巨星手记
บันทึก (ไม่ลับ) ฉบับซูเปอร์สตาร์
อวี่เซี่ยวหลานซาน เขียน
ธมน แปล
get-sem วาด
— โปรย —
ฟางเล่อจิ่ง ที่ตัดสินใจเข้าวงการบันเทิงในที่สุด ได้รับโอกาสแสดงบทนำในภาพยนตร์เรื่องใหม่
ที่จะช่วยผลักดันศักยภาพทางการแสดงและความสำเร็จของเขาให้ก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้น
ทว่าเขาก็ต้องเผชิญกับแผนสกปรก และการชิงดีชิงเด่นของใครบางคนในวงการ
ซึ่งคอยจ้องจะแทงข้างหลังและหวังสร้างกระแสเพื่อทำให้เขาตกต่ำ
จนทำให้การถ่ายทำต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด
แต่ก็เหมือนเทพแห่งความโชคดีมักจะอยู่เคียงข้างเขาเสมอ
อีกทั้งยังมีคนรักอย่าง เหยียนข่าย คอยสนับสนุน
ฟางเล่อจิ่งได้รับโอกาสอันไม่คาดฝันบางอย่าง จนทำให้ใครหลายคนต้องพากันอิจฉาตาร้อน
ขณะเดียวกันนั้นเอง ใครคนหนึ่งก็ดันมาล่วงรู้ความลับ
เรื่องความสัมพันธ์ของเขากับเหยียนข่ายเข้าโดยบังเอิญ!
—.—.—.—.—.—.—.—.—.—
ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ >> Rose Publishing
…XOXO…
มาดามโรส
ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์
46
ท่านประธานรุนแรงสุดๆ!
ทำไมถึงได้ดุขนาดนี้!
หลังจากอยู่อิตาลีได้ครึ่งเดือนกว่า แผนการถ่ายทำส่วนใหญ่ก็เสร็จสิ้นไปแล้วครึ่งหนึ่ง ในส่วนของยุโรปตะวันตกได้ถ่ายทำไปหมดแล้ว ดังนั้นคนกลุ่มหนึ่งจึงเก็บกระเป๋านั่งเครื่องบินมุ่งหน้าต่อไปยังเมืองไคโร
คืนนั้นเมื่อถึงโรงแรม ฟางเล่อจิ่งที่เริ่มรู้สึกไม่สบายตัวเพราะอาหารต่างถิ่นก็ทรุดลงบนเตียง
“เป็นเรื่องปกติมาก” ไกด์พ่วงตำแหน่งล่ามปลอบเขาอย่างเป็นมิตร “นี่เป็นของแถมจากแม่น้ำไนล์ นักท่องเที่ยวต่างชาติมักเป็นบ่อยๆ นอนพักสักสองวันก็ดีขึ้นแล้ว”
“ขอบคุณครับ” ฟางเล่อจิ่งหน้าซีดเล็กน้อย ว่ากันตามตรง เขาไม่อยากได้ของแถมพรรค์นี้เท่าไหร่
เฝิงฉู่รู้สึกเสียใจและเป็นกังวลอยู่ข้างๆ ถ้ารู้ล่วงหน้าคงไม่พาเขาไปกินปลากะพงแม่น้ำไนล์อะไรนั่นหรอก ตอนนี้อีกฝ่ายท้องเสียจนทั้งร่างแทบไม่มีแรง แม้แต่เดินยังจะไม่ไหวเลย ทีมงานโฆษณาเลยจำต้องปรับแผนการถ่ายทำชั่วคราวและเผื่อเวลาไว้สามวันให้ฟางเล่อจิ่งได้พักผ่อน
“รีบพักผ่อนเถอะ” เฝิงฉู่ส่งแก้วน้ำและยาให้เขา “ไม่ต้องรู้สึกผิดขนาดนั้นหรอก อย่างมากก็แค่ทำให้ช้าไปสองสามวันเท่านั้นเอง เดี๋ยวทางบริษัทคงคุยกับแบรนด์ให้”
“บริษัท?” ฟางเล่อจิ่งเบิกตากว้าง
“ก็ใช่น่ะสิ” เฝิงฉู่ตอบ “ถึงไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรแต่แจ้งบริษัทไว้สักหน่อยคงดีกว่า ฉันเพิ่งจะวางสายเอง”
