อีกหนึ่งประเทศที่มีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร
บางเรื่องสนุกเฮฮา บางเรื่องสะเทือนอารมณ์จนรับไม่ได้
อ่านเเล้วตราตรึงใจไม่รู้ลืม…
1.วันหนึ่งในฤดูร้อนมีศพนอนอยู่ที่ไหนสักแห่ง
วันนั้นมี เด็กสาว หายตัวไปอย่างปริศนาพร้อมกันถึง 4 คน
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ณ หมู่บ้านทูวังนี ที่แสนจะธรรมดา เงียบสงบ แถมไม่มีอะไรน่าสนใจ มีอะไรน่าตื่นเต้นซ่อนอยู่ด้วย
วันนั้นเป็นวันเกิดของยายคนหนึ่งในหมู่บ้านที่อายุครบร้อยปี คนในหมู่บ้านเลยอยากจัดงานวันเกิดให้ยิ่งใหญ่ๆ สุด ด้วยการยกขบวนไปแช่บ่อน้ำพุร้อนกันจนแทบไม่มีใครอยู่ในหมู่บ้าน ซึ่งตอนนั้นเป็นเดือนสิงหาคมที่ทุกคนต้องถอนหญ้าในไร่ถั่ว เก็บพริก ย้ายกล้าต้นงา เเละเมล็ดผักกาด แต่ผู้ใหญ่ส่วนใหญ่ก็เอาแต่เที่ยว กิน เฮฮากันทั้งวัน กว่าจะกลับถึงหมู่บ้านก็มืดแล้ว และตอนนั้นเองที่มีสิ่งปกติเกิดขึ้น…
เด็กสาว 4 คนหายตัวไปอย่างเป็นปริศนา ได้แก่…
ซอนฮี เด็กสาวหน้าตาดีที่ดูเหมือนลูกขุนนาง
ยูมีซุก เด็กสาวที่แก่แดดตั้งแต่เล็ก
บูยอง เด็กสาวจิตใจดีฐานะยากจน
เยอึน เด็กสาวที่มีพ่อเป็นครู
ไม่มีใครรู้ว่าพวกเธอหายไปไหน พวกผู้ใหญ่และตำรวจช่วยกันค้นบริเวณใกล้เคียง ไปจนถึงเขาลูกอื่น เรียกว่าแทบพลิกแผ่นดีเกาหลีหากันหลายเดือนแต่ก็ไร้ประโยชน์ แม้แต่ร่างทรงชื่อดังก็ช่วยอะไรไม่ได้ ทำให้ชาวบ้านลือกันไปต่าง ๆ นานาว่า อาจถูกลักพาตัวไปขาย หรือไม่พวกเธอก็หนีออกจากบ้านเอง ไปจนถึงฝีมือของภูตผี เพราะเด็กที่หายไปเป็นเด็กผู้หญิงทั้งหมด
เหตุการณ์นี้ยังคงเป็นปริศนาจนกระทั่ง 15 ปีผ่านไป คังมูซุนเด็กสาวที่เคยอาศัยอยู่ในหมู่บ้านทูวังนี ได้หวนกลับมาในวัย 21 ปีเพื่อมาอาศัยอยู่กับย่า และตามหาแคปซูลกาลเวลาที่เธอเคยเขียนไว้ในอดีต แต่การตามหาแคปซูลเวลาของเธอนั้นกลับไปพัวพันกับเหตุการณ์หายตัวไปของเด็กสาวทั้ง 4 คนในวันนั้นอย่างเลี่ยงไม่ได้
ตอนนั้น เอ็งก็เกือบหายตัวไปกับเขาด้วยเหมือนกัน” ย่าเล่าเหตุการณ์ในวันนั้นให้คังมูซุน บอกว่าเธอเกือบจะเป็นเด็กสาวคนที่ 5 แล้ว เพราะเกือบทุกคนในหมู่บ้านขึ้นรถทัวร์ไปแช่บ่อน้ำพุร้อนกันหมด และไม่มีใครเอาเด็กไปด้วยเพราะไม่อยากดูแล แต่ก่อนเกิดเหตุแค่คืนเดียว เธอก็มาขอร้องให้ย่าพาไปด้วย ทั้งที่ย่าห้ามแล้ว ตีแล้ว แต่เธอก็ไม่ฟัง ทำให้สุดท้ายย่าเลยต้องพาเธอไปด้วย
