เมื่อผมเป็นเจ้าของสวนสัตว์
我开动物园那些年
ลาเหมียนฮวาถังเตอะทู่จื่อ เขียน
拉棉花糖的兔子
Himazan แปล
ติดตามกำหนดการวางขายหนังสือได้ที่เพจ Rose Publishing
…XOXO…
มาดามโรส
ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์
+++++++++++++++++++
บทที่ 52.2
ลูกแพนด้ารุ่นนี้มีทั้งหมดยี่สิบห้าตัว วันนี้เป็นการปรากฏตัวออกสื่อครั้งแรกของพวกมัน
เจ้าหน้าที่หญิงย้ายลูกแพนด้ามาวางบนเบาะกลางห้องทีละตัว ๆ เรียงกันอย่างเป็นระเบียบจนได้สิบกว่าตัว ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ชายกำลังพูดคุยกับนักข่าว
ช่วงที่พวกเขาไม่ได้ให้ความสนใจ มีลูกแพนด้าตัวหนึ่งปีนเข้ามาจากข้างนอก มันห้อยโหนอยู่ตรงขอบหน้าต่างก่อนพลิกตัวร่วงตุ้บลงบนพื้น กลิ้งอีกสองสามตลบ เรียกความสนใจจากลูกแพนด้าที่ฟุบอยู่ตัวอื่น ๆ
พวกมนุษย์ไม่เห็นภาพนี้ เนื่องจากเป็นจุดอับสายตาของพวกเขา
ลูกแพนด้าตัวนี้ตะกายมายังเบาะด้วยความเร็วที่ไม่สมกับรูปร่าง มันคลานมาที่ข้างเบาะอย่างรวดเร็ว
จังหวะนี้เอง เจ้าหน้าที่ชายหันมาเห็นแพนด้าตัวหนึ่งกำลังจะคลานออกไปข้างนอกเลยรีบก้าวออกมาข้างหน้าหลายก้าว ใช้มือข้างหนึ่งคว้าหลังคอมันเพื่อหิ้วไปวางไว้บนเบาะ
นักข่าวถาม “นั่วนั่วกับเหวยเหว่ยคือตัวไหนหรือครับ”
เจ้าหน้าที่ชายชี้ไปทางลูกแพนด้าที่นอนหมอบอยู่ด้วยกันสองตัว “ตัวที่อ้วนที่สุดสองตัวนั้นครับ”
เขาพูดพลางอุ้มนั่วนั่วกับเหวยเหว่ยขึ้นมา พวกมันยังง่วงงุน พ่อนมเลยอุ้มแกว่งสองครั้งแล้ววางกลับลงไปอย่างระมัดระวัง
ทันทีที่มันถูกวางลง แพนด้าตัวที่เพิ่งแหกคอกเมื่อกี้ก็ใช้ลำตัวท่อนบนทับนั่วนั่ว ทำเสียงอืออา
นั่วนั่วยืดคอ ดมกลิ่นบนตัวมัน
อุ้งมือของพานเสวี้ยนเฟิงลูบตัวนั่วนั่วอย่างร่าเริง แล้วยังไปลูบเหวยเหว่ยต่ออีก เยี่ยมมาก ไม่เลว กระดูกดีเยี่ยม
สุขภาพร่างกายของจ้งเป่าไม่เลว แต่ปัญญาทึบเกินไปหน่อย ปกติเวลาพานเสวี้ยนเฟิงฝึกวิชาจะไม่หลบหลีกจ้งเป่า ทว่าจ้งเป่ากลับเอาแต่นิ่งเหม่อ ไม่ได้ซึมซับอะไรไปเลยแม้แต่น้อย
ลูกของจ้งเป่าสุขภาพร่างกายแข็งแรงกว่า และไหวพริบดีมาก เหมือนจะรู้ถึงความแตกต่างของลูกแพนด้าตัวที่อยู่ข้าง ๆ
