คำประกาศของคณะกรรมการตัดสินรางวัลนายอินทร์อะวอร์ด ครั้งที่ ๑๕
ประเภทนวนิยาย (แนวสืบสวนสอบสวน)
ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๕๗
การประกวดงานเขียนรางวัลนายอินทร์อวอร์ด ครั้งที่ ๑๕ ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๕๗ ประเภทนวนิยาย (แนวสืบสวนสอบสวน) มีผู้ส่งผลงานเข้าร่วมการประกวดจำนวนทั้งสิ้น ๑๑ เรื่อง ซึ่งคณะกรรมการคัดสรร ประกอบด้วย นายนาคินทร์ รัชฏสุวรรณ นางสาวมณฑารัตน์ ทรงเผ่า และนางสาวภูริชญา อสุนี ณ อยุธยา ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า มีผลงานที่ผ่านการพิจารณาคัดสรรจำนวน ๓ เรื่อง เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการตัดสิน ดังนี้
๑. กาหลมหรทึก โดย ปราปต์
๒. ชีวะอำพราง โดย จัตวาลักษณ์
๓. หนึ่งนัด (ชื่อเดิม แผนย้อนซ้อนแผน) โดย ชัยกร หาญไฟฟ้า
คณะกรรมการตัดสินประกอบด้วย นางนันทพร ศานติเกษม นางสาวปาริฉัตร ศาลิคุปต นายคฑาหัสต์ บุษปะเกศ นายองอาจ จิระอร และนางสาวอุษณีย์ วิรัตกพันธ์ ได้พิจารณาแล้วมีมติให้นวนิยายเรื่อง กาหลมหรทึก โดย ปราปต์ ได้รับรางวัลยอดเยี่ยม นายอินทร์อะวอร์ด ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๕๗
กาหลมหรทึก เป็นนวนิยายแนวสืบสวนสอบสวนที่หนักแน่นด้วยเนื้อหาและรายละเอียด มีความซับซ้อน มีพลังสร้างสรรค์ มีความพลิ้วพราย ทั้งในด้านการใช้ภาษาที่นำร้อยกรองกลบทมาประกอบในเรื่อง ทั้งในด้านกลวิธีการนำเสนอที่น่าติดตาม
โครงเรื่องเดินอยู่ท่ามกลางความโกลาหลอลหม่านของคดีฆาตกรรมหลายคดี โดยวางแผนการนำเสนอได้อย่างรัดกุมโดดเด่นเห็นภาพ พาผู้อ่านผ่านจากความตายไปสู่ปมปริศนาอันชาญฉลาด สุดท้ายคลี่คลายไปสู่บาปพื้นฐานของปุถุชน นั่นคือแรงผลักดันจากตัณหาและความพยาบาท แล้วปิดท้ายด้วยการทำงานของกฎแห่งกรรม ผู้เขียนเลือกบรรยากาศและช่วงเวลาการเดินเรื่องได้อย่างมีเสน่ห์โดดเด่น จดจารวัตถุและสถานที่ที่น่าสนใจ เป็นความภาคภูมิใจของชาติไว้ด้วยการจัดให้ปรากฏเป็นฉากได้แนบเนียน นอกจากนี้ยังสามารถใช้วรรณศิลป์ในการเล่าเรื่องได้หมดจดชัดเจน และสามารถหยิบบทร้อยกรองมาใช้ได้อย่างแยบยล
นี่คือความอึกทึกโกลาหล ความลึกลับฉงนฉงายชวนให้หวาดผวา ภายใต้ฉากอันงดงามและการเล่นกับตัวอักษรได้อย่างแหลมคมของ กาหลมหรทึก โดย ปราปต์
ประกาศ ณ วันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๕๗
นางนันทพร ศานติเกษม ประธานคณะกรรมการตัดสิน
นางสาวปาริฉัตร ศาลิคุปต กรรมการ
นายคฑาหัสต์ บุษปะเกศ กรรมการ
นายองอาจ จิระอร กรรมการ
นางสาวอุษณีย์ วิรัตกพันธ์ กรรมการ
