[ทดลองอ่าน] โอตาคุวันสิ้นโลก เล่ม 3 บทที่ 76 : ซอมบี้น้อยพ่นลูกไฟได้

โอตาคุวันสิ้นโลก
重生宅男的末世守则

 

暖荷 หน่วนเหอ เขียน
เมิ่งเหวิน เเปล

 

นิยาย 7 เล่มจบ

 

ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์

 

____________________________________

 

บทที่ 76 ประสิทธิภาพ

 

ประสิทธิผลของการใช้แผ่นเหล็กฟาดซอมบี้

 

เสียงหวีดร้องของซอมบี้เหล่านั้นจากเบาก็ค่อยๆ ดังขึ้นเรื่อยๆ จากตามบ้านลามไปถึงตามท้องถนนและที่ติดอยู่ตามหลืบมุมต่างๆ ขอเพียงอยู่ในทิศทางลมและระยะห่างไม่ไกลจนเกินไปซอมบี้พวกนี้ล้วนมีปฏิกิริยาตอบสนองทั้งสิ้น

ซอมบี้แต่ละตัวต่างชูไม้ชูมือปรี่มาทางนี้ด้วยความตื่นเต้น ฝูงแรกที่แน่ใจในทิศทางของกลิ่นคาวเลือด และมั่นใจว่ายังมีคนเป็นๆ อยู่แถวนี้ ก็แห่แหนมากันอย่างกระเหี้ยนกระหือรือในทันที พร้อมกับส่งเสียงร้องคำราม ทิ้งคราบน้ำลายสกปรกเรี่ยราดมาเป็นทางที่พุ่งตรงมาหาพวกเขา

“ระวังตัวด้วย จางซู่ สวีเหมย ตอนนี้ต้องพึ่งเหล่าผู้มีพลังพิเศษแล้ว” หลัวซวินพูดเสียงเรียบ พลางใช้มือสองข้างยกหน้าไม้ตั้งท่าเล็งไปทางฝูงซอมบี้ที่ดาหน้ากันมา ถ้าไม่มีผู้มีพลังพิเศษสามคนนี้อยู่ด้วย ตีให้ตายหลัวซวินก็ไม่กล้ายืนจังก้าประจันหน้ากับซอมบี้ฝูงใหญ่แบบนี้แน่

เหตุใดในยุควันสิ้นโลกผู้คนถึงต้องระวังเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้ตัวเองมีแผลและเลือดออกน่ะเหรอ

ด้านหนึ่งเพื่อป้องกันการติดเชื้อที่ไม่อาจรักษาได้ อีกด้านหนึ่งเพราะกังวลว่าอาจสัมผัสถูกสิ่งสกปรกที่ทำให้ติดเชื้อไวรัสซอมบี้เข้าโดยบังเอิญ ส่วนเหตุผลประการสุดท้ายก็คือ กลิ่นเลือดสดๆ ดึงดูดฝูงซอมบี้ได้

ก่อนที่พวกหลัวซวินจะเลือกมาตรงทางแยกนี้ เขาได้สำรวจดูแล้ว ละแวกนี้มีซอมบี้อยู่ไม่มากเพราะเพิ่งผ่านการกวาดล้างรอบสองมาหมาดๆ แต่ที่จริงแล้วจำนวนซอมบี้ที่อยู่โดยรอบไม่ได้ลดลงไปเท่าไรนัก ดังนั้นพอมีคนเลือดไหลหรือเลือดออกแม้เพียงนิดเดียว ก็ทำให้ซอมบี้ออกอาละวาดได้แล้ว

ด้วยเหตุนี้ หากยังไม่มีวิธีการโจมตีแบบหมู่และเขตการโจมตีที่กว้างขวางเสียก่อน ทีมย่อยที่สมาชิกเป็นคนธรรมดาและมีจำนวนเพียงน้อยนิด ก็อย่าคิดรนหาที่ตายเด็ดขาด

ครั้นจางซู่เห็นซอมบี้ฝูงใหญ่ออกมาจากมุมถนนและกำลังมุ่งตรงมาทางด้านนี้ ดวงตาเขาก็เกิดประกายแสงสีครามจางๆ ตัวของเขาพลันยืดตรงโดยสัญชาตญาณ ขณะเดียวกันก็มีกระแสลมอ่อนๆ ก่อตัวขึ้นรอบกาย

เหยียนเฟยเองก็เพ่งพลังจิตไปยังโลหะที่กองอยู่ข้างตัว เขารวบรวมพลังจิตเตรียมตัวพร้อมลุย

ตอนที่ซอมบี้ระลอกแรกพุ่งโจมตีเข้ามาราวกับดาวกระจาย สมาชิกทีมส่วนใหญ่ยกหน้าไม้ระดมยิงใส่พวกมัน จนกระทั่งซอมบี้ระลอกที่สองวิ่งกรูเข้ามาเป็นจำนวนมาก และอยู่ห่างจากพวกเขาประมาณห้าเมตร จางซู่ก็ระเบิดพลัง

เขาใช้กำแพงวายุอันทรงพลังเป็นจุดเริ่มต้น แล้วปล่อยพลังออกไปข้างหน้าตรงๆ เมื่อซอมบี้พวกนั้นถูกกำแพงวายุ ‘พ่น’ ใส่ ทำให้พวกมันก้าวได้ช้าลง บางตัวก็สะดุดล้มเสียหลักหงายหลัง จากนั้นกระแสลมพลันเปลี่ยนเป็นคมวายุ

บาดแผลเป็นริ้วเป็นเส้นปรากฏขึ้นตามตำแหน่งที่สายลมพัดผ่าน ซอมบี้บางตัวที่ร่างบอบบางถึงกับสูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหวไปทันที จากนั้นจางซู่ก็หยุดใช้พลังชั่วคราว และเปลี่ยนมาใช้หน้าไม้ยิงใส่พวกมันแทน

