ปัญหาลูกขี้โมโหนั้น พ่อแม่ไม่ควรห้ามความโกรธ แต่ต้องสอนให้ลูกรู้ทัน และสิ่งสำคัญก็คือคุณพ่อคุณแม่และทุกคนในบ้านต้องเป็นแบบอย่าง วันนี้แพรวเพื่อนเด็กขอเรียบเรียง วิธีรับมือกับลูกขี้โมโห ขี้หงุดหงิด ที่จิตแพทย์เด็กแนะนำว่าได้ผลดีเยี่ยมให้พ่อแม่ทุกคนได้นำไปใช้กันค่ะ วิธีรับมือกับลูกขี้โมโห เตือนให้รู้ ในขณะที่ยังโกรธไม่มาก เป็นช่วงจังหวะที่ดี ที่จะช่วยเตือนให้ลูกรู้ตัวว่าตอนนี้เขากำลังโกรธ โดยใช้คำพูด ช่วยบรรเทาความโกรธให้ลูก เมื่อลูกรู้ตัวแล้วว่ากำลังโกรธ เราช่วยบรรเทาด้วยน้ำเสียงเย็นๆ ไม่ว่าซ้ำ ไม่ตวาด หรือเดินหนี ถ้าเป็นไปได้ใช้ภาษากายร่วมด้วยอย่างดึงตัวเขาเข้ามากอด ลองใช้วิธีต่างๆ จัดการความโกรธ เมื่ออารมณ์ลูกสงบในระดับที่ควบคุมตัวเองได้ ช่วยเตือนให้ลูกลองใช้วิธีจัดการกับความโกรธ อย่างนับ 1 – 10 ไปจนถึง 100 ฟังเพลง เป็นต้น หยุดพฤติกรรมรุนแรงของลูก ถ้าลูกโกรธรุนแรง ถึงขั้นอาละวาด ทำร้ายตัวเอง หยุดพฤติกรรมนั้นๆด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “แม่รู้ว่าหนูโกรธ แต่หนูเขวี้ยงของ/ตีแม่ แบบนี้ไม่ได้นะคะ” แล้วกอดเขาให้แน่น เพื่อจำกัดพฤติกรรมไม่เหมาะสมขณะที่เขาควบคุมตนเองไม่ได้ (วิธีนี้อาจใช้ได้กับเด็กอายุไม่เกิน 6 ขวบ) พูดคุยเมื่ออารมณ์สงบ […]
Tag Archives: เลี้ยงลูก
การอ่านหนังสือเป็นกิจกรรมที่เสริมสร้างพัฒนาการให้ลูก และสร้างความใกล้ชิดระหว่างครอบครัวได้มาก แพรวเพื่อนเด็กจึงขอแนะนำ เทคนิคเลือกหนังสือให้เหมาะกับลูกวัยทารก 6 – 12 เดือน เพื่อพัฒนาการที่ดีของลูกน้อยค่ะ เทคนิคเลือกหนังสือให้เหมาะกับลูกวัยทารก ภาพชัดเจน เทคนิคเลือกหนังสือให้เหมาะกับลูกวัยทารก 6 – 12 เดือนนั้น เด็กๆจะสนใจภาพเป็นพิเศษ ดังนั้นหนังสือที่มีภาพชัดเจน โดยเฉพาะภาพคน เด็กวัยนี้จะสนใจเป็นพิเศษ ส่วนในเรื่องของคำนั้นจะมีความสำคัญน้อยกว่าหนังสือสำหรับเด็กวัยอื่นๆ เพราะวัยเล็กหนูน้อยยังไม่เข้าใจเรื่องราวเท่าไรนัก ดังนั้นคุณแม่จะพบบ่อยๆว่าหนังสือของวัยนี้ทำไมคำสั้นจัง ไม่ใช่ผู้เขียนประหนัดคำแต่อย่างไร แต่ด้วยเหตุผลข้างต้น เราจำเป็นต้องเลือกใช้คำสั้นๆ บางครั้งไม่ได้มีเรื่องราว เพื่อให้เด็กๆรู้จักคำ หรือสนุกกับการฟังเสียงไปก่อน หนังสือตัวอย่าง เช่น หนูมะเขือเทศ – บอร์ดบุ๊ค