การทำบุญแบบนี้ ได้บุญจริงหรือ? การทำบุญที่คุณอาจเข้าใจผิดมาตลอดชีวิต!

การทำบุญ ในทางพระพุทธศาสนามีหลายประเภท เช่น การให้ทานคนยากไร้ การทำบุญตักบาตรในวันสำคัญต่างๆ ฯลฯ แต่ก็ยังมีบางครั้งที่เราอาจกำลังทำบุญแบบผิดวิธีอยู่

มาดูกันว่า การทำบุญ ให้ถูกต้องและได้บุญสูงสุด ต้องทำอย่างไรบ้าง

ตักบาตรเทโวให้ได้บุญเต็มๆ

พอถึงวันออกพรรษา คนจำนวนมากจะออกไปยืนริมถนน หรือไปที่วัด เพื่อรอพระสงฆ์จำนวนมากที่จะเดินบิณฑบาต จากนั้นก็ช่วยกันนำข้าวสาร อาหารแห้งต่างๆ ใส่บาตรพระให้ครบทุกรูป เมื่อล้นบาตร ท่าก็จะส่งอาหารเหล่านั้นให้เด็กวัดใส่ลงถุง พระแต่ละรูป วัดแต่ละวัด ต่างก็ได้ข้าวสารอาหารแห้งไปจำนวนมหาศาล

ประเด็นที่น่าสนใจคือ “การทำบุญดังกล่าวเราอาจได้บุญไม่เต็มที่” และอาจทำให้พระที่ไม่รู้พระวินัยทำผิดศีลได้ ก่อนอื่นต้องมาดูกันว่า พระวินัยที่สำคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้มีอะไรบ้าง

พระห้ามทำอาหาร

ตามพระวินัยที่พระพุทธเจ้าบัญญัติ พระไม่สามารถประกอบอาหารได้ ถ้าทำจะอาบัติทันที แต่ถ้าแค่อุ่นอาหารที่ทำเสร็จแล้วให้ร้อนก็สามารถทำได้ เมื่อพระวินัยระบุแบบนี้ก็แปลว่า หากเราถวายข้าวสาร เนื้อสัตว์ดิบ อาหารแห้งบางประเภท เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป พระท่านจะปรุงเพื่อนำมาฉันไม่ได้ หรือจะบอกให้ฆราวาสนำไปปรุงมาถวายก็ไม่ได้เช่น เพราะหากมอบให้ฆราวาสทำจะถือว่าท่านได้สละอาหารนั้นแล้ว และไม่สามารถนำมาฉันได้อีก

 

พระห้ามฉันอาหารหลังเที่ยง

มีเพียงน้ำปานะ (น้ำที่คั้นจากผลไม้ซึ่งเล็กกว่าผลมะตูม รวมถึงน้ำใบไม้ทุกชนิดและน้ำดอกไม้ทุกชนิด) ที่พระสามารถเก็บไว้ฉันหลังเที่ยงได้ แต่ไม่สามารถเก็บไว้ฉันข้ามวันได้  ในขณะที่เภสัช 5 อันประกอบไปด้วย เนยใส เนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อย พระสามารถฉันได้ทั้งก่อนและหลังเที่ยง และสามารถเก็บไว้ได้นานถึง 7 วัน

เมื่อพระวินัยระบุแบบนี้ก็แปลว่า นอกเหนือจากน้ำปานะและเภสัช 5 พระไม่สามารถฉันอาหารอื่นหลังเที่ยงได้ การถวายน้ำปานะหรือเภสัช 5 ก็ต้องถวายแยกจากอาหารทั่วไป เพราะหากถวายพร้อมกัน พระท่านจะฉันได้แค่ก่อนเที่ยงเหมือนอาหารทั่วไปเท่านั้น

 

พระห้ามสะสมอาหาร

พระไม่สามารถเก็บอาหารที่ได้รับประเคน หรือใส่บาตรเรียบร้อยแล้วไว้ฉันในวันถัดๆ ไปได้ เมื่อพระวินัยระบุแบบนี้ แปลว่าอาหารที่เราถวาย ไม่ว่าจะมีจำนวนมากมายมหาศาลแค่ไหน พระท่านก็ต้องสละก่อนเที่ยงและไม่สามารถนำกลับมาฉันได้อีก ทั้งยังไม่สามารถนำมาปรุงหรือมอบให้เด็กวัดนำไปปรุงเพื่อฉันในวันถัดไปได้เช่นกัน