เรื่องนี้มีความลับซ่อนอยู่หรือไม่ เกิดอะไรขึ้นกับเด็กสาวทั้งสี่ที่หายไป เป็นฝีมือของมนุษย์ ภูตผี หรือแค่ใครสักคนอยากเล่นตลกใส่กันเท่านั้น และแคปซูลเวลาของคังซูมินเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องลึกลับนี้กันแน่
2.ผมไม่ได้ตั้งใจตายในหมู่บ้านไร้อาชญากรรม
ในคืนฝนกระหน่ำ ณ หมู่บ้านหมู่บ้านชุงชอน ที่ไร้อาชญากรรม นานสิบปีซ้อน ตำรวจสี่นายพบศพตายโหงบนภูเขา เป็นชายคนหนึ่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบเลือด ศีรษะได้รับการกระแทกจนเสียหายอย่างหนัก ดูแล้วคงโดดลงจากหน้าผาเพื่อจบชีวิตตัวเอง
เพราะบริเวณนั้นเป็นที่ตั้งของ หินมีรู ที่มีพลังหยินแรง ว่ากันว่าหากชายใดอธิษฐานเกี่ยวกับภรรยาที่นั่น แล้วโดดลงมาตาย คำอธิษฐานจะกลายเป็นจริง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือร้ายก็ตาม
หนึ่งในตำรวจแตะคอและมือของศพแต่ไม่พบชีพจร แถมตัวยังเย็นเฉียบเหมือนตายมานานแล้ว บัตรในกระเป๋าตังค์บอกว่าเขาคือชูอินรัก พร้อมจดหมายที่เขียนว่า “ขอโทษทุกท่านด้วย ไม่ต้องจัดงานศพ แค่เผาศพแล้วโปรยเถ้าลงไปในแม่น้ำหรือทะเลก็พอ ผมอยากลบร่องรอยในโลกใบนี้ให้สะอาด และหายไปอย่างไร้ร่องรอย”
ในคืนเดียวกัน เกิดเหตุไฟไหม้บ้านหลังหนึ่งในหมู้บ้านชุงชอน
ชาวบ้านพากันหิ้วถังน้ำไม่ก็ถือกะละมังไปทั่วท่ามกลางสายฝน บ้างตักน้ำจากทุ่งนา บ้างตักจากบ่อเลี้ยงปลา บางคนเอาถังพ่นยาฆ่าแมลงที่ใช้ในไร่มาพ่น แต่น้ำส่วนใหญ่รดแค่ลานหน้าบ้าน ไปไม่ถึงไฟ แถมสายฝนก็เหมือนจะไม่ช่วยอะไร กระทั่งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงมาถึง
เช้าวันถัดมา เจ้าหน้าที่ดับเพลิงพบเศษกระดูกของชินฮันกุก เจ้าของบ้านในห้องนอน แต่ไม่พบต้นตอของเพลิงไหม้แต่อย่างใด
“ไฟไหม้ในวันฝนตกเนี่ยนะ…ไม่นึกแปลกหรือไง ฝนก็ตก แต่ไฟกลับไหม้บ้านจนหมดทั้งหลังแบบนี้” ใครคนหนึ่งพูดขึ้น
จู่ๆ ก็มีคนตายถึงสองคนในคืนเดียว ไม่มีใครรู้ว่าเป็นการฆ่าตัวตายหรือถูกฆาตกรรม แต่เป็นเรื่องใหญ่สำหรับหมู่บ้านไร้อาชญากรรมแน่นอน เพราะอาจถูกถอดออกจากหมู่บ้านดีเด่น และสูญเสียเงินรางวัลก้อนใหญ่ การตามหาฆาตกร และการปกปิดความลับจึงเริ่มขึ้น
