SocialOutcast
เมื่อผมตกหลุมรักคนที่เกลียดขี้หน้า
社交温度
卡比丘 ข่าปี่ชิว เขียน
G.N Voyager แปล
โปรย
เขาจำเสียงนี้ได้ดี
ไอ้ผู้ชายตุ้งติ้งน่ารังเกียจในห้องแล็บที่มหาวิทยาลัย
…
เพราะเพื่อนตัวดีของ ซ่งหย่วนสวิน แอบเล่นพิเรนทร์ติดตั้งแอปฯ หาคู่ไว้ในโทรศัพท์มือถือของเขา
แล้วจู่ ๆ มันก็เด้งเตือนการจับคู่กับบุคคลเลวร้ายที่สุดในความทรงจำของเขาอย่าง ฟางเจามู่
อีกทั้งไม่รู้ว่าปีศาจตนใดเข้าสิง แทนที่ซ่งหย่วนสวินจะลบแอปฯ นั้นทิ้ง
กลับเผลอคุยกับอีกฝ่ายไปเสียหลายประโยค
เรื่องราวหลังจากนั้นยิ่งบานปลาย
ทำให้ซ่งหย่วนสวินจำต้องแสร้งคุยต่อแล้วค่อยหาโอกาสสลัดอีกฝ่ายทิ้ง
แต่ไม่รู้ทำไม ไม่เพียงสลัดอีกฝ่ายออกไปไม่ได้ ดันติดต่อกันบ่อยขึ้นด้วยเนี่ยสิ!
—.—.—.—.—.—.—.—.—.—
ติดตามกำหนดการวางจำหน่ายได้ที่เพจ >> Rose Publishing
…XOXO…
มาดามโรส
ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์
บทที่ 6
Andrew เป็นคนค่อนข้างแปลกทีเดียว
เขาตอบข้อความช้าสุด ๆ แถมยังไม่ยอมส่งข้อความเสียงหรือโทร.หากัน เรื่องนัดเจอกันยิ่งไม่ต้องพูดถึง ฟางเจามู่คิดไม่ตกว่าทำไมคนที่ดูเหมือนไม่อยากหาคู่ถึงโหลดแอปหาคู่มา
อย่างไรก็ตามฟางเจามู่ยังคงพูดคุยกับ Andrew อยู่หลายครั้ง คิดเอาเองว่าตนเริ่มจับทางอีกฝ่ายได้ Andrew เป็นคนที่หากทำอะไรก็จะจดจ่ออย่างยิ่งและสงวนตัวเป็นพิเศษ จึงมักจะเป็นฟางเจามู่เปิดประเด็นพูดคุยก่อนสองสามประโยคเขาถึงยอมตอบกลับมาสักสองสามคำ แต่ไม่ใช่เย็นชาอย่างสิ้นเชิง
ภายใต้ความพยายามของฟางเจามู่ เมื่อเทียบกับช่วงแรก อัตราการตอบกลับของ Andrew ก็เพิ่มขึ้นมานิดหน่อย ครั้งหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ฟางเจามู่ถาม Andrew ว่าเขาได้คุยกับคนอื่นในแอปนี้บ้างหรือเปล่า Andrew จึงถามฟางเจามู่กลับอย่างที่น้อยครั้งจะเป็น [แล้วนายล่ะ]
“คุณบอกมาก่อนสิว่าคุณคุยหรือเปล่า” ฟางเจามู่พูด
ความจริงแล้วฟางเจามู่ยังแมทช์กับคนอื่นอีกหลายคน แต่พวกเขาตรงไปตรงมาเกินไป แค่เปิดมาก็อยากจะแชตเปลือยกายหรือไม่ก็นัดเจอทันที ทำให้ฟางเจามู่รู้สึกว่า Andrew ที่ตอบกลับเขาอย่างไม่ใส่ใจแบบนี้ดูน่าเชื่อถือมากกว่า เขาจึงลบคนอื่นออกไปจนหมดแล้วคุยกับ Andrew คนเดียว
[เปล่า] Andrew ตอบเขาฟางเจามู่บอก Andrew ด้วยความละอายใจเล็กน้อย “ผมก็ไม่มี มีแค่คุณ”
Andrew ถามเขาเหมือนไม่ค่อยจะเชื่อ [จริงเหรอ]