กระทั่งซอมบี้ระลอกที่สามรวมพลังกันโจมตีเข้ามาอีกครั้ง สวีเหมยจึงสร้างลูกไฟเล็กๆ ลอยกลางอากาศเรียงแถวอยู่ด้านนอกแนวป้องกัน แม้ลูกไฟแต่ละลูกจะมีขนาดไม่ใหญ่ แต่มีจำนวนมาก จึงทำให้มีเม็ดเหงื่อผุดพรายออกมาตามหน้าผากและไรผมของสวีเหมย ทว่าเวลานี้เมื่อจางซู่ฟื้นคืนพลังกลับมาอีกครั้ง เขาจึงปล่อยกระแสลมพัดใส่ลูกไฟเล็กๆ เหล่านี้ให้พุ่งไปข้างหน้า!

ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด บางทีอาจเพราะแรงลมช่วยกระพือไฟ ทำให้พอลูกไฟเล็กๆ พวกนั้นถูกกระแสลมพัดไปครึ่งทาง ก็พลันระเบิดตัวและพุ่งออกไปเป็นเปลวไฟขนาดมหึมา!

ซอมบี้ถูกลูกไฟระเบิดใส่จนไหม้เกรียมไปทั่วหน้า บางตัวสาหัสถึงขั้นหัวสมองระเบิดแตกโพละ

สวีเหมยซึ่งมีพลังจิตระดับธรรมดาและใช้ไปกับการลงมือครั้งนี้ไปเกือบหมดมองดูผลลัพธ์จากความร่วมมือช่วยเสริมพลังของจางซู่ด้วยดวงตาเบิกโพลงราวกับไม่กล้าที่จะเชื่อ นี่คือพลังพิเศษของเธอจริงๆ เหรอ รุนแรงมหาศาลเกินไปแล้ว!!

ส่วนอีกด้านหนึ่ง ซ่งหลิงหลิงหันหน้าไปมองหลัวซวินที่คอยสั่งการให้พวกหลี่เถี่ยผลัดเปลี่ยนกันเป็นมือยิงอย่างต่อเนื่องด้วยสีหน้านับถือและชื่นชม… แผนการเหล่านี้เป็นไอเดียของเขาทั้งหมดเลย มิน่าล่ะเขาถึงได้เป็นหัวหน้าทีม มีประสบการณ์การสู้รบมากจริงๆ

หลัวซวินผู้ถูกเข้าใจผิดคิดว่าเป็นหัวหน้าทีมก็ตกตะลึงในประสิทธิผลจากการร่วมมือกันของผู้มีพลังพิเศษทั้งสองคนจนแอบนึกชมในใจ สมกับเป็นจางซู่ จากลูกไฟเล็กๆ กลายเป็นไม้เด็ดที่เปี่ยมแสนยานุภาพขนาดนี้ ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ

การผสานกันระหว่างลมกับไฟเป็นการรวมพลังของผู้มีพลังพิเศษที่พบเห็นได้บ่อยในยุควันสิ้นโลก เมื่อชาติก่อนตอนหลัวซวินคอยคุ้มกันกำแพงเมืองก็เคยเห็นอยู่ไกลๆ แต่ไม่รู้หลักการแบบเป็นรูปธรรม ทว่าเขารู้ว่าพลังพิเศษธาตุลมของจางซู่เป็นอย่างไร บวกกับประสบการณ์ชีวิตในชาติที่แล้วของเขา จึงคิดขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วว่าจางซู่กับสวีเหมยต้องร่วมมือกันโจมตี

อย่างที่รู้กันว่า แม้จางซู่จะมีพลังพิเศษธาตุลมที่แข็งแกร่งมาก แต่ก็ไม่ถึงขั้นไร้เทียมทาน เวลาที่เขาใช้คมวายุฟาดฟันคนอาจจะเห็นเลือดสาดกระจายดูน่ากลัว แต่พอใช้ฟันซอมบี้ พวกมันไม่รู้จักความเจ็บปวด ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ไม่ว่าจะถูกฟันถูกเฉือนไปสักกี่แผล ตราบใดที่ไม่ได้ฟันถูกคริสตัลในหัวพวกมันโดยตรง พวกมันก็ยังไม่หยุดเคลื่อนไหว

ด้วยเหตุนี้จางซู่จึงควรใช้พลังพิเศษธาตุลมร่วมกับพลังพิเศษของคนอื่นจะดีที่สุด เพื่อให้พลังการทำลายล้างสำแดงฤทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

พลังพิเศษยอดนิยมอีกคู่หนึ่งที่ร่วมมือกันได้ดี นั่นก็คือพลังน้ำกับพลังสายฟ้า น่าเสียดายที่ในทีมมีเพียงซ่งหลิงหลิงที่เป็นผู้มีพลังพิเศษธาตุน้ำแค่คนเดียว ไม่มีพลังพิเศษธาตุสายฟ้ามาร่วมมือกับเธอ ดังนั้นหลัวซวินจึงให้เธอฝึกยิงหน้าไม้ให้แม่นด้วยเหมือนกัน อย่างไรระดับพลังพิเศษของซ่งหลิงหลิงในตอนนี้ ให้เธอเป็นกองหนุนไปก่อนคงดีกว่า ครั้งนี้พวกเขาออกมาก็เตรียมที่จะค้างข้างนอกหนึ่งคืน ด้วยความที่น้ำจากผู้มีพลังพิเศษธาตุน้ำเป็นน้ำที่สะอาดมาก ไร้สารพิษปนเปื้อน ดังนั้นเวลาออกไปรวบรวมทรัพยากรนอกฐาน เธอจึงเป็นหนึ่งในผู้มีพลังพิเศษที่เพื่อนร่วมทีมต่างอ้าแขนยอมรับ

