[ทดลองอ่าน] กลยุทธ์การเอาตัวรอดของตัวเบี้ยผู้กลับมาเกิดใหม่ บทที่ 4

กลยุทธ์การเอาตัวรอดของตัวเบี้ยผู้กลับมาเกิดใหม่
炮灰重生自救攻略

 

ผูเถาหย่างเล่อตัว เขียน
葡萄养乐多

จิงจิง แปล

 

— โปรย —

ชาติก่อน เย่หนานถูกจับให้แต่งงานเป็นชายารองแทนพี่สาว สุดท้ายสามีสั่งขังและพระชายาเอกก็หยิบยื่นยาพิษให้จนเขาตายในคุก ชาตินี้เขาจึงตั้งใจจะแก้แค้น! เป้าหมายของเขาคือ ฉู่เซียวหรัน ผู้เป็นเซ่อเจิ้งอ๋อง!

ช่างเถอะๆ เขาคงฆ่าอีกฝ่ายไม่ได้หรอก งั้นต้องหนี! หนีไปให้ไกลจะได้ไม่ต้องพบคนใจทรามผู้นั้นอีก

แต่ยังไม่ทันจะเก็บผ้าผ่อน คนใจทรามที่ว่าก็มาสู่ขอเขาถึงจวนเสียแล้ว เดี๋ยวนะ มาสู่ขอเขา ไม่ใช่พี่สาวของเขาหรอกเหรอ!

เหตุใดชาตินี้เซ่อเจิ้งอ๋องผู้เคยเย็นชาจึงทำตัวแปลกนักเล่า เย่หนาน “ท่านป่วยหรือ”

ฉู่เซียวหรัน “เราป่วยหนัก ไม่เจอพระชายาเพียงหนึ่งเค่อ หัวใจก็เจ็บปวดราวถูกมีดจ้วงแทง พระชายาช่วยรักษาเราได้หรือไม่” เย่หนาน “ฉู่เซียวหรัน ท่านจะทำอะไร! นี่มันห้องหนังสือ หากผู้อื่นมาเห็นเข้าจะทำเช่นไร!”

 

—.—.—.—.—.—.—.—.—.—

 

ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ >> Rose Publishing

…XOXO…

มาดามโรส

 

ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์

 

บทที่ 4
เขาและเขา

 

“อี้หยาง อี้หยาง”

ฉินหมิงอวี่เปิดประตูห้องของเย่อี้หยาง เรือนร่างเย่อี้หยางที่เพิ่งอาบน้ำชำระร่างกายเสร็จมีเพียงเสื้อชั้นในตัวบางที่เปียกชื้นแนบจนเผยให้เห็นรูปร่างอันบอบบาง เย่อี้หยางร่างกายไม่แข็งแรงมาตั้งแต่เด็ก ต้องกินยาขนานต่างๆ ไม่เคยขาด ทว่ายาเหล่านั้นกลับไม่ช่วยอะไร สีหน้าจึงยังคงดูซีดเซียว

ฉินหมิงอวี่เห็นเย่อี้หยางสวมเพียงเสื้อชั้นในจึงรีบปิดประตู ก่อนจะหยิบเสื้อคลุมบนฉากบังลมไปคลุมให้เขา

“เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอาได้”

เย่อี้หยางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นี่มันฤดูร้อนแล้ว ตากลมสักหน่อยไม่เป็นไรหรอก”

“อย่างไรก็ป้องกันไว้หน่อย ขืนเป็นหวัดเข้า คืนนี้เจ้าคงได้ไอจนไม่สบายตัว”

เย่อี้หยางหมุนตัวกลับมานั่งลงบนเก้าอี้ แล้วรินน้ำชาก่อนจะส่งให้ฉินหมิงอวี่

“มาเสียเร็วเชียว ข้ายังไม่ทันเปลี่ยนเสื้อผ้าเลย เจ้ามีเรื่องเร่งด่วนอะไรหรือ”