นายนาคินทร์ รัชฏสุวรรณ ประธานคณะกรรมการคัดสรร
นางสาวมณฑารัตน์ ทรงเผ่า กรรมการ
นางสาวภูริชญา อสุนี ณ อยุธยา กรรมการ
————————————-
คำนิยม
เห็นความเฉียบคมและละเอียดรอบคอบในการเดินเรื่องของ ปราปต์ ชวนให้นึกถึงนิยายแนวลึกลับและระทึกขวัญของ แดน บราวน์ ผสมผสานกับแนวของ ซิดนีย์ เชลดอน ในรสชาติและกลิ่นอายแบบไทยๆ
สุภาวดี โกมารทัต,
บรรณาธิการต้นฉบับ
นี่คือ ความอึกทึกโกลาหล ความลึกลับฉงนฉงายชวนให้หวาดผวา ภายใต้ฉากอันงดงามและการเล่นกับตัวอักษรได้อย่างแหลมคม
ปิยะพร ศักดิ์เกษม,
ประธานคณะกรรมการตัดสิน
กลบทคือชิ้นส่วนปริศนาให้ขบคิด ศพคือกระดานส่งต่อข้อความ ฆาตกรทิ้งร่องรอยให้ไข กาหลมหรทึก จะชวนให้ลุ้นไปกับการฆ่าและความดำมืดในใจมนุษย์
กิ่งฉัตร, กรรมการตัดสิน
นี่คือนักเขียนที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ…ด้วยลีลาและกลวิธีการเล่าเรื่องแบบซับซ้อนซ่อนปม เต็มเปี่ยมไปด้วยความสนุกสนานเร้าใจ ท่ามกลางบรรยากาศและค่านิยมแบบไทยแท้ อาจกล่าวได้ว่า เขาคนนี้คือ แดน บราวน์ แห่งสยามประเทศ
คฑาหัสต์ บุษปะเกศ, กรรมการตัดสิน
ความสะเทือนขวัญอันงดงามที่จะเปลี่ยนความเชื่อในนวนิยายไทยของคุณไปตลอดกาล
องอาจ จิระอร, กรรมการตัดสิน
สนุก ชวนติดตาม หลักแหลม ซับซ้อน แปลกใหม่ และน่าทึ่งมาก
อุษณีย์ วิรัตกพันธ์, กรรมการตัดสิน
อ่านจบแล้วนอนไม่หลับด้วยความสะเทือนใจและ…สะใจในชะตากรรมของตัวละคร
นาคินทร์ รัชฏสุวรรณ, ประธานคณะกรรมการคัดสรร
ทึ่งกับโครงเรื่อง ทึ่งกับชั้นเชิงการเล่า กระทั่งตอนจบที่คิดว่าเรื่องคงจบตรงที่คิด ผู้เขียนกลับหักมุมให้จบได้ลึกลงไปอีก ท้าทายขอบเขตจินตนาการของคน เป็นกลซ้อนกลที่เกินกว่าการคาดเดา
มณฑารัตน์ ทรงเผ่า, กรรมการคัดสรร
ปราปต์ คือนิยามของคำว่า “ทึ่ง”
ภูริชญา อสุนี ณ อยุธยา, กรรมการคัดสรร
เจ้เปา –
เราอ่านหนังสือเล่มนี้จบเวลา ๐๒.๔๕ น. ของวันที่ ๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๗ จำได้ขนาดนั้นเลย ที่จำได้แม่นเพราะความรู้สึกตอนที่อ่านจบมันตกค้างในใจเรามาก นอนไม่หลับ มันสนุก ซับซ้อน หักมุม สะเทือนใจ โหดร้าย สะใจ งดงาม แหลมคม มีชั้นเชิง ทึ่ง อึ้ง ตื่นเต้นจนจะบ้า เรานั่งไม่ติดเลย จำได้อีกว่าระหว่างอ่านก็พยายามถอดกลบทเอาเองโดยไม่ยอมอ่านเฉลย เท่านั้นไม่พอ เราเปิดอินเทอร์เนตเข้าไปค้นคว้าทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเรื่องด้วยอาการบ้าคลั่ง วินาทีนั้นเราตัดสินใจเลยว่า ไม่ว่ายังไงวันรุ่งขึ้นฉันต้องไปวัดโพธิ์ฯ และพื้นที่แถบนั้นตามรอยนวนิยายเรื่องนี้ให้ได้!