ฟางเล่อจิ่งหน้าเจื่อนเล็กน้อย
“ราตรีสวัสดิ์” เฝิงฉู่รับแก้วคืนมา
“ราตรีสวัสดิ์” ฟางเล่อจิ่งมองเขาออกจากห้องไป จากนั้นต่อสายหาเหยียนข่ายเหมือนอย่างเคย
“กำลังจะโทร.หานายพอดี” เหยียนข่ายถาม “ไม่สบายเหรอ”
“รู้เร็วขนาดนี้เลย” ฟางเล่อจิ่งฟุบลงกับผ้านวม “ไม่มีอะไรหรอก แค่ไม่ชินกับอาหารต่างถิ่นเท่านั้นเอง”
“หยุดพักสักสองวันแล้วกัน ไม่ต้องรีบร้อนทำงาน พยายามอย่ากินอาหารท้องถิ่น” เหยียนข่ายเอ่ย “พวกน้ำแร่ของที่นั่นก็ด้วย”
“อื้ม” ฟางเล่อจิ่งรับคำอย่างว่าง่าย
“รีบเข้านอน” เมื่อฟังออกว่าเขาไม่ค่อยมีแรง เหยียนข่ายเองก็ไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น
“ประธานเหยียน” ทันทีที่วางสาย เลขาฯก็เคาะประตูแล้วเข้ามา “ไม่ทราบว่าคุณจะเข้าร่วมการประชุมสามัญในอีกครึ่งชั่วโมงข้างหน้าหรือเปล่าคะ”
“ให้ป๋ายอี้ไปแล้วกัน” เหยียนข่ายตอบ “หลังจากประชุมเสร็จให้เขามาหาฉันด้วย”
“ค่ะ” เลขาฯพยักหน้าแล้วออกจากห้องไป เหยียนข่ายดึงแฟ้มเอกสารออกมาแล้วอ่านแผนงานของบริษัทในหนึ่งเดือนข้างหน้า
หลังจากนั้นชั่วโมงกว่า ป๋ายอี้ที่ประชุมเสร็จแล้วก็เข้ามา “เรียกฉันเหรอ”
เหยียนข่ายพยักหน้า “นั่งก่อน”
“จบกัน” ป๋ายอี้นั่งลงตรงข้ามเขา “เหมือนจะไม่ใช่เรื่องดีอีกแล้ว”
เหยียนข่ายขี้เกียจต่อปากต่อคำกับเขาเลยยื่นเอกสารให้ทันที “เลื่อนรายการที่วงกลมสีแดงให้เร็วขึ้น สีน้ำเงินให้เลื่อนออกไป ฉันต้องการวันว่างไปพักผ่อนเจ็ดวัน”
“อีกแล้วเรอะ!” ป๋ายอี้เบิกตาโพลง
เหยียนข่ายเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “อะไรคือ ‘อีกแล้ว’”
“ที่ไปอังกฤษครั้งก่อนก็เหมือนกัน จู่ๆ คิดจะไปก็ไปดื้อๆ” ป๋ายอี้เหนื่อยใจ “ครั้งนี้จะไปไหน”
เหยียนข่ายตอบ “ขั้วโลกเหนือ”
ป๋ายอี้เงียบไปสามวินาที “นายคิดว่าฉันจะเชื่อหรือไง”
“ก็นายถาม” เหยียนข่ายว่า “ฉันจะไม่ตอบก็ไม่ได้”
ป๋ายอี้พูดออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ “คำตอบแบบนี้ไม่ต้องตอบยังดีซะกว่า” ดูถูกสติปัญญาชะมัด
“ไปจัดการสิ” เหยียนข่ายเอนหลังกลับไปพิงพนักเก้าอี้
“จะไปจริงๆ เหรอ” ป๋ายอี้พยายามฉุดรั้งให้ถึงที่สุด “ถ้านายยอมรอให้พ้นเดือนนี้…”
“ฉันไม่รอ” เหยียนข่ายตัดบทเขาทันที
ป๋ายอี้พูด “ฉันจะลาออก”
เหยียนข่ายว่า “โอเค”
ป๋ายอี้จุกไปพักหนึ่ง ช่วยเห็นแก่มิตรภาพความเป็นพี่น้องหน่อยได้มั้ย ทำท่าเหมือนจะรั้งไว้หน่อยไม่ได้หรือไง
