โชคลาภหมื่นล้านบันดาลรัก
天降横财一百亿
เจียงจื่อกุย 江子归 เขียน
เหวินหรง แปล
— โปรย —
สวี่รุ่ย อดีตคุณหนูไฮโซต้องตกระกำลำบากทำงานทุกอย่าง
เพื่อหาเงินเลี้ยงชีพและย่าผู้รักเธอสุดหัวใจ
ยังไม่ทันจบมหาวิทยาลัย เธอกลับต้องเสียชีวิตขณะขับรถรับจ้าง
สวรรค์บันดาลให้เธอย้อนเวลากลับมาเจ็ดปีก่อน
พร้อมกับระบบผลาญเงินที่แต่ละครั้งจะเพิ่มจำนวนเงิน
และระยะเวลาในการใช้เงินขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงหนึ่งหมื่นล้านหยวน!
สำหรับคุณหนูที่เคนใช้ชีวิตอู้ฟู่ การใช้เงินมือเติบอย่างนี้นับเป็นแค่เรื่องขี้ปะติ๋ว
แต่เงื่อนไขของภารกิจคือ หลังจบการทดลองระบบผลาญเงินแล้ว
จะริบสิ่งของทุกอย่างที่ใช้เงินภารกิจซื้อกลับคืน
เธอจึงต้องวางแผนหรือกระทั่งเล่นเล่ห์หาช่องโหว่ด้วยการใช้เงินต่อเงิน
เพื่อที่จะมีเงินเป็นของตัวเอง
ดังนั้นไม่ว่าธุรกิจอะไรที่เธอรู้ว่าจะเติบโตในอนาคต เธอล้วนลงทุนทั้งหมด
ขณะเดียวกันเธอยังต้องกลับมาสานสัมพันธ์กับคนในครอบครัว
ที่ชาติก่อนเธอเคยคิดว่าเกลียดเธออย่างตาและน้าชายด้วย
ชีวิตใหม่ของสวี่รุ่ยจึงยุ่งวุ่นวายอย่างช่วยไม่ได้
_______________________________
ติดตามการวางจำหน่ายหนังสือได้ทางเพจ “บ้านอรุณ“
สำนักพิมพ์อรุณ
(ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์)
50
เพื่อนซี้เดินทางมาจากแดนไกล แต่สวี่รุ่ยกลับไม่ได้ใช้เวลาอยู่กับเขามากนัก เพราะเธอยังต้องไปโรงเรียน
ทว่าต้องขอบคุณที่โรงเรียนเอกชนอย่างหัวหย่าไม่มีคาบศึกษาด้วยตัวเองจนดึกดื่น ไม่งั้นเธอคงไม่มีเวลาว่างแม้กระทั่งจะอยู่กินข้าวกลางวันและข้าวเย็นด้วยแน่
ยังดีที่ลั่วหานไม่บ่นอะไรเรื่องนี้ เขาถึงกับรับหน้าที่ทำอาหารให้ด้วย
ตอนแรกสวี่รุ่ยไม่ได้คาดหวัง แต่พี่เลี้ยงไม่อยู่บ้าน และเธอเองก็ทำอาหารไม่เป็น รสมือของเฉียนเสี่ยวลี่นั้นเผ็ดเกินไป ส่วนหม่าหยางทำเป็นแค่หุงข้าวหม้อใหญ่…ถึงจะเป็นเช่นนั้น สิ่งเหล่านี้ก็ยังน่าเชื่อถือกว่าการที่ลั่วหานทำอาหาร
เมื่อสวี่รุ่ยกลับจากโรงเรียน เธอก็เห็นพ่อบ้านหนุ่มน้อยทำอาหารเย็นสุดหรูเต็มโต๊ะ
สวี่รุ่ยตะลึงกับผลงานของเพื่อนซี้ “อย่าบอกนะว่านายทำเจ้าพวกนี้ด้วยตัวเองทั้งหมด! ฉันไม่เชื่อเด็ดขาด!”
