薄雾[无限]
ม่านหมอก (ไร้สิ้นสุด)
微风几许 เวยเฟิงจี๋สวี่ เขียน
ธมน แปล
라일 (Lyle) วาด
Zinlin Xin ไทโป
– โปรย –
ผู้ที่ป่วยเป็นโรคไฮเปอร์ธีมีเซียจะสามารถจดจำทุกรายละเอียดในชีวิตได้อย่างชัดเจน
ตั้งแต่จุดเปลี่ยนของโลกไปจนถึงทุกความคิดเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นในหัว
ความจำอันดีเยี่ยมและความกระหายในความรู้ของพวกเขา
ทำให้พวกเขากลายเป็นอัจฉริยะในแง่หนึ่งได้อย่างง่ายดาย
ว่ากันว่า ‘จี้อวี่สือ’ คืออัจฉริยะอย่างที่กล่าวมา แถมยังหน้าตางดงามมากเสียด้วย
และข่าวที่ว่าเขาจะไปช่วยงานหน่วยเจ็ดแห่งโดมท้องฟ้าก็แพร่สะพัดไปทั่ว
ใคร ๆ ต่างก็รู้ว่า ‘ซ่งฉิงหลาน’ ผู้เป็นหัวหน้าของหน่วยเจ็ดนั้นเก่งกาจมากความสามารถ และมีบุคลิกดุดัน
เขาใช้ความสามารถอันเหนือชั้นของตัวเองจนกลายเป็นม้ามืดแห่งสนามรบได้ภายในสองปี
และเขายังเกลียดพวกไม้ประดับที่โดนเบื้องบนยัดเข้ามาในทีมเขาเป็นที่สุด
แล้วก็เป็นไปตามคาด เมื่อทราบข่าวเรื่องการมาของจี้อวี่สือ ซ่งฉิงหลานแสดงความเห็นต่อหน้าทุกคนว่า
“มาแล้วช่วยอะไรได้ พวกเราจะออกไปเสี่ยงตาย
ไม่ได้ต้องการอัจฉริยะที่อ่านหนังสือเร็วแบบควอนตัมได้!”
—.—.—.—.—.—.—.—.—.—
ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่
เพจ >> Rose Publishing
ทวิตเตอร์ >> Rose Publishing
…XOXO…
ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์
“แม่งเอ๊ย เรื่องบ้าอะไรเนี่ย ตกลงไอ้ PU-31 มันคืออะไรกันแน่”
“ศูนย์บัญชาการเปลี่ยนภารกิจของพวกเรากะทันหันเหรอ”
“ใช้หัวแม่ตีนคิดยังรู้เลยว่าเบื้องบนไม่มีทางเปลี่ยนภารกิจของพวกเราหน้างานแน่”
“สัญญาณแทรกกับภารกิจของคนอื่นหรือเปล่า หรือว่าไอ้หน่วยเก้ามันเล่นตลกอะไร”
“แล้วไอ้ผู้ไล่ล่าความมืดอีก มันคืออะไร ถ้าไม่สำเร็จ พวกเราจะกลับไปไม่ได้งั้นเหรอ”
“หัวหน้าซ่ง คุณเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนไหม”
ขณะที่ทุกคนกำลังแย่งกันพูดจนฟังไม่ได้ศัพท์ คำถามของจี้อวี่สือทำให้ทุกคนเงียบเสียงลง
ชุดปฏิบัติการสีดำขับให้จี้อวี่สือดูผอมบางเกินไป แต่น้ำเสียงของเขาเมื่อเทียบกับเหล่าสมาชิกในทีมแล้ว ถือว่าใจเย็นสุขุมกว่ามากทีเดียว
“ครั้งแรก” ซ่งฉิงหลาน “พวกคุณเคยเจอระหว่างปฏิบัติภารกิจของผู้จดบันทึกหรือไง”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบ จึงเดาว่าคงไม่เคยเจอมาก่อนเหมือนกัน ซ่งฉิงหลานเลยถามพลางเลิกคิ้ว “ทำไม กลัวเหรอ”
จี้อวี่สือส่ายศีรษะ “เปล่า ผมแค่นอนรอชัยชนะสบาย ๆ ก็พอแล้วนี่”
ทุกคนตกตะลึง “!!!”
คิดไม่ถึงว่าที่ปรึกษาจี้จะเอ่ยคำพูดแบบนี้ออกมาจริง ๆ! ในวิกฤตการณ์อันตรายและยังไม่ชัดเจนเช่นนี้ เป็นแบบนี้จะดีจริง ๆ เหรอ!