“มีแค่คุณคนเดียวจริง ๆ” ฟางเจามู่แคปภาพหน้าผู้ติดต่อผ่านแอปส่งให้ Andrew ดู พูดอย่างเต็มปากเต็มคำ “คุณดูสิ มีแค่คุณคนเดียวเลย”
Andrew ไม่หือไม่อือ ฟางเจามู่เลยทำหน้าหนาขอให้ Andrew แคปภาพหน้าผู้ติดต่อของเขาส่งมาบ้าง ทว่า Andrew ไม่อยากส่งไป ฟางเจามู่กล่าวหาว่า Andrew แกล้งทำเป็นใสซื่อ ทั้งที่ความจริงแล้วคงมีคนคุยอยู่สองร้อยคนแน่นอน
Andrew เถียงฟางเจามู่ไม่ขึ้น หลังผ่านไปไม่กี่นาทีเขาก็แคปภาพส่งมาจริง ๆ บนภาพที่แคปมานั้นเหมือนกับของฟางเจามู่ไม่มีผิดเพี้ยน มันว่างเปล่าและมีเพียง Mu คนเดียวเท่านั้น
“ตั้งนานกว่าจะส่งมาได้ ไม่ใช่ว่ากำลังลบคนอื่นอยู่หรอกนะ” ฟางเจามู่แกล้งหยอก Andrew ต่อไปอย่างไม่ลดละ
[ไม่ได้ลบ] Andrew ตอบเขาอย่างจริงจัง [ถ้าอย่างนั้นคุณยังสนใจจะแอดคนอื่นอีกหรือเปล่า] ฟางเจามู่ถามออกไป แต่เมื่อคิดดูอีกทีเขาก็เลือกที่จะลบข้อความดังกล่าวออกจากกล่องข้อความทั้งหน้าผู้ส่งและผู้รับ เพราะการถามแบบนั้นดูเหมือนจะจริงจังเกินไปหน่อยคาดไม่ถึงว่า Andrew จะตอบข้อความฟางเจามู่กลับมาว่า [ไม่สนใจ]
ฟางเจามู่มองรูปโปรไฟล์ส่วนที่ไม่ได้เน้นมัดกล้ามเป็นหลักของ Andrew คิดว่าในความเป็นจริง Andrew น่าจะเป็นคนที่อ่อนโยนมาก ๆ คนหนึ่ง แค่บางครั้งแสดงความชอบออกมาในแบบที่ไม่เหมือนใครและน่าอึดอัดใจบ้างเท่านั้น ฟางเจามู่นึกอยากส่งรูปให้ Andrew บ้าง แต่ดูเหมือน Andrew ไม่ได้สนใจเลยว่าฟางเจามู่จะส่งหรือไม่ส่งรูปมาให้ ทว่าฟางเจามู่กลับสัมผัสได้จากอัตราการตอบกลับที่รวดเร็วขึ้นของเขาว่าความจริงแล้ว Andrew ก็อยากดูเหมือนกัน
วันพุธฟางเจามู่อยู่ในห้องสมุดตั้งแต่เช้าจรดเย็น พอกลับไปถึงห้องเขาก็ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น จึงเปิดเว็บร้านค้าออนไลน์ขึ้นมาดูสินค้าไปพลาง ๆ เขากำลังลังเลระหว่างต่างหูสองคู่เลยส่งไปให้ Andrew ช่วยเลือก
ดึกดื่นค่อนคืนแล้ว Andrew ยังคงทำงานล่วงเวลาอยู่ หลังผ่านไปกว่ายี่สิบนาทีเขาถึงตอบฟางเจามู่ [มันต่างกันตรงไหน]
“คู่หนึ่งใหญ่คู่หนึ่งเล็ก” ฟางเจามู่พูด “อันเล็กแพงกว่านิดหน่อย”
[อันเล็ก] Andrew ตัดสินใจแทนฟางเจามู่ไปส่ง ๆจริง ๆ แล้วฟางเจามู่ก็ชอบอันเล็กมากกว่าเหมือนกัน เขาเลยเลือกซื้อมันในท้ายที่สุด
ต่างหูมาถึงในวันศุกร์ ฟางเจามู่ใส่มันแล้วถ่ายรูปส่งให้ Andrew ดู ซ้ำยังชม Andrew ว่าตาแหลมสุด ๆ แต่เมื่อเห็น Andrew ไม่ตอบและเขายังมีงานวิเคราะห์ชิ้นหนึ่งที่ต้องทำชดเชย จึงเก็บข้าวของแล้วมุ่งหน้าไปห้องแล็บ