โต๊ะตัวยาวในห้องอาหารมีแม้กระทั่งอุปกรณ์การกินครบชุด อาหารในจานก็น่ากินมาก ไม่ใช่อาหารตะวันตก แต่เหมือนเป็นอาหารตะวันออกที่รังสรรค์ขึ้นใหม่ คล้ายมีส่วนผสมของตะวันออกด้วยละมั้ง ไก่เสียบไม้ห่อใบโหระพา โรลปลาไหลมันเทศ…ถูกจัดวางบนจานอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย มองแวบแรกอย่างกับเป็นภัตตาคารชั้นสูง
ลั่วหานดูมีความสุขมากเมื่อเห็นท่าทางประหลาดใจของเธอ เขาเช็ดมือพลางเอ่ย “มีซุปล็อบสเตอร์ด้วยนะ เธอรอเดี๋ยว”
สวี่รุ่ยวางกระเป๋านักเรียนแล้วเดินตามลั่วหานเข้าครัว ไม่คิดว่าเขาจะไม่ได้โม้จริงๆ ตอนลั่วหานเข้าครัวทำอาหารดูมีเสน่ห์มากทีเดียว เธอกะพริบตากลมโตขณะมองเขาที่สวมผ้ากันเปื้อน ลั่วหานในเวอร์ชันนี้ดูแตกต่างจากเวลาปกติ เวลาเด็กหนุ่มเข้าครัวทำกับข้าวช่างน่ามองเหลือเกิน
มองไปมองมาสวี่รุ่ยอดถามไม่ได้ “นายเรียนกับใครมา ฉันจำได้ว่าตอนเด็กๆ นายต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไม่เป็นด้วยซ้ำ ฉันยังต้องช่วยนายอยู่เลย…”
ลั่วหานยกซุปออกมา “ใช่ เมื่อก่อนมีหลายอย่างที่ฉันทำไม่ได้ เวลานี้ฉันจะต้องเรียนรู้และทำให้เป็นทั้งหมด”
สวี่รุ่ยถือช้อนแล้วก้มลงตักซุปหอมฉุยขึ้นมาชิม เธอถึงกับอึ้งตั้งแต่คำแรกที่เข้าปาก “ใช้ได้เลยนะเนี่ย ไปเปิดร้านอาหารได้เลย”
ลั่วหานนำเธอมาที่โต๊ะอาหาร “นอกจากอร่อยแล้ว เธอไม่รู้สึกว่าคุ้นเคยบ้างเหรอ”
สวี่รุ่ยส่ายหน้าแล้วตัดเนื้อวัวเป็นชิ้นก่อนส่งเข้าปาก เนื้อนุ่มกำลังดี รสชาติไม่เลว
“เนื้ออร่อยมาก นายซื้อมาจากไหน”
“ผู้ช่วยของบราวน์ส่งมาให้ เป็นเนื้อวากิวชั้นดี เมนูอาหารกับรสชาติแบบนี้ เธอยังนึกไม่ออกอีกเหรอ”
สวี่รุ่ยเงยหน้าจากอาหารรสเลิศ “นึกอะไรออกเหรอ”
ลั่วหานหัวเราะก่อนพูดต่อ “ยังจำตอนเธอไปลอสแองเจลิสคราวนั้นได้ไหม เธอเคยไปกินอาหารที่ร้านร้านหนึ่ง กินเจ็ดวันติดต่อกันก็ยังไม่เบื่อ แถมบอกว่าถ้าโตขึ้นจะแต่งงานกับเชฟคนนั้น จะได้กินอาหารของเขาตลอดชีวิต…”
สวี่รุ่ยชะงัก เดิมเธอจำไม่ได้แล้ว เพราะสำหรับเธอแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งเยาว์วัยเลือนรางมาก
สำหรับเธอในตอนนี้ นั่นเป็นเรื่องเมื่อเจ็ดแปดปีก่อน ครั้งหนึ่งเธอเคยไปลอสแองเจลิสยามที่เดินทางไปอเมริกากับน้าชาย และถือโอกาสนี้แวะบ้านของลั่วหานที่เบเวอร์ลีฮิลส์