พานเสวี้ยนเฟิงตั้งใจแปลงกายเป็นลูกแพนด้าปะปนเข้ามา เขาใช้ภาษาแพนด้าคุยกับนั่วนั่ว ถึงนั่วนั่วจะยังไม่เข้าใจ แต่พานเสวี้ยนเฟิงได้ฝังเมล็ดพันธุ์ไว้เมล็ดหนึ่งแล้ว
“ทั้งหมดยี่สิบห้าตัว ยังไม่ได้อุ้มมาอีกสิบตัว…ไม่สิ ขอนับก่อน” เจ้าหน้าที่ชายสัมผัสได้ถึงความผิดปกติเล็กน้อยจึงลองนับ “สิบหกตัว…เอ๋ น่าจะยังไม่ได้อุ้มมาอีกเก้าตัว”
เขาเอะใจว่ามันไม่ถูก แม้ก่อนหน้านี้จะไม่ได้นับ แต่เหมือนเขาจะจำได้ว่าเพื่อนร่วมงานของตนบ่นว่าสิบห้าตัว เธอนับผิดเหรอ
นักข่าวไม่ได้ใส่ใจมาก บอกว่า “นั่วนั่วกับเหวยเหว่ยหน้าตาคล้ายจ้งเป่า ทุกคนเลยอยากให้พวกมันออกมาโชว์ตัวมาก”
“จริงครับ…” เจ้าหน้าที่ชายถูกเบี่ยงประเด็น
พานเสวี้ยนเฟิงถือโอกาสคุยกับนั่วนั่วและเหวยเหว่ย พวกลูกแพนด้าที่อยู่ข้าง ๆ บางตัวหัวไว บางตัวหัวทึบ แต่พวกมันล้วนถูกดึงดูดด้วยเสียงบ่นของพานเสวี้ยนเฟิง รู้สึกว่าน่าสนใจมากเลยตะเกียกตะกายเข้ามาหา
พานเสวี้ยนเฟิงเกือบถูกลูกแพนด้าหลายตัวทับตาย จังหวะนี้เอง เขาเห็นเงาของเจ้าหน้าที่หญิงผ่านมาตรงนอกประตูเลยรีบเผ่น “ไปก่อนนะ!”
เจ้าหน้าที่หญิงพาเจ้าหน้าที่ชายอีกสองคนมาอุ้มลูกแพนด้าที่เหลือออกมาวางบนเบาะ “มาแล้ว ขอโทษที เมื่อกี้ไปเข้าห้องน้ำ หยวนย่วนกับต้าหมิงเลยช่วยฉันอุ้มออกมาอีกสิบ บวกสิบห้า ทั้งหมดยี่สิบห้าตัว”
เจ้าหน้าที่ชายงง “เมื่อกี้ฉันนับไปหนึ่งรอบ ตรงนี้มีสิบหกตัว”
เจ้าหน้าที่หญิงขำ “สิบหกกับผีน่ะสิ นายต้องนับผิดแน่ พวกเราสามคน ฉันอุ้มสี่ตัว พวกเขาสองคนอุ้มกันคนละสามตัว ทั้งหมดสิบตัว”
ถึงพวกเธอจะวางลูกแพนด้าลงหมดแล้ว แต่เรื่องจำนวน รับรองว่าไม่พลาด
เจ้าหน้าที่ชายหันไปมองนักข่าว นักข่าวทำหน้างง “ตอนคุณนับ ผมไม่ได้นับด้วย ได้ยินคุณบอกว่าสิบหกตัว จนพวกเธออุ้มลูกแพนด้าออกมา ผมถึงเห็นว่ามีสิบตัวจริง เป็นไปได้ว่าคุณจะนับผิดนะครับ”
เจ้าหน้าที่ชายแคลงใจเลยนับอีกรอบ เพื่อนร่วมงานไม่ผิด แต่เขาจำได้ว่าตัวเองเพิ่งนับได้สิบหกตัว หรือจะผีหลอก มีแพนด้าเพิ่มเข้ามาอีกหนึ่งตัว?