ไม่คิดเลยว่าจะไม่ลังเลแม้แต่วินาทีเดียว เหี้ยมโหดเย็นชาสุดๆ
แม้ว่าการเปลี่ยนแผนงานกะทันหันจะค่อนข้างเอาแต่ใจ แต่ดูเหมือนเหยียนข่ายจะไตร่ตรองอย่างรอบคอบที่สุดแล้ว นอกจากการนัดพบบางอย่างที่ต้องนัดเวลาใหม่ รวมถึงงานที่ค่อนข้างแน่นเมื่อสองสามวันก่อนก็ไม่ได้ส่งผลกระทบมากมายอะไร แน่นอนว่าพนักงานคนอื่นๆ ไม่มีปัญหากับเรื่องนี้ แต่เห็นได้ชัดว่าผู้ใต้บังคับบัญชาที่ต้องทำงานล่วงเวลาร่วมกับเหยียนข่ายจะไม่คิดแบบนั้น ทำงานล่วงเวลาตลอดทั้งคืนมันสมเหตุสมผลหรือไง บอสจะรีบไปไหนขนาดนั้น อยากกอดคอกันร้องไห้จริงๆ ให้ตายสิ!
“ช่วงนี้ลำบากทุกคนแล้ว” หลังจากการทำงานวันสุดท้ายจบลง เหยียนข่ายแสดงความห่วงใยอย่างมีมนุษยธรรม “โบนัสประจำเดือนสองเท่ากับวันลาสิบวัน ต้องการอะไรเพิ่มมั้ย”
“สิบห้าวัน” ใครบางคนพยายามขอสวัสดิการ
“ไม่มีปัญหา สิบห้าวัน” เหยียนข่ายพยักหน้า ต่อรองง่ายสุดๆ
โคตรจะฟินเลยไม่ใช่เรอะ!
หลังมองส่งบอสออกไปแล้ว ทุกคนร่วมกันไชโยโห่ร้องด้วยความดีใจ ไม่นึกเลยว่าจะได้วันหยุดครึ่งเดือน มีความสุขชะมัด!
ล่วงเวลาแบบนี้ วันหลังจัดมาอีกได้นะ!
“รองประธานป๋าย ตกลงประธานเหยียนจะไปไหนเหรอ” มีคนถามด้วยความอยากรู้
ป๋ายอี้ตอบ “ขั้วโลกเหนือ”
ทันทีที่พูดจบบริเวณนั้นก็เงียบกริบ ช่วยตอบแบบจริงจังหน่อยได้มั้ย
ป๋ายอี้ยักไหล่แล้วหันหลังออกจากห้องทำงาน
ไม่มีใครเชื่อคำตอบไร้สาระพรรค์นี้จริงๆ ด้วยสินะ…
ณ ทะเลทรายในแอฟริกาเหนือ หลังจากได้พักผ่อนสองสามวันร่างกายของฟางเล่อจิ่งก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว การถ่ายทำถือว่าดำเนินไปราบรื่นและไม่เกิดเหตุไม่คาดฝันอะไรอีก
“เล่อเล่อ” เฝิงฉู่เอ่ยถาม “เย็นนี้อยากกินอะไร”
“มีตัวเลือกด้วยเหรอ” ฟางเล่อจิ่งนั่งบนโซฟาแล้วมองไปที่เขา
เฝิงฉู่ชะงักไปอึดใจแล้วออกปาก “อย่างน้อยนายก็เลือกรสแซนด์วิชได้”
“สลัดแฮม” ฟางเล่อจิ่งตอบ “แล้วก็ขอเครื่องดื่มไม่ใส่โซดาขวดหนึ่งด้วย ขอบคุณนะ”
“จะไปเดี๋ยวนี้” เฝิงฉู่คว้าเสื้อคลุมแล้วออกนอกห้องไป หลังจากผ่านประสบการณ์อาหารเป็นพิษในช่วงแรก แม้ว่าไกด์จะย้ำซ้ำๆ ว่าน้ำของแม่น้ำไนล์นั้นปลอดภัย นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถปรับตัวได้ในสองสามวัน แต่ฟางเล่อจิ่งก็ไม่กล้ากินอาหารท้องถิ่นอีก ไม่ใช่กลัวอะไรแต่คิดว่าถ้าป่วยอีกครั้งต้องทำให้ทั้งกองถ่ายล่าช้าไปอีกแน่ เพราะงั้นเลยเอาแต่กินแซนด์วิชกับเครื่องดื่มนำเข้าและอาหารจานด่วนอย่างอื่นนิดหน่อย
