[ทดลองอ่าน] บันทึก (ไม่ลับ) ฉบับซูเปอร์สตาร์ ตอนที่ 43

巨星手记
บันทึก (ไม่ลับ) ฉบับซูเปอร์สตาร์

 

อวี่เซี่ยวหลานซาน เขียน
ธมน แปล
get-sem วาด

 

— โปรย —

ฟางเล่อจิ่ง ที่ตัดสินใจเข้าวงการบันเทิงในที่สุด ได้รับโอกาสแสดงบทนำในภาพยนตร์เรื่องใหม่
ที่จะช่วยผลักดันศักยภาพทางการแสดงและความสำเร็จของเขาให้ก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้น
ทว่าเขาก็ต้องเผชิญกับแผนสกปรก และการชิงดีชิงเด่นของใครบางคนในวงการ
ซึ่งคอยจ้องจะแทงข้างหลังและหวังสร้างกระแสเพื่อทำให้เขาตกต่ำ
จนทำให้การถ่ายทำต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด
แต่ก็เหมือนเทพแห่งความโชคดีมักจะอยู่เคียงข้างเขาเสมอ
อีกทั้งยังมีคนรักอย่าง เหยียนข่าย คอยสนับสนุน
ฟางเล่อจิ่งได้รับโอกาสอันไม่คาดฝันบางอย่าง จนทำให้ใครหลายคนต้องพากันอิจฉาตาร้อน
ขณะเดียวกันนั้นเอง ใครคนหนึ่งก็ดันมาล่วงรู้ความลับ
เรื่องความสัมพันธ์ของเขากับเหยียนข่ายเข้าโดยบังเอิญ!

 

—.—.—.—.—.—.—.—.—.—

 

ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ >> Rose Publishing

…XOXO…

มาดามโรส

 

ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์

 

 

43

เรื่องบางอย่างใช่ว่าอยากทำลายก็ทำลายได้!

เพื่อนรักตลอดไป!

 

ช่วงบ่าย หยางเทียนพร้อมด้วยเซี่ยงเสี่ยวตงมาที่ตงหวนมีเดียเพื่อส่งตัวอย่างสื่อสิ่งพิมพ์ หลังจากจอดรถเรียบร้อย เซี่ยงเสี่ยวตงเอ่ยด้วยท่าทีจริงจัง “บอสคิดดูอีกสักหน่อยดีมั้ย เราจะขึ้นไปจริงๆ เหรอ จะโดนประธานเหยียนฆ่าปิดปากหรือเปล่า”

“ไม่มีทาง บางทีเล่อเล่อกับประธานเหยียนอาจจะไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ ทุกอย่างเป็นสิ่งที่เราร้อนตัวไปเองทั้งนั้น!” ช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน หยางเทียนแสดงให้เห็นถึงความเด็ดเดี่ยวที่คนเป็นเจ้านายควรมีอย่างเต็มที่

“มันก็พูดลำบากนะ บางทีเบื้องบนอาจจะวางแผนไว้หมดแล้วก็ได้” เซี่ยงเสี่ยวตงกอดประตูรถไว้แน่น “ไม่งั้นผมรอลูกพี่อยู่ที่นี่ละกัน”

“ฝันไปเหอะ!” หยางเทียนแกะมือของเขาออกอย่างเย็นชาแล้วฉุดกระชากเขาไปขึ้นลิฟต์

เซี่ยงเสี่ยวตงน้ำตานองหน้า ได้แต่ภาวนาว่าอย่าให้เจอบอสใหญ่เลย แต่กลัวอะไรมักได้อย่างนั้น ทันทีที่ทั้งคู่ออกจากลิฟต์ก็เห็นเหยียนข่ายกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้พอดี สูทสีดำทั้งชุดทำให้เขาดูทั้งเยือกเย็นและดุดัน เหมือนมือสังหารในหนังชัดๆ

เซี่ยงเสี่ยวตงอยากจะเผ่นไปห้องน้ำซะเดี๋ยวนั้น

“อะแฮ่ม” หยางเทียนยิ้มเล็กน้อยด้วยความสุขุม “ประธานเหยียน”

“สะ…สะ…สวัสดีครับประธานเหยียน” เซี่ยงเสี่ยวตงเข่าอ่อน

“เรามาหาหัวหน้าฝ่ายจางครับ” หยางเทียนร่าเริงประหนึ่งอาบลมในฤดูใบไม้ผลิ ดูเป็นธรรมชาติสุดๆ

“รบกวนด้วย” เหยียนข่ายค้อมหัวให้เล็กน้อยแล้วยื่นมือไปกดลิฟต์

เซี่ยงเสี่ยวตงค่อยๆ เคลื่อนตัวไปอยู่ด้านหลังหยางเทียน

เหยียนข่าย “…”