วันรุ่งขึ้นเรากระโดดขึ้นรถเมล์สาย ๓๒ ยิงยาวสุดสาย ก่อนเข้าวัดโพธิ์ฯ ก็แฉลบไปดูแถววัดระฆังฯ ไปดูตรอกศาลาต้นจันทร์ เดินตะลุยตามหาสถานที่ที่ปรากฏในเรื่อง แม้เกือบทั้งหมดจะเปลี่ยนไปตามกาลเวลาแล้วก็เถอะ แต่ก็ยังคงบรรยากาศบางอย่างที่ทำให้รู้สึกและอินได้อยู่ดี เสร็จจากตรงนั้นเราก็ไปวัดโพธิ์ฯ เพื่อตามหาแผ่นหินที่บรรจุกลโคลงอันเป็นเหมือนพระเอกของเรื่อง ตอนแรกคิดว่าทุกอย่างจะง่าย แต่เปล่าเลย เดินวนอยู่หลายรอบก็ยังหาแผ่นหินกลโคลงบทสำคัญไม่เจอสักที เดินไปเรื่อยจนวัดจะปิดแล้วก็ยังไม่เจอ เกือบถอดใจอยู่หลายรอบ
ไม่รู้ว่าด้วยบุญหรือแรงแห่งความคลั่งไคล้เป็นตัวผลักดัน เดินไปเดินมาจนพี่คนทำความสะอาดแถวนั้นสงสัยว่าเรามาทำอะไรลับ ๆ ล่อ ๆ แถวนี้ แกเลยเข้ามาถามว่าตามหาอะไรอยู่ เราเปิดหนังสือให้ดูเลย ที่เด็ดคือพี่คนนี้จำได้เกือบหมดเลยว่าเสาต้นไหนจารึกกลโคลงบทไหนบ้าง และแน่นอน รวมถึงกลโคลงบทที่เรากำลังตามหาอยู่ด้วย! เราอึ้งมาก
ที่สุดแล้วก็เจออยู่ตรงเสาระเบียงรอบนอกต้นหนึ่ง ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนโลกระเบิด มันสุดยอดมาก ตื้นตัน เหมือนฝันที่เป็นจริง ใจเต้นแรงราวกับค้นพบสิ่งมหัศจรรย์ รู้ตัวอีกทีก็พยายามคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูป ด้วยความที่มือสั่นทำให้ถ่ายไม่ได้สักที ค่อย ๆ รวบรวมสติจนเข้าที่จึงถ่ายได้ ทุกอย่างเป็นไปอย่างงดงาม สมกับที่อดตาหลับขับตานอน ออกเดินทางตากแดดเหงื่อซกมาเพื่อเจอสิ่งนี้ มันเหมือนการปลดล็อคความรู้สึกคั่งค้างในใจตลอดสองวัน ภาพตรงหน้ายิ่งทำให้รู้สึกทึ่งในฝีมือ การทำการบ้านและการผูกเรื่องของ #ปราปต์ ผู้เขียน ที่ตอนนั้นอายุเพียงแค่ ๒๘ ปีเท่านั้น เราโพสต์รูปที่ถ่ายพร้อมด้วยความรู้สึกทั้งหมดลงเฟซบุ๊กส่วนตัวทันที ทั้งหมดเพื่อประกาศให้โลกรู้ว่างานสืบสวนสอบสวนไทยก็ไม่แพ้ชาติไหนเหมือนกัน
อยากเชิญชวนคนที่ยังไม่เคยอ่านให้ลองอ่านดู เชื่อเถอะ อ่านจบแล้วบางทีคุณอาจจะทำในสิ่งที่บ้าคลั่งมากกว่าเราทำไม่รู้กี่เท่าก็ได้
Supawich Zhouchen Chuenchop –