งานกวาดล้างซอมบี้ของทุกคนเป็นไปอย่างราบรื่น ทักษะการใช้หน้าไม้ของพวกหลี่เถี่ยก้าวหน้าขึ้นมาก ไม่นานก็ได้ยินเสียงเหล่าซอมบี้ที่กรูกันมาลดน้อยลงเรื่อยๆ ก่อนจะค่อยๆ หดหายจนไม่มีซอมบี้เข้ามาปรากฏตัวที่ธนาคารแห่งนี้ในที่สุด

ทุกคนต่างลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก มีซอมบี้เข้ามาล้อมไว้จำนวนมากขนาดนี้ ถึงพวกเขาจะสามารถกำจัดพวกมันได้ก็จริง แต่นี่เป็นการออกมาล่าซอมบี้ครั้งแรกของพวกเขาจึงรู้สึกประหม่าและกังวลอยู่นิดๆ เมื่อตอนนี้เห็นว่าเหตุการณ์กำลังจบลงด้วยดีแล้ว ย่อมต้องรู้สึกดีใจเป็นธรรมดา

ทว่าพวกเขายังไม่ทันได้พ่นลมหายใจสุดปอด ก็ได้ยินเสียงหลัวซวินตะโกน “ซ้ายบน!”

ทุกคนต่างเงยหน้าพรึ่บแหงนมองด้วยความตกใจ พลันเห็นเงาดำกระโดดพุ่งลงจากไฟถนนฝั่งซ้ายมือมาทางจุดที่พวกเขายืนอยู่

จางซู่ผู้เพิ่งใช้พลังพายุร่วมกับสวีเหมยสร้างการโจมตีระลอกใหญ่ไปหมาดๆ จึงมีสีหน้าซีดเผือดเล็กน้อย พอได้ยินเสียงหลัวซวินก็รีบกำคริสตัลในกระเป๋าเพื่อดูดซับพลังทันที จังหวะนั้นเองก็เกิดเสียง ‘ฟิ้วๆ ฉึกๆ’ ดังติดๆ กัน เข็มเหล็กหลายสิบเล่มพุ่งไปทางเงาดำนั่น ก่อนจะตามด้วยแผ่นโลหะขนาดใหญ่ฟาดใส่ซอมบี้ตัวนั้นจนปลิวไปไกล

หนนี้พวกหลี่เถี่ยต่างตกใจอ้าปากค้างจนกรามแทบหลุด แผ่นเหล็ก?! พี่เหยียนใช้เหล็กแผ่นฟาดใส่ซอมบี้จนกระเด็นออกไปดื้อๆ ทั้งอย่างนั้นเลย?

เหยียนเฟยเมินเฉยต่อสายตาตกใจเบิกกว้างจนแทบหลุดออกจากเบ้าหลายคู่พวกนั้น เขาควบคุมเหล็กแผ่นนั้นตามติดซอมบี้ที่กระเด็นไปไกลด้วยสีหน้าเรียบเฉย ในขณะเดียวกันแผ่นเหล็กก็พลันเปลี่ยนรูป… ‘ฉับ’ แผ่นเหล็กเริ่มจากห่อหุ้มซอมบี้ทั้งตัวก่อน แล้วส่วนที่พันรอบคอก็แยกตัวเปลี่ยนร่างเป็นกรรไกรที่แหลมคมตัดเข้าที่คอซอมบี้ตัวนั้น! ต่อด้วยหนามเหล็กแท่งหนึ่งแทงทะลุหลังหัวของมัน เจาะเอาคริสตัลมาโดยตรง

‘ขลุกๆๆ’ หัวซอมบี้กลิ้งหลุนๆ ไปทางหนึ่ง ทุกคนที่ได้เห็นภาพเหตุการณ์นี้ต่างร้องประสานเสียง “โอ้โห” ออกมาพร้อมกัน ที่แท้ก็แบบนี้เอง เดิมทีพี่เหยียนมีความคิดแบบนี้ เขาถึงได้ใช้แผ่นเหล็กฟาดมันกระเด็นออกไป ฉลาดล้ำสุดๆ!

ที่จริงแล้วในตอนแรกเหยียนเฟยเพียงกลัวว่าต่อให้ซอมบี้พวกนี้ถูกเข็มเหล็กแทงโดนก็จะตกลงมาบริเวณที่พวกเขาอยู่ ถ้ามันไม่ตายก็จะนำอันตรายมาสู่พวกเขาได้ ดังนั้นเหยียนเฟยจึงเหวี่ยงแผ่นเหล็กออกไปฟาดซอมบี้ให้กระเด็นไปไกลๆ จังหวะนั้นเขาก็พลันนึกขึ้นได้ ในเมื่อเขาควบคุมโลหะได้ ก็เปลี่ยนเหล็กนั่นเป็นอาวุธสังหารซอมบี้ตัวนั้นให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไปเสียเลย

อย่างที่คาดไว้ การทดลองนี้ให้ผลลัพธ์ที่น่าทึ่งมากจริงๆ

“สุดยอดเลย!” แน่นอนว่าแม้แต่หลัวซวินที่เห็นฉากนี้ก็พลอยโผกระโดดกอดเหยียนเฟยด้วยความตื่นเต้นดีใจ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่ยอมให้เหยียนเฟยใช้พลังพิเศษบ่อยเกินไป เพราะกลัวว่าถ้าเกิดมีซอมบี้ขั้นสองโผล่มาในตอนที่เหยียนเฟยใช้พลังพิเศษหมดแล้วจะทำอย่างไร เขารู้ว่าตัวเองสามารถรับมือซอมบี้ประเภทที่เคลื่อนไหวเชื่องช้าได้แน่ๆ แต่ถ้ามีซอมบี้ที่ว่องไวหรือมีพลังพิเศษโผล่มา นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะรับมือได้ง่ายๆ ต้องยกให้เป็นหน้าที่เหยียนเฟยจัดการอยู่แล้ว

