อ่านนิทานต่างประเทศเยอะแล้ว เรามาดูความเจ๋งของ นิทานคนไทยบ้าง ดีกว่า
รออีกหน่อยนะ – สุดยอดนิทานไทยสอนเด็กให้รู้จักอดทนรอคอย
ก ไก่ไดโนเสาร์ – สุดยอดนิทานไทยสอนตัวอักษรภาษาไทยอย่างสร้างสรรค์
ไมโลกับฉัน – สุดยอดนิทานแห่งจินตนาการไม่รู้จบ
อยากรู้รายละเอียดต้องลองกดฟัง FamiRead Podcast กันเลย!
FamiRead รายการผู้ช่วยมือหนึ่งของพ่อแม่ พิธีกรคือ บ.ก.แสตมป์ จากแพรวเพื่อนเด็ก EP นี้จะมาแนะนำนิทานของไทย รับรองว่าสนุกและไม่แพ้นิทานญี่ปุ่นแน่นอน
เรื่องแรกคือ รออีกหน่อยนะ ของพี่ข้าวตู เป็นเรื่องราวของแม่หนูและลูกหนูทั้งห้าตัวที่ต่างเฝ้ารอผลไม้ให้สุกเพื่อเก็บกิน ถึงแม้จะคอยเตือนกันและกันว่ารออีกหน่อยนะ แต่สุดท้ายลูกหนูก็ตบะแตก เด็ดผลไม้บนต้นมากินเลยได้กินผลไม้ที่ยังไม่สุกทีมีรสเปรี้ยวจนกินต่อไม่ไหว ในขณะที่แม่หนูเฝ้าจนผลไม้สุกถึงค่อยเก็บมากินลูกหนูต่างรู้สึกเสียดาย สุดท้ายแม่ของลูกหนูจึงหั่นผลไม้เป็นชิ้นเล็กๆและแบ่งให้ลูกหนูกินกันอย่างมีความสุข ทำให้ลูกหนูได้เรียนรู้ว่า การอดทนรออีกหน่อยจะได้ผลไม้ที่อร่อยจริงๆด้วย นิทานเรื่องนี้สอนสำนวนที่ว่า อดเปรี้ยวไว้กินหวาน สอนให้มีความอดทน รู้จักสู้ความลำบากในตอนนี้ จะสบายในภายหลัง และความรักและความเสียสละของแม่อีกด้วย
นิทานเรื่องนี้ไม่ได้มีดีแค่เนื้อหาอย่างเดียว ยังมีความพิเศษที่ภาพอีกด้วย เพราะใช้เทคนิคการตัดแปะภาพลงไป ต้องใช้เวลาและความปราณีตมากๆ ในไทยจึงไม่ค่อยมีงานแบบนี้เท่าไหร่ จึงเป็นโอกาสที่เด็กๆจะได้สัมผัสศิลปะ เพื่อเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ
นิทานเรื่องที่สองคือ ก ไก่ไดโนเสาร์ ของครูชีวิน ผู้แต่งและวาดชื่อดังของไทย นิทานเรื่องนี้บอกเล่าถึงเด็กๆในยุคหินที่ไปโรงเรียนและเขียนก ไก่ถึง ฮ นกฮูก ต่างจากเด็กปัจจุบันตรงที่เด็กยุคหินมีไอเดียสุดล้ำ เลยวาดก ไก่ ถึง ฮ นกฮูกเป็นไดโนเสาร์ต่างๆ นิทานเรื่องนี้เสริมสร้างเรื่องความคิดเชื่อมโยง ความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการ และการมองภาพ การมองภาพไดโนเสาร์ต่างๆจะช่วยให้จำภาษาได้มากขึ้น และได้รู้จักไดโนเสาร์พันธุ์ต่างๆหรือจะใช้นิทานเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างศิลปะโดยติดกระดาษไว้กับกำแพงและชวนลูกๆวาดภาพตัวอักษรต่างๆ จะยิ่งกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ และสอดแทรกชีวิตอนุบาล จึงเหมาะกับเด็กๆวัยเรียนและที่ชื่นชอบไดโนเสาร์ .
นิทานเรื่องสุดท้าย ไมโลกับฉัน ของนันทวัน วาตะ เป็นนิทานที่หมอประเสริฐแนะนำ เล่าถึงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งวาดรูปเล่นอยู่ดีๆ เจ้าสุนัขสีน้ำตาล หรือ ไมโล คาบลูกบอลสีแดงมาชวนเล่น เด็กน้อยก้ไปเล่นกับไมโลจนกระทั่งลมพัดลูกบอลปลิวไปนอกรั้ว จึงออกไปตามหากัน ในระหว่างที่ออกตามหานั้น ก็ได้เจอสัตว์พูดได้ทั้งหมดก็ช่วยกันตามหาจนเจอ และชวนกันเล่นบอลอย่างสนุกสนาน จนกระทั่งลมพัดลูกบอลลอยไปอีกครั้ง นิทานเรื่องนี้อาจไม่ได้สอนคุณธรรมที่ชัดเจน และไม่ค่อยสมเหตุสมผลนัก จบไม่สมบูรณ์ แต่เป็นเสน่ห์ของนิทานเรื่องนี้ เพราะเป็นนิทานที่กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์มากกว่าความเป็นจริง ตอนจบทิ้งท้ายไว้ว่า มีลมพัดมาวูบหนึ่ง ลูกบอลสีแดงจึงได้ลอยออกไปอีกครั้ง เป็นการจบแบบปลายเปิด เพื่อให้เด็กได้จินตนาการสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป ไม่มีผิดไม่มีถูก และไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล พ่อแม่สามารถกระตุ้นคำถามเช่น จะได้ไปเจอใครบ้างนะ ลุกบอลสีแดงจะซ่อนอยู่ที่ไหน และเสริมสร้างความคิดเชื่อมโยงด้วยของสีแดงและลักษณะวงกลม
นิทานทั้งสามเรื่องนี้ดูน่าสนุกและสร้างสรรค์ไม่แพ้ต่างประเทศ สามารถซื้อได้ตามร้านหนังสือทั่วไป เพจ แพรวเพื่อนเด็ก หรือที่เว็บ amarinbooks.com