“ดีนะที่ฉันไม่ได้ไป” หลังจากเสิ่นหานได้ฟังเรื่องนี้แล้วก็ต้องโอดครวญเมื่อวางสายเรียบร้อย “ไม่งั้นถ้ากินแซนด์วิชกับน้ำอัดลมทุกวันเผลอแป๊บเดียวต้องอ้วนแน่”
“มันก็ไม่แน่หรอก” หยางซีบรรจงนวดขาให้เขา
“ทำไมล่ะ” เสิ่นหานฟุบลงกับเตียงแล้วหันมาถามด้วยความจริงจัง “ฉันกินเยอะหน่อยก็อ้วนแล้ว”
“ฉันไม่ได้บอกว่านายกินเยอะแล้วจะไม่อ้วน แต่บอกว่าถ้านายไปอียิปต์ ไม่แน่อาจจะปรับตัวเข้ากับอาหารท้องถิ่นได้อย่างรวดเร็วก็ได้” หยางซีวางเสื้อคลุมอาบน้ำให้เขา “นายเก่งเรื่องแบบนี้มากกว่าเล่อเล่ออยู่แล้ว”
เสิ่นหานสงสัย “นี่นายชมฉันอยู่เหรอ” ทำไมฟังดูเหมือนประชดนิดๆ ก็ไม่รู้
“ฉันแค่พูดไปตามเนื้อผ้า” หยางซีกลั้นขำ
เสิ่นหานทำปากขมุบขมิบ ยันปลายเท้าใส่หัวไหล่ของเขา
อย่าคิดว่าฉันฟังไม่ออกนะ!
การถ่ายทำโฆษณาดำเนินมาถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้ว อียิปต์ในปลายเดือนเมษานั้น แม้ว่าตอนกลางคืนจะหนาวเล็กน้อยแต่ตอนกลางวันกลับอุณหภูมิสูงมาก หลังเดินทางจากทะเลทรายกลับสู่เมืองไคโรในช่วงเย็น ฟางเล่อจิ่งก็ฟุบลงบนเตียงไม่อยากแม้แต่ขยับตัว
“เล่อเล่อ” เหยียนข่ายโทรศัพท์หาเขา “ทำอะไรอยู่”
“เพิ่งเลิกงานกลับถึงโรงแรม” ฟางเล่อจิ่งพลิกตัว “เหนื่อยจัง”
“พรุ่งนี้ถ่ายเสร็จกี่โมง” เหยียนข่ายถาม
“ไม่แน่ใจแต่น่าจะราวๆ สี่โมงเย็นมั้งครับ” ฟางเล่อจิ่งตอบ “หลายวันมานี้เป็นแบบนั้นตลอด”
“ส่งตารางการถ่ายทำล่าสุดมาให้ฉันชุดหนึ่ง” เหยียนข่ายเอ่ย
“อื้ม” ฟางเล่อจิ่งพยักหน้าแล้วงุนงงเล็กน้อย “คุณจะเอาไปทำอะไรเหรอ”
“แค่อยากจะรู้ว่าทุกวันนายทำอะไรบ้าง” คำตอบของเหยียนข่ายฟังดูมีเหตุผล
ทั้งคู่ที่กำลังปลูกต้นรักกันอยู่นั้นสามารถคุยกันได้หมดทุกเรื่อง เพราะงั้นฟางเล่อจิ่งจึงไม่ได้คิดอะไร หลังจากวางสายก็ส่งตารางการถ่ายทำไปให้
การทำงานวันถัดมาดำเนินไปเหมือนอย่างเคย ดวงอาทิตย์แผดจ้าอยู่เหนือศีรษะ อากาศร้อนกว่าสองสามวันก่อน หลังจากเลิกกอง เฝิงฉู่เปิดกระป๋องเครื่องดื่มให้เขาแล้วส่งโทรศัพท์มาให้ “เมื่อกี้มีสายหนึ่งที่ไม่ได้รับ”
ฟางเล่อจิ่งปลดล็อกโทรศัพท์มือถือ เมื่อเห็นหมายเลขที่ไม่รู้จักก็สงสัยเล็กน้อย หลังจากต่อสายไปกลับพบว่าเป็นเสียงของเหยียนข่าย
“เอ๊ะ” ฟางเล่อจิ่งไร้การตอบสนองไปชั่วขณะ “นี่มันเบอร์ของที่ไหนเนี่ย”
“นายคิดว่าไงล่ะ” น้ำเสียงของเหยียนข่ายเจือความขบขัน
ฟางเล่อจิ่งลังเลเล็กน้อยแล้วได้สติทันที “คุณอยู่อียิปต์?!”