“ก็มิใช่เรื่องด่วนอะไรหรอก ข้ามาฝึกกองทัพทหารของด่านชายแดน จะได้ส่งไปช่วยท่านอัครมหาเสนาบดีได้ทุกเมื่อและเพื่อสงบศึกอันยุ่งเหยิงที่ชายแดนในครานี้ เพราะวิธีปราบปรามชาวบ้านตามแนวชายแดนแคว้นฮูหานของท่านอัครมหาเสนาบดี อาจทำให้เกิดความโกลาหลได้เสมอ” ฉินหมิงอวี่ยกถ้วยชาขึ้นดื่ม

“ยามนี้ท่านพ่อยังมิได้มอบหมายอะไรอื่น ทว่าสกุลฉู่ปกครองแคว้นฉู่มานานเกินไป จำต้องหาจังหวะผลัดเปลี่ยนอำนาจเสียแล้ว” ใบหน้าซูบตอบของเย่อี้หยางเผยรังสีอำมหิตชัดเจน

ฉินหมิงอวี่พยักหน้าเชิงเห็นด้วย แล้วหยิบถุงเครื่องหอมปักลายประณีตงดงามออกมาด้วยความลังเลเล็กน้อย

“นี่เป็นถุงเครื่องหอมที่ข้าให้ช่างเย็บปักฝีมือดีที่สุดในแคว้นฮูหานเย็บให้ ดอกพุดซ้อนกับสะระแหน่ภายในถุงข้าก็เป็นคนเก็บเองกับมือ จะช่วยให้หลับสบายขึ้น เห็นเจ้านอนไม่ค่อยหลับเลยตั้งใจทำมาให้โดยเฉพาะ”

เย่อี้หยางรับมาก่อนจะลองสูดดม “หอมดีทีเดียว กลิ่นสดชื่นแต่ไม่ฉุน ลำบากสหายหมิงอวี่เสียแล้ว แต่สหายหมิงอวี่ไม่ต้องสนใจเรื่องข้าเพียงนี้ก็ได้ มันก็แค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น อย่างไรเสียเจ้าใส่ใจการใหญ่ของพวกเราจะดีกว่า”

ฉินหมิงอวี่ยังคงยิ้มไม่คลาย “งานใหญ่ย่อมมาเป็นอันดับแรกอยู่แล้ว”

เย่อี้หยางยกชาขึ้นดื่ม “แคว้นเล็กสองสามแห่งในซีอวี้[1]ส่งสารลับมาว่ายินดีร่วมมือกับพวกเรา แต่ท่านพ่อเกรงว่าการร่วมมือกับภายนอกจะทำให้รากฐานสั่นคลอน ฉะนั้นสิ่งที่พวกเราทำได้ในตอนนี้คือหาโอกาสสังหารฉู่เซียวหรันเสีย ฮ่องเต้ฉู่ยังทรงพระเยาว์ หากฉู่เซียวหรันตายไปก็เหมือนไร้ภูผาไว้พึ่งพิง ถึงตอนนั้นการยึดครองบัลลังก์มังกรก็จะเป็นเรื่องง่ายดายอย่างยิ่ง”

“ท่านอัครมหาเสนาบดีมีแผนการสังหารฉู่เซียวหรันเป็นรูปเป็นร่างแล้วหรือ” ฉินหมิงอวี่แกว่งถ้วยชาในมือเล่น

“ท่านพ่อกล่าวว่าให้รั้งทัพรอจังหวะโจมตี เกิดสถานการณ์อันใดจะรีบแจ้งท่านเป็นคนแรก หากท่านหมดธุระแล้วก็กลับไปก่อนเถิด จะได้หลีกเลี่ยงพวกปากหอยปากปู” เย่อี้หยางมีนิสัยเย็นชาโดยกำเนิด จึงไม่ชอบเสวนากับผู้คนมากนัก หากเป็นผู้อื่นคงคร้านจะพูดคุยกับเขาไปนานแล้ว มีเพียงฉินหมิงอวี่เท่านั้นที่โต้ตอบคำพูดเขาด้วยรอยยิ้ม จึงนับได้ว่าฉินหมิงอวี่เป็นคนที่พูดคุยกับเขามากที่สุด