ทุกคนร่วมแรงร่วมใจช่วยกันเคลียร์สนามรบจนเสร็จสิ้นในเวลาอันรวดเร็ว จากนั้นก็ลงมือควักคริสตัลและกำจัดซากศพซอมบี้ พวกเขานำศพซอมบี้ที่ถูกควักคริสตัลแล้วไปกองรวมกันก่อนจุดไฟเผา จากนั้นก็กำจัดซอมบี้หลายตัวที่โผล่มาประปรายต่อ เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น พวกหลัวซวินก็กลับขึ้นไปบนห้องชั้นสองของธนาคารเพื่อนับจำนวนคริสตัลที่ได้มา แล้วจึงค่อยพักผ่อนให้พละกำลังฟื้นคืน

พวกเขาโยนเสื้อกันฝนที่ไม่ได้เปื้อนอะไรเท่าไรไว้ตรงมุมประตู แล้วถือขวดน้ำแร่เปล่าๆ มานับคริสตัล

“สองร้อยสิบ สองร้อยสิบเอ็ด… สองร้อยสามสิบเจ็ด ทั้งหมดสองร้อยสามสิบเจ็ด” เหอเฉียนคุนแกว่งขวดในมือไปมาพลางพูดกับพวกหลัวซวิน “ภารกิจสำเร็จแล้ว”

สวีเหมยและซ่งหลิงหลิงที่อยู่ข้างๆ ต่างหน้าเปลี่ยนสีก่อนสูดลมหายใจด้วยความประหลาดใจ “มีสองร้อยกว่าเลยเหรอ”

อู๋ซินถามด้วยความไม่เข้าใจ “มีอะไรหรือเปล่า สองร้อยกว่ามันทำไมเหรอ”

หญิงสาวทั้งสองมองหน้ากันแล้วต่างเห็นความตกใจในแววตาฝ่ายตรงข้าม พวกเธอกลืนน้ำลายลงคอแล้วอธิบายว่า “ปกติแล้วพวกเราออกมาทำภารกิจ ถ้าเราควักคริสตัลได้หนึ่งร้อยก้อนภายในหนึ่งวันก็นับว่าได้กำไรมากแล้ว แต่นี่ก็อาจเป็นเพราะทีมโอตาคุตั้งใจออกมาเพื่อรวบรวมคริสตัลโดยเฉพาะ ซึ่งต่างจากทีมอื่นพวกนั้นที่มุ่งหาทรัพยากรเป็นหลัก เมื่อก่อนทีมที่มีสมาชิกยี่สิบคน ถ้ารวบรวมคริสตัลได้หกสิบเจ็ดสิบก้อนในหนึ่งวันก็ถือว่าเป็นความสำเร็จมหาศาลแล้ว ดังนั้นพอเดี๋ยวนี้ฐานที่มั่นเรียกเก็บคริสตัลจากการออกไปปฏิบัติภารกิจยอดจำนวนสูงขึ้น เลยทำให้ทุกคนไม่พอใจมาก”

ในระยะเวลาปฏิบัติภารกิจสั้นๆ เพียงสามวันต้องจ่ายคริสตัลหนึ่งร้อยก้อน หากในทีมมีผู้มีพลังพิเศษก็ยิ่งหวังอยากได้คริสตัลเยอะๆ เพื่อมาเพิ่มขั้นพลัง แล้วใครจะไปยอมจ่ายให้มากขนาดนั้น ดังนั้นผู้คนจำนวนมากจึงรับเฉพาะภารกิจค้นหารวบรวมทรัพยากรที่ไม่รวมเสบียงอาหาร เพื่อที่หลังออกมาแล้ว หากเจอคริสตัล อาหารและเมล็ดพันธุ์ซึ่งไม่รวมอยู่ในภารกิจ ของพวกนี้ก็จะตกเป็นของทีมทั้งหมดโดยไม่ต้องจ่ายให้ฐานที่มั่น

ตอนพวกสวีเหมยเพิ่งมาถึงธนาคาร ได้ยินว่าหลัวซวินรับภารกิจเก็บรวบรวมคริสตัล ยังกังวลว่าจะทำได้หรือเปล่า แต่ดูตอนนี้สิ เพิ่งผ่านไปไม่เท่าไรเอง พวกเขาสามารถควักคริสตัลมาได้ถึงสองร้อยกว่าก้อน

เหยียนเฟยพูดหน้านิ่ง “นี่ยังไม่ได้นับรวมกับที่ใช้ไประหว่างต่อสู้เมื่อกี้ จำนวนเท่านี้ไม่ถือว่าเยอะหรอก” เขาพูดพลางเหลือบตามองจางซู่ทีหนึ่ง “พวกเราออกมาได้อย่างมากแค่เดือนละครั้ง ดังนั้นทางที่ดีควรเก็บคริสตัลให้ได้มากพอต่อความต้องการในหนึ่งเดือน”

สวีเหมยที่อยู่ข้างๆ ถึงกับมือสั่น ส่วนซ่งหลิงหลิงที่อยู่ใกล้ๆ กับเธอหันไปมองเหยียนเฟยด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ จางซู่กลับพยักหน้าเห็นด้วย “นั่นสิ ไม่งั้นไม่คุ้มกับที่อุตส่าห์ได้ออกมาทั้งที ดีกว่าเอาคูปองสะสมไปแลกคริสตัลในฐานที่มั่นเป็นไหนๆ”