ทว่าเคยกินอะไรบ้าง สวี่รุ่ยไม่มีความทรงจำหลงเหลืออยู่เลย คำพูดเพ้อฝันอย่างนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง
หลังเขานั่งลงและเห็นสีหน้างงงันของสวี่รุ่ย ลั่วหานก็คลี่ยิ้มนิดๆ “เธอน่าจะลืมไปแล้วจริงๆ สินะ”
“พอได้แล้วน่า เรื่องมันผ่านมานมนานแล้วยังล้อเลียนฉันอยู่ได้! อ้อ หรือนายไปเรียนมาจากเชฟคนนั้น”
“อืม พอดีว่า…บังเอิญมีโอกาสเลยเรียนรู้จากเขามานิดหน่อย”
สวี่รุ่ยวางแก้วน้ำผลไม้แล้วขยิบตาให้ “นับถือนายเลยนะ ทุกครั้งเวลาทำอะไรก็มักพยายามทำให้ดีที่สุดเสมอ อย่างเล่นไพ่ เรียนหนังสือ ตอนนี้ยังทำอาหารอีก! นายได้ไปสามทักษะแล้วนะ”
พูดมาถึงตรงนี้สวี่รุ่ยก็ยิ้มกริ่ม “เห็นแก่ฝีมือยอดเยี่ยมของนาย ฉันมีรางวัลสุดพิเศษให้ นายจะได้เพลิดเพลินไปกับละครพูดรอบปฐมทัศน์ของฉันในเทศกาลศิลปวัฒนธรรมวันปีใหม่ของโรงเรียนฉัน นายสนใจไหม”
ลั่วหานมองเธอยิ้มๆ “ละครอะไรล่ะ”
สวี่รุ่ยแสร้งกระแอมกระไอก่อนเอื้อนเอ่ยอย่างเสน่หา “โอ้ โรมิโอ โรมิโอ ไยท่านจึงต้องเป็นโรมิโอ”
หัวใจของลั่วหานสั่นไหว หักห้ามใจไม่ให้ต่อบทละครประโยคนี้ไม่ได้ “ข้าจะทำตามที่เจ้าลั่นวาจา เรียกข้าว่ายอดรัก…”
สวี่รุ่ยอุทานด้วยความหลากใจอีกหน “เดี๋ยวนะ นายอ่านหนังสือเข้าใจยากพวกนี้ด้วยเหรอ”
ลั่วหานเก็บความคิดฟุ้งซ่าน และตอบเสียงเบา “อืม ฉันไม่ได้เลือกอ่านตามความถนัดน่ะ”
น้ำเสียงนี้ติดจะกวนนิดหน่อย
สวี่รุ่ยเกือบใช้ส้อมในมือแทนลูกดอกปาออกไปอยู่แล้วเชียว
เธอนึกเสียใจที่ให้ลั่วหานพักที่ห้องของเธอ โต๊ะหนังสือถูกจัดไว้เป็นระเบียบเรียบร้อย กระดาษข้อสอบถูกจัดเรียงเป็นหมวดหมู่ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผลคะแนนแต่ละวิชาที่ต่างกันอย่างชัดเจนของเธอจะต้องถูกจับจ้องอย่างไร้ความปรานีแน่
แต่ในไม่ช้า ขนมหวานที่ลั่วหานยกมาก็ช่วยบรรเทาอารมณ์หดหู่ของเธอได้
สวี่รุ่ยให้อภัยเพื่อนซี้ชั่วคราวและเริ่มวางแผนพาเจ้าเพื่อนคนนี้เข้าหอประชุมของโรงเรียนพรุ่งนี้เย็น