 

สรุปว่าถ้ายึดตามพระวินัย เราจะถวายอาหารที่ยังไม่ได้ปรุงสำเร็จ เช่น ข้าวสาร อาหารแห้งบางประเภทไม่ได้เลย เพราะพระต้องสละอย่างเดียวหากเป็นเช่นนั้นย่อมทำให้เราได้บุญไม่เต็มที่

วิธีตักบาตรเทโวที่ดีที่สุดคือ การถวายอาหารที่ปรุงสำเร็จ ส่วนใครที่อยากถวายอาหารแห้งก็ไม่ควรถวายพระโดยตรง แต่มอบให้เด็กวัดนำไปปรุงเพื่อถวายพระภายหลัง การทำแบบนี้พระจะไม่ผิดวินัย ได้นำอาหารไปใช้ประโยชน์เต็มที่อย่างเราตั้งใจ และเราก็จะได้บุญเต็มร้อยดังความปรารถนา

 

ใบอนุโมทนากับการหักภาษี

การนำใบอนุโมทนาไปหักภาษีก็เพื่อเป็นส่วนลดในการเสียภาษีของเรา ในขณะที่องค์กรที่ได้รับเงินบริจาคยังคงได้รับเงินจำนวนเท่าเดิม ไม่ว่าเราจะนำใบอนุโมทนาไปหักภาษีหรือไม่ก็ตาม ฉะนั้นจึงไม่ได้ส่งผลอะไรกับการได้บุญเพิ่มขึ้นหรือลดลงหรือได้บาป เพราะองค์กรนั้นคงได้เงินเท่าเดิม

บุญเป็นเรื่องของเจตนาล้วนๆ ซึ่งหมายความว่า การทำบุญด้วยเงินจำนวนเท่ากัน หากทำด้วยเจตนาที่บริสุทธิ์ย่อมได้บุญมากกว่าเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ เช่น หากทำบุญด้วยเจตนาว่าจะนำไปลดหย่อนภาษีถือว่าเป็นการทำบุญด้วยจิตที่ไม่บริสุทธิ์นัก ทำให้ได้บุญน้อยกว่าการทำบุญด้วยเจตนาที่อยากทำบุญนั้นจริงๆ

 

ความเข้าใจเรื่องธรรมทานที่ถูกต้อง

การทำบุญที่เรียกว่า “ธรรมทาน” นั้น ยังมีคนเข้าใจผิดอีกมากว่า เราสามารถทำบุญง่ายๆ ด้วยการซื้อหนังสือธรรมะให้คนอื่น พิมพ์หนังสือสวดมนต์ไปแจก หรือการส่งต่อข้อมูลเกี่ยวกับธรรมะ  สิ่งที่ต้องพิจารณาเป็นอย่างแรกคือ เนื้อหาในสื่อธรรมะอ้างอิงจากอะไร เพราะหนังสือธรรมะบางเล่ม เป็นสิ่งที่เขียนเอาเองว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ดี ถ้ามีเนื้อหาขัดแย้งกับพระไตรปิฎก ก็มักจะสอนไปในทางผิดๆ เช่น การสะเดาะเคราะห์ เครื่องรางของขลัง แก้ปีชง พิธีกรรมต่างๆ รวมไปถึงการสอนที่ผิดเพี้ยนไปจากคำสอนของพระพุทธเจ้า การให้สื่อธรรมะที่สอนคนไปผิดทาง ก็เท่ากับการให้ความรู้ผิดๆ นอกจากจะไม่ถือว่าเป็นธรรมทานแล้ว เรายังจะได้บาปติดมาด้วย

 

ข้อมูลจากหนังสือ แน่ใจหรือว่าถือวิถีพุทธ

วางขายแล้วที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ

สั่งซื้อออนไลน์ คลิก

 

---

บทความอื่นๆ

วิธีทำบุญที่ถูกต้อง ทำบุญอย่างไรให้ได้บุญไม่ใช่ได้บาป

7 วิธีตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ ตอบโจทย์ทั้งทางโลกและทางธรรม

หลุมพรางของคนชอบสวดมนต์ : 5 ข้อสังเกตที่บอกว่าคุณกำลังไปผิดทาง