ระหว่างที่ฟางเจามู่ยืนรอผลอยู่ข้างเครื่องมือวัดทางวิทยาศาสตร์ สาวชาวอินเดียคนหนึ่งที่มีมนุษยสัมพันธ์กับเขาค่อนข้างดีก็เดินเข้ามาคุยด้วยและเอ่ยชมต่างหูของเขายกใหญ่
ต่างหูนั่นเป็นสีดำ มีลวดลายหินอ่อนที่ไม่เด่นนัก เมื่อใส่ที่หูข้างขวาของฟางเจามู่ก็ทำให้ใบหูดูกลมกลึงเล็กน่ารักอย่างเห็นได้ชัดและไม่ได้ดูออกสาวแต่อย่างใด
ฟางเจามู่ชอบคุยเรื่องพวกนี้กับคนอื่น ๆ ทั้งสองคนจึงแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องเว็บไซต์ช็อปปิ้งออนไลน์และกลยุทธ์การลดราคา
“ที่จริงฉันดูอีกคู่ที่ใหญ่กว่านี้นิดหน่อยไว้ด้วยละ” ฟางเจามู่ยื่นมือไปแตะติ่งหูของตัวเองเล็กน้อย คุยกับเพื่อนร่วมชั้นผู้หญิงอย่างมีความสุข “คู่นี้เพื่อนฉันช่วยเลือกให้น่ะ”
“…ฟางเจามู่ นายใช้เสร็จหรือยัง” บทสนทนาของทั้งสองคนถูกขัดจังหวะโดยจางหรันอวี่และซ่งหย่วนสวินที่เดินมาจากอีกฝั่งของห้องแล็บ
จางหรันอวี่จิ้มไปที่เครื่องมือวัดทางวิทยาศาสตร์ข้าง ๆ ฟางเจามู่ พูดอย่างไม่เกรงใจ “ใช้เสร็จแล้วก็ให้คนอื่นเขาใช้บ้างได้แล้วมั้ง”
พอมีซ่งหย่วนสวินยืนอยู่ด้านหลัง จางหรันอวี่ก็รู้สึกเหมือนมีคนหนุนหลัง ทั่วทั้งใบหน้าจึงแสดงถึงการอวดเบ่งโดยอาศัยบารมีของผู้อื่น
ฟางเจามู่ดูความคืบหน้าของการวิเคราะห์ก่อนจะพูดกับจางหรันอวี่ “ยังเหลืออีกสิบนาที รอไปก่อนได้ไหมล่ะ”
เพื่อนสาวร่วมชั้นเรียนเห็นว่าพวกเขาดูเหมือนจะไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าใดนัก จึงหาข้ออ้างปลีกตัวไปก่อน ฟางเจามู่ก้มหน้าลงเปิดสมุดบันทึกการทดลองของตัวเองโดยไม่ได้พูดคุยอะไรกับคนสองคนที่ยืนรออยู่ข้าง ๆ
จางหรันอวี่ยืนอยู่ด้านข้างโดยไม่มีอะไรทำจึงเกิดความรู้สึกอึดอัดชอบกล เลยคิดจะบีบฟางเจามู่ให้ออกไป
รูปร่างเขาทั้งอ้วนทั้งเตี้ยจึงเตะตา ทุกครั้งที่เขาขยับเข้าไปใกล้ฟางเจามู่ อีกฝ่ายก็จะร่นถอยไปด้านหลังเล็กน้อย แต่เครื่องวัดอยู่ติดกำแพง ฟางเจามู่ถอยหลังไปไม่กี่ก้าวก็ไม่มีที่ให้ถอยอีก เขาไม่อยากหลีกทางและปล่อยให้แผนชั่วของจางหรันอวี่สำเร็จลุล่วง จึงหยิบหนังสือเรียนขึ้นมาขวางจางหรันอวี่ ถามอีกฝ่ายอย่างไม่สบอารมณ์ “นายจะขยับเข้ามาใกล้ทำไมวะ”
“ฉันก็แค่จะดูความคืบหน้าของเครื่องเท่านั้นเอง” จางหรันอวี่พูด ก่อนปัดหนังสือเรียนของฟางเจามู่ออกไป คิดจะชะโงกหน้าเข้าไปดูเครื่องวัด