อย่างไรซะหัวหย่าก็เป็นโรงเรียนเอกชนที่ดีที่สุดของเมือง ปกติแล้วจะมีการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา แต่เมื่อถึงวันปีใหม่กลับเปิดให้เข้าครึ่งวัน บรรดาผู้ปกครอง นักเรียนและอาจารย์จากต่างโรงเรียนจะเข้าชมการแสดงศิลปวัฒนธรรมที่หอประชุมได้
หอประชุมของหัวหย่าเป็นอาคารสร้างใหม่ และเป็นโครงการที่ช่วยเชิดหน้าชูตาให้โรงเรียน มีพื้นที่กว้างขวาง และมีที่นั่งสำหรับผู้ชมจำนวนมาก
สวี่รุ่ยทักทายเพื่อนจากสภานักเรียน และแอบจับลั่วหานแซงคิวไปอยู่แถวสุดท้ายของหอประชุมโดยไม่ให้ใครเห็น คนในแถวสุดท้ายส่วนใหญ่เป็นคนจากต่างโรงเรียนและพวกผู้ปกครอง ว่ากันตามหลักเหตุผลแล้วไม่น่าจะกลายเป็นจุดสนใจง่ายๆ
ทว่าเอาเข้าจริงกลับแอบทำเงียบๆ ไม่ได้ เนื่องจากเพื่อนสนิทของเธอโดดเด่นต่างจากคนทั่วไป ความสูงใหญ่นี้หากยืนอยู่ทางเหนือ ก็ยังสังเกตเห็นได้ชัดแม้จะอยู่ทางใต้ โดยเฉพาะแลนด์มาร์กที่หน้าตาดีอย่างนี้แทบทำให้คนไม่ยอมละสายตาไปไหน อัตราความสนใจของผู้คนที่มีต่อเขาจึงสูงปรี๊ด
ยิ่งกว่านั้นยังมีบอดีการ์ดในชุดลำลองตามมาด้วย แม้พวกเขาเป็นมืออาชีพมาก ไม่ได้แสดงตัวให้เห็นชัดเจน แต่กระจายตัวอยู่ทุกหนทุกแห่ง
คนจำนวนมากในโรงเรียนต่างรู้จักสวี่รุ่ย จึงมีนักเรียนไม่น้อยดึงเธอมาถามกันใหญ่
“รุ่ยรุ่ย หนุ่มหล่อคนนั้นเป็นใคร!”
“ใช่ ไม่ใช่นักเรียนโรงเรียนเราแน่ เธอไปหาชุดนักเรียนมาจากไหน ตัวเล็กไปหน่อยนะ!”
“จู่ๆ ฉันก็รู้สึกว่าชุดนักเรียนของโรงเรียนเราไม่น่าเกลียดแล้ว นี่ต้องเป็นภาพลวงตาแน่ๆ”
ต่อให้ลั่วหานสวมชุดนักเรียนของหัวหย่าแล้วเสียคะแนนไปเยอะก็ไม่ส่งผลต่อหน้าตาแต่อย่างใด ยังคงไร้หนทางที่จะลดระดับความสนใจลง
สวี่รุ่ยคว้าแว่นกันแดดกรอบใหญ่มาจากเพื่อนแล้วให้ลั่วหานสวมเพื่อบดบังดวงตาสีน้ำตาลอ่อน รวมถึงปกปิดเครื่องหน้าคมชัดเกินมนุษย์มนานั่นด้วย
“ฮ่าๆๆ แบบนี้ค่อยขี้เหร่หน่อย!”
สวี่รุ่ยหัวเราะใส่เขา ท่าทางเจ้าเล่ห์ซุกซนทั้งน่ามองและน่ารัก
ลั่วหานเองก็อดหัวเราะไม่ได้ เขาจับแว่นกันแดดอย่างไม่คุ้นชิน แต่ไม่ได้ถอดออก
“ไม่ต้องห่วง ขี้เหร่มากถ้าเทียบกับตัวนายเอง แต่พอเทียบกับคนอื่นแล้ว นายก็ยังหล่อที่สุด”
สวี่รุ่ยตบบ่าเขาเบาๆ พลางหัวเราะคิกคัก เธอฝากกระเป๋าถือกับเสื้อคลุมไว้กับลั่วหาน “ช่วยฉันถือก่อนนะ ไว้ฉันแสดงเสร็จ เราแอบออกไปฉลองปีใหม่กัน! เป็นเด็กดีอยู่รอพี่สาวก่อนละ!”