กาหลมหรทึกเป็นนิยายที่ไต่ระดับความตื่นเต้นตั้งแต่บทแรกจนบทสุดท้าย เนื้อเรื่องที่ผู้เขียนได้นำมาเสนอให้ผู้อ่านได้คิดวิเคราะห์ในปริศนาบทกลอนที่ฆาตกรได้ทิ้งไว้ให้ ทำให้รู้เหมือนตัวเองเป็นโคนัน หรือเชอร์ล็อคโฮมไปอีก 55555 ยิ่งตอนจบ จบได้แบบหักมุมเหมือนโดนตบหน้ากลางสี่แยกแล้วโดนรถสิบล้อทับซ้ำอีกที ถือว่าคุ้มค่าแก่การซื้อมาอ่านจริงๆ
Aizen –
เขียนดี สนุกมาก ลุ้นระทึกตั้งแต่เกริ่นนำไปจนถึงบทสุดท้ายของเรื่องเหมือนกับว่าได้หลุดเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์เดียวกับตัวละครต่างๆในเรื่อง
Maipk86 –
9/10 สำหรับเล่มนี้เราประทับใจมากค่ะ เพราะเป็นเล่มแรกที่ทำให้เราคัมแบคกลับมาอ่านหนังสือได้อีกครั้ง หลังจากที่เป็นซึมเศร้าจนไม่มีสมาธิอ่านหนังสือมานานหลายปี
คำโปรยหลังปก สำหรับผู้แต่งท่านนี้ เปรียบว่าเป็น แดน บราวน์ แห่งสยาม ก็ไม่ผิดนักนะคะ
เพราะในขณะที่อ่านไปเรื่อยๆ เราก็รู้สึกเหมือนอ่านหนังสือของแดน บราวน์ เวอร์ชั่นที่เกิดเหตุการณ์ในประเทศไทย
ต้องขอบอกก่อนว่า เราเป็นคนชอบหนังสือแนวสืบสวนสอบสวน เลยกระตุ้นให้เราอ่าน อาจเป็นเพราะเราเห็นจากแฟนเพจของ แพรวสำนักพิมพ์ แล้วชื่อเรื่องมันแบบว่า อ่านยาก เลยยิ่งกระตุ้นความอยากรู้เข้าไปใหญ่
เนื้อหาเกี่ยวข้องกับคดีฆาตรกรรมต่อเนื่อง (รึป่าว ไปอ่านเอง) ซึ่งลักษณะการตายคล้ายๆกัน สร้างความปวดหัวให้ตำรวจต้องคลี่คลายคดี
เรื่องนี้สร้างเป็นละคร ช่อง one31 แล้วนะคะ ต้องรอติดตามเวอร์ชั่นละครด้วย
คงรีวิวเนื้อหามากไม่ได้ เดี๋ยวจะสปอยล์
แต่บอกได้เลยว่า ใครที่เป็นแฟนแดน บราวน์ ก็จะชอบเล่มนี้ด้วยเหมือนกันค่ะ
ให้ 9/10 ขอหัก 1 คะแนน เนื่องจาก เราเข้าไม่ถึงตรรงบทโคลงกลอนจริงๆค่ะ สมัยเรียนเราก็ชอบกลอนแปด ไม่ชอบโคลงสี่สุภาพอยู่แล้วด้วย… 555
แต่ก็ทำให้เราอยากไปตามรอยสถานที่ตามหนังสือเล่มนี้เหมือนกันนะคะ
#กาหลมหรทึก #หนังสือสืบสวนสอบสวน #นิยาย #รีวิวหนังสือ
มหาศักดิ์ –
สำหรับผม นี่คือนักสืบสัญชาติไทย ที่ค่อนข้างลุ่มลึกถึงการไขปริศนา มีกลิ่นไอของความเป็นไทยที่ชัดเจน ฉากการเล่าเรื่องค่อนข้างพิถีพิถันชวนให้ติดตามอย่างต่อเนื่อง สร้างเงื่อนงำให้กับผู้อ่านรู้สึกอยากไขปริศนานั้นไปพร้อมๆ กับตัวละคร เหมือนว่าผู้อ่านกำลังเข้าไปอยู่เป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ในแต่ละฉาก รู้สึกวางไม่ลงจริงๆ ครับ
นา –
อยากอ่านมาก จนไม่กล้าอ่านสปอย์
กลัวซื้อมาอ่านแล้วจะไม่ตื่นเต้น
