วิธีเปลี่ยนพฤติกรรม มีหลากหลายวิธีด้วยกัน เพียงแค่ต้องเปิดสวิตช์ทั้งหมดก่อน การเปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางที่ดีขึ้นจะเป็นเรื่องที่ง่าย จนแทบจะไม่ต้องฝืนตัวเองเลย
มาดูกันว่า วิธีเปลี่ยนพฤติกรรม ง่ายๆ ภายใน 7 วันต้องทำอย่างไรบ้าง
เวลา
หากต้องการเปลี่ยนพฤติกรรมในตอนนี้ ให้เริ่มจากพฤติกรรมที่มีกำหนดแน่นอน หรือกิจวัตรที่ผูกติดกับเวลาก่อน เราเรียกพฤติกรรมที่ทำเมื่อถึงเวลาว่ากิจวัตร ซึ่งผูกติดกับตัวเราอย่างแน่นหนา
อันดับแรกที่ต้องทำคือ เขียน “พฤติกรรมที่ต้องทำทุกวัน” ของตัวเอง เช่น
• ตื่นกี่โมง
• ออกจากบ้านกี่โมง
• ขึ้นรถรอบกี่โมง
• ถึงบริษัทกี่โมง
• พักเที่ยงกี่โมงถึงกี่โมง
• เลิกงานกี่โมง
• พอเลิกงานแล้วตรงกลับบ้านเลย หรือแวะที่อื่นก่อน
• กินข้าวเย็นกี่โมง
• เข้านอนกี่โมง
การเขียนออกมาจะทำให้เรารู้ “สัดส่วนเวลา” ในการดำเนินชีวิตของตัวเอง ถ้าแต่ละวันมีวิธีการใช้เวลาที่ต่างกันมาก อาจแบ่งเหมือนตารางเรียนและเขียนเวลาที่ใช้ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาออกมา
เมื่อได้สัดส่วนเวลาของตัวเองแล้ว ก็จัดการเปลี่ยนมันซะ เช่น เวลาตื่นนอน ทำไมทุกคนต่างเล่าขานถึงการตื่นนอนตอนเช้ากันนัก ก็เพราะว่า 2 ชั่วโมงแรกตั้งแต่ตื่นนอนเป็นช่วงเวลาที่มนุษย์ทำกิจกรรมสร้างสรรค์ได้ดีที่สุด จึงควรใช้เวลาที่มีค่านี้ทำสิ่งที่จะเป็นประโยชน์สูงสุดในแต่ละวัน คนเราสร้างช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการคิดสิ่งใหม่ๆ ได้ด้วยการตื่นนอนให้เร็วขึ้น โดยเวลานี้จะใช้ในการทำงานหรือการเรียนก็ได้
ลองคิดดูว่า หากคุณตื่นนอนเร็วขึ้น 2 ชั่วโมงติดกัน 1 อาทิตย์แล้ว ชีวิตจะเปลี่ยนไปได้มากขนาดไหน
เพิ่มกิจวัตรลงไปในตาราง
อีกวิธีที่อยากให้ทำนั่นก็คือ การเพิ่มกิจวัตรบางอย่างแทรกลงไปในตารางด้วย หลายคนตั้งเป้าว่าอยากออกกำลังกายทุกวัน แต่เอาเข้าจริงก็ทำไม่ได้ ลืมบ้าง ยุ่งบ้าง หากเราเพิ่มการออกกำลังกายแทรกลงไป อะไรจะเกิดขึ้น!
หากอยากให้การออกกำลังกาย กลายเป็นอีกหนึ่งกิจวัตรประจำวันของเรา ให้แทรกลงไปตอนอาบน้ำ เช่น ต้องซิทอัพ 30 ครั้งก่อนที่จะอาบน้ำเข้านอน เราอาบน้ำทุกวันอยู่แล้ว การกำหนดเช่นนี้จะช่วยเตือนเรื่องการออกกำลังกาย ทำให้เราสามารถลงมือปฏิบัติได้ง่ายขึ้นนั่นเอง
คำพูด
กล่าวกันว่าคำพูดก่อให้เกิดบุคลิก ส่วนการกระทำเป็นตัวกำหนดลักษณะนิสัย จึงเกิดหลักการว่า เราเปลี่ยนแปลงนิสัยได้ด้วยการเปลี่ยนแปลงการกระทำ และการเลือกใช้คำพูดก็ทรงอิทธิพลที่สุดในบรรดาพฤติกรรมทั้งหมด
การพูดเรื่องต่างๆ ในแง่ลบจะยิ่งทำให้สมองเราจดจำสิ่งนั้น สมองจะสนใจและมองสิ่งต่างๆ ในแง่ลบมากขึ้น และคนเราจะจดจำเรื่องที่ทำก่อนนอนได้ง่ายกว่าช่วงเวลาปกติ
คุณคิดว่า หากพูดแต่คำที่เป็นแง่ลบในช่วงเวลากลางคืนจนเป็นนิสัยจะเกิดอะไรขึ้น
เช่น “ประชุมพรุ่งนี้วุ่นวายชะมัด” “วันนี้แย่สุด” หรือ “โมโหไอ้หมอนั่นจริงๆ อยากฆ่ามันให้ตาย”
ยิ่งใช้คำพูดในแง่ลบเท่าไหร่ สมองก็ยิ่งตอบสนองต่อเรื่องต่างๆ ในแง่ลบมากเท่านั้น ทำให้คนคนนั้นมีมมุมมองต่อเรื่องต่างๆ ในทางลบมากขึ้น สรุปคือ เครือข่ายของสมองจะเป็นไปในทางลบทั้งหมด