หนึ่ง สอง สาม…ยี่สิบห้า ไม่ผิด มียี่สิบห้าตัว
เจ้าหน้าที่หญิง “แล้วนายเอายี่สิบหกมาจากไหน เมื่อคืนนอนพอหรือเปล่า ตาลายแล้วแหง ๆ ดีจริงนะ อุตส่าห์เพิ่มให้อีกหนึ่งตัว”
เจ้าหน้าที่ชายตบศีรษะ นึกสงสัยตัวเอง “สงสัยสมองเบลอจริง ๆ ถึงนับผิด ฮ่า ๆ ๆ”
ถึงเขาจะยังแคลงใจ แต่แค่จำนวนลูกแพนด้ามียี่สิบห้าตัวไม่พลาดเป็นใช้ได้ ก็อย่างที่เจ้าหน้าที่หญิงบอก เขาอุตส่าห์เพิ่มเข้ามาให้อีกหนึ่งตัว
งานประชุมประจำปีของสมาคมสวนสัตว์แห่งประเทศจีนของปีนี้กำลังจะเริ่มแล้ว ปีนี้ต้วนเจียเจ๋อได้รับแจ้งว่า ขอให้เขาทำรายงานนำเสนอในที่ประชุม ด้วยเหตุนี้จึงส่งคนอื่นไปแทนไม่ได้ เขาต้องไปเอง
ต้วนเจียเจ๋อรู้สึกภูมิใจเป็นสองเท่า เพราะนี่คือการยอมรับในสวนสัตว์ของพวกเขา ซึ่งแตกต่างจากครั้งก่อน
เมื่อครั้งที่ต้วนเจียเจ๋อร่วมงานประชุมประจำปีเป็นครั้งแรก เขาถูกเชิญให้ขึ้นพูดแสดงความคิดเห็นอย่างกะทันหัน ซึ่งตอนนั้นเป็นช่วงจังหวะที่ดี เพราะมีการรณรงค์ให้สวนสัตว์ทั่วประเทศยกเลิกการแสดงสัตว์ และหลิงโย่วดำเนินตามนโยบายได้อย่างดีเยี่ยม เขาจึงบอกเล่าแบ่งปันประสบการณ์เพียงสั้น ๆ แต่ครั้งนี้คือการรายงานอย่างเป็นทางการ
ตั้งแต่เล็กจนโต เกรดของต้วนเจียเจ๋ออยู่ในระดับกลางจนถึงกลางค่อนสูง ต่อมาถึงจะสอบเข้าเรียนต่อปริญญาโทไม่ได้ แต่เขารู้จักเอาความขยันมาชดเชยความโฉดเขลา ไม่ได้แสวงหาทางลัดสูตรโกง และเริ่มเตรียมพร้อมเอาไว้ล่วงหน้าด้วยตัวเอง
เริ่มแรก ต้วนเจียเจ๋อต้องหาประเด็นหลัก แต่จุดเด่นของสวนสัตว์ซาฟารีหลิงโย่วของพวกเขามีเยอะมาก ควรเลือกอันไหนไปรายงานดี
นับตั้งแต่สร้างศูนย์เพาะพันธุ์เพนกวินจักรพรรดิมาก็ได้รับความสนใจ สามารถทำรายงานเกี่ยวกับการเพาะพันธุ์และเพาะเลี้ยงเพนกวินจักรพรรดิได้ หรือจะเล่าประสบการณ์การทำอควาเรียมที่เขาชำนาญมากกว่า?
ไม่รู้เพราะอะไร แต่ดูเหมือนพอข่าวนี้แพร่ออกไป พวกพนักงานก็ตื่นเต้นกันมาก
ถ้าได้เป็นหัวข้อรายงานของผู้อำนวยการสวนสัตว์ เท่ากับได้รับการยอมรับว่ามีความสำคัญ ด้วยเหตุนี้ไม่ว่าต้วนเจียเจ๋อจะเดินไปตรงไหนเลยมีคนเข้ามาคุยด้วย
“ผู้อำนวยการครับ จำนวนนักท่องเที่ยวในส่วนจัดแสดงสัตว์ขั้วโลกของเราเพิ่มสูงขึ้น พวกเขาบอกว่าชอบเพนกวินจักรพรรดิกับแมวน้ำมาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงจิ้งจอกอาร์กติก…ผู้อำนวยการครับ เราจะอัปเกรดเครื่องสร้างหิมะด้วยได้ไหมครับ”
“ผู้อำนวยการครับ อันที่จริง งานด้านส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับสัตว์ของเราปีนี้ก้าวหน้ามาก แบบใหม่ที่เพิ่งสร้างได้รับการชื่นชมจากสวนสัตว์หลายแห่งในภูมิภาคนี้ จนเตรียมจะเข้าประกวดแล้วด้วยครับ”