“ตกลง เช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อน เจ้าใส่เสื้อผ้าให้ดีๆ จะได้ไม่เป็นหวัด ข้าได้ตำรับบำรุงร่างกายมาจากแคว้นฮูหาน ไว้จะสั่งคนจัดยามาส่งให้ เจ้าก็ดื่มสักชามก่อนนอน” ฉินหมิงอวี่เอ่ยพลางลุกขึ้นเตรียมตัวกลับ

เย่อี้หยางทอดถอนใจแล้วเอ่ย “ไม่จำเป็นต้องทำถึงเพียงนี้ เจ้าไม่ได้ผลประโยชน์อะไรจากข้าสักหน่อย”

“ข้ารู้” ใบหน้าฉินหมิงอวี่ยังคงประดับด้วยรอยยิ้ม “ข้าไปละ” กล่าวจบก็ผลักประตูห้องของเย่อี้หยางแล้วเดินออกไป ก่อนจะปิดลงอย่างเบามือ

 

**********

 

ยามฉินหมิงอวี่เดินผ่านศาลา

“พี่อวี่จะกลับแล้วหรือ ไม่อยู่ร่วมโต๊ะอาหารด้วยกันก่อนหรือเจ้าคะ” เย่จิ่นเซวียนเห็นฉินหมิงอวี่เดินผ่านมาจึงปรี่เข้าไปคุยด้วย

“ไม่ละ ข้าต้องเข้าวังหลวงไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท ตอนกลับมาข้าซื้อพวกกำไลข้อมือและชาดทาแก้มติดไม้ติดมือจากแคว้นฮูหานมาฝากเจ้าด้วย ประเดี๋ยวจะให้ทหารที่จวนนำมาให้เจ้าแล้วกัน…แล้วก็ยังมียาของพี่เจ้าอีกสองสามอย่าง ไว้ค่ำๆ เจ้าค่อยสั่งให้ข้ารับใช้ต้มแล้วนำไปส่งให้เขาด้วยเล่า” ฉินหมิงอวี่เอ่ยพลางลูบศีรษะเย่จิ่นเซวียน

“ขอบคุณพี่อวี่เจ้าค่ะ พี่อวี่ช่างเอาใจใส่ยิ่งนัก เกรงก็แต่ท่านพี่มีนิสัยเย็นชา อาจไม่ซาบซึ้งน้ำใจน่ะสิเจ้าคะ” ใบหน้าเย่จิ่นเซวียนฉายชัดว่าดีใจทันทีที่ได้ยินว่าฉินหมิงอวี่มีของขวัญมาฝากตน

เย่หนานยังคงคุกเข่าจัดช่อดอกไม้อยู่บนพื้น เวลานี้ไม่ว่าแขน คอ กระทั่งใบหน้าของเขาล้วนเต็มไปด้วยผื่นแดง ฉินหมิงอวี่บังเอิญเห็นเข้า เย่หนานจึงเผลอยกมือขึ้นปิดบังใบหน้าด้วยความอับอาย

“จิ่นเซวียน เจ้าอย่าทรมานเขาเลย แค่นี้ก็พอแล้วกระมัง ข้าเกรงว่าอาการของเขาจะเป็นการแพ้ จวนจะถึงวันเกิดท่านอัครมหาเสนาบดีแล้ว หากบุรุษเช่นเขาต้องมาร่วมงานพร้อมผ้าคลุมหน้าคงไม่ดีแน่” ฉินหมิงอวี่เบนสายตามองเย่จิ่นเซวียน ด้วยใบหน้าที่ประดับรอยยิ้มบางๆ

“ข้ามิได้ทรมานเขาเสียหน่อย ในเมื่อพี่อวี่อุตส่าห์ขอร้องแทนเจ้า เจ้าก็วางมือแล้วไปเสียสิ” เพราะเย่จิ่นเซวียนได้ของขวัญจึงอารมณ์ดี และนางก็คร้านจะคิดเล็กคิดน้อยกับเย่หนานอยู่พอดีเช่นกัน