หนังสือที่ช่วยกระตุ้นประสาทสัมผัส การเรียนรู้ของหนูคือการได้สัมผัส ทั้งฟังเสียง จากคุณแม่เล่า เสียงกรอบแกรบ เสียงกระดิ่งจากหนังสือ หรือหนังสือที่มีผิวสัมผัสนุ่มนิ่มต่างๆ เด็กๆยิ่งชอบ เพราะเขาจะเรียนรู้ได้ว่า สิ่งต่างๆรอบตัวนั้นมีอยู่จริงและแตกต่างกัน ได้จากการสัมผัส ตัวอย่างหนังสือ เช่น ตื่นเถอะ ตื่นเถอะเจ้าตัวเล็ก – หนังสือลอยน้ำ วัสดุทนทานและปลอดภัย […]
การ เลี้ยงลูกยุคใหม่ ต่างกับการเลี้ยงลูกยุคเก่าอย่างสิ้นเชิง คุณพ่อคุณแม่บางคนอาจจะเคยชินกับการเลี้ยงลูกแบบเก่า ซึ่งในปัจจุบันนี้อาจจะไม่เหมาะกับลูกของคุณ มาดูกันว่าเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่ควรเข้าใจเพื่อ เลี้ยงลูกยุคใหม่ ให้ได้ดีมีอะไรบ้าง เลี้ยงลูกยุคใหม่ ต้องเข้าใจว่า สังคมตอนนี้ไม่เหมือนสมัยก่อน เลี้ยงลูกยุคใหม่ ต่างกับยุคก่อนตรงที่สังคมยุคก่อนช่วยพ่อแม่เลี้ยงลูกได้เยอะ เพราะมีโรงเรียนที่นักเรียนไม่มาก มีคุณครูที่เอาใจใส่นักเรียนได้ทั่วถึง มีคนลุกให้เด็กนักเรียนบนรถเมล์ มีผ้าเหลืองให้เห็นทุกเช้า มีกลุ่มเพื่อนเดินทางกลับบ้านโดยปลอดภัย และไม่มีอบายมุขให้ลูกๆ แวะกลางทางมากมายนัก แต่สังคมยุคใหม่นี้ คุณครูแต่ละท่านดูเด็กห้องละห้าสิบหกสิบคน เด็กๆ มีโทรศัพท์มือถือนัดชวนกันออกนอกลู่นอกทางได้ง่าย มีอบายมุขสารพัดระหว่างบ้านกับโรงเรียน มีนักเรียนตีกัน เรียกว่าวันไหนลูกกลับบ้านได้โดยปลอดภัยก็นับว่าเป็นบุญ ในสภาพสังคมอันตรายแบบนี้ พ่อแม่ต้องลุกขึ้นยืนหยัดกับเรื่องพื้นฐานที่ทุกครอบครัวต้องมี เป็นการเลี้ยงลูกยุคใหม่ “เลี้ยงลูกแบบเชิงรุก” คือ 1. สมาชิกครอบครัวมีเวลาให้กัน 2. เด็กๆต้องมีวินัยพื้นฐานเกี่ยวกับการดูแลตนเองและเคารพสิทธิของผู้อื่น 3. เด็กๆต้องรู้จักประหยัดและมีความเพียร 4. เด็กๆต้องมีความสามารถควบคุมพฤติกรรมของตนเอง เข้าใจว่า…การเลี้ยงลูกเหมือนการสร้างพีระมิด การเลี้ยงลูกยุคใหม่ หากสร้างฐานที่หนึ่งแข็งแรง การสร้างฐานที่สอง สาม สี่ ห้า ก็ง่ายขึ้น ฐานที่หนึ่งคือ 12 […]