ลั่วหานกอดข้าวของของเธอไว้แนบอก พลางชำเลืองมอง “เธอลืมที่เคยพูดไว้ก่อนหน้านี้แล้วใช่ไหม”
สวี่รุ่ยไม่มีทางลืม เพียงแต่เร็วเกินไป “ฮ่าๆๆ ฉันผิดไปแล้ว พี่หาน พอใจหรือยัง!”
พอให้โบนัสปีใหม่เขาอย่างสุขใจ สวี่รุ่ยก็เดินจากไปอย่างร่าเริง
ลั่วหานจับจ้องแผ่นหลังของเธอ โค้งมุมปากยิ้มอย่างห้ามไม่อยู่ ในใจทั้งรู้สึกอบอุ่นและมั่นคง
ขอเพียงมีเธออยู่ด้วย ทุกช่วงเวลาจะมีแต่ความสุข ดุจดวงไฟดวงเล็กๆ ที่ส่องสว่างทั่วทุกมุมมืด
ทั้งๆ ที่เขาเป็นคนที่ขาดความอบอุ่นและต้องการความปลอดภัยที่สุด
ต่อให้สุขภาพฟื้นคืนดังเดิม เขาก็ยังกังวลว่าจะสูญเสียทุกอย่างที่เขามี
รวมถึงสิ่งที่เขาไม่มีด้วย
ตลอดช่วงเย็นมีการแสดงมากมาย เนื่องจากหัวหย่าจะมีงานครบรอบวันสถาปนาโรงเรียนจึงจัดเตรียมรายการแสดงอย่างยิ่งใหญ่อลังการจำนวนมาก
ละครที่สวี่รุ่ยร่วมแสดงเป็นฉากสุดคลาสสิกของ “โรมิโอและจูเลียต” เวอร์ชันภาษาอังกฤษ
ด้านบนเวที การออกแบบเสื้อผ้าหน้าผมของโรมิโอกับจูเลียตค่อนข้างจะทันสมัย สวี่รุ่ยถักเปียวินเทจ และสวมชุดกระโปรงตัวยาวสไตล์ตะวันตก ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงระเบียงซึ่งถูกสร้างแบบง่ายๆ เธอเอื้อนเอ่ยบทละครภาษาอังกฤษยาวเหยียดอย่างมีอารมณ์ร่วม
แม้ดึงตัวเธอมาแทนคนที่แสดงไม่ได้กะทันหัน ทว่าเธอกลับแสดงได้ไม่เลวเลย เสียงพูดบทละครถูกบันทึกไว้ล่วงหน้าเพื่ออรรถรสในการชม โดยจะเปิดเสียงอยู่หลังเวทีขณะแสดง
ไม่อย่างนั้นหากอ้างอิงจากระดับความรู้ด้านวรรณศิลป์ของสวี่รุ่ย เธอคงไม่มีทางท่องจำบทละครยาวๆ ขนาดนี้ได้แน่
ทว่าถึงบันทึกถ้อยคำไว้ ข้อได้เปรียบของเธอก็ทำให้เธอแสดงได้เต็มที่ เพราะทั้งยายและน้าชายต่างเคยศึกษาที่อังกฤษ ต่อมาเธอเข้าเรียนที่โรงเรียนสตรีของฮ่องกงซึ่งจัดการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด ด้วยเหตุนี้เธอถึงพูดภาษาอังกฤษคล่องแคล่วน่าฟัง
การแสดงที่ดีย่อมสะกดความสนใจของผู้คนส่วนใหญ่ สวี่รุ่ยแสดงอย่างมีความสุข จนกระทั่งเสียง “ติ๊ง” ดังขึ้นในหัว “คุณมีข้อความใหม่!”