จี้อวี่สือทำหน้าเรียบเฉย ดูไม่ทุกข์ไม่ร้อนใด ๆ เลยสักนิด
ตั้งใจจะเป็นเพียงปลาเค็ม[1]ตัวหนึ่งจริงๆ
ซ่งฉิงหลาน “…”
ช่างปะไร ลางเนื้อชอบลางยา
ด้วยไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด ซ่งฉิงหลานกวาดสายตาดูรอบ ๆ แล้วหยิบไม้กวาดของที่ทำการอุทยานขึ้นมาก่อนออกไปด้านนอก
กำแพงสีดำอยู่ตรงหน้านี้เอง ซ่งฉิงหลานลองใช้ไม้กวาดแหย่ดู คิดไม่ถึงว่าจะสามารถทิ่มเข้าไปได้ ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่ของจริง แต่ทันใดนั้นน้ำหนักของไม้กวาดก็เบาลง ตอนที่ดึงออกมา ส่วนของไม้กวาดที่ทิ่มเข้าไปในกำแพงสีดำกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย หน้าตัดเรียบเนียน มันถูกกำแพงสีดำ “กิน” เข้าไปโดยสมบูรณ์
ภาพเหตุการณ์ที่น่าสยดสยองนี้ทำเอาทุกคนเหงื่อตก
อดจินตนาการถึงเหตุการณ์นองเลือดไม่ได้ว่าหากตัวเองไปสัมผัสกำแพงสีดำเข้าโดยไม่ระวังละก็ โชคดีหน่อยก็คงจะแขนขาขาด หากเคราะห์ร้ายก็คงจะถูกตัดเป็นสองท่อน
อย่างที่เพิ่งเห็นเมื่อครู่ กำแพงสีดำสามารถเคลื่อนที่ได้
ถึงตอนนี้มันจะหยุดนิ่งแล้ว แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่ามันจะขยับเดินหน้าอีกหรือเปล่า เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องออกห่างจากที่ทำการอุทยานให้เร็วที่สุด
ซ่งฉิงหลานโยนไม้กวาดที่โดนตัดทิ้ง “เมื่อกี้กฎของภารกิจบอกไว้ว่ายังไง”
“ตาย ตายคัดออก” ใครบางคนเอ่ยตอบ
“รู้ก็ดีแล้ว” ซ่งฉิงหลานทำหน้าเคร่งขรึม เอ่ยกับทุกคน “ถืออาวุธของตัวเองให้ดี และจะดีที่สุดถ้าไม่มีใครตาย ถึงยังไงก็กลับไปไม่ได้อยู่แล้ว ดังนั้นไม่ว่าไอ้ PU-31 นี่คืออะไร พวกเราจะไปเจอมันสักตั้ง”
ทุกคนในหน่วยเดินออกจากสวนสาธารณะมาจนถึงทางแยกที่ไม่ค่อยมีเนื้อที่เท่าไรนัก
ศักราชซิงหยวน ปี 1470 มีสิ่งปลูกสร้างหนาแน่นกว่าช่วงเวลาสิบกว่าปีก่อนที่พวกเขาใช้ชีวิตอยู่มากทีเดียว ดังนั้นการเหลือที่ว่างแห่งหนึ่งในใจกลางเมืองเพื่อใช้เป็นสวนสาธารณะก็ฟุ่มเฟือยมากแล้ว ด้วยเหตุนี้ถนนใกล้กับสวนสาธารณะจึงค่อนข้างแคบ
เมืองถูกทิ้งร้าง มันว่างเปล่ายิ่งกว่าที่จินตนาการไว้เสียอีก ไม่เห็นมนุษย์ที่ยังมีชีวิตเลย
รถพังยับจอดระเกะระกะอยู่ข้างทาง ร้านรวงต่าง ๆ คล้ายกับเคยผ่านการก่อจลาจลมาก่อน รอยเลือดที่สามารถมองเห็นได้ทั่วทุกที่และซากศพเน่าเปื่อยศพสองศพที่ปะทะสายตาเป็นครั้งคราว ชวนให้รู้สึกว่าวันสิ้นโลกได้มาถึงแล้ว เมื่อทอดสายตามองไปก็เห็นแต่ร่องรอยการถูกทำลายล้างอยู่ทุกหนทุกแห่ง
ยิ่งเข้าไปในเมืองลึกมากเท่าไร ความเงียบก็ยิ่งเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น เสียงที่ดังมาจากอุปกรณ์สื่อสารมีเพียงเสียงหายใจหนัก ๆ ของทุกคน ไม่มีใครพูดอะไรกันเลย
ทุกคนในทีมเลาะไปตามแนวกำแพงก่อนออกจากที่ซ่อนแล้วมุ่งหน้าต่อไป
ไม่รู้ว่ากำแพงสีดำนั่นได้เคลื่อนไหวอีกหรือเปล่า ทุกช่วงที่ก้าวเดิน พวกเขาหันหลังกลับไปมองเพราะเกิดสงสัยในเรื่องนั้น แต่กำแพงสีดำยังคงหยุดอยู่ห่างไกลออกไป และฉาบปิดโลกครึ่งหนึ่งไปโดยสมบูรณ์
“เดี๋ยวก่อน”
เสียงของซ่งฉิงหลานดังขึ้นจากช่องสัญญาณร่วม พร้อมทำสัญลักษณ์กำมือ
ทุกคนหยุดฝีเท้า
ตอนนี้เป็นเวลาหกโมงเช้าแล้ว
แสงอาทิตย์ในช่วงปลายฤดูร้อนที่สาดส่องผ่านช่องว่างระหว่างอาคารสูงทอดแสงสีทองลงบนผิวถนนยางมะตอยสีดำหนืด
มีคนกลุ่มหนึ่งอยู่ท่ามกลางรัศมีแสงเจิดจ้านั่น
หรือพูดให้ถูกคือ ซอมบี้ฝูงหนึ่ง
มีเนื้อและเลือดกองอยู่ตรงกลางถนน มองออกว่าเป็นซากศพสดใหม่ที่ท้องแตกลำไส้ไหลทะลักกำลังถูกซอมบี้ฝูงนั้นรุมกินเป็นอาหาร พวกมันแย่งกันฉีกทึ้งเนื้อหนัง แขนและขาทั้งสี่รวมไปถึงอวัยวะภายใน กัดแทะและกลืนกินลงไป
เสียงเคี้ยวตอนกัดกินปะปนกับเสียงคำราม “ฮื่อ ฮื่อ” แหบต่ำดังมาจากจุดที่ห่างออกไม่เกินเจ็ดถึงแปดเมตรอย่างชัดเจน
ถึงแม้จะเตรียมใจไว้แล้ว แต่ภาพมนุษย์กินมนุษย์ด้วยกันที่เห็นกับตาตัวเองก็ยังทำให้รู้สึกช็อกเกินไปอยู่ดี
ภาพตรงหน้ายังไม่ทันหายไป ทุกคนก็ได้ยินเสียงกรีดร้องด้วยความกลัวสุดขีดดังมาจากด้านหลัง
“กรี๊ด!!!”