ก่อนที่จะออกมานอกฐานที่มั่นครั้งนี้ทุกคนได้หารือกันแล้วว่าจะแบ่งคริสตัลตามอัตราส่วน หลัวซวินและเหยียนเฟยนับรวมเป็นหนึ่งกลุ่ม ได้รับส่วนแบ่งคริสตัลสามสิบเปอร์เซ็นต์ จางซู่กับหวังตั๋วนับเป็นหนึ่งกลุ่ม ได้รับส่วนแบ่งคริสตัลสามสิบเปอร์เซ็นต์ หลี่เถี่ยกับเพื่อนอีกสามคนยืมใช้อาวุธจากหลัวซวินและเหยียนเฟย แถมมีพลังในการต่อสู้ค่อนข้างต่ำ ดังนั้นจึงได้ส่วนแบ่งยี่สิบเปอร์เซ็นต์ ส่วนพวกสวีเหมยเป็นผู้มีพลังพิเศษและมีประสบการณ์ในการออกมาปฏิบัติภารกิจนอกฐานที่มั่นอยู่บ้าง ดังนั้นพวกเธอจึงได้รับส่วนแบ่งคริสตัลยี่สิบเปอร์เซ็นต์

เมื่อคำนวณด้วยวิธีนี้ หลังจากหักส่วนที่ต้องจ่ายให้ทางการตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายมาในครั้งนี้ออกไป พวกหลัวซวินก็จะได้ส่วนแบ่งคริสตัลแค่ประมาณสี่สิบก้อนเท่านั้น นับว่าน้อยมากจริงๆ

หลัวซวินขมวดคิ้วครุ่นคิดครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็ลุกขึ้นมองออกไปที่ถนนด้านนอก แม้ซอมบี้ในบริเวณใกล้เคียงจะถูกเก็บกวาดไปพอสมควรแล้ว แต่ที่ไกลออกไป… “เราสร้างหลุมพรางขึ้นมาได้ จากนั้นก็ใช้ถุงเลือดดึงดูดซอมบี้ให้มาติดกับเยอะๆ แต่นี่ค่อนข้างเป็นงานใหญ่พอตัว อีกอย่าง ครั้งนี้พวกเรามีเวลาแค่สองวัน ฉันกลัวว่ากว่าพวกเราจะทำหลุมพรางและดึงดูดซอมบี้มาได้สำเร็จ อย่างมากคงเหลือเวลาให้สู้กับซอมบี้ได้แค่รอบเดียว ถ้ากำจัดซอมบี้จำนวนมากให้เสร็จสิ้นภายในครั้งเดียวไม่ได้ ถ้างั้นสู้ทำอย่างเมื่อกี้ แบบค่อยๆ ล่อมาแล้วทยอยกำจัดไปเรื่อยๆ ดีกว่า”

“หลุมพรางอะไรเหรอพี่หลัว” หานลี่รีบยกมือถาม

“ขุดหลุมแล้วใช้ถุงเลือดล่อซอมบี้ให้มาลงหลุมตายหมู่พร้อมกันในคราวเดียว” หลัวซวินพูดพลางหันไปมองเหยียนเฟย “เราปูโลหะกับเข็มเหล็กไว้ให้เต็มก้นหลุม แล้วรอให้ซอมบี้ตกลงไปจนเต็ม นายก็ใช้เหล็กแทงพวกมัน จากนั้นก็ให้สวีเหมยกับจางซู่รวมพลังพิเศษจัดการฆ่าพวกมันให้สิ้นซาก” หลัวซวินพูดแล้วก็ถอนหายใจ “เสียดายก็แต่ในทีมพวกเราไม่มีผู้มีพลังพิเศษธาตุดิน ไม่งั้นไม่ต้องให้พวกเราช่วยกันขุดหลุมเองด้วยซ้ำ”

วิธีนี้มีความเป็นไปได้สูงมาก แต่เวลานี้ยังมีปัญหาอื่นอยู่ เหยียนเฟยพูดขัดขึ้นในขณะที่พวกหลี่เถี่ยกำลังถกแขนเสื้อเตรียมขุดหลุมกันด้วยท่าทางทะมัดทะแมงและกระตือรือร้น “ฉันใช้พลังพิเศษขุดหลุมได้นะ แต่จำเป็นต้องใช้คริสตัลจำนวนมากเพื่อช่วยเสริมพลัง ทว่าประสิทธิภาพของหลุมที่ฉันขุดสู้ของผู้มีพลังพิเศษธาตุดินไม่ได้แน่นอน อย่าลืมนะว่า ข้างนอกเป็นพื้นยางมะตอย”

ทันใดนั้นจางซู่ก็พูดขึ้น “ฉันว่าหนนี้ใช้แผนเดียวกับเมื่อกี้ดึงดูดซอมบี้ไปก่อนดีกว่า อีกอย่าง ครั้งหน้ากว่าพวกเราจะออกมาใหม่ก็ยังมีเวลาอีกหนึ่งเดือน ระหว่างนี้ก็ดูว่าจะมีผู้มีพลังพิเศษธาตุดินที่เหมาะสมน่าชวนมาร่วมทีมด้วยหรือเปล่า ต่อให้หาไม่ได้ ก็รวบรวมโลหะกลับไปให้ได้เยอะๆ ก่อน ครั้งหน้าเราค่อยขับรถเข้าไปในดงซอมบี้ จากนั้นค่อยขุดหลุมวางกับดักก็ได้”