“รถจอดห่างจากนายประมาณห้าร้อยเมตร” เหยียนข่ายขำหนักกว่าเดิม
“ตรงไหน” ฟางเล่อจิ่งใจเต้นระรัว
“ไปขอลากับเฝิงฉู่ อีกห้านาทีจะมีคนไปรับนาย” เหยียนข่ายบอก “พรุ่งนี้เช้าจะพานายมาส่งที่กองถ่ายเลย”
“อื้อ” ฟางเล่อจิ่งวางสายแล้วรีบวิ่งไปหาเฝิงฉู่
“เก็บเงินได้หรือไง” เฝิงฉู่ที่กำลังเก็บข้าวของหยอกล้อ “ทำไมดูดีใจขนาดนี้”
“คืนนี้ผมขอหายตัวชั่วคราวนะ” ฟางเล่อจิ่งมองเขา
“หายตัวชั่วคราวหมายความว่าไง” เฝิงฉู่หยุดงานในมือ
“ผมมีเพื่อนร่วมรุ่นคนหนึ่งอยู่อียิปต์ เพิ่งติดต่อได้เมื่อกี้” ฟางเล่อจิ่งตอบ “เย็นนี้ผมว่าจะไปบ้านเขาแล้วพรุ่งนี้เช้าจะตรงมากองถ่ายเลย”
“นายมีเพื่อนอยู่ไคโรด้วยเหรอ” เฝิงฉู่ตกใจ
“อื้อ” ฟางเล่อจิ่งพยักหน้า
“ไปคนเดียวได้เหรอ” เฝิงฉู่นิ่วหน้า “บ้านเมืองที่นี่ไม่ค่อยจะสงบเท่าไหร่นะ”
“ไม่มีปัญหาแน่นอน” ฟางเล่อจิ่งชูมือขึ้นรับประกัน “เราเป็นเพื่อนสนิทกัน”
“…ก็ได้” เห็นแก่ที่ฟางเล่อจิ่งรู้ตัวว่าทำอะไรและทำตัวน่าเชื่อถือมาโดยตลอด ทั้งยังไม่เคยทำให้เสียงานไม่ว่าด้วยเรื่องอะไร เฝิงฉู่จึงอนุญาตอย่างสบายใจ “งั้นถ้ามีอะไรก็โทร.หาฉันได้ทุกเมื่อนะ”
“ขอบคุณนะ!” ฟางเล่อจิ่งเก็บข้าวของด้วยความเร็วสูง หนึ่งนาทีถัดมาก็มีคุณลุงซึ่งเป็นคนพื้นที่เดินมาหาแล้วเอ่ยถามด้วยความสุภาพว่าใครคือฟางเล่อจิ่ง
เฝิงฉู่เลยตกใจอีกรอบ “ดูท่าจะเป็นพ่อบ้าน เพื่อนร่วมรุ่นของนายนี่รวยมากเลยนะเนี่ย”
“อื้ม” ฟางเล่อจิ่งผงกศีรษะแล้วเอ่ยอย่างจริงจัง “เขาเป็นเจ้าพ่อในถิ่นนี้น่ะ”
หลังออกจากจุดชมวิวแล้วเดินเลาะไปตามถนนสายเล็กๆ ได้สิบนาทีก็มองเห็นรถลิมูซีนสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ข้างทาง
ทันทีที่เปิดประตูรถ ฟางเล่อจิ่งยังไม่ทันจะได้เข้าไปนั่งก็ถูกใครบางคนดึงเข้าสู่อ้อมแขน
“นายถูกลักพาตัวแล้ว” เหยียนข่ายหัวเราะเสียงเบาพลางซบหน้าไปกับไหล่ของเขา
“คุณจริงๆ เหรอเนี่ย” ฟางเล่อจิ่งสวมกอดที่เอวของเขา ยังคงรู้สึกเหมือนฝันไป!