“ถ้าอย่างงั้นพวกผมขอตัวก่อนนะครับ” เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เผยพิรุธมากกว่าเดิม หยางเทียนเลยคิดจะพาเซี่ยงเสี่ยวตงไปจากตรงนี้โดยเร็ว แต่เดินยังไม่ถึงสองก้าวก็ได้ยินเหยียนข่ายเอ่ยเสียงเย็นมาจากด้านหลัง “คุณรู้อะไรบ้าง”

“ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น!” เสียงอันน่าตกใจที่ดังขึ้นกะทันหันทำให้เซี่ยงเสี่ยวตงหลบเข้าหากำแพงทันที

หยางเทียนหิ้วเขาออกมาอย่างรวดเร็ว

“โอเค ไม่มีปัญหา” เหยียนข่ายโทรศัพท์พลางเดินเข้าไปในลิฟต์

“เก็บอาการหน่อย!” หยางเทียนเสียงเข้ม อย่างน้อยก็ช่วยแหกตาดูสถานการณ์สักหน่อยแล้วค่อยกลัวสิ!

“คะ…คะ…ใครจะไปรู้ว่าเขาคุยโทรศัพท์อยู่” เซี่ยงเสี่ยวตงสะอึกสะอื้นไม่หยุด ทีแรกก็กลัวความผิดอยู่แล้ว จู่ๆ มาได้ยินคำถามนี้ก็ต้องตกใจมั้ยล่ะ!

คนรวยนี่น่ามันกลัวยิ่งกว่าพวกผีร้ายอีก

 

หลังจากผ่านช่วงเวลาพายุฝนคาวเลือดมาแล้ว วงการบันเทิงในช่วงนี้ก็สงบราบเรียบจนแทบไม่มีเหตุการณ์ใหญ่ใดๆ เลย บรรยากาศเป็นไปอย่างราบรื่นและมีความสุข คลาสอบรมของฟางเล่อจิ่งเองก็สิ้นสุดลงชั่วคราว อีกหนึ่งสัปดาห์เขาต้องไปถ่ายทำโฆษณาที่อิตาลีแล้ว ก่อนเลิกงานในวันศุกร์ เหยียนข่ายโทรศัพท์มาหาเขา “ตอนเย็นอยากจะออกไปกินข้าวหรือเปล่า”

“ผมทำให้คุณกินดีกว่า” ฟางเล่อจิ่งตอบ “ช่วงนี้ยุ่งมากจนไม่ได้กินข้าวที่บ้านเลย”

“ก็ได้” เหยียนข่ายหัวเราะ “ฉันยังเหลืองานในมืออีกนิดหน่อย ประมาณสองชั่วโมงถึงจะเสร็จ”

“งั้นผมกลับไปเตรียมตัวที่บ้านก่อนนะครับ” ฟางเล่อจิ่งวางสาย หลังจากเก็บของเสร็จก็เจอกับเสิ่นหานที่เดินเข้ามาในสภาพแก้มตุ่ยเหมือนกับหนูแฮมสเตอร์พอดี

“แอบกินอีกแล้วเหรอ” ฟางเล่อจิ่งมองไปด้านหลังของเขา “หยางซีไม่อยู่?”

“ไม่ใช่สักหน่อย พี่หลี่เอาให้ฉัน แค่บ๊วยเค็มเม็ดเดียวเอง” เสิ่นหานนั่งลงบนเก้าอี้ “เขาไปคุยธุระกับรองประธานป๋าย เอ้อ จริงสิ เย็นนี้นายอยากไปกินข้าวกับพวกเรามั้ย”

“ไม่อยาก” ฟางเล่อจิ่งปฏิเสธอย่างรวดเร็ว

“เย็นนี้ฉันไม่ได้กินสลัดน้ำบัลซามิกหรอกนะ” เสิ่นหานย้ำ “หยางซีจะพาฉันไปกินอาหารตุรกี”

“ช่วงนี้นายไม่ได้กำลังลดน้ำหนักหรือไง” ฟางเล่อจิ่งงุนงง ทำไมฟังเหมือนกินมื้อใหญ่ทุกวัน

เสิ่นหานเอ่ยออกมาจากก้นบึ้ง “อันที่จริงฉันลดน้ำหนักอยู่ตลอดแหละ” แต่ข้าวก็ยังต้องกิน ชีวิตถึงจะมีความสุข

ฟางเล่อจิ่ง “…”

“ไปมั้ย” เสิ่นหานถาม “ร้านเพิ่งเปิดใหม่ เห็นว่าจองยากมาก” แค่คิดก็น่าอร่อยแล้ว ควรค่าแก่การไปสักครั้งยิ่งนัก

“ไม่ได้อยู่ดี ฉันมีนัดแล้ว” ฟางเล่อจิ่งยังคงส่ายหน้า

เสิ่นหานอยากรู้อยากเห็นทันที “นัดใครไว้เหรอ”

ฟางเล่อจิ่งหิ้วกระเป๋าเดินออกไป “ญาติ”

เสิ่นหานหรี่ตา ตอบส่งๆ แบบนี้

จะต้องนัดจิ้งจอกสาวไว้แน่ๆ!

หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง เมื่อหยางซีคุยงานกับป๋ายอี้เสร็จก็ขับรถพาเขาตรงไปร้านอาหารทันที เพื่อโชว์สไตล์ความเป็นตะวันออกกลางให้โดดเด่น แสงไฟรอบร้านจึงค่อนข้างมืดสลัว แม้ว่าห้องส่วนตัวจะมีขนาดเล็กแต่กลับสวยงามละเอียดอ่อน บนผนังมีเสาโทเทมจากต่างประเทศแขวนอยู่ ดอกไม้เป็นดอกกุหลาบแดงสวยสดดูเหมาะกับพวกคู่รักอย่างเห็นได้ชัด

แต่ดูเหมือนเสิ่นหานจะไม่ได้คิดแบบนั้น หลังจากต้องกินสลัดน้ำบัลซามิกติดต่อกันมาหนึ่งอาทิตย์ เขาก็ถึงจุดที่ใกล้จะสูญสลาย ตอนนี้จู่ๆ ได้มาเจอกับเนื้อจานใหญ่ละลานตา ดวงตาพลันปล่อยลำแสงออกมาทันที

“ค่อยๆ กิน” หยางซีนั่งฝั่งตรงข้ามกับเขา

“หยางซีๆ” เสิ่นหานแทบจะหลั่งน้ำตา “ทำไมมันถึงอร่อยขนาดนี้”

หยางซีทั้งขำทั้งรู้สึกจนปัญญา เอื้อมมือไปลูบหัวของเขา “อย่ากินจนจุกล่ะ”

“ฉันรู้น่าว่าอาทิตย์หน้ายังต้องถ่ายนิตยสาร” เสิ่นหานใช้มีดและส้อมหั่นเนื้ออย่างใจจดใจจ่อ

“ไม่มีใครมอง นายจะใช้มือเลยก็ได้” หยางซีม้วนเนื้อย่างแล้วใช้มือหยิบไปจิ้มพริกส่งไปข้างๆ ปากของเขา “วิธีกินที่เถ้าแก่แนะนำน่ะ”

เสิ่นหานก้มหน้าลงไปงับ ริมฝีปากนุ่มหยุ่นปัดผ่านปลายนิ้ว สัมผัสเปียกชื้นเหมือนถูกลูกสุนัขไล้เลียทำเอาหยางซีตัวแข็งทื่อแต่ก็กลับมาเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว

“เอาอีก” เสิ่นหานกระดกน้ำอั้กๆ ถึงจะเผ็ดมากแต่ก็ฟินสุดๆ!

หยางซีม้วนอีกชิ้นแล้วส่งให้ จากนั้น…ก็ถูกเลียอีกครั้ง

“อร่อย” เสิ่นหานพยายามกลืนลงไป

ปลายนิ้วของหยางซีร้อนวูบวาบเล็กน้อย เขาเบนหน้าไปมองวิวนอกหน้าต่างเหมือนไม่รู้สึกอะไร

หลังจากกินอาหารเรียบร้อย หน้าท้องของเสิ่นหานก็กลับมาป่องอีกครั้ง ขณะที่หยางซีกำลังคิดว่าจะพาเขาไปเดินเล่นริมแม่น้ำดีหรือไม่ โทรศัพท์กลับเริ่มส่งเสียงครืดๆ ขึ้นมา

“ใครเหรอ” เมื่อเห็นสีหน้าดูไม่ปกติตอนที่รับโทรศัพท์ เสิ่นหานก็เอ่ยถามอย่างระมัดระวัง

“คนที่บริษัท” หยางซีวางสาย

“เกี่ยวข้องกับฉัน?” เสิ่นหานกะพริบตาปริบๆ

“ก็ไม่เชิง” หยางซีกดเปิดเบราว์เซอร์ในโทรศัพท์มือถือ เสิ่นหานขยับเข้าไปนั่งข้างๆ ก็เห็นว่าช่วงที่พวกเขาสองคนกำลังกินข้าวอยู่นั้นมีประเด็นร้อนแรงเกิดขึ้นบนอินเทอร์เน็ตตามที่คิดจริงๆ

“ฉันแย่งเป็นพรีเซ็นเตอร์กับเล่อเล่อ?” เสิ่นหานขมวดคิ้ว “ใครมันทำตัวน่าเบื่อขนาดนี้กัน”

“ไม่มีวี่แววว่าจะกลายเป็นประเด็นมาก่อน น่าจะมีคนจ้างพวกหน้าม้ามาสร้างกระแส” หยางซีเลื่อนลงไปด้านล่างอีกสองสามหน้าก็เห็นข่าวคล้ายกันที่โพสต์โดยเพจซุบซิบแต่ละแห่ง โดยต่างบอกว่าเดิมทีงานพรีเซ็นเตอร์นาฬิกานั่นเป็นของเสิ่นหาน ต่อมาหลังจากบริษัทผู้ผลิตได้เจอฟางเล่อจิ่งก็คิดว่าเขาหน้าตาดีกว่าเลยตัดสินใจเปลี่ยนตัวพรีเซ็นเตอร์ทันที สรุปคือถ้อยคำที่ใช้เป็นการเสี้ยมให้ทะเลาะกัน แค่มองก็รู้ว่าต้องการปั่นให้เกิดความขัดแย้งเท่านั้น

“เรื่องไม่มีมูลสักนิดยังเอามาเล่นข่าวได้ขนาดนี้” เสิ่นหานโกรธจนถึงขั้นเริ่มปวดท้อง แน่นอนว่าอาจเพราะเมื่อครู่เขาเพิ่งกินไปเยอะ

“ก่อนหน้านี้ก็ไม่ใช่ไม่เคยถูกเอาไปเขียนมั่วซั่วสักหน่อย ฉันคิดว่านายจะชินกับข่าวพวกนี้แล้วซะอีก” หยางซีช่วยรินน้ำร้อนให้เขา “ทำไมถึงยังได้โกรธขนาดนี้”

“เล่นงานฉันไม่เป็นไรแต่จะมาเขียนโจมตีเล่อเล่อไม่ได้!” เสิ่นหานมั่นคงในสายสัมพันธ์สุดๆ

หยางซีหลุดหัวเราะ “นานๆ ทีจะเห็นนายสนใจข่าวซุบซิบขนาดนี้”

“ไม่ได้ ฉันต้องโต้กลับ!” เสิ่นหานเปิดไอแพ็ด

“ความจริงนายไม่ต้องไปสนใจก็ได้” หยางซีตอบ “เรื่องที่เกิดจากพวกหน้าม้าพรรค์นี้ ไม่เกินสามวันเดี๋ยวก็หายไปเอง”

“ถึงจะสามวิก็ไม่ได้” เสิ่นหานล็อกอินโฮมเพจส่วนตัว “เอ๊ะ เล่อเล่อเองก็เพิ่งกดแชร์เหมือนกัน”

หยางซีรีเฟรชเบราว์เซอร์ก็เห็นว่าเมื่อหนึ่งนาทีก่อน ฟางเล่อจิ่งได้โพสต์สเตตัสใหม่จริงๆ [เรามีแต่จะแย่งเครื่องเล่นเกมกับขนมกันเท่านั้นแหละ] พร้อมด้วยรูปคู่ตอนที่ทั้งสองกำลังหัวเราะพลางตีกันขณะเล่นวิดีโอเกมด้วยกันที่บ้าน บนพื้นเต็มไปด้วยกล่องมันฝรั่งทอดกรอบ ไม่มีอะไรจะเละเทะไปกว่านี้แล้ว ส่งผลให้แฟนคลับกลุ่มหนึ่งมาหลั่งน้ำตาโอดครวญอยู่ใต้โพสต์ ต่างพากันบอกว่า [หานหานของเราแค่ดื่มน้ำก็น้ำหนักขึ้นโลครึ่งแล้ว คราวหลังได้โปรดอย่าปรนเปรออาหารแคลอรีสูงพวกนี้ให้เขาง่ายๆ ได้มั้ย ให้เขากินได้แค่ผักเท่านั้น!]