ในเงามืดที่แสงแดดส่องไม่ถึงซึ่งอยู่ห่างไปไม่ไกล ผู้หญิงคนหนึ่งที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือดกระโจนออกมาจากอาคารใหญ่ สิ่งที่ตามหลังเธอมาติด ๆ เป็นฝูงซอมบี้ยี่สิบถึงสามสิบตนทยอยเล็ดลอดออกมาจากช่องประตูมืดตื๋อของอาคารใหญ่ตนแล้วตนเล่า พวกมันไล่ตามร่างของเธออย่างบ้าคลั่งหวังจะฉีกทึ้งเธอเป็นชิ้น ๆ
และตอนนั้นเอง เสียงกรีดร้องของหญิงสาวก็ไปรบกวนเหล่าผู้กินที่อยู่ภายใต้แสงอาทิตย์
พวกมันเงยหน้าขึ้นทันที ม่านตาสีขาวขุ่นและเลือดสด ๆ เต็มปากดูคล้ายกับปิศาจที่บุกขึ้นมาจากขุมนรก ก่อนจะกระโจนเข้าใส่ทีมของพวกเขาอย่างรวดเร็ว!
“ฉิบหายแล้ว !”
ไม่รู้ว่าใครสบถคำผรุสวาทขึ้นมาก่อนจะได้ยินเสียงใครบางคนพูด “ช่วยเธอ!”
เสียงปืนดัง “ปัง ปัง ปัง” หลายนัด ซ่งฉิงหลานยิงสังหารซอมบี้สามสี่ตนที่อยู่ด้านหลังผู้หญิงคนนั้น และในเวลาเดียวกัน สมาชิกในทีมที่อยู่อีกด้านก็กระหน่ำยิงระเบิดสมองของกลุ่มซอมบี้จนล้มกระจายเต็มพื้น
ความเงียบของเมืองถูกเสียงปืนทำลายลงแล้ว
“ฮื่อ ฮื่อ—”
สิ่งนี้เป็นเหมือนกับการแหย่รังแตน แทบจะในไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น ซอมบี้ที่จำศีลอยู่ต่างหลั่งไหลออกมาจากทั่วทุกสารทิศ พวกมันกรูกันออกมาจากทั้งในเงามืด อาคาร และมุมถนนที่มองไม่เห็นด้วยความเร็วอันน่าตกใจ
“ไป ไป ไป!!”
“เร็ว!!”
เสียงปืนดังต่อเนื่องเป็นระลอกสะท้อนก้องไปทั่วถนนทั้งสาย
เพียงพริบตาเดียว ผู้หญิงคนนั้นก็พุ่งมาอยู่ตรงหน้าพวกเขา จี้อวี่สือกำลังจะไปฉุดเธอ ทว่าสีหน้าพลันเปลี่ยนไป!
ในระยะห่างสั้น ๆ เพียงสิบกว่าเมตร จู่ ๆ ผู้หญิงคนนั้นก็เปลี่ยนร่างจากมนุษย์ที่มีชีวิตคนหนึ่ง เส้นเลือดสีเขียวกระจายไปทั่วไปหน้า ม่านตาสีขาวขุ่น กลายเป็นพวกเดียวกับปิศาจทันที!
“ยิง!!! เธอไม่ใช่คนแล้ว!!”
ใครบางคนตะโกนขึ้นมาจากด้านหลัง
จี้อวี่สือคล้ายตื่นจากภวังค์ นิ้วเหนี่ยวไกปืนของไดมอนด์เบิร์ดแล้วยิงเข้าที่ศีรษะ สมองของซอมบี้ระเบิดออกดัง “โพละ”
ชั่วพริบตาที่ผู้หญิงคนนั้นล้มลง เธอก็จมหายไปในฝูงซอมบี้นับไม่ถ้วนที่กระโจนเข้ามาเหยียบย่ำ
“ข้างหลัง!!”
ร่างกายถูกใครบางคนผลักกะทันหัน เสียงกึกก้องดังขึ้นข้างหูของจี้อวี่สือ เขารู้สึกถึงความร้อนบริเวณลำคอ ซ่งฉิงหลานระเบิดกะโหลกซอมบี้ที่อยู่ด้านหลังเขาเรียบร้อย ใบหน้าเปื้อนเลือดที่สาดกระเซ็นเข้ามา ภาพตรงหน้าจี้อวี่สือ พร่ามัวและมีเสียงดังในหูอย่างรุนแรง ซ่งฉิงหลานกำลังนิ่วหน้าพูดอะไรบางอย่างกับเขา แต่เขาได้ยินไม่ชัดเลย
ในชั่วพริบตาบนถนนก็เต็มไปด้วยซอมบี้ จนไม่สามารถแยกได้ว่าที่ไหนพอจะมีทางให้หนีได้บ้าง
“กึง—”
ซ่งฉิงหลานก้าวขายาว ๆ ของตัวเองขึ้นหลังคารถไปอย่างง่ายดายท่ามกลางห่ากระสุน จี้อวี่สือคล้ายกับได้ยินเสียงอีกฝ่ายเหยียบหลังคาเหล็กของรถ
ซ่งฉิงหลานประคองเสินเหมียนไว้ในมือ ก่อนเปิดฉากยิงเต็มกำลังเพื่อระเบิดวงล้อมก้อนเนื้อที่มีสมาชิกในทีมอยู่ตรงกลางทันที
ทุกคนได้พักหายใจหายคอชั่วขณะ
หลี่ฉุนทำตาม เขากระโดดขึ้นไปบนรถอีกคันหนึ่งแล้วรัวปืนไปพลาง ตะโกนร้องอย่างบ้าคลั่งไปพลาง “หัวหน้า! มันเยอะขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว!! พวกเราจะเอายังไง!”