แต่ในที่สุดก็ได้มาครอบครองค่ะ
Pangzu –
หนังสือแนวสืบสวนสอบสวนสัญชาติไทยกลิ่นอายอเมริกัน ที่สอดแทรกโคลงกลอนให้คนอ่านอย่างเราต้องเปิดอ่านโคลงนั้นซ้ำๆเพื่อไขคดีไปกับตัวละครในเรื่องด้วยความระทึกใจ
beam.wenpei –
ยอมรับว่าซื้อหนังสือเล่มนี้เพราะชื่อเรื่องแปลกดี สำหรับหนังสือเล่มที่ไม่ถือว่าหนามากนี้ เราใช้เวลาอ่าน 2 วัน ถือว่าช้าสำหรับเรา ไม่ใช่เพราะไม่สนุก แต่มันเป็นหนังสือที่ต้องลุ้นระทึกทุกรายละเอียด ทุกคำพูดของตัวละคร ก็เลยต้องพลิกกลับไปกลับมาเพราะกลัวว่าจะหลุดบางประเด็น ที่แน่ๆคืออยากกลายร่างเป็นเชอร์ล็อค โฮล์ม หรือโคนันมาตามหาฆาตกร จากการอ่านนิยายเล่มนี้ รู้เลยว่าผู้เขียนมีความตั้งใจในการถ่ายทอดเรื่องราวมาก เพราะต้องหาข้อมูลประกอบเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ สถานที่สำคัญ และที่พีคสุดคือการคิดปริศนาโคลงกลอน อันนี้น่าทึ่งมาก เพราะเคยแต่เห็นการซ่อนเนื้อหาที่เป็นความลับที่เป็นโคลงกลอนในซีรีย์จีน แต่ก็ไม่นึกว่าภาษาไทยเราก็สามารถซ่อนข้อความไว้ได้เหมือนกัน พยายามจะถอดเองแต่ทำไม่ได้ (อันนี้ก็เป็นอีกข้อหนึ่งที่ทำให้อ่านช้า) ก็เลยต้องอ่านต่อไม่งั้นอาจจะอ่านไม่จบได้ 555 อ่านไปจนถึงตอนจบ เราเดาคนร้ายผิด หักมุมแล้วหักมุมอีก หลงกลคนเขียนเข้าให้ สำหรับคนชอบอ่านหนังสือ เรารู้สึกดีใจมากที่มีนักเขียนไทยสามารถเขียนนิยายสืบสวนที่ให้ความรู้สึกลุ้นระทึกระดับแดน บราวน์ ถือว่าเป็นความก้าวหน้าของวงการวรรณกรรมไทย
Chunthima Thinkar –
ซื้อไว้นานมาก ก่อนละครจะเล่น จนตอนนี้ละครใกล้จบยังไม่ได้อ่านสักทีจนน้องนากมายึดทวิตแล้วทวิตแต่เรื่องนี้ ประเด็นคือกลัวโดนสปอยด์เลยต้องรีบมาอ่าน 5555 ไม่เคยอ่านงานสืบสวนสอบสวนของไทยเลย แอบไม่เชื่อใจว่ามันจะสนุกมั้ยว๊าาา พอเจอเล่มนี้ไปมันอเมซิ่งมาก เห้ยยแกรร มันสนุกมากเว่ย สำนวนโบราณ มีกลงมีกลอน ความซับซ้อนของปมเนื้อเรื่องถือว่าใช้ได้ อ่านไประแวงไป ระแวงทุกคน หลอนไปหมดบ้าบอมากค่ะ โดยรวมสนุก ถามว่าสนุกถึงขั้นไหน สนุกถึงขั้นนั่งรถเลยป้ายรถเมล์ไปไกลมากค่ะ 555555 อ่านไม่เงยหน้าขึ้นมาดูที่ดูทางเลย แต่มีข้อตินิดนึงตรงรีบตัดจบไปหน่อย ปูมาทั้งเรื่องแต่พอตอนจบมันเหมือนรีบๆและภาษาความสละสลวยมันไม่ต่อเนื่องกันนิดนึงค่ะ นอกนั้นโอเค ถือว่าเล่มนี้เป็นเล่มนึงที่ทำให้เราเปิดใจกับหนังสือสืบสวนสอบสวนของไทยมากขึ้น แนะนำให้อ่านค่ะ