เสิ่นหานสะอึกแล้วเอ่ยตัดพ้อ “คนพวกนี้เป็นแฟนคลับของฉันจริงๆ ใช่มั้ย!” ถ้าให้กินแต่ผักทุกวันละก็ หน้าคงได้เปลี่ยนเป็นสีเขียวแน่

หยางซีกลั้นขำ “ยังจะโพสต์อะไรอยู่มั้ย”

เสิ่นหานคาบมะเขือลูกเล็ก ครุ่นคิดว่าจะโพสต์คำคมสักหน่อยดีไหม อย่างเช่น ‘มิตรภาพสำคัญกว่าเงินทอง’

ห้านาทีถัดมา ระบบแจ้งเตือนว่าเพื่อนของคุณได้แชร์สเตตัส ฟางเล่อจิ่งกดเปิดดูก็เห็นเสิ่นหานพิมพ์เพียงประโยคเดียวเท่านั้น [ถ้าวันไหนพวกเราแตกคอกันก็คงต้องเป็นเพราะเรื่องผักแน่ๆ]

ช่างเปี่ยมไปด้วยหลักการจริงๆ

“หายโกรธแล้วเหรอ” เหยียนข่ายดึงไอแพ็ดออกจากมือของเขาไปวางบนโซฟา

“อืม” ฟางเล่อจิ่งเอนตัวลงบนโซฟา “ไม่สิ ยังโกรธนิดหน่อย”

“วงการนี้มีคนที่จริงใจด้วยได้ไม่เยอะนักหรอก” เหยียนข่ายโอบเขาเข้ามาในอ้อมกอด “นายกับเสิ่นหานสนิทกันมาก ยากที่จะเลี่ยงการตกเป็นเป้าสนใจของคนอื่น วันข้างหน้าก็คงมีเรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นอีก นายต้องเตรียมใจเอาไว้”

“บางคนนี่ก็น่ารำคาญเกินไปจริงๆ” ฟางเล่อจิ่งโขกหัวกับแผงอกของเขา

“กลัวจะไม่ใช่แค่น่ารำคาญแต่มีเป้าหมายอื่นน่ะสิ” เหยียนข่ายตอบ “ไม่มีใครลงแรงทำเรื่องไม่คุ้มค่าหรอกนะ”

“หมายความว่ายังไง” ฟางเล่อจิ่งมองเขา

“คนเรามักรู้สึกอิจฉาริษยา พอสู้ซึ่งๆ หน้าไม่ได้ก็แอบก่อกวนอยู่ในมุมมืด ถึงแม้ตัวเองจะไม่ได้อะไรแต่ขอแค่นำความเดือดร้อนมาให้นายได้ก็พอ” เหยียนข่ายเอ่ย “ไม่ใช่แค่วงการนี้แต่ทุกอาชีพก็เป็นเหมือนกัน ถ้าราบรื่นเกินไป โดดเด่นเกินไปก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกคนอื่นลอบกัด”

“ผมเข้าใจ” ฟางเล่อจิ่งซบลงบนไหล่ของเขาด้วยความหดหู่เล็กน้อย

“เข้าใจแล้วยังโกรธอีกเหรอ” เหยียนข่ายตบแผ่นหลังเขาเบาๆ “ข้าวก็ไม่ยอมกิน”

ฟางเล่อจิ่งส่งเสียงอู้อี้ “ไม่อยากกิน”

“ว่านายได้แต่จะมาว่าเสิ่นหานไม่ได้ ใช่มั้ย” เหยียนข่ายประสานสายตากับเขา

ฟางเล่อจิ่งเงียบเป็นการยอมรับ

“เสิ่นหานเองก็คงคิดแบบเดียวกันกับนาย” เหยียนข่ายบีบแก้มของเขา “เพราะงั้นนายดูสิ คนอื่นจะพูดยังไงก็ทำอะไรความสัมพันธ์ระหว่างนายกับเขาไม่ได้ แล้วทำไมต้องเก็บมาคิดมากด้วยล่ะ”

ฟางเล่อจิ่งกอดเขาแน่น

“อยากจะโทร.ไปหน่อยมั้ย” เหยียนข่ายยื่นโทรศัพท์มือถือให้เขา “เสิ่นหานอยู่ในวงการมานานกว่านาย น่าจะเข้าใจดีว่าอะไรเป็นอะไร”

ฟางเล่อจิ่งพยักหน้าแล้วต่อสายไป

“เล่อเล่อ!” เสิ่นหานรับสายอย่างรวดเร็วแถมยังปลอบขึ้นมาก่อนที่เขาจะพูดอะไรซะอีก “นายไม่ต้องไปสนใจข่าวนั้นนะ”

“อื้ม” ฟางเล่อจิ่งเอื้อมมือไปกอดหมอนอิง

“มันมีพวกที่ว่างแล้วชอบหาเรื่องเสมอแหละ คงคิดว่าทุกคนเขาจะว่างแล้วก็โง่เหมือนตัวเอง” เสิ่นหานว่า “ไม่ต้องไปสนใจก็พอ ยิ่งสนใจก็มีแต่จะยิ่งรังควานหนักขึ้นเท่านั้น”