“ขอบคุณท่านแม่ทัพ!” เย่หนานเตรียมตัวลุกขึ้นน้อมคำนับ ใครจะรู้ว่าด้วยความที่คุกเข่าเสียนานจนขาชา เขาจึงยืนแทบไม่ไหว เกือบเสียหลักล้มลงกับพื้น ยังดีที่ฉินหมิงอวี่ยื่นแขนไปประคองไว้ทัน

เย่หนานคว้าแขนฉินหมิงอวี่ไว้ ในขณะที่มองท่านแม่ทัพบุรุษที่ตนปักใจหลงรักในระยะใกล้แค่เอื้อม ใบหน้าเย่หนานพลันแดงปราดไปถึงลำคอ

“ไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่” น้ำเสียงฉินหมิงอวี่ไพเราะเหลือเกิน ช่างอ่อนโยนดุจสายลมพัดแผ่ว ชวนให้คนฟังเกิดความรู้สึกอุ่นใจ

“มะ…ไม่เป็นไร ขอบคุณท่านแม่ทัพมาก” เย่หนานปล่อยมือแล้วถอยหลังไปสองก้าวเพื่อรักษาระยะห่างระหว่างเขากับฉินหมิงอวี่

“ในวังหลวงมีประกาศเร่งด่วน ข้าขอตัวก่อนละ” ฉินหมิงอวี่หมุนตัวเดินออกจากจวนเสนาบดีไป

“เอ่อ…พี่รอง ข้าขอตัวกลับก่อน…” เย่หนานลองเอ่ยเพื่อหยั่งเชิง

เย่จิ่นเซวียนกลอกตาใส่เขาด้วยใบหน้ายโส “ก็ไปสิ”

ได้ยินวลีสามพยางค์นี้ เย่หนานก็รีบวิ่งหนีไปในทันที

 

**********

 

ฉินหมิงอวี่ควบม้ามุ่งหน้าสู่วังหลวง

เขาคุกเข่าคารวะตรงหน้าท้องพระโรง “ถวายบังคมฝ่าบาท ถวายบังคมท่านอ๋อง”

“ลุกขึ้นเถิด” สุรเสียงอันอ่อนเยาว์ดังขึ้น ฮ่องเต้แห่งแคว้นฉู่นั้นเป็นเพียงเด็กน้อยยังไม่ประสีประสาวัยห้าชันษา ราชกิจน้อยใหญ่จึงมีพระปิตุลาอย่างเซ่อเจิ้งอ๋องคอยจัดการ ส่วนตัวพระองค์นั้นคอยรับหน้า

“ศึกชายแดนในครานี้สงบลงได้ด้วยความสามารถของท่านแม่ทัพ จึงสมควรประทานรางวัลอย่างงาม หากท่านแม่ทัพมีความปรารถนาใดจงบอกกล่าวมาได้เลย เราจะทำให้ท่านสมปรารถนาอย่างแน่นอน” ฉู่เซียวหรันนั่งพูดอยู่ข้างบัลลังก์มังกร

“ยุติศึกสงครามเป็นหน้าที่ในความรับผิดชอบของกระหม่อม มิบังอาจรับไว้พ่ะย่ะค่ะ”

“อ้อ เช่นนั้นท่านแม่ทัพได้กระทำสิ่งอื่นใดนอกเหนือจากหน้าที่หรือไม่” ฉู่เซียวหรันหรี่ตามอง

ฉินหมิงอวี่ตระหนกตกใจคุกเข่าลงกับพื้น “กระหม่อมขอให้ท่านอ๋องรับรู้ว่า กระหม่อมสาบานจะปกป้องชายแดนแคว้นฉู่จนตัวตายด้วยความซื่อสัตย์และภักดี” หรือว่าท่านอ๋องจะรู้เรื่องราวทั้งหมดที่ตนกระทำที่ชายแดนแล้ว

ฉู่เซียวหรันถึงกับหัวเราะยามเห็นภาพตรงหน้า “ฮ่าๆ เราแค่หยอกล้อท่านแม่ทัพเท่านั้น ท่านคิดเป็นจริงเป็นจังเช่นนี้เชียว ศึกในครานี้ท่านลงแรงไปมาก ย่อมต้องตกรางวัลอย่างงามเพื่อให้สมศักดิ์ศรีกองทัพทหารอันยิ่งใหญ่ของเรา”