นิยายสืบสวนจากเกาหลีที่ตลกร้าย จิกกัด และตีแผ่ความเป็นมนุษย์แบบสุดจัด อ่านแล้วต้องพูดว่า “อย่างนี้ก็ได้เหรอ”
เชิญพบกับเรื่องวุ่นๆ ที่ยิ่งปกปิด…ยิ่งบานปลาย
“ฮย็อนซูบิน” ผู้มีชื่อเสียงจากการเป็นนักวิจารณ์วัฒนธรรมกระแสนิยมและนักสัมภาษณ์มือทองลงมือเขียนบทความเกี่ยวกับเรื่องราวช่วงทศวรรษ 1980
เป็นความทรงจำสมัยที่เธออยู่ในบ้านแบบทากากูจูแท็ก หรือบ้านพักอาศัยรวมกันหลายครอบครัวเมื่อช่วงอายุเจ็ดขวบ ความทรงจำเหล่านั้นหอมหวานและบอบบางราวกับกลีบสีขาวของดอกไลแลคต้นใหญ่ที่ขึ้นอยู่ตรงลานบ้านหลังนั้น
แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อเธอตีพิมพ์บทความตอนที่ 5 ลงในหนังสือพิมพ์ เป็นเรื่องของชายคนหนึ่งที่เสียชีวิตเพราะถูกรมควันด้วยแก๊สจากถ่านอัด ซึ่งถือเป็นอุบัติเหตุที่เกิดจากระบบทำความอุ่นในบ้านเรือนที่เกิดได้บ่อยในสมัยนั้น จนถือเป็นเรื่องปกติ แต่จู่ๆ ก็มีอดีตตำรวจผู้เคยเกี่ยวข้องกับคดีนั้นมาพบซูบิน แล้วถามเธอว่า… แท้จริงแล้วชายคนนั้นตายเพราะอุบัติเหตุจริงหรือ เมื่อความจริงอย่างหนึ่งผุดขึ้นมา ก็ลากพาความลับอื่นๆ ให้ตามออกมาจนเกินหยุดยั้ง
“ไม่รู้หรือไง นี่คือความลับของยุค 80 เลยนะ”
4.มีอะไรในสวนหลังบ้าน
เรื่องราวของหญิง 2 คน ที่ต้องมาเกี่ยวข้องกันอย่างไม่ควรจะเป็น คนหนึ่งเป็นแม่บ้านที่เหมือนจะมีชีวิตเพอร์เฟค สามีเป็นแพทย์ ส่วนลูกชายก็ทั้งหล่อและฉลาด ในขณะที่อีกคนเป็นคนโชคร้ายและกำลังหลบหนี ทั้งคู่มาเจอกันเพราะ “กลิ่นที่โชยมาจากสวนสวยหลังบ้าน”
เรื่องราวคู่ขนานระหว่างสองสาว “คิมจูรัน” กับ “อีซังอึน” เต็มไปด้วยปมขัดแย้งในใจ จุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรมทั้งหมดอยู่ที่ตัวตนในช่วงก่อนแต่งงานกับหลังแต่งงานที่เปลี่ยนไป
เหมือนคำพูดของอีซังอึนที่ว่า “ความสัมพันธ์ของฉันกับสามีไม่ได้เลวร้าย และไม่ได้เหมือนตกอยู่ในขุมนรกมาตั้งแต่แรก ตอนนั้นฉันเสแสร้งเป็นคนดีกว่าที่ตัวเองเป็น สามีเองก็เช่นกัน ช่วงที่เราคบกันจึงเป็นคู่รักที่เหมาะสมกันมาก…” ถ้างั้นหลังจากตัวตนที่แท้จริงถูกเปิดเผยขึ้น…บทสรุปจะเป็นอย่างไร? คำตอบอยู่ที่บทสุดท้ายของหนังสือเล่มนี้!