หากต้องการเปลี่ยนตัวเองจึงต้องรู้สึกการเปลี่ยนคำพูด ลองเปลี่ยนคำพูดที่ใช้ในชีวิตประจำวันมาเป็นคำพูดในเชิงบวก เช่น
เวลาทำงานหนักๆ มาทั้งวัน เราจะชอบพูดว่า “วันนี้เหนื่อยจัง”
ให้ลองคิดคำอื่นมาแทนการบอกว่า “เหนื่อยจัง”
เช่น “ทำเต็มที่แล้วนะเรา” “ให้มันได้อย่างนี้สิ”
เมื่อเปลี่ยนมาพูดแบบนี้จะให้ความรู้สึกเหมือนกำลังพูดเล่นๆ เมื่อพูดบ่อยครั้งเราจะติดนิสัยมองเรื่องต่างๆ ในด้านบวกจนกลายเป็นคนคิดบวกไปเอง
สิ่งของ
การลดข้าวของเครื่องใช้ลง จะทำให้พฤติกรรมของเราเปลี่ยนไปด้วย การจัดการและเลือกสิ่งของจากตัวเลือกมหาศาลนั้นทำให้มนุษย์สิ้นเปลืองแรงและเวลามาก เช่น “วันนี้จะใส่ชุดแบบไหนดีนะ” “จะใช้ปากกาด้ามไหนดี”
เมื่อมีสิ่งของมาก ก็ทำให้เสียเวลาและแรงกายไปกับต้นทุนในการจัดการและการเลือก ในเชิงจิตวิทยาอธิบายเรื่องนี้ด้วยแนวคิด “ความย้อนแย้งของการมีทางเลือก” ในหนังสือ The Art of Choosing อธิบายไว้ว่า ยิ่งคนเรามีทางเลือกมากเท่าไหร่ ยิ่งเลือกยากและปวดหัวมากขึ้นเท่านั้น มิหนำซ้ำหลังจากเลือกแล้ว ยังทำให้รู้สึกเสียดายตัวเลือกที่ไม่ได้เลือกมากขึ้นด้วย สรุปคือ ยิ่งมีตัวเลือกมากเท่าไหร่ยิ่งไม่มีความสุข
ลองหาทางทิ้งสิ่งของที่ไม่ได้ใช้ดูบ้าง หรือไม่ก็ยกให้คนอื่นไปเสีย เพื่อลดตัวเลือกและช่วยให้เริ่มลงมือเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ดีกว่า
รูปลักษณ์ภายนอก
เวลาเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอก ส่วนที่ได้ผลมากที่สุดก็คือ “สีสันเสื้อผ้า” และ “บริเวณใบหน้า”
แค่ใส่สีเสื้อที่ต่างไปจากเดิม รูปลักษณ์ภายนอกก็จะเปลี่ยนไปทันที ส่วนการเลือกสีเสื้อนั้น ถ้าเป็นไปได้ก็ให้เลือกสีที่ตรงข้ามกับที่ใส่อยู่ประจำก็จะเห็นความต่างอย่างชัดเจน คนที่ใส่สีโทนเย็นก็เปลี่ยนเป็นโทนร้อน คนที่ชอบสีฉูดฉาดให้ลองเลือกสีพาสเทล ส่วนคนที่ชอบสีแดงก็ให้เปลี่ยนเป็นสีเขียว
อิทธิพลของสีมีมากมายมหาศาล คุณคงรู้สึกได้อยู่แล้วว่า หากคู่สนทนาแต่งตัวสดใส จะทำให้เกิดความรู้สึกเป็นมิตร สดใส และคุยเปิดใจได้ ตรงกันข้าม คนที่ใส่ชุดสีขาวดำคงมีภาพลักษณ์ว่า ท่าทางคุยด้วยยาก และดูเป็นคนจริงจัง
ขั้นตอนต่อไปคือ การเปลี่ยนบริเวณใบหน้า โดยจะได้ผลดีมากถ้าเลือกเปลี่ยนบริเวณที่สะดุดตาที่สุด เช่น เปลี่ยนทรงผม เปลี่ยนแว่น ลองสวมหมวกที่ปกติไม่เคยใส่ดู หรือคนปกติที่ใส่แว่นตา ลองเปลี่ยนมาเป็นใส่คอนแท็กต์เลนส์ เรื่องพวกนี้ทำได้ง่าย และเห็นผลทันที
มนุษย์แสดงพฤติกรรมของตนในลักษณะที่ตอบสนองต่อสิ่งรอบข้างเสมอ ดังนั้นเมื่อท่าทีของคนรอบข้างเปลี่ยน พฤติกรรมของเราก็จะเปลี่ยนไปเองโดยธรรมชาติ
ข้อมูลจากหนังสือ แด่คุณที่กลัวการเปลี่ยนแปลงมาตลอดชีวิต
วางขายแล้วที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ
สั่งซื้อออนไลน์
บทความอื่นๆ
กฎ 3 ข้อสู่การเปลี่ยนแปลงตัวเอง จากนักอ่านใจไดโกะ
เลือกเปลี่ยนชีวิต แบบทดสอบการเลือก ที่ส่งผลต่ออนาคตคุณได้
พลังแห่งคำพูดดี เปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้นได้
บทเรียนสำคัญแห่งชีวิตจากหน่วยซีล พัฒนาตนเองเพื่อทะลุทุกขีดจำกัด
เคล็ดลับความสำเร็จในการทำงานแบบประธานบริษัท
วิธีแก้ปัญหาในการทำงาน จากโนโบรุ โคยามา CEO ชื่อดังในประเทศญี่ปุ่น