ตั้งแต่พวกเขาขับรถมาถึงที่นี่ก็เปิดศึกกับซอมบี้ไปแล้วหลายยกติดต่อกัน จนกระทั่งรอบล่าสุดก็ปาเข้าไปเที่ยงวันแล้ว ถ้าจะลงมือขุดหลุมกันตอนนี้ เกรงว่าพรุ่งนี้เช้าก็ยังขุดกันไม่เสร็จ แถมยังไม่แน่ใจด้วยว่าจะล่อซอมบี้มาได้กี่ตัว แล้วไหนยังต้องเร่งมือระดมยิงเพื่อฆ่าพวกมันโดยเร็วที่สุด พวกเขากลัวว่าจะไม่ทันเวลา

“งั้นก็เอาตามนี้ก่อน ทุกคนพักกินข้าวเที่ยงกันก่อนเถอะ” หลัวซวินไม่ถึงกับหนักใจในเรื่องนี้มากนัก ที่พวกเขาออกมารอบนี้เพื่อต้องการสำรวจลู่ทางดูก่อน ถ้าหากเก็บเกี่ยวกลับไปได้มากย่อมเป็นเรื่องดี ทว่าหากหาคริสตัลได้ไม่มากพวกเขาก็ยังได้รับส่วนแบ่งจากการไปช่วยงานสร้างกำแพงให้ฐานที่มั่นอยู่ดี แม้ตอนนี้จะรู้สึกเสียดายอยู่บ้าง แต่ก็ยังอยู่ในขอบเขตที่เขายอมรับได้

ส่วนจางซู่ แน่นอนว่าเขารู้สึกเสียดายนิดๆ แม้หลังกลับไปเขาจะใช้คูปองสะสมไปขอแลกคริสตัลจากคนอื่นได้ก็ตาม แต่พอเห็นข้างนอกมีซอมบี้เกลื่อนกลาดเต็มท้องถนน แค่ฆ่าทิ้งไปแบบส่งๆ แค่นี้ก็ได้คริสตัลมาแล้ว อีกทั้งในฐานที่มั่นถือว่าคริสตัลเป็นของล้ำค่า คนทั่วไปไม่มีทางยอมเอามาแลกแน่

 

ในช่วงพักกลางวันซ่งหลิงหลิงรับหน้าที่เตรียมน้ำมาให้ทุกคนล้างมือ ล้างหน้า และทำอาหาร ฝ่ายสวีเหมยก็ใช้พลังพิเศษช่วยก่อไฟ แล้วหลัวซวินกับหญิงสาวสองคนก็ช่วยกันจัดการวัตถุดิบ ไม่ใช่ว่าคนอื่นไม่อยากช่วย โดยเฉพาะหนุ่มโสดอย่างพวกหลี่เถี่ยย่อมต้องอยากหาโอกาสใกล้ชิดสร้างความสัมพันธ์กับสาวๆ อยู่แล้ว เพียงแต่ฝีมือการทำอาหารของพวกเขาจัดอยู่ในระดับหายนะ ดังนั้นจึงถูกหลัวซวินไล่ไปทางอื่น

มื้อนี้พวกเขาต้มโจ๊กผักง่ายๆ กินกับผักดองชนิดต่างๆ และหมั่นโถวโฮลวีทสูตรพิเศษลูกใหญ่ที่ซื้อมาจากบู๊ธขายอาหารในฐานที่มั่น นอกจากนี้ยังมีเนื้ออบแห้งที่ไม่รู้ว่าพวกหลี่เถี่ยแลกเก็บไว้ตั้งแต่เมื่อไร

เหอเฉียนคุนมองหมั่นโถวลูกใหญ่ในมือแล้วทอดถอนใจ “เฮ้อ นับวันหมั่นโถวในฐานที่มั่นชักจะมีสีแปลกขึ้นเรื่อยๆ” ตอนที่พวกเขาเพิ่งมาอยู่ในฐานที่มั่นใหม่ๆ หมั่นโถวส่วนใหญ่ล้วนเป็นสีขาว ส่วนที่ออกเหลืองบ้างนิดๆ คาดว่าน่าจะทำมาจากแป้งข้าวโพด ต่อมาเริ่มมีสีแดงโผล่มา เดาว่าคงเพราะใช้แป้งเกาเหลียงเป็นส่วนผสม จนถึงตอนนี้ หมั่นโถวออกสีน้ำตาลนิดๆ แบบนี้ก็คงมีแต่สวรรค์ที่รู้ว่าปัจจุบันใช้อะไรเป็นส่วนผสมบ้าง

“ไม่ใช่แค่สีประหลาด รสชาติก็แทบกระเดือกไม่ลง” หานลี่พูดเสียงงึมงำพร้อมกับเคี้ยวหมั่นโถวเต็มปาก

“แตงกวาดองซีอิ๊วนี่อร่อยมากเลยพี่หลัว พี่ทำเองหรือซื้อเก็บไว้ตั้งแต่ก่อนวันสิ้นโลก ยี่ห้ออะไรเหรอพี่”

หลัวซวินตอบโดยไม่แม้แต่จะเหลือบตาขึ้นมอง “ฉันดองเอง เอาไว้พอผักที่พวกนายปลูกไว้แล้วกินไม่หมด ฉันค่อยสอนวิธีดองให้พวกนายแล้วกัน”

“เยี่ยมเลย ขอบคุณครับพี่หลัว”