“กิจกรรมของหอนิทรรศการเราเด็ก ๆ ชื่นชอบมาก ค่ายเรียนรู้ภาคฤดูร้อนกับฤดูหนาวที่จัดขึ้นเต็มหมดทุกสัปดาห์ คุณไม่รู้สึกว่ามันมีนัยสำคัญหรือครับ”
แม้แต่พวกสัตว์ที่ถูกส่งมาก็เหมือนมาจะร่วมวงด้วย
ว่ากันตามเหตุผล พวกเขาส่วนใหญ่ไม่น่าจะสนใจการประชันกันทำนองนี้ เนื่องจากข้อหนึ่ง ไม่ใช่ทุกคนจะทำตัวเหมือนเด็ก ๆ แบบลู่ยา ข้อสอง ครั้งนี้ก็เหมือนตอนเลือกแบบมาสคอตที่ทุกคนต่างยอมรับอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง ว่านี่เป็นโครงการท็อป 3 ที่น่านำเสนอ
แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไป เนื่องจากเป็นไปไม่ได้ที่จะใส่ทุกเรื่องเข้าไปในรายงาน ขณะที่ส่วนจัดแสดงอื่น ๆ ของพวกเขาก็ล้วนเป็นที่กล่าวขานของผู้คนกันแทบทั้งสิ้น ทุกคนเลยต้องพูดเพื่อสนับสนุนคนสนิทของตัวเองไม่มากก็น้อย
ตัวอย่างเช่น หลิงกวงเสินจวินบอกว่า “ใคร ๆ ก็รู้ว่าผู้อำนวยการเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนก ถ้าไม่ทำรายงานเรื่องนก จะไม่แปลกไปหน่อยหรือ”
เผ่านกเลยลากเอาหลายคนเข้ามาอยู่ในก๊วนเดียวกัน พวกจิงเว่ย สุ่ยชิงต่างพยักหน้าเห็นดีเห็นงาม เหมือนไม่คัดค้านในความพิเศษของลู่ยา ชายหนุ่มได้ชื่อว่าเป็นสัตว์เลี้ยงส่วนตัว แต่คำพูดประโยคนี้ของหลิงกวงฟ้องว่าเขาเป็นพวกเดียวกับตน
โหย่วซูกลอกตา “ในกลุ่มสัตว์ปีกของสวนสัตว์เรา ที่เด่นที่สุดก็คงต้องบอกว่าคือเพนกวิน รวมถึงสิ่งมีชีวิตขั้วโลกด้วย ต้องรู้กันก่อนว่าละติจูดของเมืองตงไห่ทำให้ฉีจี้กลายเป็น ‘สิ่งมหัศจรรย์’ นี่ต่างหากคือเอกลักษณ์”
เรื่องนี้ไม่ผิด และพอพูดถึงลูกชายตัวเอง ไม่ว่าโหย่วซูจะยกยอยังไง ลู่ยาล้วนไม่มีความเห็น
หลิงก่านหัวเราะฮ่า ๆ “ทุกคนรู้ว่าผู้อำนวยการเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนก แต่พวกเรายังไม่ชัดกันอีกหรือว่าผู้อำนวยการชอบเลี้ยงปลา!”
หยวนหงเอนตัวลงบนโซฟา “ผู้อำนวยการยังเป็นเผ่าวานรด้วย…”
ต้วนเจียเจ๋อและทุกคน “…”
คิดไม่ถึงว่าหยวนหงที่ไม่แค่นเสียง ไม่ตลก พูดแค่คำเดียวทำเอาสะดุ้งกันหมด
“ทุก…ทุกคนมีเหตุผลกันดีมาก ขอผมคิดอีกทีนะ” ต้วนเจียเจ๋อนวดหัวคิ้วระหว่างเดินออกไป
ทันทีที่เขาออกไป ทุกคนก็ถกกันเสียงดังเซ็งแซ่
“ต้องเป็นสัตว์ขั้วโลก…จิ้งจอกอาร์กติกกับเพนกวินจักรพรรดิ ใครจะสู้ได้”
“เพนกวินจักรพรรดิเป็นนก พวกเจ้าแก่เฒ่าจนลืมแล้วหรือ”
“ทุกคนคิดดี ๆ นะ เพนกวินจักรพรรดิลงน้ำได้ แต่บินไม่ได้…”
การคุยกับสัตว์เทพที่ถูกส่งมาเป็นเรื่องโง่เง่า เนื่องจากพวกเขาเอาแต่เล่นสนุก ต้วนเจียเจ๋อเลยไปหาหวงฉี พอหวงฉีได้ยินว่าผู้อำนวยการกำลังลำบากใจเพราะการเลือกหัวข้อไปทำรายงานเลยปลอบเขาว่า “ผู้อำนวยการครับ คุณไม่ต้องซีเรียสขนาดนี้ก็ได้”