ซ่งฉิงหลานขมวดคิ้วหากันแน่น รูม่านตาหดลงเล็กน้อย “ข้างหน้าซ้ายมือ ร้านสะดวกซื้อ!”
ร้านค้าบนถนนส่วนใหญ่ถูกทำลาย ร้านสะดวกซื้อที่มีบานเหล็กกั้นดูสะดุดตาเป็นอย่างมาก
ฝูงซอมบี้เพิ่มปริมาณมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะถูกดึงดูดโดยเสียงปืน ทว่าซอมบี้ตัวที่อยู่ใกล้ก็ยังคงกระโจนเข้าหาคนที่ยังมีลมหายใจอย่างต่อเนื่อง
เศษซากศพเกลื่อนพื้นท่ามกลางกองเลือด ไม่มีใครสนใจว่าพวกเขากำลังเหยียบอะไร เพียงฝ่าวงล้อมไปยังทิศทางที่ซ่งฉิงหลานบอกโดยไม่สนใจอะไรเท่านั้น
ทังฉีและทังเล่อแยกกันเข้ายึดตำแหน่งซ้ายและขวา โจวหมิงเซวียนพุ่งตัวไปด้านหน้าสุด
ซ่งฉิงหลานและหลี่ฉุนใช้ประโยชน์จากการอยู่ที่สูงช่วยเปิดเส้นทางนองเลือดให้คนที่เหลือได้อย่างรวดเร็ว
จี้อวี่สือเช็ดคราบเลือดบนใบหน้าออก พวกเขารุดไปถึงปากประตูร้านสะดวกซื้อแล้ว
ใครบางคนสบถ “มันล็อก!”
ความรู้ใจกันที่มีมาอย่างยาวนานทำให้ต้วนเหวินไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขายกปืนขึ้นและกระแทกไปบนหน้าจอยืนยันตัวตนของร้าน สัญญาณเตือนภัยแหลมบาดหูดังขึ้น บานประตูเหล็กกั้นที่อยู่ด้านนอกประตูกระจกถูกโจวหมิงเซวียนดึงเปิดจนเกิดเป็นช่องว่างเล็ก ๆ
จี้อวี่สือหันหลังกลับไปก็เห็นซ่งฉิงหลานกระโดดลงจากหลังคาก่อนกลิ้งไปบนพื้นเพื่อลดแรงกระแทก อีกฝ่ายหลบหลีกฝูงซอมบี้ที่ดาหน้ากันเข้ามา และก้าวยาว ๆ มาทางพวกเขาด้วยความรวดเร็ว
ใบหน้าของซ่งฉิงหลานเยือกเย็นราวกับน้ำค้างแข็ง เขาเดินไปพร้อมกับยิงปืนและคำรามด้วยความโมโห “หลี่ฉุน! นายยังสนุกไม่พอใช่ไหม”
หลี่ฉุนขาดสติ ในหัวมีแต่คำว่าฆ่า เขากำลังสบถด่าและกราดยิงฝูงซอมบี้รอบตัวที่พยายามจะปีนขึ้นหลังคารถอย่างต่อเนื่อง
เมื่อถูกซ่งฉิงหลานตะโกนใส่ หลี่ฉุนก็ราวตื่นจากฝัน แล้วมองเพื่อนร่วมทีมที่กำลังมุ่งหน้าไปยังร้านสะดวกซื้อ “ผมจะกันพวกมันให้! รีบไป!”
ซ่งฉิงหลานไปถึงหน้าประตูร้านสะดวกซื้อ กำลังแขนของเขาทำเอาคนอื่น ๆ รู้สึกทึ่ง ทันทีที่เจ้าตัวมาถึงก็ออกแรงช่วยโจวหมิงเซวียนงัดบานเหล็กกั้นขึ้นจนได้ความสูงระดับที่คนสามารถก้มตัวเข้าไปได้
“ฮื่อ—”
สิ่งที่ทำให้พวกเขาคาดไม่ถึงก็คือ แทบจะเวลาเดียวกันกับที่บานเหล็กกั้นยกขึ้น ซอมบี้หน้าขาวซีด นัยน์ตาขาวขุ่นห้าหกตนก็กระโจนออกจากร้านสะดวกซื้อแล้วประดังเข้ามาอย่างรวดเร็วและรุนแรงราวกับหมาบ้า
“ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง”
เสียงปืนดังติดต่อกันหลายนัด ซากศพล้มลงบนพื้น
กระสุนทุกนัดที่ยิงออกไปพุ่งตรงเข้าที่ศีรษะอย่างจัง
ทุกคนต่างอึ้งงัน “!!!”