“ดีใจมั้ย” เหยียนข่ายถามอย่างอ่อนโยน
“อื้อ” ฟางเล่อจิ่งรู้สึกร้อนๆ ที่ปลายจมูก
เหยียนข่ายเชยคางเขาขึ้นมาแล้วขยับเข้าไปจูบแผ่วเบา
คนขับที่เคยเห็นจนชินสตาร์ตรถจากที่นั่งแถวหน้าด้วยท่าทีนิ่งเฉย
“พวกเราจะไปที่ไหนกันเหรอ” ฟางเล่อจิ่งมองไปนอกหน้าต่าง
เหยียนข่ายบีบนวดต้นคอให้เขา “พานายไปขาย”
ฟางเล่อจิ่งซุกตัวอยู่ในอกของเขาอย่างเหนื่อยอ่อน ไม่อยากขยับแม้แต่นิดเดียว
รถแล่นไปบนท้องถนน แต่แทนที่จะไปโรงแรมกลับหยุดลงที่หน้าบ้านพักส่วนตัวแห่งหนึ่ง
“ที่นี่คือที่ไหน” หลังหิ้วกระเป๋าลงจากรถ ฟางเล่อจิ่งมึนงงเล็กน้อย
“เช่าไว้น่ะ มันสะดวกกว่าอยู่โรงแรมแล้วก็ไม่ค่อยมีคนมารบกวนด้วย” เหยียนข่ายพาเขาเข้ามาในบ้านแล้วล็อกประตู “มาถึงตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่มันดึกเกินไปเลยไม่ได้บอกนาย”
ฟางเล่อจิ่งคล้องแขนรอบลำคอของเขาแล้วเป็นฝ่ายเงยหน้าขึ้น
เหยียนข่ายโอบเอวของเขาไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง โน้มหน้าลงจูบอย่างนุ่มนวล
“โอ๊ะ!” เสียงร้องด้วยความตกใจดังมาจากบันได “ผมยังอยู่ตรงนี้นะ!”
ด้วยคิดไม่ถึงว่ายังมีคนอื่นอยู่ในบ้านเลยทำเอาฟางเล่อจิ่งตกใจสะดุ้งโหยง
เหยียนข่ายนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ คิดว่าตัวเองจะถูกเขากัดลิ้นขาดซะแล้ว
“สวัสดี ผมชื่อฟิลลิปส์” ตัวต้นเรื่องเป็นชายอายุยี่สิบกว่า ผมสีบลอนด์ ดวงตาสีฟ้า รูปร่างสูงใหญ่ พิงตัวอยู่ตรงบันไดพร้อมเอ่ยทักทายอย่างสนอกสนใจ เขาพูดภาษาจีนคล่องมาก
“…สวัสดีครับ” ฟางเล่อจิ่งหน้าแดงลามไปยันใบหู
“ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าเก็บห้องเสร็จแล้วให้นายกลับไปได้เลย” เหยียนข่ายท่าทางเหมือนกำลังจะระเบิดลง
“ผมยังไม่ทันไปเลย” ฟิลลิปส์แกว่งถุงขยะในมือไปมาแล้วเอ่ยอย่างใสซื่อ “พวกคุณมาถึงก่อนเวลาห้านาที”
แม่บ้านทำความสะอาดห้องพักไว้ให้ล่วงหน้าแล้ว ที่เรียกเขามาก็แค่ให้เตรียมพวกผลไม้กับวัตถุดิบสำหรับประกอบอาหารนิดหน่อยใช้เวลาถึงสองชั่วโมง เห็นได้ชัดว่าเขาอยากจะรอสอดรู้สอดเห็น ใบหน้าของเหยียนข่ายเลยดูอึมครึมเหมือนอยากจะมีเรื่องสุดๆ