สวีเหมยและซ่งหลิงหลิงมองหลัวซวินด้วยสายตาทึ่งแบบสุดๆ ผู้ชายคนนี้นำทีมได้ ทำอาหารเป็น แถมยังดองผักอร่อยมาก…ทีแรกพวกเธอนึกว่าหลัวซวินเป็นหัวหน้าทีมนี้จริงๆ ซะอีก แต่ฟังจากบทสนทนาของพวกหลี่เถี่ยเมื่อครู่แล้วจึงได้รู้ว่า ทีมนี้…แค็กๆ ไม่มีหัวหน้าทีมอะไรทั้งนั้น… บ้าน่า! พวกเขาล้วนเป็นโอตาคุ วันๆ ขลุกอยู่แต่ในฐานที่มั่น ปกติแล้วไม่ออกนอกประตูฐานที่มั่นด้วยซ้ำ แบบนี้จะมีหัวหน้าทีมไปทำไมกัน

แต่ผู้ชายแบบนี้ทำให้คนที่อยู่ด้วยรู้สึกปลอดภัยมาก แถมยังเก่งเรื่องงานบ้านรอบด้าน ถ้าให้เลือกมาเป็นสามีก็เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม หญิงสาวทั้งสองได้แต่นึกเสียดายในใจ ก่อนจะรีบสลัดความคิดนั้นทิ้งไปจากสมอง…แม้ตอนนี้พวกเธอจะยังไม่รู้ว่าหลัวซวินกับเหยียนเฟยเป็นคนรักกัน แต่ในใจพวกเธอทั้งสองต่างตายด้านกับผู้ชายไปแล้ว แค่พวกเธอไม่เกิดปมมืดในใจจนแก้แค้นบรรดาผู้ชายในสังคมก็นับว่ามีสติมากพอแล้ว ตอนนี้แค่เจอผู้ชายที่ไม่เลวเข้าคนหนึ่งก็จะคิดเรื่องสำคัญในชีวิตอย่างการมีคู่ครองเลยได้อย่างไร อยู่แบบโสดๆ ไปก่อนดีที่สุดแล้ว ถึงยังไงก่อนวันสิ้นโลกก็มีสาวโสดอายุมากที่อยู่ดีมีสุขตั้งมากมาย ในยุควันสิ้นโลกพวกเธออยากใช้ชีวิตโสดบ้างจะเป็นไรไป

ขณะที่กำลังกินข้าวกันอยู่ ก็พลันมีเสียงรถแล่นมาแต่ไกลแว่วมาทางหน้าต่าง ทุกคนจึงรีบชะโงกหน้ามองออกไปด้วยความระแวง กวาดตามองสถานการณ์ด้านนอกอย่างระมัดระวัง… มีรถขบวนหนึ่งแล่นจากเขตใจกลางเมืองขับมาทางนี้ หลังจากผ่านหน้าประตูธนาคารไปก็มุ่งหน้าไปยังทางฐานที่มั่น ทางด้านหลังของรถขบวนนี้มีซอมบี้ไล่ล่าตามมาอีกไม่รู้ตั้งเท่าไร

“มีแต่รถธรรมดา ผ่านการดัดแปลงแค่สองคัน ไม่ใช่คนของกองทัพ” เมื่อหลัวซวินเห็นแล้วก็รีบอธิบายให้ทุกคนฟัง “มีซอมบี้แห่มาเพียบ ทุกคนระวังตัวด้วย อย่าให้ซอมบี้ขั้นสองเจอพวกเราจนขึ้นมาบนชั้นสองได้ แล้วก็รีบกินเร็วเข้า กินเสร็จจะได้ไปลุยกับซอมบี้ฝูงนี้กันต่อ”

การผ่านมาของคนกลุ่มนี้ช่วยพาซอมบี้มาให้พวกหลัวซวินจำนวนไม่น้อยเลย มีบางตัวเป็นซอมบี้ขั้นสูงวิ่งเร็วมาก ไล่กวดตามขบวนรถไปติดๆ ส่วนซอมบี้ขั้นหนึ่งวิ่งได้ช้ากว่า และมีซอมบี้ตัวอื่นๆ รั้งท้ายตามไม่ทัน จึงค่อยๆ แตกฉานซ่านเซ็นกระจายกันไปตามท้องถนน

พวกหลัวซวินรีบดื่มกินจนอิ่มท้อง จากนั้นนั่งพักสักครู่ แล้วจึงตรวจดูบริเวณรอบๆ จนแน่ใจว่าแถวนี้ไม่มีซอมบี้ขั้นสองที่มีพลังความเร็วและร่างกายแข็งแกร่งกว่าอย่างเห็นได้ชัดแล้ว ก็เดินลงชั้นล่างเพื่อเตรียมเริ่มลุยงานต่อ

หลังจากซอมบี้บางตัวเดินมาถึงที่นี่และได้กลิ่นลมหายใจของมนุษย์ พวกมันก็เข้าคุมพื้นที่บริเวณนอกเขตแนวป้องกัน ครั้นเห็นพวกหลัวซวินออกมาต้อนรับ อ๊ะ ไม่ใช่ ออกมารับศึกพอดี พวกมันก็ชูไม้ชูมืออย่างตื่นเต้น พยายามจะข้ามรั้วกั้นพุ่งเข้ามาหาพวกเขา

เมื่อผ่านการต่อสู้ในช่วงเช้ามาแล้ว ทุกคนจึงใช้หน้าไม้ได้อย่างคล่องแคล่วุ ช่วยกันฆ่าซอมบี้ที่มาอออยู่หน้าประตูพวกนั้นไปทีละตัวสองตัว หลัวซวินวางกลยุทธ์โดยใช้วิธีการอีกครั้ง เริ่มจากโยนใช้แท่งเหล็กที่มีเลือดออกไปก่อน เพื่อล่อเหล่าซอมบี้ซึ่งเดิมทีเตรียมจะมุ่งหน้าไปทางฐานที่มั่นให้เปลี่ยนทิศหันกลับมาทางนี้