ฟางเล่อจิ่งหัวเราะ “โอเค”

“พรุ่งนี้มาบ้านฉันมั้ย” เสิ่นหานเอ่ยชวน “หยางซีจะทำซุปสาลี่เปลือกส้ม”

“เสาร์อาทิตย์ไม่ได้” ฟางเล่อจิ่งปฏิเสธ “ฉันมีนัด”

เสิ่นหานบ่นด้วยความน้อยใจ “ช่วงนี้นายมีนัดทุกอาทิตย์เลยนะ ตกลงว่าเป็นแม่สาวจิ้งจอกอกตู้มคนไหน!”

ด้วยเสียงที่ค่อนข้างดังเลยทำให้สีหน้าของเหยียนข่ายแข็งทื่อไปเล็กน้อย ทำไมถ้าไม่ใช่ยายหกก็เป็นแม่สาวจิ้งจอกล่ะ มีคำเรียกอื่นอีกมั้ย

หลังจากวางสาย ฟางเล่อจิ่งฉุดเขาให้ยืนขึ้น “ไปกินข้าวต่อกัน”

“ตอนนี้อารมณ์ดีแล้วเหรอ” เหยียนข่ายบีบจมูกของเขา “ฉันบอกแล้วว่าไม่ต้องไปแคร์มาก หลังจากนายกับเสิ่นหานออกมาแสดงความเห็นแล้ว ชาวเน็ตน่าจะรู้ว่าควรเชื่อใคร”

เป็นไปตามคาด ตอนนี้เรื่องที่ถกกันในโฮมเพจของคนทั้งคู่ออกนอกประเด็นจนหลุดไปไกลนอกโลกแล้ว ไม่มีใครพูดถึงเรื่องแย่งเป็นพรีเซ็นเตอร์นาฬิกาอีกเลย ทุกคนพากันเปิดประเด็นอย่างดุเดือดโดยทอดถอนใจว่า [มิน่าล่ะ เห็นหานหานบอกทุกวันว่าจะลดน้ำหนักแต่ก็ไม่เห็นผอมสักที ยังคิดว่าเป็นที่สภาพร่างกายซะอีก ที่แท้ก็แอบกินของแคลอรีสูงแบบนี้ตลอดนี่เอง ไม่น่าเห็นใจเลยจริงๆ…] หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมงกลุ่มแฟนคลับก็ได้ลงความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่า [ครั้งหน้าพอมีงานอีเวนต์อีกจะไม่มีทางให้ขนมเขาอีกแล้ว แต่จะให้อุปกรณ์ออกกำลังกายกับหนังสือลดน้ำหนักแทน ใครเอาขนมมาคนนั้นเป็นคนทรยศ!]

“ไม่เห็นต้องจริงจังขนาดนี้เลยนี่นา” เสิ่นหานแทบอยากจะหลั่งน้ำตา แค่ร่วมงานอีเวนต์ก็เหนื่อยมากพอแล้ว หลังเสร็จงานยังต้องรับลูกบอลออกกำลังกายกับเชือกกระโดดอีกเป็นกอง ทำไมรู้สึกว่าโลกมันช่างมืดมนแบบนี้ ชีวิตไม่เหลือความหวังอะไรแล้ว

“เดือดร้อนหรือไง” หยางซีถาม “ยังไงซะก่อนหน้านี้ถึงจะมีขนมก็ถูกแจกจ่ายให้พวกสตาฟอยู่ดี นายไม่เคยได้กินอยู่แล้ว”

“มันไม่เหมือนกัน” เสิ่นหานขึงขังขึ้นมาทันที “ถึงจะไม่ได้กินแต่ได้เห็นสักหน่อยก็ยังดี” โลกของคนชอบกิน นายไม่เข้าใจหรอก

หยางซีเลิกคิ้วจากนั้นขับรถพาเขากลับบ้าน

 