จางหรันอวี่แทบโถมตัวเข้ามาหาฟางเจามู่ทั้งร่าง ทำให้เขารู้สึกอึดอัดอย่างยิ่ง ขณะกำลังจะอ้าปากบอกให้จางหรันอวี่ถอยไปห่าง ๆ หน่อยก็มีมือข้างหนึ่งมาขวางจางหรันอวี่ไว้
ซ่งหย่วนสวินคว้าไหล่จางหรันอวี่โดยไม่พูดไม่จาก่อนจะก้มหน้าลงมองเขาแวบหนึ่ง จางหรันอวี่ไม่รู้ว่าทำไมซ่งหย่วนสวินถึงทำแบบนี้ ทว่าเขาก็ยอมถอยออกไปด้านหลังแต่โดยดี
คนที่อยู่ใกล้ฟางเจามู่มากที่สุดเลยกลายเป็นซ่งหย่วนสวินแทน
ซ่งหย่วนสวินตัวสูงชะลูด นิสัยก็แตกต่างจากจางหรันอวี่โดยสิ้นเชิง ท่าทางที่เขามองลงมาจากด้านบนทำให้คนอื่นรู้สึกกดดันอย่างแท้จริง
ฟางเจามู่มองซ่งหย่วนสวินแวบเดียวก็ก้มหน้าลง เอ่ยออกไปเบา ๆ อย่างหมดความอดทน “ฉันรู้ว่าพวกนายรีบ เดี๋ยวพอใช้เสร็จแล้วฉันจะหลีกทางให้พวกนายทันทีเลยเป็นไง ต้องรีบใช้ขนาดนี้เลยเหรอ”
ซ่งหย่วนสวินไม่ได้พูดอะไร เขายืนอยู่ข้างกายฟางเจามู่เพียงไม่กี่วินาทีก่อนถอยออกไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ไกลนัก ทั้งที่ก่อนหน้านี้ซ่งหย่วนสวินไม่ชายตาแลฟางเจามู่เลยแม้แต่แวบเดียว ตั้งแต่หัวจรดเท้าของเขามีแต่การดูถูกเหยียดหยามเขียนแปะไว้เต็มไปหมด วันนี้ไม่รู้กินยาอะไรผิดมาหรือไร ดวงตาของเขาจึงเอาแต่จับจ้องฟางเจามู่เขม็งไม่วางตาจนทำให้ฟางเจามู่ขนลุกชันไปทั้งตัว
โชคดีที่ไม่นานเครื่องวัดก็ส่งเสียงแจ้งเตือนการทำงานเสร็จสิ้น ฟางเจามู่คัดลอกข้อมูล หลังจากรีเซ็ตอุปกรณ์เรียบร้อยก็รีบเดินออกไปทันที เมื่อเงยหน้าขึ้นมาแล้วชำเลืองมองไปยังซ่งหย่วนสวินแวบหนึ่ง เขาก็รู้สึกเหมือนว่าซ่งหย่วนสวินกำลังมองต่างหูของเขาอยู่
ฟางเจามู่รู้สึกโล่งอกหลังเดินพ้นประตูห้องแล็บมา ขณะนั้นโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงก็สั่นเล็กน้อย เขาหยิบมันออกมาดู เป็นข้อความตอบกลับจาก Andrew นี่เอง
[เห็นหน้าไม่ชัด] Andrew ตอบฟางเจามู่กำลังเดินอยู่บนถนน เขาพูดกับ Andrew ด้วยเสียงหอบเล็กน้อย “ผมถ่ายรูปต่างหูไม่ได้ถ่ายหน้าซะหน่อย”
แต่ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจความหมายของ Andrew จึงถามกลับไป “คุณอยากเห็นหน้าผมเต็ม ๆ เหรอ แต่คุณก็ไม่มาเจอผมอยู่ดี งั้นหน้าเต็ม ๆ จะมีอะไรน่าดู”
เมื่อใกล้ถึงประตูมหาวิทยาลัย Andrew ก็ตอบกลับเขา [ฉันงานยุ่ง]
“งั้นเหรอ” ฟางเจามู่หยอกเขา “แต่ผมก็เรียนหนัก ยุ่งมากเหมือนกัน จะไปมีเวลาถ่ายรูปให้คุณได้ยังไง”
ฟางเจามู่พูดจบ สายลมก็พัดผ่านมาจนทำให้ตัวสั่นเทิ้ม เขาเก็บโทรศัพท์ กระชับเสื้อไว้แน่น