ระบบ 1212 “ภารกิจสุ่ม ระยะเวลาสิบนาที ใช้เงินสองแสนหยวนให้หมด จะรับภารกิจหรือเปล่า”
สวี่รุ่ยถึงกับทำอะไรไม่ถูก “ฉันอยู่บนเวทีนะโว้ย!!!”
ระบบ 1212 “ระบบรู้ คุณจะล้มเลิกก็ได้นะ”
สวี่รุ่ยตกใจจนเกือบลืมขยับปากตาม เธอมองผู้ชมมืดฟ้ามัวดินด้านล่างแล้วตัดสินใจอย่างไม่ลังเล “ฉันขอล้มเลิก!”
ระบบ 1212 “แน่ใจนะว่าจะไม่ทำ ไม่อยากได้โบนัสแล้วเหรอ”
สวี่รุ่ยรักษาสีหน้าท่าทางคะนึงหาของจูเลียตไว้พลางทอดตามองโรมิโอด้วยความรักตามบทละครขณะสบถคำหยาบคายในใจ “โบนัสอะไร”
ระบบ 1212 “โบนัสสุขภาพ ถ้าคุณไม่ต้องการ จะล้มเลิกก็ไม่มีปัญหา…”
ทันทีที่ได้ยินคำว่า “โบนัสสุขภาพ” สวี่รุ่ยพลันนึกถึงบางอย่างได้ จึงรีบชิงเอ่ย “ไม่ล้มเลิก ไม่ล้มเลิก! ฉันรับภารกิจ!”
ตลกน่า ต้องรอตั้งกี่เดือนกว่าจะมีโบนัสสุขภาพสักครั้ง จะล้มเลิกได้อย่างไร!
ลั่วหานได้รับการรักษาจนหายดีแล้ว แต่คนรอบข้างเธอยังต้องการสุขภาพที่ดีอยู่นะ อย่างเช่น ย่า ไหนจะ…ตา
บางทีตาอาจต้องการมากกว่าด้วยซ้ำ แม้ไม่รู้ว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร แต่เดาว่าถึงถามไปชายชราก็คงไม่ยอมบอก
ระบบ 1212 “ขอเตือนด้วยความหวังดี ถ้าทำภารกิจสุ่มสำเร็จถึงจะได้รับโบนัส และมีบทลงโทษเมื่อล้มเหลวเช่นกัน”
พอได้ยินประโยคนี้ สวี่รุ่ยพลันถอนหายใจเฮือกใหญ่ เธอจดจ่ออยู่กับการแสดงไม่ได้อีกต่อไป เธอไม่มีทางจบการแสดงได้ภายในเวลาสิบนาทีแน่
เธอแอบมองสถานการณ์ด้านล่างเวที
คนเยอะเกินไป และเวทีก็กว้างมาก เรื่องรูดบัตรซื้อของนั้นไม่ต้องหวัง ไม่มีที่ไหนให้ใช้จ่ายได้เลย
ถ้าจะใช้เงินก็ต้องมีมือถือ แต่มือถือดันอยู่ในกระเป๋าถือ และกระเป๋าถือก็อยู่ในมือลั่วหาน
ทว่าลั่วหานนั่งห่างจากเวทีมาก อยู่ตรงแถวสุดท้าย!
ต่อให้มีมือถือ ถึงในตะกร้าสินค้าจะเตรียมสิ่งของไว้มากมาย แต่การจ่ายเงินให้สำเร็จภายในสิบนาทีก็ไม่รู้ว่าความเร็วอินเทอร์เน็ต 3G ในขณะนี้จะสู้ไหวหรือเปล่า…
ระบบ 1212 “เงินเข้าบัญชีเรียบร้อย สหายตัวน้อยสามารถนำไปใช้จ่ายได้ตามใจชอบ”