ฉินหมิงอวี่โล่งใจทันทีที่ได้ยินประโยคดังกล่าว

“เหยียนสี่กงกง[2]ประกาศราชโองการ” ฮ่องเต้สั่งการ

“ด้วยโองการแห่งสวรรค์ ฮ่องเต้มีพระบัญชา เนื่องจากแม่ทัพฉินหมิงอวี่กุมชัยชนะในศึกสงคราม มีความดีความชอบ ปกป้องแคว้นฉู่ของเรา ปลุกแสนยานุภาพกองทัพทหาร เราจึงขอพระราชทานม้าเหงื่อโลหิต[3]ยี่สิบตัวและทองคำห้าร้อยตำลึง จบราชโองการ”

“กระหม่อมน้อมรับพระราชโองการ ขอบพระทัยฝ่าบาท ขอพระองค์มีพระชนมายุยิ่งยืนนานหมื่นๆ ปี” ฉินหมิงอวี่ยื่นมือรับพระราชโองการ

“ไม่มีเรื่องอันใดแล้ว เจ้ากลับไปเถิด” ฉู่เซียวหรันกล่าวจบก็ลุกจากที่นั่งเดินออกไป ฮ่องเต้น้อยเองก็เดินตามหลังไปเช่นกัน “เสด็จลุง ท่านรอข้าด้วย”

ฉินหมิงอวี่นำพระราชโองการกลับบ้าน เฝ้าคิดว่าฉู่เซียวหรันต้องล่วงรู้อะไรบางอย่างมาแล้วเป็นแน่ หากแต่ยังแสร้งทำเหมือนไม่รู้เรื่อง โดยสรุปแล้วคนผู้นี้รับมือได้ยากเสียจริง ก้อนหินใดที่ขัดขวางเส้นทางทำการใหญ่ของพวกเขา จะต้องกำจัดให้สิ้นซาก

 

**********

 

“คุณชายกลับมาแล้ว! โธ่เอ๊ย! ผื่นแดงเต็มหน้าไปหมดเลยนะขอรับ!” อาฉงเจอเย่หนานที่กลับมาเข้าพอดี

“เสี่ยวเถาเล่า จัดหาที่พักให้หรือยัง อย่าได้ปฏิบัติต่อนางไม่ดีเชียว” เย่หนานเอ่ยพลางเกาผื่นบนใบหน้าและลำคอไปด้วย

“เรียบร้อยแล้วขอรับ นางอยู่กับเหล่าแม่ครัว เพิ่งไปจัดเตรียมที่นอนเมื่อสักครู่ น่าจะใกล้กลับมาแล้ว ท่านอย่ามัวแต่สนใจผู้อื่นอยู่เลย ข้าจะไปต้มน้ำใบอ้ายเย่[4]มาให้ท่านแช่นะขอรับ คุณหนูรองช่างใจดำอำมหิตเสียจริง” อาฉงยกแขนของเย่หนานขึ้นก็เห็นผื่นแดงทั่วทั้งเรียวแขน

“ชู่ว์” เย่หนานมองออกไปข้างนอกเพื่อให้แน่ใจว่าปลอดคน “เจ้าเบาเสียงหน่อย อย่าให้คนอื่นได้ยินเข้า ไม่เช่นนั้นจะโดนลงโทษมิใช่น้อย”

“คุณชาย ท่านเข้าไปอยู่ในห้องก่อนเถิด ข้าจะไปต้มน้ำมาให้” อาฉงติดตามเย่หนานมาหลายปี เขาเป็นขอทานข้างถนนทางฝั่งตะวันออกของเมืองหลวงตั้งแต่เด็ก ตอนเย่หนานบังเอิญมาพบเขานั้นเป็นช่วงฤดูหนาวพอดี เมื่อเห็นเขาสวมเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งนั่งคุดคู้ตัวสั่นอยู่ท่ามกลางหิมะ จึงพาเขากลับมาที่จวนด้วยตนเอง เย่หนานเห็นเขาหิวโซก็แอบไปขโมยอาหารที่ห้องครัวมาให้ คาดไม่ถึงเลยว่ากลับถูกสาวใช้ผู้ติดตามฮูหยินใหญ่จับได้พอดี ฮูหยินใหญ่จึงใช้เหตุผลนี้สั่งโบยเขาเสียชุดใหญ่ ในเมื่อลงโทษไปแล้ว ก็ถือเสียว่าอนุญาตให้อาฉงอยู่ที่จวนแห่งนี้ต่อไปได้