ต้วนเจียเจ๋อค่อนข้างเครียด เนื่องจากนี่เป็นการรายงานครั้งแรกของสวนสัตว์ซาฟารีหลิงโย่ว เขาจึงกลัวว่าจะไปแสดงความตื่นตระหนกต่อหน้าคนในวงการ เนื่องจากเขาไม่ใช่คนที่รู้จริงขนาดนั้น เรื่องนี้เขารู้มาตั้งแต่ตอนไปประชุมครั้งก่อนแล้ว
ถึงจะบอกว่าสวนสัตว์ซาฟารีหลิงโย่วมีชื่อเสียงมาก แต่พอได้ไปอยู่ต่อหน้าสวนสัตว์เก่าแก่ทั้งหลายก็ยังอ่อนหัด คนพวกนั้นมีความรู้เรื่องการจัดการสวนสัตว์ดีกว่าเขาเยอะ เรื่องการส่งเสริมสภาพแวดล้อมหลิงโย่วก็ทำเท่าที่ทำได้ไปตามอัตภาพ เพียงอาศัยความรู้สึกของสัตว์เท่านั้น
“ผมรู้สึกว่าพวกเขาพูดถูกกันทุกคนเลย แต่ผมไม่สามารถยกทั้งหมดในสวนสัตว์ไปใส่รายงานได้ แบบนั้นมันกว้างเกินไป” ต้วนเจียเจ๋อส่ายหน้า
“ฮ่า ๆ ผู้อำนวยการครับ คุณไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางอยู่แล้ว เรื่องนี้มันเขียนอยู่ในประวัติ แต่ที่คุณพูดไว้คราวก่อนก็ไม่เลวเลยนะครับ ผมได้ยินคนเขาเอาไปพูดต่อกัน ผมว่าทำแบบนั้นก็ได้” หวงฉีบอก
ครั้งก่อนต้วนเจียเจ๋อพูดเรื่องที่หลิงโย่วใช้อะไรมาดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวแทนการแสดงของสัตว์ หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ชายหนุ่มก็ได้ไอเดีย “เข้าใจแล้ว ผมจะทำเรื่องการตลาด”
นี่เป็นเรื่องที่ส่วนจัดแสดงแต่ละที่ไม่ต้องชิงดีชิงเด่นกัน และสามารถพูดถึงสัตว์ได้หลายชนิดด้วย
ที่สวนสัตว์หลิงโย่วประสบความสำเร็จ พื้นฐานอยู่ที่สัตว์แปลกใหม่พวกนี้ กับการตลาดด้วยสื่อใหม่ ๆ ในปัจจุบัน
เริ่มต้นจากการให้สัมภาษณ์สื่อท้องถิ่น จากนั้นสวนสัตว์ซาฟารีหลิงโย่วได้ขยายไปทางสื่ออินเทอร์เน็ตในท้องถิ่น ค่อย ๆ ก้าวไปสู่การทำบล็อกออฟฟิเชียล ทำไลฟ์สด รวมไปถึงการให้สำนักหลินสุ่ยช่วยประชาสัมพันธ์ ครอบคลุมไปหลากหลายช่องทาง ทั้งสื่อเก่าและสื่อใหม่
พอต้วนเจียเจ๋อตัดสินใจได้ เขาก็เริ่มรวบรวมข้อมูลเพื่อเขียนรายงาน ทำพาวเวอร์พ้อยนต์ด้วยตัวเองทุกอย่าง ปรับแก้หลายรอบกว่าจะเสร็จเป็นที่น่าพอใจ
การประชุมปีนี้ ต้วนเจียเจ๋อเป็นคนนำขบวนเอง เขาให้หวงฉีอยู่คุมที่สวนสัตว์และพาสวีซิน หัวหน้าสัตวแพทย์ไป พร้อมเสี่ยวซูที่เป็นคนทำเรื่องการประชาสัมพันธ์มาตลอด
ชายหนุ่มหันมามองลู่ยา เอ่อ… คนคนนี้รับผิดชอบชีวิตส่วนตัวของผู้อำนวยการสวนสัตว์ ต้องพาไปด้วย
ครั้งก่อนตอนต้วนเจียเจ๋อไปประชุม เกิดเหตุไม่คาดฝันเล็กน้อย ส่งผลให้ลู่ยาอารมณ์ไม่ดีเอามาก ๆ แต่ครั้งนี้ ความสัมพันธ์ของพวกเขาก้าวหน้าไปอีกหนึ่งขั้น การเดินทางเลยค่อนข้างสบาย ๆ ต้วนเจียเจ๋อจึงอยากพาลู่ยาไปเที่ยว
นับตั้งแต่ลู่ยามา ทุกคนก็ยุ่งอยู่กับงานของสวนสัตว์…ในฐานะสัตว์ ได้ไปเที่ยวไกลที่สุดคือจัตุรัสประตูมังกร ปีนี้ สบายขึ้น ต้วนเจียเจ๋อไม่ใช่หุ่นยนต์ ย่อมต้องมีไอเดียอื่น