ใบหน้าของจี้อวี่สือที่หันหน้าเข้าประตูเต็มไปด้วยเลือด เห็นไม่ชัดว่าเจ้าตัวมีสีหน้าเช่นไร
สองมือกำไดมอนด์เบิร์ด แรงถีบจากการลั่นไกต่อเนื่องทำเอาแขนของจี้อวี่สือชาหนึบและสั่นเล็กน้อย
ตาสองข้างของศพสุดท้ายที่ล้มลงนอนตรงหน้าอีกฝ่ายเบิกโพลง กระสุนฝังกลางหว่างคิ้วของมันพอดิบพอดี
ซ่งฉิงหลานเองก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ ทันทีที่ได้สติกลับคืนมาก็ออกคำสั่ง “เคลียร์ทางเข้า เข้าไปข้างในแล้วปิดประตู!!”
ตอนนี้ไม่ใช่เวลาเล่นมุกเฮฮา ต้วนเหวินดึงซากศพออกแล้วตะแคงตัวเองกลิ้งเข้าไปทันที ตามด้วยจี้อวี่สือที่ดูผิดหูผิดตาคล้ายกับจู่ ๆ ก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน
ทั้งสองคนไม่กล้าประมาทแม้สักครึ่งนาที หลังจากเข้าไปก็ถือปืนตรวจตราโดยรอบทันที
ภายในร้านสะดวกซื้อเละเทะไปหมด ชั้นวางสินค้าส่วนใหญ่ว่างเปล่าราวกับเพิ่งถูกปล้นสะดมไปอย่างไรอย่างนั้น แต่นอกจากนี้ในร้านก็ไม่มีซอมบี้ตัวอื่นอีก ถือได้ว่าปลอดภัย
ท่ามกลางเสียงปืนและเสียงตะโกน หลี่ฉุนม้วนตัวเข้าไปในร้านสะดวกซื้อเป็นคนที่สาม
ตามด้วยโจวหมิงเซวียนและซ่งฉิงหลาน
ซากศพกองพะเนินเทินทึก ซ่งฉิงหลานเตะซอมบี้ที่มุดเข้ามาพร้อมกับยิงสำทับอีกครั้ง แต่การปรากฏตัวของคนที่ยังมีชีวิตดึงดูดซอมบี้เข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ พวกมันเบียดเสียดกันอยู่หน้าประตูและพยายามมุดเข้ามาด้านในอย่างบ้าคลั่ง เลือดที่สาดกระเซ็นและสมองที่กระจุยเป็นชิ้น ๆ ทำให้ประตูร้านสะดวกซื้อกลายเป็นทะเลซากศพ บานเหล็กกั้นถูกทุบตีเสียงดังกึงกังคล้ายกับจวนจะพังลงมาอยู่รอมร่อ
ขณะที่ทุกคนตรงประตูใกล้จะตั้งรับไม่ไหว ในที่สุดทังเล่อก็ถูกทังฉีผลักเข้ามาในร้านสะดวกซื้ออย่างแรง
ผมของทังเล่อชุ่มโชกไปด้วยเลือด เขาหันกลับไปตะโกนลั่น “พี่ ! รีบเข้ามาเร็ว!!”
ทังฉีอยู่ด้านนอกประตู เลือดสดเปื้อนไปทั่วหน้า หลังจากส่งทังเล่อเข้ามาด้านในแล้ว เขาก็ดึงบานเหล็กกั้นลงมาอย่างแรงและขังตัวเองไว้ด้านนอก
ทุกคนในทีมตกตะลึง!
“ทังฉี—”
ซ่งฉิงหลานโยนเสินเหมียนทิ้งทันที สองแขนยกบานเหล็กกั้นขึ้น ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ กลับเห็นทังฉียกมือขวาขึ้นเช็ดคราบเลือดบนใบหน้าของตัวเอง
นิ้วสามนิ้วบนมือขวาขาดหายไปนิ้วละหนึ่งข้อ เลือดสด ๆ ไหลนองออกจากรอยกัด
เช่นเดียวกับหญิงสาวที่กลายพันธุ์ฉับพลันเมื่อครู่ ใบหน้าอ่อนเยาว์ของทังฉีค่อย ๆ ปรากฏเส้นเลือดสีเขียวที่ไขว้กันเหมือนร่างแห นัยน์ตาเด็ดเดี่ยวและสดใสคู่นั้นกลายเป็นสีขาวขุ่นด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ซอมบี้จำนวนนับไม่ถ้วนกรูเข้ามาด้านหลังของทังฉีแล้วรุมกัดทึ้งเขา
เขานิ่งเฉย ไม่สะทกสะท้าน
“พี่!!!” เสียงคร่ำครวญอย่างสิ้นหวังดังขึ้นในร้านสะดวกซื้อ ทังเล่อที่มองเห็นทุกอย่างกระโจนไปที่ประตูราวกับสัตว์ร้ายที่ได้รับบาดเจ็บ
สมาชิกในทีมต่างดึงรั้งทังเล่อไว้ด้วยดวงตาแดงก่ำ
ลูกตาของทังฉีที่อยู่ด้านนอกกลายเป็นสีขาวขุ่นโดยสมบูรณ์ ภายในระยะเวลาสั้น ๆ ไม่กี่วินาที ทุกอย่างที่เป็นตัวเขาอันตรธานไป เขาส่งเสียงคำรามดัง “ฮื่อ ฮื่อ” ทุบตีกระแทกบานเหล็กกั้นอย่างบ้าคลั่งพร้อมกับฝูงซอมบี้ที่ถูกกั้นไว้ด้านนอก
เขากลายเป็นซอมบี้ตนหนึ่งไปแล้ว
“พี่!!!” ทังเล่อหมอบอยู่บนพื้น เขาถูกเพื่อนร่วมทีมกดตัวไว้ ผู้ชายตัวโตสูงหนึ่งร้อยแปดสิบกว่าร้องไห้ออกมาเหมือนจะขาดใจ “พี่!!!”