แม้ว่าเหตุการณ์จะสงบลงแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็เคยเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาครั้งหนึ่ง จะมากจะน้อยย่อมสร้างผลกระทบให้กับคนทั้งคู่ ดังนั้นตงหวนเลยออกมาตรการบางอย่าง วันรุ่งขึ้น บนอินเทอร์เน็ตเริ่มมีคนพูดคุยกันว่าครั้งนี้คงมีใครบางคนอิจฉากระแสนิยมของฟางเล่อจิ่งและเสิ่นหานถึงได้จ้างพวกหน้าม้ามาทำลายชื่อเสียงพวกเขา ในวงการนี้ระดับความนิยมคือทุกสิ่งทุกอย่าง และช่วงนี้ความถี่ในการปรากฏตัวของฟางเล่อจิ่งและเสิ่นหานนั้นสูงจริงๆ จะถูกคนอื่นอิจฉาก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ดังนั้นชาวเน็ตเลยพูดคุยประเด็นนี้ต่อแล้วถือโอกาสลิสต์รายชื่อศิลปินที่มีโอกาสทำเรื่องนี้มาหลายคน ชื่อของเว่ยอี้โดดเด่นสะดุดตาสร้างความประหลาดใจให้กับคนที่เห็น ทั้งอายุไล่เลี่ยกัน รูปร่างหน้าตามีเสน่ห์เหมือนกัน และก่อนหน้านี้ยังเคยมีปัญหากับเสิ่นหานด้วย จะถูกสงสัยก็ไม่แปลกอะไร

และในความเป็นจริง ชาวเน็ตก็ไม่ได้มองเขาผิดไปจริงๆ

“คิดไม่ถึงเลยแฮะว่าเรื่องจะเงียบหายไปเร็วขนาดนี้” ซุนขุยที่อยู่ในสายดูจะเสียดายมาก “นึกว่าจะเป็นข่าวอีกสักพัก”

“อีกฝ่ายเป็นศิลปินของตงหวน ผลลัพธ์แบบนี้ก็ไม่ได้เหนือความคาดหมายอะไร” เว่ยอี้ยิ้ม “แต่ก็ดีมากแล้ว”

“นี่ยังเรียกว่าดีอีกเหรอ” ซุนขุยรู้สึกท้อแท้ “เสียเงินไปตั้งเท่าไหร่แต่ไม่ได้อะไรกลับมาเลย เจ้านายก็บอกว่าถ้าผมยังสร้างข่าวใหญ่ไม่ได้อีกก็ไม่ต้องทำต่อแล้ว”

“ครั้งนี้เป็นความผิดพลาดของฉันเองที่แนะนำแกโดยไม่ได้ไตร่ตรองให้ดี” เว่ยอี้พิงร่างกับขอบหน้าต่าง “การสร้างข่าวในวงการบันเทิงเป็นบทเรียนสำคัญ ต้องรู้จักเรียนรู้ที่จะอดทนและค่อยเป็นค่อยไป”

“ผมก็อยากจะค่อยเป็นค่อยไป” เสียงของซุนขุยฟังดูห่อเหี่ยวเล็กน้อย

เว่ยอี้เข้าใจแจ่มแจ้ง “ไม่มีเงินแล้วหรือไง”

ซุนขุยตอบ “ผมรับประกันกับเจ้านายไว้ว่าครั้งนี้ต้องจับทิศทางความเห็นของมวลชนได้แน่ แต่ข่าวถูกกลบหายเงียบตั้งแต่ยังไม่สองชั่วโมงด้วยซ้ำเลยจ่ายค่าหน้าม้าให้ไม่ได้แล้ว”

“ฉันยกให้” เว่ยอี้ไม่อ้อมค้อม

ซุนขุยรีบเอ่ยขอบคุณ “ขอบคุณครับพี่อี้”

“คราวหน้าถ้าจะเล่นข่าวอีกก็เริ่มฝึกมือจากศิลปินปลายแถวก่อนละกัน ไม่แน่พวกเขาอาจจะเต็มใจให้ความร่วมมือก็ได้” เว่ยอี้ยกยิ้มมุมปาก “ถ้าแกขยันแล้วสะสมประสบการณ์ได้มากพอ อนาคตแกจะต้องมีสตูดิโอเป็นของตัวเองได้แน่”

“ใช่ๆๆ” ซุนขุยกลั้นความดีใจไว้ไม่อยู่

“เอาละ ฉันจะพักผ่อนแล้ว” เว่ยอี้วางแก้วไวน์ลง “ราตรีสวัสดิ์”

“พี่อี้ พี่รีบเข้านอนเถอะ” ตอนนี้ซุนขุยเชื่อฟังเขาทุกอย่าง

เว่ยอี้วางสายแล้วนั่งมองวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนตรงริมหน้าต่างต่อด้วยสายตาแฝงความหมายที่ยากจะอธิบาย ไม่กี่วันก่อนซุนขุยโทรศัพท์มาหา บอกว่าที่สตูดิโออยากจะสร้างกระแสข่าวซุบซิบ นอกจากได้ฝึกฝนและยังเป็นการสร้างชื่อเสียง อนาคตก็จะมีงานเข้ามามากมายด้วย แต่ติดตรงที่ว่าหาประเด็นเด็ดไม่ได้และไม่รู้ว่าควรเริ่มลงมือจากตรงไหน