ในการเดินทางครั้งก่อนของต้วนเจียเจ๋อ ชายหนุ่มนั่งรถไฟความเร็วสูงไปเมืองหลวงเพื่อขึ้นเครื่องบิน ปีนี้ สนามบินตงไห่เปิดแล้ว ต้วนเจียเจ๋อเลยซื้อตั๋วเครื่องบินจากตงไห่บินไปยังสถานที่จัดงานเลย
งานประชุมประจำปีของสมาคมสวนสัตว์แห่งประเทศจีนในปีนี้จัดขึ้นที่เมืองชุนเฉิง ครั้งก่อนคือเมืองลั่วเฉิงซึ่งมีสวนสัตว์ลั่วเฉิงเป็นสวนสัตว์ที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ ก่อตั้งมาแล้วหกสิบเจ็ดสิบปี ถือเป็นรุ่นอาวุโส ในขณะที่สวนสัตว์ซาฟารีหลิงโย่วยังเป็นเด็กน้อยคลานเตาะแตะอยู่เลย
ก่อนขึ้นเครื่องบิน ต้วนเจียเจ๋อยังโทร.คุยกับคนของสวนสัตว์ชิงเหนี่ยว น่าเสียดายมากว่าปีนี้ เพื่อนเก่าของเขาไม่ได้นำทีม แต่พอต้วนเจียเจ๋อเข้าไปในงานได้สักพัก เขาก็ได้เจอเพื่อนร่วมอาชีพที่คุ้นหน้ากันคนอื่น ๆ เลยไม่ค่อยรู้สึกเก้อเท่าไหร่นัก
ตอนเข้าเครื่องสแกนก่อนขึ้นเครื่อง ลู่ยาชิลมาก เนื่องจากเขาไม่ได้เอาอะไรติดตัวมาเลย
ส่วนต้วนเจียเจ๋อมีกล่องใบเล็ก แม้แต่แล็ปท็อปเขาก็เอามาด้วย
ลู่ยาที่ได้นั่งเครื่องบินครั้งแรกมีอารมณ์อยากรู้อยากเห็น เขาดูออกว่าเครื่องบินพวกนี้เป็นอุปกรณ์ที่เลียนแบบรูปลักษณ์ของนก ในยุคที่มนุษย์มีพลังวิเศษบางเบาอย่างปัจจุบัน มีการพัฒนาความชำนาญเฉพาะทางด้านอื่นมากมาย
“นานเท่าไหร่กว่าจะถึงเมืองชุนเฉิง” ลู่ยาถาม
ต้วนเจียเจ๋อคิดก่อนตอบ “ถ้าไม่มีอะไร คาดว่าอีกสองสามชั่วโมงก็ถึง”
ลู่ยาอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ไม่ใช่เพราะอารมณ์ดี แต่เป็นการหัวเราะหยันจริง ๆ “สองสามชั่วโมง? ฉันกะพริบตาสามทีก็ถึงแล้ว”
ข้าง ๆ มีหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งเดินผ่านไป เธอมองลู่ยาแล้วรู้สึกว่าพ่อหนุ่มคนนี้หน้าตาดี๊ดี ทำไมถึงเพี้ยนเสียได้
ต้วนเจียเจ๋อตบไหล่ลู่ยา เขายิ้มให้หญิงวัยกลางคน “เมื่อก่อน เราใช้ประตูทุกหนทุกแห่งกันน่ะครับ”
หญิงวัยกลางคนขำพรืดเมื่อถูกต้วนเจียเจ๋อหยอก
พอหญิงวัยกลางคนเดินไป ลู่ยาก็ถามด้วยน้ำเสียงฉงน “ประตูทุกหนทุกแห่งคืออะไร”
“…คืออยากจะไปที่ไหนก็ไปได้เลย อืม อีกเดี๋ยวพอขึ้นเครื่องแล้ว ผมจะเล่าให้ฟัง” ต้วนเจียเจ๋อบอก
หลังทั้งคณะขึ้นเครื่องบิน ทั้งสี่คนได้นั่งแถวเดียวกัน ลู่ยาพิจารณาที่นั่งที่มีขนาดไม่ได้ใหญ่มากอยู่นานก่อนเข้าไปนั่ง
ลู่ยาอยู่ในโลกมนุษย์มาแล้วระยะหนึ่งเลยยอมรับเรื่องแบบนี้ได้ เครื่องบินบินช้าและที่นั่งยังเล็กอีก เหมือนจักรยานในสายตาของนักบินอวกาศ
ลู่ยาถามต้วนเจียเจ๋อเบา ๆ “ประตูทุกหนทุกแห่งคืออะไร หน้าตาเป็นยังไง”
ไม่รู้ว่ามันเป็นของวิเศษอะไร ในสามภพ บางสถานที่ นอกจากผู้วิเศษแล้ว ไม่ใช่ว่าใครอยากไปก็ไปได้
เขารู้ว่าในโลกมนุษย์มีตำนานมากมาย และเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นในภายหลัง พวกลู่ยาเลยไม่รู้ และการไม่รู้ว่ามันคืออะไรทำให้เขาค่อนข้างหงุดหงิด