นครดาวตก –
ยอมรับจากใจว่าช่วงแรกค่อนข้างหน้าเบื่อ เนื่องด้วยตัวละครเยอะตัดไปตัดมา แต่พอถึงกลางเรื่อง เนื้อหาค่อนข้างเข้มข้น บรรยากาศชวนอึดอัด มีตัวละครน่าสงสัยโผล่มาเยอะไปหมด จนถึงตอนจบหักมุมจากที่คิด แต่ไม่ค่อยพีคเท่าที่ควร นิยายมีความสับซ้อนแบบ สืบสวนของต่างประเทศ จนที่ไม่โอเคคือ เหตุผลในการฆ่าคนของฆาตรกร เกือบเป็นนิยายที่สมจริงแล้ว ติดแค่นิดเดียว
บี –
เป็นการอ่านนิยายที่คิดว่า…เราไม่น่าไปคิดตามเลย ควรอินละตามน้ำไปดีกว่าจะได้ไม่รู้สึกเหมือนโดนไม้ตีหัวแบบนี้ ปกติคนอ่านนิยายสืบสวนจะสนุกกับการเดาฆาตกรว่าเป็นใคร และทำไมถึงทำ แต่เรื่องนี้อย่าไปคิดเลยปวดหัว อ่านแล้วปล่อยใจอินไปกับเนื้อเรื่องพอ ไม่งั้นจบแล้วจะไมเกรนขึ้นกันเปล่่าๆค่ะ
สุนิตา กล่ำเทศ –
ยอมใจกับนักเขียนมาก แต่งดีมากจริงๆ ตอนอ่านนี่คิดไปต่างๆนาๆว่าใครคือคนร้าย พอเฉลยเท่านั้นแหละ แบบโอ้!…ได้ไงเนี่ย สุดยอดจริงๆค่ะ นิยายเรื่องนี้
เขาคนนั้น –
สนุกมาก
อารีวรรณ –
เป็นนิยายแนวสืบสวนสอบสวนของไทยอีกเรื่องหนึ่ง ที่การันตีได้เลยว่าสนุกมาก และการเอาโคลงกลอนมาเป็นจุดไขปริศนาของเรื่อง ถือว่าเป็นมันแปลกใหม่ในวงการหนังสือแนวสืบสวนของไทย
shadowreader7012 –
นิยายสืบสวนในแบบไทยๆ ที่ไม่ด้อยไปกว่าของต่างๆประเทศเลย ด้วยเนื้อเรื่องที่ชวนติดตาม เเละคิดตามไปตลอด
“เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยยืนยันว่า ของไทยไม่เเพ้ชาติใดในโลกจริงๆ”
Fah Suchittra –
แทบไม่อยากเชื่อว่าคนไทยจะแต่งนวนิยายแนวสืบสวนสอบสวนได้ลึกลับซับซ้อนขนาดนี้ เพราะส่วนใหญ่เราชอบอ่านพวกนิยายแปลมากกว่า แต่พอมาได้อ่านเล่มนี้ ขอบอกว่าไม่ผิดหวังจริงๆ ดีกว่าที่คิดไว้มากกกกกก ชอบการดำเนินเรื่องที่รวดเร็วไม่ยืดเยื้อจนเกินไป แล้วก็ชอบที่ผู้แต่งใช้โคลงพื้นบ้านของไทยมาเป็นกุญแจสำคัญในการไขคดี เพราะมันแสดงให้เห็นถึงความเป็นเอกลักษณ์ของไทยและยังดูว่าเป็นเรื่องใกล้ตัวของทุกคนอีกด้วย แต่ก็ไม่คิดว่าภาษาไทยมันจะมีอะไรที่ลึกลับซับซ้อนน่าค้นหาแบบนี้อยู่ด้วย แล้วก็สถานที่ที่ใช้ในการดำเนินเรื่องก็มีอยู่จริง นี่ยิ่งทำให้อินไปอีก