นับแต่นั้นเป็นต้นมาอาฉงก็คอยรับใช้เย่หนานสุดชีวิต เทียบกับข้ารับใช้คนอื่นๆ เย่หนานจึงปฏิบัติต่อเขาเหมือนญาติมิตร

เย่หนานกลับเข้ามาในห้องแล้วถอดชุดคลุม เขาเกาตุ่มผื่นบนร่างกายไม่หยุดหย่อน อาการคันนี้ช่างทรมานกว่าความเจ็บปวดถึงร้อยเท่า

อาฉงยกน้ำเข้ามาแล้วเทลงในอ่าง จากนั้นหยิบใบอ้ายเย่ใส่ลงไป ใบอ้ายเย่มีฤทธิ์ช่วยระงับอาการคัน กระนั้นสำหรับอาการคันทั่วร่างเช่นนี้ก็อาจไม่ค่อยเห็นผลนัก

หลังแช่น้ำเสร็จเย่หนานก็นึกถึงยาที่ฉินหมิงอวี่ให้ไว้ จึงหยิบมันออกมา ตลับเล็กอย่างนี้คาดว่าใช้เพียงครั้งเดียวก็คงหมด แม้จะรู้สึกเสียดาย แต่ก็เลือกทายาลงบนใบหน้าอยู่หน้าคันฉ่องสัมฤทธิ์ ก่อนจะค่อยๆ ปิดฝาลงอย่างเบามือ แล้วเก็บตลับยานั้นไว้ในกล่องใบเล็กบนหัวเตียง นี่เป็นของชิ้นแรกที่ฉินหมิงอวี่มอบให้ เขาจึงต้องเก็บรักษาให้ดีที่สุด

“ก๊อกๆๆ” เสียงเคาะประตูดังขึ้น

“คุณชายนอนหรือยังเจ้าคะ” นี่คือเสียงของเสี่ยวเถา เย่หนานลุกขึ้นเพื่อไปเปิดประตู เสี่ยวเถายืนอยู่ด้านนอก สองมือโอบอุ้มครกหินมาด้วย

เมื่อเห็นเย่หนานเปิดประตูก็เอ่ยว่า “อาฉงบอกว่าคุณชายมีผื่นขึ้นตามร่างกาย ทั้งยังคันคะเยอจนยากจะทนไหว ข้าเลยไปเก็บสมุนไพรมาบดให้เจ้าค่ะ”

เย่หนานรับครกหินมา “ลำบากเจ้าแล้ว ว่าแต่ข้างในนี้ใส่อะไรไว้หรือ”

“เซิงตี้[5]และเจี่ยซู[6]เจ้าค่ะ ช่วยแก้อาการคันได้ชะงัดนัก เมื่อก่อนตอนข้าอาศัยอยู่ในวัดร้างโดนยุงกัดบ่อยครั้ง บิดาจึงมักไปเก็บสมุนไพรนี้มาบดเพื่อทาให้ คุณชายให้ข้าช่วยทาให้ท่านเถิด”

“ไม่ต้องหรอก เจ้าเป็นสตรี มาเห็นเรือนร่างบุรุษเช่นนี้เกรงว่าผู้คนจะนินทาว่าร้ายให้เจ้าเสื่อมเสียเกียรติเอาได้ เจ้าช่วยไปเรียกอาฉงมาให้ข้าที” เย่หนานวางครกหินไว้บนโต๊ะ