คาดว่านี่คงจะเป็นจินตนาการของมนุษย์ แต่เขาไม่เคยเห็นของวิเศษที่มีหน้าตาเป็นประตูจริง ๆ บางครั้ง จินตนาการของมนุษย์ที่มีต่อโลกอื่นก็น่าขำ การได้ดูและหัวเราะเยาะมนุษย์ชั้นต่ำ ช่วยแก้เซ็งได้ดี
“คุณอยากเห็นว่ามันหน้าตาแบบไหนเหรอ” ต้วนเจียเจ๋อมองลู่ยาแล้วเปิดจอที่อยู่ข้างหน้า แต่มันเหมือนจะต่างจากตอนที่เขานั่งเครื่องบินครั้งก่อนเลยต้องเรียกแอร์โฮสเตสมา
แอร์โฮสเตสมองลู่ยากับต้วนเจียเจ๋อ ถึงตามปกติเธอจะเคยเจอดาราอยู่บ่อย ๆ แต่ครั้งนี้ หญิงสาวตาเป็นประกาย โดยเฉพาะหนุ่มหล่อคนที่ย้อมผมเป็นสีทองกับแดงคนนี้ มาดเขาดูสูงส่งเย็นชาแบบหาได้ยาก เธอจึงถามเสียงหวานว่าพวกเขาอยากได้อะไร
ต้วนเจียเจ๋อชี้ไปที่ลู่ยา พูดโดยไม่ได้เงยหน้า “ไม่ทราบว่าในเครื่องมีเรื่องโดราเอมอนไหมครับ ถ้ามีช่วยเปิดให้เขาหน่อย”
แอร์โฮสเตส “??”
ต้วนเจียเจ๋อไม่ได้ยินเสียงเลยเงยหน้าขึ้นมองแอร์โฮสเตส เนื่องจากเข้าใจว่าเธอได้ยินไม่ชัด เขาเลยพูดซ้ำอีกครั้ง “โดราเอมอนครับ”
แอร์โฮสเตส “อ่า…มีค่ะ คุณอยากดูโดราเอมอนใช่ไหมคะ”
ประโยคนี้เธอพูดกับหนุ่มหล่อมาดสูงส่งเย็นชา
ลู่ยาพูดเสียงเรียบ ๆ “อืม ผมอยากเห็นประตูทุกหนทุกแห่ง”
แอร์โฮสเตส “…ค่ะ!”
ท่าทางอยากดูโดราเอมอนของลู่ยา ไม่เพียงทำลายความประทับใจแรกที่แอร์โฮสเตสมีต่อเขา แต่ข้าง ๆ ยังมีผู้โดยสารหญิงซึ่งเธอแอบมองมาอย่างงง ๆ ว่าหนุ่มหล่อขนาดนี้ ทำไมถึงยังอยากดูการ์ตูนอยู่
หลังดูจบไปหนึ่งเรื่อง ลู่ยาพอจะจับเค้าได้แล้วแต่ไม่พอใจที่ต้วนเจียเจ๋อแนะนำของที่เด็กดูให้ตน เขาปิดการ์ตูนด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
ผู้โดยสารหญิงที่อยู่ข้าง ๆ รู้สึกขัดแย้งอยู่ในใจมาสักพัก สุดท้ายเธอจึงตัดสินใจชวนคุย เพราะถึงอีกฝ่ายจะดูเป็นเด็กน้อยไปหน่อย แต่หล่อมากจริง ๆ หากพลาดโอกาสนี้ไปแล้ว อาจจะไม่มีโอกาสอีก
ผู้โดยสารหญิงเบี่ยงตัวเล็กน้อย “คือว่า คุณชอบโดราเอมอนเหรอคะ ฉันก็…”
ลู่ยาสบโอกาสล้างมลทินพอดี เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เพิ่งได้ดูครั้งแรก รู้สึกว่ามันแย่มาก”
“…” ผู้โดยสารหญิงหันหน้ากลับไปอย่างอึดอัดคับข้อง เข้าใจว่าชายหนุ่มเอาประเด็นนี้มาบอกปัดการชวนคุยของเธอชนิดไม่ไว้หน้ากันเลย
ลู่ยาเห็นต้วนเจียเจ๋อแอบขำเลยจ้องเขาด้วยสายตาดุ ๆ
การเดินทางสองชั่วโมงสิ้นสุดลงอย่างรวดเร็ว หลังลงจากเครื่องก็มีเจ้าหน้าที่จากงานประชุมมารับพาไปโรงแรม ตอนอยู่ที่ล็อบบี้ของโรงแรม ต้วนเจียเจ๋อเห็นผู้อำนวยการหลิว หลิวเผยหย่วน แห่งสวนสัตว์ซาฟารีลั่วเฉิง
“เสี่ยวต้วน!” พอหลิวเผยหย่วนเห็นต้วนเจียเจ๋อก็ตะโกนเรียกมาแต่ไกล เขาก้าวยาว ๆ มาจับมือต้วนเจียเจ๋อ “โอ้โห ไม่เจอกันนานเลย!”