เรื่องที่คุณพ่อคุณแม่คิดว่าเป็นเรื่องหนักสำหรับการเลี้ยงลูกวัยรุ่น ทั้งเรื่องติดยา ติดเกม เรียนไม่เก่ง ฯลฯ นั้น ผ่านพ้นได้ไม่ยากถ้า เลี้ยงลูกวัยรุ่น ด้วยความเข้าใจ เลี้ยงลูกวัยรุ่น เมื่อลูกวัยรุ่น…ติดยาเสพติด คุณหมอพูดถึงเรื่องลูกวัยรุ่นติดยาเสพติดด้วยประโยคที่ละมุนว่า “มีแต่การให้เกียรติและความรักเท่านั้นที่จะช่วยลูกรักหยุดยาบ้าได้” ลองหลับตานึกภาพลูกตอนอายุหนึ่งถึงสามขวบ ตอนนั้นพ่อแม่ไม่ได้ต้องการอะไรมากมายจากลูกเท่าตอนนี้ เราขอแค่มีเวลากอดเขาเต็มๆเท่านั้น การเลี้ยงลูกวัยรุ่น ที่มีปัญหานี้ ให้ทำกับลูกรักแบบนี้อีกครั้ง ขอแค่กลับบ้านมากินข้าวที่ทำไว้ให้ และนอนบนที่นอนที่ปูไว้ให้ รอทุกวันจนกว่าลูกจะเลิกยาและกลับบ้าน ไม่จำเป็นต้องพาลูกไปหาหมอที่ไหน คุณพ่อคุณแม่เป็นพระเอกนางเอกของเรื่องนี้อยู่แล้ว คุณทำได้แน่ ถ้าเชื่อว่าตัวเองทำได้ เมื่อลูกวัยรุ่น…ติดเกม พ่อแม่ที่่เลี้ยงลูกวัยรุ่น ต้องสอนเขาเรื่องการแบ่งเวลาให้ถูกต้อง การใช้เวลาอาจจะดูมีความสุขในเริ่มแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไป พวกเขามักจะตำหนิตนเองที่ไม่สามารถควบคุมเวลาได้ รู้สึกผิดที่ตนเองหมกมุ่นกับอะไรบางอย่างจนไม่สามารถถอนตัวได้ และเกลียดตนเองในที่สุด สำหรับเรื่องนี้ การป้องกันจะง่ายกว่าการแก้ไข เช่น เมื่อลูกเริ่มเล่นเกมเกินเวลาที่สมควร วันแรกก็แล้ว วันที่สองก็แล้ว พ่อแม่ควรตักเตือนให้เข้าใจตรงกันว่าอันนี้ทำไม่ได้ และพ่อแม่ก็ควรอยู่บ้านชื่นชมพฤติกรรมที่พึงประสงค์ด้วย แต่หากลูกวัยรุ่นติดเกมไปแล้วต้องแก้ไข คุณพ่อคุณแม่ต้องค่อยๆ ให้ลูกวัยรุ่นลดจำนวนการเล่นลง พอให้เขาได้ปรับตัว หรือลดจำนวนเงินที่ให้ไปเล่น ตกลงกติกาเอาไว้ก่อนล่วงหน้าและปฏิบัติตามอย่างมั่นคง ที่สำคัญเป็นหน้าที่ของคุณพ่อคุณแม่ที่จะต้องอยู่บ้านช่วยกันหากิจกรรมทดแทนเกมให้เขาด้วย เมื่อลูก…เรียนไม่เก่ง […]
บางคนคิดว่าการชมหรือให้กำลังใจเด็กมากเกินไปจะทำให้เด็กเหลิงหรือหลงตัวเอง ชมลูกอย่างไรไม่ให้เหลิง คือเทคนิคชมลูกที่ดีและมีประโยชน์ที่พ่อแม่ต้องรู้ ชมลูกอย่างไรไม่ให้เหลิง เอาความคิดที่อยากบอกลูกไว้ในคำชม ชมลูกอย่างไรไม่ให้เหลิง เทคนิคข้อแรกคือ สมมติว่าเวลาลูกวาดรูปได้ดี การพูดกับเขาแค่ว่า “ลูกวาดสวยจริง ๆ” หรือบอกว่า “โหเยี่ยมไปเลย” หรือ “ตัวแค่นี้ก็วาดเก่งขนาดนี้แล้ว” จากนั้นก็ไม่พูดอะไรอีก แบบนี้จะเสียโอกาสที่จะให้กำลังใจไปทันที คำชมที่ว่า สวย เยี่ยม เก่ง…เป็นเพียงเบ็ด