ซ่งฉิงหลานถอยหลังไปสองสามก้าวแล้วทุบกำปั้นไปบนผนังอย่างแรง
เส้นผมสีดำปรกหน้าผากของเขา เห็นเส้นเลือดตรงขมับนูนขึ้นมาราง ๆ รังสีเดือดดาลรุนแรงปะทุออกมาจากร่าง
“พวกเราต้องตายแน่ ๆ แล้วใช่ไหม ข้างหลังเป็นกำแพงสีดำ ข้างนอกเป็นซอมบี้!” หลี่ฉุนขอบตาแดงก่ำ “แค่แป๊บเดียวก็…ข้างนอกเยอะขนาดนั้น พวกเราจะทำยังไงดี!”
ด้านนอกมีซอมบี้หนาแน่นที่ประเดประดังเข้ามาเหมือนกระแสน้ำระลอกแล้วระลอกเล่า ไม่มีทางฝ่าออกไปได้เลย เมื่อถูกกัดก็แทบจะกลายร่างภายในสิบวินาที ทังฉีเป็นตัวอย่างที่ดีทีเดียว
ดูเหมือนบานเหล็กกั้นของร้านสะดวกซื้อจะต้านทานได้อีกไม่นาน
ทันทีที่คำถามนี้หลุดออกไป ภายในร้านสะดวกซื้อก็เงียบกริบ
สถานการณ์นี้อันตรายกว่าที่คาดการณ์ไว้หลายร้อยเท่า แค่เริ่มต้นมาก็เจอทางตันแล้ว ไม่มีใครคาดคิดว่าเหตุการณ์จะเป็นเช่นนี้!
จี้อวี่สือยืนอยู่ตรงมุมห้อง คราบเลือดเหนียวข้นหยดลงมาจากเส้นผมด้านข้างใบหู
ภาพที่ทังฉีเปลี่ยนไปกะทันหันนั้นเขย่าขวัญเกินไป ชวนให้รู้สึกขลาดกลัว
ประตูบานเหล็กส่งเสียงดัง “กึงกัง” ซอมบี้ที่มารวมตัวกันนอกร้านสะดวกซื้อเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อได้ยินเสียงคำรามที่อยู่ใกล้เพียงนิดเดียวนั้น ทุกคนภายในร้านสะดวกซื้อขนาดเล็กก็ถูกความสิ้นหวังครอบงำหัวใจ
แล้วก็ได้ยินซ่งฉิงหลานเอ่ยขึ้น “อยู่ต่อไปก็เหมือนนั่งรอความตาย ยังไม่ถึงเวลายอมแพ้!”
จี้อวี่สือเงยหน้า
เห็นซ่งฉิงหลานเก็บเสินเหมียนขึ้นมาจากพื้น ไม่ได้มองเพื่อนร่วมทีมดวงตาขาวขุ่นที่เคยเสี่ยงชีวิตด้วยกันกับเขาด้านนอกอีก
ด้วยรู้ดีว่าทุกคนให้ความเชื่อมั่นในตัวเขา ซ่งฉิงหลานจึงกัดฟัน ออกคำสั่งกับผู้ใต้บัญชาเสียงเข้ม “ลองหาดูว่ามีทางออกอื่นอีกหรือเปล่า!”
เหล่าสมาชิกในทีมพากันเคลื่อนไหว และกลับมารวมตัวกันที่เดิมอย่างรวดเร็ว
“หัวหน้า! ไม่เจอ!”
“มีหน้าต่างหนึ่งบานอยู่ในห้องน้ำ แต่ขนาดแค่สามสิบเซนติเมตร พวกเราใช้ออกไปไม่ได้”
“โกดังสินค้าน่าจะมีทางออก”
เพราะเสียงปืนที่ปะทุขึ้นในระยะประชิด ทำให้จี้อวี่สือยังคงหูอื้อ เขาปวดเยื่อแก้วหูอย่างรุนแรง ด้วยเหตุนี้ท่วงทำนองของเสียงตอนพูดเลยแปลกไปเล็กน้อย
เมื่อได้เห็นเพื่อนร่วมทีมเสียชีวิตกับตา ใบหน้าขาวผ่องที่เปื้อนเลือดสาดกระเซ็นของจี้อวี่สือก็ซีดลงเล็กน้อย “แต่ผมไม่แน่ใจว่ามีอะไรรออยู่ด้านนอกทางออก อาจจะเลวร้ายกว่านี้”
ทุกคนประหลาดใจเล็กน้อย
ที่ปรึกษาจี้ที่เพิ่งเข้าร่วมทีมผู้นี้เพิ่งจะสำแดงฝีมือตรงหน้าทางเข้า แม้ว่าเวลานี้จะดูเปราะบางเหมือนกับดอกไม้ในเรือนกระจกที่ถูกเหยียบย่ำก็ตาม
แต่ทุกคนกลับนึกถึงฝูงซอมบี้เมื่อครู่ที่ล้มลงเกลื่อนพื้นด้วยปืนของอีกฝ่ายขึ้นมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
ต้วนเหวิน “ฉันไปดูมาแล้ว ทั้งสี่ด้านของโกดังเป็นผนังหมดเลย!”