“เล่นข่าวฟางเล่อจิ่งกับเสิ่นหานไง” เว่ยอี้เอ่ยด้วยน้ำเสียงสบายๆ “ตอนนี้ฟางเล่อจิ่งเพิ่งรับเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้นาฬิกาแบรนด์หนึ่ง เส้นทางของเขากับเสิ่นหานใกล้เคียงกัน ดูภายนอกทั้งสองคนเหมือนจะเป็นเพื่อนในวงการ แต่ในความเป็นจริงต่างฝ่ายต่างแย่งงานกัน เรื่องแบบนี้เอามาเล่นข่าวได้ง่ายและเป็นประเด็นได้ง่ายที่สุดแล้ว”

และเพราะซุนขุยเพิ่งเข้ามาทำงานในสายงานนี้ได้ไม่นานจึงเชื่อเว่ยอี้ไปทุกอย่าง เจ้าของสตูดิโอเองก็รู้แค่ครึ่งๆ กลางๆ เลยตัดสินใจอย่างฉับพลันทันด่วนจนเกิดเรื่องน่าหัวเราะเยาะนั่นตามมา

สำหรับผลลัพธ์ของเรื่องนี้ อันที่จริงเว่ยอี้ก็คาดเดาได้ตั้งแต่แรก เขาไม่ได้โง่ถึงขนาดจะเชื่อว่าสตูดิโอเล็กๆ ที่เพิ่งก่อตั้งจะสามารถทำลายชื่อเสียงของศิลปินสองคนที่ตงหวนกำลังปลุกปั้นอยู่ได้ แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ได้สร้างความยุ่งยากให้อีกฝ่ายก็ไม่เลวเหมือนกัน ยิ่งไปกว่านั้นตัวเองยังไม่ต้องลงมือทำอะไรเลย แค่ขยับปากนิดหน่อย ที่เหลือก็แค่รอดูเรื่องสนุกๆ เท่านั้น

“พี่อี้” ผู้ช่วยดันประตูเข้ามา “ผู้กำกับมีเรื่องจะคุยกับคุณ”

“จะไปเดี๋ยวนี้แหละ” เว่ยอี้ดับบุหรี่ หันไปจัดทรงผมกับกระจกแล้วหมุนตัวออกจากห้องไป

 

อีกด้าน ฟางเล่อจิ่งกำลังนั่งยองๆ เก็บข้าวของเตรียมตัวเดินทางไปอิตาลีพร้อมกับทีมผลิตโฆษณา

“ออกนอกบ้านก็ดูแลตัวเองดีๆ” เหยียนข่ายช่วยเขาปิดกระเป๋าเดินทางให้เรียบร้อย “อย่าหักโหมเกินไป”

“ผมรู้” ฟางเล่อจิ่งคล้องแขนรอบลำคอของเขา “ไม่ต้องห่วง ผมไม่ใช่เด็กๆ สักหน่อย อีกอย่างเฝิงฉู่ก็อยู่ด้วย”

“ใครว่าล่ะ บางครั้งนายก็เหมือนกับเด็กตัวเล็กๆ นี่เอง” เหยียนข่ายโน้มหน้าไปจูบเขา “ทั้งไร้เดียงสา ทั้งดื้อ”

“ต่อไปจะไม่เป็นแบบนั้นแล้ว” ฟางเล่อจิ่งยกมือขึ้นรับประกัน

“จริง?” เหยียนข่ายทำท่าสงสัย

ฟางเล่อจิ่งพยักหน้า

มุมปากเหยียนข่ายกระตุกยิ้ม “งั้นมาทำเรื่องที่ผู้ใหญ่เขาทำกันหน่อยมั้ย”

ฟางเล่อจิ่งปฏิเสธทันควัน “โอเค ผมเป็นเด็กก็ได้”

เหยียนข่ายอุ้มเขาขึ้นมา “เราต้องห่างกันตั้งหนึ่งเดือน”

“แล้วมันทำไม” ฟางเล่อจิ่งบีบหน้าของเขา “คุณพูดแล้วนี่ว่าจะไปหาผม”

“เรื่องอนาคตใครจะบอกแน่นอนได้ ถ้าเกิดที่บริษัทยุ่งมากจนไม่มีเวลาล่ะ” เหยียนข่ายพาเขาเดินเข้าห้องน้ำ “รีบฉวยโอกาสตอนที่ยังอยู่ด้วยกันตักตวงให้เต็มที่ดีกว่า”

ฟางเล่อจิ่งกลุ้มใจ

ชีวิตจะไร้เป้าหมายได้มากกว่านี้อีกมั้ย…

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า