หลังจากนั้นคุณอยากจะตกอะไรนั่นต่างหากที่เป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้น การชมจึงต้องพูดให้เป็นรูปธรรมและมีความหมายแฝงอยู่ หลังจากชมแล้วต้องพูดคำที่อยากบอกเด็ก เช่น บอกลูกว่า “โห ลูกวาดได้ดีมาก มีโครงเรื่องชัดเจนเป็นเพราะว่าเวลาปกติลูกสนใจดูศิลปะ ชื่นชมความงามของโลกนี่เอง” การพูดว่า “ลูกสนใจดูศิลปะ ชื่นชมความงามของโลก” หรือ “ลูกชอบดูงานแสดงภาพวาด ดูหนังสือรวมภาพ ชอบสังเกต ของสวย ๆ งาม ๆ” เป็นต้นนี้ รวมกับคำชม ทำให้เด็กรู้ว่า เป็นเพราะเด็กใช้ความพยายามจึงได้รับความสำเร็จ ทำให้เด็กรู้ว่าเราไม่ได้ ชมแค่ภาพวาด แต่ยังชื่นชมความพยายามด้วย และเมื่อได้รับคำชมแล้ววันหลังเด็กจะยิ่งมุ่งมั่นไปตามทิศทางนั้น ชมอย่างมีแผนและขั้นตอน […]
ลูกโตขึ้นมาเป็นแบบใด ก็อยู่ที่ว่าตอนเล็กๆเขาได้รับการปลูกฝัง เลี้ยงดูมาแบบไหน ดังนั้นวันนี้จึงได้เลือก 5 วิธี เลี้ยงลูกให้เป็นคนดี มาให้คุณพ่อคุณแม่ได้อ่าน เพื่อผลดีต่อลูกในอนาคต แนวทาง เลี้ยงลูกให้เป็นคนดี ทั้ง 5 ข้อนี้ ได้ข้อมูลจากการสำรวจแบบสอบถามจำนวนมากเกี่ยวกับ “วิธีการเลี้ยงดูปลูกฝังวินัยในวัยเด็กของนักศึกษาแถวหน้าที่มีความเป็นเลิศ” เรามาดูกันว่าวิธีการเลี้ยงลูกแบบไหนที่เด็กๆ รู้สึกอยากขอบคุณพ่อแม่เมื่อโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ ปล่อยให้คิดตัดสินใจเอง วิธี เลี้ยงลูกให้เป็นคนดี ข้อแรก คือ การให้ลูกค้นหาตัวตน ค้นหาสิ่งที่สำคัญ ค้นหาสิ่งที่ชอบ และการปลูกฝังให้ลูกสามารถพิจารณาตัดสินเรื่องต่างๆได้นั้น สิ่งสำคัญคือพ่อแม่ต้องปล่อยให้ลูกค้นหาสิ่งที่เขาชื่นชอบอย่างอิสระ ถ้าพ่อแม่เป็นคนกำหนดกะเกณฑ์ แล้วลูกทำตามไปเสียทุกเรื่อง สุดท้ายเขาจะกลายเป็นคนที่ยึดติดคนรอบข้าง ไม่สามารถตัดสินใจเองได้ คิดด้วยตัวเองไม่เป็น คอยแต่จะทำตามที่คนอื่นบอก ค้นหาพรสวรรค์ของลูกแล้วสนับสนุนให้เต็มที่ สิ่งสำคัญในการเจียระไนเด็กสักคนคือ การสนับสนุนให้เขาตามหาสิ่งที่เป็นเป้าหมายความสนใจอย่างเต็มที่ แรงสนับสนุนของพ่อแม่คือ แรงขับเคลื่อนอันทรงพลังของลูก ก่อให้เกิดพลังที่จะทำทุกสิ่งได้ต่อเนื่องยาวนาน ตำหนิเมื่อลูกไม่จริงจังในสิ่งที่เลือกทำ ลูกไม่ได้ต้องการความอ่อนโยนเพียงอย่างเดียว หากจะเลี้ยงลูกให้เป็นคนดี บางทีถ้าพ่อแม่ไม่ว่ากล่าวเด็กก็ไม่รู้ตัว พ่อแม่ควรสนับสนุนให้ลูกท้าทายความสามารถของตัวเอง ไม่ปิดกั้น […]