การต่อสู้รอบใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว…

 

ใช้เวลาไม่ถึงสองวัน ทีมออกมาจากฐานที่มั่นเมื่อวานตอนแปดโมงเช้า ประมาณห้าโมงเย็นของวันถัดมาพวกเขาก็กลับเข้าในฐานที่มั่นได้อย่างราบรื่น

เมื่อเห็นสิ่งปลูกสร้างที่แสนคุ้นเคยและทหารติดอาวุธในฐานที่มั่น แค่สวีเหมยกับซ่งหลิงหลิงก้าวเดินก็รู้สึกราวกับลอยได้

พวกเขาเดินตามทหารนำทางพาไปยังเขตกักตัวเพื่อรอดูอาการสองชั่วโมง นี่เป็นมาตรการใหม่ล่าสุดที่ทางฐานที่มั่นกำหนดขึ้นมาสำหรับคนที่ออกไปข้างนอก คนที่บนตัวไม่มีบาดแผลให้กักตัวอยู่ที่นี่สองชั่วโมง จากนั้นจึงจะเข้าไปในฐานและกลับบ้านได้

พวกเขาจอดรถไว้ในที่ปลอดภัยแล้ว อีกเดี๋ยวค่อยกลับไปเอาก็มีปัญหา

สวีเหมยและซ่งหลิงหลิงมองดูบรรดาคนอื่นๆ ที่กักตัวอยู่ในบริเวณนั้น เห็นสายตาที่มองมาด้วยความไม่ประสงค์ดี จึงกระซิบกันเบาๆ “ออกไปข้างนอกคราวหน้าต้องแต่งตัวเลียนแบบพวกพี่เหยียนแล้วละมั้ง”

พอซ่งหลิงหลิงได้ยินแบบนั้นก็รีบพยักหน้าหงึกๆ… ใส่แจ็กเก็ตหนัง กางเกงยีน รองเท้ากันฝน หมวกกันน็อก และเสื้อกันฝนแบบเดียวกันทั้งทีม หลังจากถอดหมวกกันน็อกแล้วก็คาดผ้าปิดปาก แม้จะดูไร้รสนิยมสุดขีด แต่แต่งตัวแบบนี้ปลอดภัยสำหรับการออกไปล่าซอมบี้มากเลยนะ แถมยังป้องกันฝูงหมาป่าที่กระเหี้ยนกระหือรือตอนกลับมายังฐานที่มั่นได้อีกด้วย

หญิงสาวทั้งสองต่างรู้สึกเข็ดขยาดกับผู้ชายแล้ว พวกเธอจึงตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาดชัดเจนทันทีว่าจะเลียนแบบการแต่งตัวของพวกหลัวซวิน ส่วนความรู้สึกเกลียดชังผู้ชายของพวกเธอไม่ได้เหมารวมพวกหลัวซวินเข้าไปด้วยเหรอ… นั่นเป็นเพราะตลอดเวลาที่ได้คลุกคลีกันสองวันนี้ ถึงพวกหลี่เถี่ยจะคอยดูแลห่วงใยในฐานะที่พวกเธอเป็นผู้หญิงตามสัญชาตญาณ แต่หลัวซวิน เหยียนเฟย และจางซู่ ผู้ชายที่แข็งแกร่งที่สุดสามคนนี้กลับไม่ได้เห็นพวกเธอเป็นเพียงแค่ผู้หญิง ด้วยเหตุนี้พวกเธอจึงปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยความจริงใจ

พวกเธอสองคนคุยกับพวกหลัวซวินบ่อยกว่าหลี่เถี่ยและเพื่อนๆ เสียอีก ทั้งที่พวกหลี่เถี่ยผู้น่าสงสารอยากใกล้ชิดกับพวกเธอให้มากกว่านี้แท้ๆ แต่กลับไม่มีโอกาส ยังดีที่หลัวซวิน เหยียนเฟย และจางซู่เป็นเกย์กันหมด ไม่อย่างนั้นต่อให้นักศึกษาหนุ่มทั้งสี่คนจะจิตใจมั่นคงหนักแน่นแค่ไหนก็คงอดน้อยเนื้อต่ำใจในความกระจอกของตัวเองไม่ได้

ส่วนสาเหตุที่หญิงสาวทั้งสองยังงงไม่หาย หทั้งหมดเป็นเพราะหลังจากที่พวกเขาส่งมอบคริสตัลให้ฐานที่มั่นหนึ่งร้อยก้อนตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายแล้ว ในมือสมาชิกทีมยังมีคริสตัลเหลืออยู่อีกหนึ่งพันสองร้อยหกสิบห้าก้อน

ใช่แล้ว ไม่ผิดหรอก พวกเขาใช้เวลาเพียงสองวันนี้ล่าคริสตัลมาได้พันกว่าก้อน นี่ยังไม่นับรวมคริสตัลที่พวกเขาใช้เพิ่มพลังในช่วงสองวันมานี้ และในคริสตัลเหล่านี้ยังไม่ได้คัดคริสตัลขั้นสองที่มีสีต่างออกไปอีก

พันกว่าก้อนเชียวนะ ในปัจจุบันต่อให้เป็นทีมที่มีชื่อเสียงในฐานที่มั่นก็ไม่มีทางหาคริสตัลมาได้มากขนาดนี้ในเวลาสั้นๆ เหมือนอย่างทีมพวกเขาหรอก นี่มันทีมโอตาคุอะไรกัน บอกว่าเป็นนักฆ่าซอมบี้ยังได้เลย! เผลอๆ ผลงานของพวกเขาอาจจะเทียบเท่าประสิทธิภาพการทำงานของกองทัพเลยก็ได้

 

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า