แม้ว่าจะเป็นนวนิยายย้อนยุค แต่ทำให้เรารู้สึกเหมือนหลุดไปอยู่ในช่วงเวลานั้นจริงๆ ชอบกลิ่นอายของบ้านเมืองสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มาก เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงที่เกิดเรื่องราวสำคัญมากมายต่อประวัติศาสตร์ของไทย และสิ่งที่สำคัญคือผู้เขียนเหมือนจะสามารถเข้าไปในจิตใจของผู้อ่านได้เลยอ่ะ เขาเล่นกับความรู้สึกผู้อ่านได้ดีแบบที่เหมือนเขามาเล่าให้ฟังเลย ไม่รู้สิ ตอนที่อ่านเรารู้สึกเหมือนอยู่ในเหตุการณ์นั้น อยู่ในสถานที่นั้นจริงๆ อ่านไปแล้วระแวงหมดทุกคน ทำไมน่าสงสัยขนาดนี้!!!! สุดท้ายก็เดาตัวคนร้ายผิด พอรู้ว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง นี่ก็ช็อคไปเลยจ้า อ่านไปนี่ลุ้นมาก ถูกผู้แต่งหลอกแล้วหลอกอีก เรียกได้ว่าหักมุมจนแทบจะหน้าสุดท้ายทีเดียว(พูดจริงๆนะเนี่ย)
กนกนุช –
เพื่อนแนะนำให้อ่านค่ะ อ่านจบรู้สึกว่าสนุกดี อ่านรอบสองตอนหนังฉายเท่านั้นแหละค่ะ ติดงอมแงมเลย คุณปราปต์เลยกลายเป็นนักเขียนในดวงใจอีกคน จนต้องไปตามหาผลงานอื่นๆ ของคุณปราปต์อีก ชอบความลึกลับซับซ้อนของเรื่อง ตอนจบหักมุมชวนอึ้ง ที่ชอบที่สุดคือการนำโคลงกลอนมาเป็นส่วนสำคัญของเรื่อง คุณปราปต์ยังนำเสนอเกี่ยวกับโคลงกลอนรูปแบบต่างๆ ทำให้รู้สึกทึ่งกับความเป็นนักเลงกลอนของคนในสมัยก่อน มีร้อยคะแนนก็เทให้เต็มเลยค่ะ
Kanoknut Thanmanusorn –
เล่มนี้เพื่อนแนะนำมาค่ะ อ่านไปสองรอบแล้วก็ยังสนุกอยู่ อ่านแล้วรู้สึกหลายๆ อย่าง ทั้งลุ้นระทึก ทั้งเศร้า มีเฮฮาเล็กน้อย ชอบที่มีการนำคำโคลงต่างๆ ที่เราไม่รู้จักมาสอนแทรก รู้สึกทึ่งมาก ได้เห็นความเฉลียวฉลาดของนักเลงกลอนสมัยก่อน มีร้อยคะแนนก็เทให้ร้อยคะแนนเต็มเลยค่ะ
Parreen Abniam –
นิยายสืบสวนสัญชาติไทยที่ใส่ความสวยงามของภาษาไทยมาอย่างเต็มเปี่ยม มีแนวทางการเล่าเรื่องช่วงสืบสวนแบบแปลกใหม่และละเอียดลึกซึ้ง นำไปสู่การขมวดจบที่ไม่ซ้ำใครและสาแก่ใจคนอ่านเหลือเกิน
Kultida Patkum –
สำหรับเราเป็นนิยายสืบสวนของไทยที่เปิดประสบการณ์มากๆเหมือนอ่านนิยายของต่างประเทศเลย การเล่าเรื่องสลับไปมาทำให้ตอนอ่านรู้สึกตื่นเต้น อยากรู้ตลอดเวลาว่าใครคือฆาตกร แรงจูงใจคืออะไร ระหว่างทางยังได้ความรู้เรื่องโคลงกลอนอีกด้วย และพออ่านถึงบทสุดท้ายได้แต่คิดว่าชีวิตคนๆนึงทำไมมันดาร์กถึงขนาดนี้
