้ของนายจะทำอะไรได้ ขับรถไม่เป็น ใช้อาวุธหนักไม่ได้ เวลาเจอสัตว์กลายพันธุ์ก็ทำได้แค่รอความตาย ทีมของนายพานายออกมาทำอะไรกันแน่ แค่มองดูเฉย ๆ หรือไง”

เขาพูดพลางจับคอของอันเจ๋อแล้วโน้มกายลงมา แก้มซึ่งเต็มไปด้วยตอหนวดแนบข้างลำคอของอันเจ๋อ กลิ่นบุหรี่ชวนสำลักแผ่คลุ้ง “โสเภณีน้อยแบบนายฉันเห็นมาเยอะแล้ว…แต่หน้าตาดีแบบนี้เพิ่งเห็นเป็นครั้งแรก เมื่อก่อนนายติดตามทหารรับจ้างทีมไหนล่ะ”

อันเจ๋อหอบแรงขึ้น ฮอว์สันทับเขาแน่น ลิ้นร้อนชื้นลากเลียตามผิวของเขา เมื่อเบือนหน้าหนีก็สำลักกลิ่นบุหรี่จนไอ มือขวาคลำทางในความมืดไม่หยุด สุดท้ายก็คลำเจอกริชที่แวนส์โยนให้เขาก่อนหน้านี้

ทันใดนั้นการเคลื่อนไหวรุนแรงก็ดังออกมาจากข้างห้องที่แอนโธนีพักอยู่ คล้ายมีบางสิ่งคว่ำตกลงบนพื้น

“อย่ารีบสินิโกร” ฮอว์สันหัวเราะเสียงดัง “แป๊บเดียวก็ถึงตานายแล้ว”

ทว่าคำพูดนี้ของเขาราวกับไม่เป็นผล เพราะว่าเสียงฝีเท้ากำลังเดินมาทางนี้แล้ว

ฮอว์สันสบถคำด่าเบา ๆ ก่อนดึงอันเจ๋อขึ้นมาตรึงร่างไว้กับผนังรถ ออกแรงกระชากคอเสื้อเชิ้ตของเขา

อันเจ๋อไม่ขัดขืนอีกต่อไป เขากุมกริชในมือแน่น นิ่งมองไปยังทางเดินอันมืดมิด เส้นไฮฟาสีขาวยื่นออกมาบนพื้นข้างตัวเขาอย่างเงียบเชียบ ราวกับกำลังเตรียมการบางอย่าง

ทว่าวินาทีถัดมา การเคลื่อนไหวทั้งหมดของเขาก็หยุดชะงัก

สัตว์กลายพันธุ์ตัวหนึ่งที่มีร่างกายแบบมนุษย์แต่กลับมีขายาวเรียวสามคู่งอกขึ้นบนหลัง ลากปีกอ่อนซึ่งกำลังขดม้วนค่อย ๆ เดินผ่านทางเดินออกมา ดวงตาแมลงสีแดงโลหิตสองข้างบนหัวของมันกำลังทอประกายอย่างเงียบเชียบ

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า