จี้อวี่สือเอ่ย “เป็นไปไม่ได้ ผมจำแผนผังสิ่งปลูกสร้างแถบนี้ได้หมด”
ซ่งฉิงหลานโพล่งออกมาโดยไม่ทันยั้งคิด “คุณเคยมาหรือไง”
ไม่สิ ซ่งฉิงหลานปัดข้อสันนิษฐานนี้ทิ้งไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาเพิ่งมาถึงสิ่งที่เรียกว่า PU-31 ไม่รู้แน่ชัดแม้กระทั่งว่าที่นี่คือที่ไหนด้วยซ้ำ เป็นไปไม่ได้ที่จี้อวี่สือจะเคยมาแล้ว
จี้อวี่สืออธิบาย “เปล่า! ระหว่างทางเมื่อครู่ที่มา ผมเห็นรูปแบบหน้าต่างของอาคารแถวนี้ ที่นี่เป็นย่านการค้า ลักษณะสิ่งปลูกสร้างต่างมีข้อกำหนดตายตัว เพราะแบบนี้ร้านค้าแต่ละห้องที่อยู่ชั้นหนึ่งจึงมีหน้าตาเหมือนกันหมดทุกที่ เพราะงั้นโกดังสินค้าต้องมีทางออกแน่”
ใครบางคนอดถามขึ้นมาไม่ได้ “คุณแน่ใจไหมว่ามันจะไม่ผิด”
จี้อวี่สือพยักหน้า “ผมแน่ใจ”
ทุกคนรีบรุดไปหาหน้าต่างทั้งที่รอบด้านล้วนเป็นผนัง
หากไม่มีสัมผัสด้านทิศทางที่ดีมากพอ เมื่อมาอยู่ในพื้นที่ที่ไม่รู้จักย่อมยากจะวิเคราะห์ตำแหน่งที่ตัวเองอยู่ได้อย่างชัดเจน
แต่ราวกับจี้อวี่สือมีแบบแปลนสิ่งปลูกสร้างสามมิติของจริงอยู่ในหัว เขาชี้ไปที่ผนังด้านหนึ่งแล้วเอ่ยอย่างรวดเร็ว “ตรงนี้มีหน้าต่างบานหนึ่งสูงประมาณ 120 กว้างประมาณ 80 เซนติเมตร เพราะที่นี่ถูกออกแบบให้เป็นโกดังสินค้าของร้านสะดวกซื้อ เมื่อคำนึงถึงการป้องกันความชื้นและกันขโมยแล้ว มีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกปิดผนึกไว้ เจ้าของร้านเก็บหน้าต่างลับไว้โดยไม่ได้เปลี่ยนแปลงลักษณะของอาคาร”
ทุกคนต่างสงสัยว่ามีคนสามารถจดจำทุกสิ่งที่เคยเห็นระหว่างทางโดยไม่ผิดพลาดได้จริง ๆ เหรอ
ซ่งฉิงหลานกลับมามีท่าทีสุขุม เขาลองเคาะผนังนั้น
เวลากระชั้นเข้ามาเรื่อย ๆ หลังจากแน่ใจว่าเป็นอิฐมวลเบา ซ่งฉิงหลานก็เอ่ยถาม “ด้านหลังกำแพงเป็นอะไร”
จี้อวี่สือมองเห็นความเชื่อใจจากแววตาคู่นั้น เขาพูดขึ้นอีกรอบด้วยท่าทีสงบ “ตรอกด้านหลัง แต่ผมไม่แน่ใจสถานการณ์ภายในตรอก”
สถานการณ์นี้ทำให้ซ่งฉิงหลานไม่เสียเวลาคิด “พังเลย!”
ว่าแล้วก็ลงมือทันที
ทุกคนถอยหลัง ทังเล่อใช้ปืนกลมือถล่มกำแพงพร้อมกับซ่งฉิงหลาน
ผนังแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ แสงจากท้องฟ้าส่องเข้ามาในโกดัง ด้านนอกเป็นตรอกตรอกหนึ่งเหมือนที่จี้อวี่สือพูดไว้จริง ๆ
“กึง—”
เสียงกึกก้องดังมาจากด้านนอกโกดัง
พูดไม่ทันขาดคำ ในที่สุดบานเหล็กกั้นก็ทัดทานต่อไปไม่ไหวและพังลงมาเสียงดังสนั่น! ซอมบี้คลั่งนับไม่ถ้วนพุ่งตัวเข้ามาในร้าน เสียงฝีเท้าอลหม่านและเสียงชั้นวางของพลิกคว่ำเปรียบดั่งเสียงระฆังมรณะของยมทูต
“เร็ว เร็ว เร็ว!!”
“พวกนายไปก่อนเลย!!”
โอกาสอยู่ตรงหน้า แต่ประตูโกดังสินค้าเป็นเพียงแผ่นเหล็กบาง ๆ ชั้นเดียว เพียงไม่นานก็ถูกซอมบี้อัดเบียดจนบิดเบี้ยว
โจวหมิงเซวียนใช้หลังดันมันไว้ พยายามค้ำยันโดยใช้ร่างกายต่างโล่ เขาเอ่ยเร่งเสียงดัง “รีบไป!”
หลี่ฉุนตามต้วนเหวินไปติด ๆ เขามุดออกจากหน้าต่างบนผนังที่เพิ่งยิงถล่มอย่างรวดเร็ว
แต่เพียงครู่เดียว ประตูโกดังที่ทนต่อแรงกระแทกไม่ไหวก็พังครืนลงกับพื้น ซอมบี้พุ่งกรูเข้ามา โจวหมิงเซวียนหลบไม่ทัน จมหายไปในฝูงซอมบี้ทันที!