ถ้ามีคนบอกว่าฮิตเลอร์ยังไม่ตาย…คุณจะเชื่อไหม
ปี 1969 เกิดเหตุฆาตกรรมที่โรงละครแห่งหนึ่งบน
ถนนบรอดเวย์ ผู้ตายเป็นเด็กหนุ่มอายุ 17 ปี ชื่อ “อดัม สเปนเซอร์” ผู้ร้ายที่ชื่อว่า “ออตโต้ เบาว์มัน” ทำการยิงทั้งหมด 5 นัดจนอดัมตายนั้น ยอมมอบตัวด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสบายใจ และไร้เหตุจูงใจใด ๆ เขายอมรับโทษประหารชีวิต เพียงขอพบนักข่าวสาวชื่อว่า “คริสติน” …ฮิตเลอร์ตายแล้วจริงหรือ
หรือแค่หนีไปใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการ แรงจูงใจของเหตุฆาตกรรมที่มีพยานนับร้อยคืออะไร…พบกับความลับหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่จะปั่นหัวคุณจนเดาตอนจบไม่ได้!
6.หลับฝันดีนะแม่จ๋า
“อีซอนกยอง” เป็นนักจิตวิทยาเกี่ยวกับคดีอาชญากรรม เธอต้องไปสัมภาษณ์ฆาตกรต่อเนื่องชื่อ “อีบยองโด” ในเรือนจำแห่งหนึ่ง
เมื่อครั้งยังเด็ก บยองโดมักโดนแม่จับกดน้ำ ด่าทอ และทุบตีทำร้ายเสมอ เพราะแม่ไม่ต้องการให้เขาเกิดมา หลังจากที่ซอนกยองสัมภาษณ์บยองโดเสร็จ เธอก็พบว่า “ยุนแจซอง” คุณหมอผู้เป็นสามี ได้พาลูกติดวัย 11 ขวบที่กอดตุ๊กตาเท็ดดี้ตัวใหญ่กลับมาที่บ้านด้วย แจซองเล่าว่า เมื่อคืนที่บ้านของลูกสาวเกิดไฟไหม้ ทำให้คนในบ้านเสียชีวิตจนหมดทำให้ลูกจำเป็นต้องมาอยู่กับเขา เมื่อเวลาผ่านไปซอนกยองก็ค่อย ๆ พบพฤติกรรมที่มีความคล้ายคลึงกันระหว่างทั้งสองคน…
คุณรู้ใช่ไหม…คำพูดของคนสร้างรอยแผลร้าวลึก ยิ่งกว่าแรงสะเทือนจากการถูกตบแก้ม จากความรุนแรงในครอบครัว นำไปสู่การค้นหาฆาตกรต่อเนื่อง เพื่อขุดค้นรากเหง้าของความชั่วร้ายในใจคน “หลับฝันดีนะแม่จ๋า” เป็นผลงานชิ้นเอกของ “ซอมีแอ” นักเขียนที่ได้ชื่อว่าเป็น “ราชินีแห่งความลึกลับ” ของประเทศเกาหลีใต้
เรื่องราวเกิดขึ้น ณ สถานีรถไฟใต้ดินโซล เมื่อสองสามีภรรยาได้เดินทางจากบ้านนอกมาเยี่ยมลูก ๆ ที่เติบโตแล้วของพวกเขา “ปาร์ค โซ-นโย” ผู้เป็นทั้งภรรยาและแม่ของลูก ๆ ได้พลัดหลงกับสามี ท่ามกลางฝูงชนที่แน่นขนัด และหายตัวไป
ครอบครัวของเธอได้ช่วยกันออกตามหาแม่อย่างสิ้นหวัง ซึ่งในการออกตามหาครั้งนี้ สมาชิกในครอบครัวแต่ละคน กลับค้นพบด้านต่าง ๆ ของคนเป็นแม่ที่พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อน…
“วันที่แม่ไม่อยู่” เล่มนี้ จะพาคุณผู้อ่านไปค้นพบความหมายของผู้หญิงที่ได้ชื่อว่า “แม่” ด้วยสำนวนการเขียนตามแบบฉบับวรรณกรรมเกาหลี ที่สามารถรีดเค้นอารมณ์ความรู้สึกทั้งของลูก สามี และคนเป็นแม่ จนทำให้ฉุกคิดได้ว่า ผู้หญิงคนหนึ่งที่เราทั้งหลายเห็นว่าเป็น “แม่” นั้น ก็มีชีวิตเป็นของตัวเอง เคยมีความฝันในชีวิตเช่นกัน เธอไม่ได้เกิดมาเป็นแม่ตั้งแต่แรก!