Fanzy Imperio –
“กาหลมหรทึก” เป็นหนังสือที่ทำให้เรากลับมาอ่านนิยายสืบสวนไทยอีกครั้ง ยอมรับว่าตอนที่ตัดสินใจซื้อก็เพราะดูจากจำนวนครั้งที่ถูกตีพิมพ์ แต่เมื่อได้อ่านแล้วก็หายสงสัยว่าทำไมถึงกระแสตอบรับถึงได้ดีอย่างนี้
เรื่องราวดำเนินอยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ในความไม่สงบของบ้านเมืองนั้น ยังมีคดีสะเทือนขวัญเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยฆาตกรได้ทิ้งเงื่อนงำเป็นรอยสักของคำ 5 คำที่พบอยู่บนร่างกายของเหยื่อ ซึ่งตรงนี้ผู้แต่งได้ใช้กลโคลงมาเป็นตัวเชื่อมโยงคำทุกคำ ความสนุกก็คือเราต้องหาวิธีที่จะอ่านคำเหล่านั้นให้ถูกหลักการเขียนโคลง จากสำนวนการเขียนของผู้แต่งที่ดีอยู่แล้ว เมื่อใส่ความเป็นกลโคลงไป ยิ่งทำให้นิยายเล่มนี้ดูเป็นนิยายที่มีเอกลักษณ์ความเป็นนิยายไทยสุดๆ แถมเนื้อเรื่องยังสลับซับซ้อน น่าอ่าน น่าค้นหา แบบที่ว่าเราจะไม่ทำอะไรที่เสียเวลาอย่างเช่นการนอนหลับโดยที่ไม่อ่านให้จบก่อนเป็นอันขาด เป็นนิยายที่อ่านแล้ววางไม่ลงจริงๆ
และด้วยเนื้อเรื่องที่เกิดในสมัยสงรามโลกครั้งที่ 2 จึงทำให้เป็นนิยายที่อิงประวัติศาสตร์อยู่ไม่น้อย มีการสอดแทรกความรู้ที่น่าสนใจของเหตุการณ์ในช่วงนั้นอย่างละเอียดแบบที่ว่าไม่ต้องไปหาข้อมูลมาเพิ่มเติมอีก และสถานที่สำคัญในเรื่องก็เป็นที่ที่ยังคงมีอยู่จริงในปัจจุบัน หลังจากที่เราได้อ่านหนังสือเล่มนี้จบแล้ว ทำให้มองว่าสถานที่เหล่านั้นดูน่าสนใจขึ้นมา เพราะที่เหล่านั้นเต็มไปด้วยเรื่องราวมากมาย ผ่านมาหลายยุคหลายสมัย แม้เวลาอาจทำให้หลายๆสิ่งเปลี่ยนไป แต่สถานที่เหล่านั้นก็ยังคงความเป็นเอกลักษณ์และยังมีความเป็นอมตะของบ้านเมืองไทยในอดีตได้อย่างชัดเจน
ผู้แต่งเล่าเรื่องผ่านมุมมองความคิดของตัวละครที่เป็นตำรวจเสียส่วนใหญ่ แต่นอกจากนั้นก็ยังได้เล่าเรื่องผ่านตัวละครอื่นๆอีกด้วย ตรงนี้เราว่าสำคัญนะ มันทำให้เรามองโลกได้กว้างขึ้น แบบว่าไม่ควรอะไรแบบผิวเผิน แต่ต้องมองสาเหตุว่าเพราะอะไร ทำไมเขาต้องทำอย่างนั้น ซึ่งมันทำให้เราเข้าใจเหตุผลในการกระทำของตัวละครแต่ละตัว รวมไปถึงเหตุผลของตัวฆาตกรเองด้วย เป็นนิยายที่เข้าถึงส่วนลึกของจิตใจมนุษย์จริงๆ