การอ่านและการเขียนถือเป็นพื้นฐานการเรียนรู้ที่สำคัญต่อเด็กๆ มาก เพราะทุกวิชาจำเป็นต้องอ่าน-เขียนได้คล่องแคล่วทั้งนั้น จึงจำเป็นที่จะต้องสอนลูกอ่านหนังสือ – เขียนหนังสือตั้งแต่เนิ่นๆ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่สามารถใช้เทคนิค สอนลูกอ่านหนังสือ – เขียนหนังสือ เพื่อให้ลูกๆ อ่าน-เขียนได้คล่องแคล่วมากยิ่งขึ้นจากวิธีดังต่อไปนี้ อ่านหนังสือเล่มเดิมซ้ำหลายครั้ง การ สอนลูกอ่านหนังสือ เล่มเดิมซ้ำหลายๆ ครั้ง เป็นวิธีที่ได้ผลดีกับเด็กชั้นประถมต้น เพราะจะช่วยพัฒนาการเรียนวิชาภาษาไทยที่ได้ผลเป็นอย่างดี ทำให้เด็กได้จดจำถ้อยคำ สำนวนต่างๆ ในเล่มได้ขึ้นใจ รวมทั้งเข้าใจเจตนารมณ์ของผู้เขียนได้มากกว่าการอ่านหนังสือเพียงครั้งหรือสองครั้ง ยิ่งอ่านซ้ำมากเท่าไหร่ เด็กจะรับรู้ถึงความรู้สึกนึกคิดของตัวเอกของเรื่องที่อาจจะยังไม่สังเกตเห็นจากการอ่านครั้งแรก และยังช่วยให้เกิดมุมมองใหม่ที่มีต่อตัวละครในเรื่อง เมื่ออ่านหนังสือได้แตกฉานก็จะเป็นกุญแจสำคัญในการเสริมสร้างทักษะด้านภาษาให้กับเด็กอีกด้วย หัดเขียนให้กระชับ ปัญหาที่พบบ่อยในการทำข้อสอบเขียน คือการเขียนแบบเยิ่นเย้อ ที่เกิดจากการขาดทักษะการเขียนและการแสดงความรู้สึกลงในงานเขียน การเขียนยาวๆ อาจมาจากการสอนแบบผิดๆ เพราะคิดว่าถ้าเด็กเขียนอะไรยาวๆ ได้ก็จะได้รับคำชมจากผู้ใหญ่แล้ว สิ่งสำคัญที่สุดของการเขียนคือการสื่อสารให้ผู้อ่านเข้าใจ ดังนั้นเมื่อเด็กเรียนชั้นประถมปลาย คุณพ่อคุณแม่ควรฝึกให้เด็กหัดเขียนข้อความที่สั้น กระชับ และตรงประเด็น ฝึกให้เขียนแสดงความคิดเห็น การปล่อยให้เด็กได้เขียนตามใจชอบ ไม่ใช่วิธีสอนการเขียนที่ถูกต้องและได้ผลสักเท่าไหร่ จึงควรสอนเด็กๆ ด้วยการสอนให้เขาเขียนแสดงความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ ออกมา เช่น […]
คุณเป็นพ่อแม่แบบไหน เป็นเรื่องสำคัญที่พ่อแม่ต้องรู้จักตัวเอง เพื่อที่จะได้ไปวิเคราะห์ลูกต่อว่า ลูกเราเป็นเด็กแบบไหน จะช่วยเพิ่มความเข้าใจในการเลี้ยงลูกได้ดียิ่งขึ้น ในเรื่องนี้ ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ ได้จำแนกประเภทของพ่อแม่ไว้ด้วยสัตว์ 4 ประเภท ดังนี้ พ่อแม่ หนู พ่อแม่ หนู เป็นพวกชอบเข้าสังคม สนุกสนาน เฮฮาปาร์ตี้ ตามเพื่อน ยอมเพื่อน ที่สำคัญคือชอบหาของกินหรือชอบของสวยงาม แต่ขี้กลัว ไม่มั่นใจ ข้อเด่น ของพ่อแม่หนูคือ เมื่อลูกอยากทำอะไร พ่อแม่หนูก็จะสนับสนุนให้ลูกได้ทำอย่างเต็มที่ ดังนั้น การที่พ่อแม่ตามใจลูกจึงเป็นฝ่ายสนับสนุน เพื่อให้ลูกได้ค้นหาตัวตน (identity) ได้ทำสิ่งที่ชอบ และพ่อแม่ก็สนับสนุน เช่น พาลูกไปประกวดร้องเพลง แต่งตัวสวยงาม ทำให้ลูกๆ มีความสุขร่าเริง ข้อด้อย ของพ่อแม่หนูคือ หากตามใจมากเกินไปก็ไม่มีความเด็ดขาด อย่างไรก็ตาม ต้องเข้าใจว่าเด็กยังต้องมีผู้ปกครอง ซึ่งมีหน้าที่สนับสนุนให้เขาค้นหาตนเอง ผู้ปกครองจึงต้องมีความเป็นโค้ช เป็นฟา เป็นเมนทอร์ ต้องดูว่าลูกเหมาะสมกับสิ่งนี้ไหม ถ้าไม่ใช่ก็ต้องหาวิธีอื่นให้ลูกได้ลองทำ เหมือนพ่อแม่กระทิง ขณะที่พ่อแม่หนูจะแล้วแต่ลูกเป็นหลัก และมีความกลัวสารพัด กลัวลูกเจ็บป่วย […]
จุดมุ่งหมายในการเลี้ยงลูกที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่ถูกหลงลืมไปในสังคมคือการ เลี้ยงลูกให้สุขภาพจิตดี เด็กที่มีสุขภาพจิตดีจะเป็นเด็กที่มีความสุขในชีวิต สามารถปรับตัวและสู้กับอุปสรรคได้อย่างไม่ย่อท้อ และเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่น หลายครอบครัวมุ่งเน้นให้ลูกฉลาด เป็นอัจฉริยะ อยากให้ลูกเป็นหมอ เป็นวิศวกร มีหน้าที่การงานดีๆ โดยไม่ถามความสมัครใจหรือความคิดเห็นลูกเลยสักนิด รู้หรือไม่ว่า… มีเด็กๆ หลายคนที่เรียนแล้วไม่มีความสุข เพราะถูกบังคับให้เรียน มีเด็กๆ หลายคนที่มีผลการเรียนดี แต่ทุกข์กับการไปโรงเรียนเพราะเพื่อนไม่คบ และมีเด็กๆ หลายคนที่ประสบกับปัญหาเครียด ซึมเศร้า เพราะไม่สามารถยอมรับความผิดหวังและความพ่ายแพ้ได้ ถ้าอยากให้ลูกเป็นเด็กดีเติบโตไปด้วยสุขภาพจิตดีที่ เข้ากับคนอื่นได้ เข้าอกเข้าใจตนเองและผู้อื่น คุณมาถูกทางแล้ว มาดูกันว่าจะสามารถฝึกเด็กๆ อย่างไรให้เป็นเด็กสุขภาพจิตดีได้ สอนลูกให้ภูมิใจในตัวเอง เด็กๆ จะประเมินสิ่งที่ตัวเองทำว่า “สำเร็จ” หรือ “ล้มเหลว” ตามที่คนรอบกายมีความคิดเห็นในเรื่องนั้นอย่างไร หากคุณพ่อคุณแม่เห็นว่า สิ่งที่ลูกทำเป็นสิ่งที่ดี เช่น การติดกระดุมเสื้อได้สำเร็จ เอาชามไปเก็บหลังจากกินข้าวเสร็จ หรือไปอาบน้ำเองโดยไม่อิดออด วิธีเดียวที่จะทำให้เด็กรับรู้ได้ก็คือการ “ชม” วิธีชมที่ถูกต้องควรเป็นคำชมที่ระบุถึงพฤติกรรมที่ดีของลูกด้วยความจริงใจ เช่น “เก่งจังติดกระดุมเสื้อเองได้แล้ว” และไม่จำเป็นต้องแถมด้วยการสั่งสอนหรืออธิบายอะไรที่เยิ่นเย้อเกินไป เพราะอาจทำให้เด็กสับสนได้ และเมื่อลูกทำความผิดที่เกิดซ้ำแล้วซ้ำอีก […]
หลายครอบครัวสอนลูกให้เรียนเก่งด้วยการให้ลูกเรียนพิเศษเยอะๆ จนลืมไปว่า ภาวะผู้นำในวัยเด็ก ก็เป็นสิ่งที่ต้องสอนลูกด้วยเหมือนกัน เพราะเป้าหมายของพ่อแม่คืออยากให้ลูกมีหน้าที่การงานที่ดี เป็นเจ้าคนนายคน ภาวะผู้นำจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องเริ่มปลูกฝังกันตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และทำได้ไม่ยาก 4 วิธีต่อไปนี้เป็นวิธีที่จะทำให้เด็กๆ โตไปเป็นคนดีของสังคม มีคุณภาพ และมีภาวะเป็นผู้นำ [su_note note_color=”#25b7f0″ text_color=”#ffffff”]ให้ลูกตัดสินใจเอง[/su_note] การปลูกฝังภาวะผู้นำให้ลูกตั้งแต่วัยเด็กที่สำคัญที่สุดคือ ต้องให้ลูกได้ตัดสินใจด้วยตัวเอง ให้สิทธิ์เขาได้เลือกเรียนด้วยตัวเอง เช่น คุณแม่อยากให้ลูกเรียนเปียโน แต่เมื่อลูกเรียนแล้วไม่ชอบ ไม่อยากไปเรียน อยากเรียนกีตาร์มากกว่าก็อย่าบังคับ ปล่อยให้เขาตัดสินใจเรียนในสิ่งที่เขาอยากเรียน การปล่อยให้ลูกพิจารณาติดสินเรื่องต่างๆ ด้วยตัวเองก่อให้เกิดความเป็นตัวของตัวเอง มีความคิดเป็นของตัวเอง การปลูกฝังให้ลูกกล้าตัดสินใจเรื่องต่างๆ ได้นั้น ที่สำคัญคือพ่อแม่ต้องปล่อยให้ลูกได้ค้นหาสิ่งที่เขาชอบอย่างอิสระ เพราะคนเราไม่อาจเรียนในสิ่งที่คนอื่นยัดเยียดได้นานนัก ยิ่งถูกบังคับ ลูกยิ่งอยากจะปิดกั้น ไม่ยอมรับ พ่อแม่ส่วนมากชอบดูแลและจัดแจงให้ลูกไปเสียทุกอย่าง จนกลายเป็นความเคยชิน แต่การเชื่อมั่นในตัวลูกและยอมรับการตัดสินใจของลูกอย่างเปิดกว้างต่างหาก คือสิ่งที่สำคัญมากในการปลูกฝังภาวะผู้นำ และสร้างค่านิยมของตัวลูกเอง [su_note note_color=”#25b7f0″ text_color=”#ffffff”]ปลูกฝังความอดทน ไม่ให้ล้มเลิกอะไรง่ายๆ[/su_note] คนที่ประสบความสำเร็จจะไม่หยุดยั้งถ้ายังไม่ถึงเป้าหมาย ไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ควรปลูกฝังให้ลูกตั้งแต่เด็ก […]
- 1
- 2