“เราเป็นเพื่อนกันนะ” ฟิลลิปส์เตือนสติได้ทันเวลา
เหยียนข่ายตอบอย่างเย็นชา “ฉันไม่สนิทกับนาย”
ฟิลลิปส์ไม่สะทกสะท้าน “ภาษาจีนของผมไม่ค่อยดีเท่าไหร่ จะทำเป็นไม่เข้าใจประโยคนี้ละกัน”
ฟางเล่อจิ่งจามออกมา ตอนทำงานอากาศค่อนข้างร้อนแล้วมาเจอกับแอร์เย็นๆ ในรถ เขาเลยรู้สึกเหมือนจะไม่สบาย
เหยียนข่ายช้อนตัวอีกคนขึ้นอุ้มแล้วตรงขึ้นบันไดทันที
“นี่!” ฟางเล่อจิ่งตกใจ “ยังมีคนอื่นอยู่นะ”
“นายทำเหมือนไม่มีเขาอยู่ก็ได้” เหยียนข่ายเดินสวนก้างขวางคอไปโดยไม่แม้แต่จะชายตาแล
ฟิลลิปส์ผิวปากเสียงสูง
ฟางเล่อจิ่งหน้าแดงหูแดง อยากจะเป็นลมซะเดี๋ยวนั้น
ภายในห้องน้ำรองน้ำอุ่นไว้เรียบร้อยแล้ว เหยียนข่ายใช้มือลองแตะ พอเห็นว่าอุณหภูมิกำลังดีเลยยื่นมือไปช่วยปลดกระดุมเสื้อให้เขา
“ไม่ได้” ฟางเล่อจิ่งเบี่ยงตัวหลบอย่างรวดเร็วแล้วเอ่ยเตือน “ยังมีแขกอยู่ด้านนอกนะ”
“ช่างเขา” เหยียนข่ายหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด
“ถึงอย่างงั้นก็ไม่ได้” ฟางเล่อจิ่งรีบกลัดกระดุมให้เรียบร้อย “คุณไปอยู่เป็นเพื่อนเขา ผมขออาบน้ำคนเดียว” ไม่อย่างนั้นจากท่าทางของฟิลลิปส์เมื่อครู่แล้วไม่แน่อาจจะโผล่มาเคาะประตูตอนที่เขาสองคนทำไปได้ครึ่งทางก็ได้
มันคงเป็นเงามืดในใจของเขาไปตลอดชีวิต
“ให้ฉันไปอยู่เป็นเพื่อนเขา?” เหยียนข่ายเบิกตากว้าง
ฟางเล่อจิ่งทำตาใสซื่อ ไม่งั้นจะให้ทำยังไงล่ะ
ฟิลลิปส์กำลังแหกปากร้องเพลงอยู่ในห้องนั่งเล่นชั้นล่าง
เส้นเลือดบนขมับของเหยียนข่ายเต้นตุบ เขาหันหลังก้าวยาวๆ ออกจากห้องน้ำ “รอฉันห้านาที”
ฟางเล่อจิ่งพิงร่างไปกับผนัง รู้สึกทำตัวไม่ถูกนิดหน่อย
“เหยียน!” เมื่อเห็นเขาลงไป ฟิลลิปส์ก็เอ่ยทักอย่างร่าเริง “ผม…อ๊ะ!”
เสียงกระแทกกึกก้องดังขึ้นต่อเนื่องพร้อมกับเสียงร้องอย่างน่าอนาถ ฟางเล่อจิ่งเอามือปิดหูเงียบๆ พร้อมภาวนา ขออย่าให้มีตำรวจมาเลยนะ
ห้านาทีถัดมา ในที่สุดห้องนั่งเล่นก็เงียบลง เหยียนข่ายจัดเนกไทที่เบี้ยวให้ตรงแล้วหันหลังเดินขึ้นชั้นบนด้วยท่าทีเรียบเฉย
ฟิลลิปส์เดินกะโผลกกะเผลกร้องไห้กลับไปฟ้องพี่ชาย
ทำไมถึงได้โหดขนาดนี้…