“ข้าจะไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ” เสี่ยวเถาออกวิ่งด้วยความร้อนใจ ชาติที่แล้วนางก็เป็นเช่นนี้ มักเห็นเรื่องของเย่หนานเป็นเรื่องของตนเอง คอยดูแลเขาเสมอ สุดท้ายยังรับกระบี่แทนเขาจนถึงแก่ชีวิต เหตุใดสวรรค์ถึงไม่ยอมให้ผู้มีจิตใจงดงามได้พบจุดจบดีๆ กับเขาบ้าง

ขณะกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น อาฉงก็เดินเข้ามาพร้อมหมั่นโถวสองลูก “คุณชาย ข้าให้ท่าน เมื่อครู่ข้าไปหยิบมาจากห้องครัว ท่านกินรองท้องไปก่อนแล้วกันขอรับ”

เอ่ยถึงเรื่องกิน เย่หนานจึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตั้งแต่มื้อเช้าจนบัดนี้ยังไม่มีอาหารตกถึงท้องสักคำ ไปช่วยเสี่ยวเถาก็ยังบังเอิญเจอตัวซวยฉู่เซียวหรันผู้นั้น ทั้งยังติดหนี้เขาอีก นับๆ ดูก็ใกล้ถึงช่วงจ่ายเบี้ยประจำเดือนแล้ว ไว้ได้มาแล้วค่อยนำไปคืนจะได้ไม่รู้สึกติดค้างบุญคุณต่อกัน

“คุณชาย ท่านมัวคิดอะไรอยู่ หากท่านไม่กินข้าจะเก็บไว้กินเองแล้วนะขอรับ ท่านถอดเสื้อออกหน่อย ข้าจะได้ทายาให้ท่านถนัดมือ” อาฉงวางหมั่นโถวสองลูกไว้บนโต๊ะ

“มิได้คิดอะไร กินสิกิน จะไม่กินได้อย่างไร หิวจะตายอยู่แล้ว” เย่หนานถอดเสื้อท่อนบนออก เผยให้เห็นหน้าอกและแผ่นหลังขาวผ่องดุจหิมะ เขาปล่อยให้อาฉงทายาจากในครกหินลงบนเรือนกาย ส่วนเจ้าตัวก็หยิบหมั่นโถวขึ้นมากินอย่างเอร็ดอร่อย

 

[1] พื้นที่ดินแดนทางภาคตะวันตกของจีนสมัยโบราณ ปัจจุบันเรียกว่า ‘ซินเจียง‘

[2] ‘กงกง’ คือ คำเรียกขานผู้เป็นขันทีที่มียศหรือตำแหน่งระดับสูง

[3] ม้าหายากสายพันธุ์หนึ่ง มีแหล่งกำเนิดที่เขตโอเอซิส ประเทศเติร์กเมนิสถาน ฝีเท้าเร็ว ความอดทนสูง มักจะใช้เป็นพาหนะในการเดินทางระยะไกล ตามตำนานกล่าวกันว่าม้าพันธุ์ดังกล่าวยามที่ออกวิ่ง บริเวณแผงคอจะมีเหงื่อไหลออกมาเป็นสีแดงสดคล้ายเลือด แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์อธิบายว่า เหงื่อของม้าพันธุ์นี้เป็นสีแดงเนื่องจากปรสิตที่เกาะที่ผิวหนัง ทำให้เหงื่อของม้ามีเลือดเจือปน

[4] สมุนไพรจีนชนิดหนึ่ง มีกลิ่นหอมอ่อนๆ และมีรสขม ช่วยขจัดความเย็นในร่างกาย ระงับอาการปวด เพิ่มความอบอุ่นให้เส้นลมปราณ และช่วยห้ามเลือด

[5] โกฐขี้แมว สมุนไพรชนิดหนึ่งซึ่งเป็นไม้ล้มลุก สรรพคุณหลักช่วยแก้ร้อนใน บำรุงเลือดให้ไหลเวียนดี ช่วยระบบขับถ่าย และบำรุงผิวพรรณ

[6] หญ้าแมว เป็นพืชตระกูลมิ้นท์ มีคุณประโยชน์ต่ออวัยวะภายในทั้งห้าในร่างกาย ช่วยขจัดสารพิษตกค้างและช่วยให้จิตใจสงบผ่อนคลาย

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า