เสียงปืนดังขึ้น เลือดสาดกระจาย
ทังเล่อที่ใกล้จะสติแตกเต็มทีสองตาแดงก่ำ “เหี้ยเอ๊ย!! กูจะฆ่าพวกมึง!!”
เลือดและเศษเนื้อสาดกระเซ็นไปทั่วโกดังสินค้า ซ่งฉิงหลานสีหน้าเครียดเขม็ง มือประคองเสินเหมียนกวาดล้างอย่างดุเดือด
ทันทีที่ได้พักหายใจหายคอเล็กน้อย ซ่งฉิงหลานก็คว้าเสื้อของทังเล่อไว้ แล้วหันกลับไปมองจี้อวี่สือด้วยสายตาทรงอำนาจ “จี้อวี่สือ! พาเขาออกไป!!”
จี้อวี่สือที่เปื้อนเลือดไปทั้งตัวมีท่าทีลำบากใจสุด ๆ “พวกมันมีเยอะเกินไป! ออกไปด้วยกัน!!”
ไม่รู้ว่ามันสมองของใครติดอยู่บนใบหน้าของทังเล่อ เขาถูกซ่งฉิงหลานคว้าตัวไว้จนเซไปด้านหลังสองสามก้าว
ซ่งฉิงหลานถือปืนด้วยมือข้างหนึ่งจัดการฝูงซอมบี้ระลอกใหม่ เขาผลักทังเล่อออกไปอย่างแรง “อยากช่วยไม่ใช่หรือไง อย่ามาพูดจาไร้สาระ! ออกไปให้หมด!! ฉันจะรั้งท้ายเอง!”
ซอมบี้หลั่งไหลเข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ ด้านนอกตรอกก็มีซอมบี้ที่ถูกดึงดูดความสนใจมาเช่นกัน
เมื่อเห็นซ่งฉิงหลานยังเอาตัวเองไม่รอด จี้อวี่สือก็ไม่ลังเลอีกต่อไป เขาผลักทังเล่อลงจากหน้าต่าง
หลี่ฉุนตะโกนมาจากห้องคนขับของรถคันหนึ่งซึ่งอยู่ห่างไปไม่ไกล “รีบขึ้นมาเร็ว!!”
“ปัง!”
หลังจากลงมาถึงพื้น จี้อวี่สือก็จัดการซอมบี้ตนหนึ่งที่พุ่งเข้ามาแล้วรีบไปขึ้นรถพร้อมกับทังเล่อ
เสียงปืนดังอื้ออึงมาจากด้านหลัง
“หัวหน้าล่ะ” จี้อวี่สือได้ยินต้วนเหวินที่อยู่ในรถเอ่ยถาม “ทังเล่อ!! หัวหน้าอยู่ไหน”
เสียงปืนถี่รัวในโกดังสินค้าหยุดลงกะทันหัน
จี้อวี่สือเข้าใจอะไรบางอย่างทันที ท่าทางเด็ดเดี่ยวของซ่งฉิงหลานเมื่อครู่ลอยขึ้นมาในหัวของเขา
เขารีบหันมองไปทางหน้าต่างที่พวกเขาเพิ่งกระโดดออกมา ตรงนั้นมีซอมบี้ทะลักออกมาอย่างต่อเนื่อง ขาดก็แต่ซ่งฉิงหลานจอมเผด็จการคนนั้น
น้ำเสียงของต้วนเหวินเปลี่ยนไป เขาคล้ายกำลังร้องไห้ขณะเดียวกันก็เหมือนกำลังโหยหวน “บัตรยืนยันตัวตน หาเร็ว!!”
ซอมบี้หลายสิบตนรุมล้อมรถเอาไว้ เสียงทุบดังอยู่ในใจของทุกคน
การขับรถในยุคนี้จำเป็นต้องใช้ลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อก วิธีธรรมดาไม่สามารถสตาร์ตเครื่องยนต์ได้ หลี่ฉุนตัวสั่นเทา ในที่สุดก็พบบัตรยืนยันตัวตนสำหรับใช้รถสำรองจากช่องเก็บของด้านหน้ารถ
เสียงเครื่องยนต์ดังสนั่น ควันสีขาวลอยขึ้นขณะที่ล้อยางบดไปกับพื้นถนนก่อนจะพุ่งชนและลากซอมบี้ที่อยู่ข้างหน้าไปจนเกิดรอยเลือดสีแดงคล้ำเป็นทาง
ด้านนอกตรอกด้านหลัง ถนนหนทางยังมีแสงอาทิตย์ส่องเจิดจ้าดังเดิม
กำแพงสีดำที่อยู่ห่างไกลออกไปกลายเป็นฉากหลังของเมือง
ในตอนนั้น เวลาคล้ายกับจะเดินช้าลง สีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อและรูม่านตาที่เบิกขยายด้วยความหวาดกลัวบนใบหน้าของทุกคนนั้นต่างหยุดนิ่ง
ภายใต้แสงอาทิตย์ ห่างออกไปไม่ไกล สเปซทรัคขนาดมหึมาคันหนึ่งกำลังพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
หลังจากพวกเขาเอาชีวิตรอดมาได้หมาด ๆ ก็ถูกบดขยี้เป็นเศษซากแหลกสลายตายทั้งหน่วย
[1] เปรียบเปรยถึงคนไร้ค่า ไร้ประโยชน์ที่ไม่ทำอะไรเลย เหมือนกับปลาเค็มที่รอให้คนตักเข้าปากเท่านั้น