ตอนแรกเขายืนคุยอยู่กับคนอื่น สีหน้านิ่งสนิท แต่พอตอนนี้เห็นต้วนเจียเจ๋อ หลิวเผยหย่วนกลับเผยรอยยิ้มเต็มใบหน้า แสดงความกระตือรือร้นออกมาจากใจจริง ทั้งหมดนี้เนื่องจากในงานประชุมประจำปีที่เมืองลั่วเฉิงเป็นเจ้าภาพ หมาป่าอาร์กติกของพวกเขาหลุดออกมาเพราะโจร ทำเอาเกือบมีคนตาย เขาเลยมองเห็นความสำคัญของต้วนเจียเจ๋อ
การพูดคุยกันหลังจบเหตุการณ์นั้น ทำให้หลิวเผยหย่วนรู้สึกคุ้นเคยกับต้วนเจียเจ๋อจึงกล่าวคำขอบคุณเขาจากใจจริง หมาป่าอาร์กติกถูกส่งไปหลิงโย่วด้วยคำแนะนำของหลิวเผยหย่วน ถือว่าเป็นน้ำใจจากเขา
“เสี่ยวหวงไม่ได้มาด้วยเหรอ” หลิวเผยหย่วนกวาดตามองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังต้วนเจียเจ๋อ เขาไม่เคยเจอหวงฉี แต่เคยติดต่อกันทางอื่นเลยถามถึง “เราคุยกันเยอะ แต่ไม่ได้เจอกันนาน คุณก็ไม่เคยมาเที่ยวลั่วเฉิงเลย มา ๆ ไปกัน”
หลิวเผยหย่วนพูดพลางดึงกระเป๋าเดินทางไปจากมือต้วนเจียเจ๋อ ยัดเยียดให้ลู่ยา พูดแบบส่ง ๆ ว่า “เอากระเป๋าไปเก็บให้ผู้อำนวยการของพวกคุณก่อนนะ ผมจะพาเขาไปเดินดูรอบ ๆ หน่อย”
เห็นได้ชัดว่าหลิวเผยหย่วนอยากแนะนำต้วนเจียเจ๋อให้รู้จักกับพวกคนอื่น ๆ ในธุรกิจเดียวกัน แต่การกระทำของหลิวเผยหย่วนทำให้คนของสวนสัตว์ซาฟารีหลิงโย่วเกิดอาการหายใจไม่ออกเล็กน้อย
เสี่ยวซูนึกสงสัยอย่างมากว่าผู้อำนวยการหลิวอาจจะมีปัญหาเรื่องการแยกแยะใบหน้า ลู่ยายืนอยู่ตรงนั้น ขายาว ตัวสูง ออร่าเข้มแรง เขาดูเหมือนผู้ติดตามของต้วนเจียเจ๋อตรงไหน
หญิงสาวก้าวออกไปข้างหน้าเงียบ ๆ รับกระเป๋าเดินทางมา “แหะ ๆ ฉันจัดการให้ค่ะ”
ทว่าลู่ยากลับกดกระเป๋าเดินทางไว้ “เธอจะจัดการอะไร จะพักกับเขาหรือไง”
“…” เสี่ยวซูอึกอัก “ฉัน…ฉัน…”
หญิงสาวรู้สึกเหมือนถูกใส่ความ และไม่เข้าใจพี่ลู่เลยจริง ๆ ตกลงคนคนนี้คิดอะไรอยู่ หรือเขาสัมผัสได้ว่าน้ำเสียงของผู้อำนวยการหลิวบอกว่าเขารู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างลู่ยากับผู้อำนวยการ
ในเมื่อลู่ยาอยากคิดแบบนี้ เสี่ยวซูก็ทำอะไรไม่ได้ เธอมองผู้อำนวยการถูกลากไป ส่วนพี่ลู่เอากระเป๋าไปเก็บที่ห้องให้ผู้อำนวยการ