[ทดลองอ่าน] บิงโกเกมฆาตกร “เปิดกฎฆ่า” / แพรวสำนักพิมพ์

บิงโกเกมฆาตกร

“เปิดกฎฆ่า”

ปฐมบทของผลงานระทึกขวัญชุดใหม่

จากปลายปากกาของปราปต์

ผู้เขียน “กาหลมหรทึก”

ติดตามการวางจำหน่ายได้ที่เพจ แพรวสำนักพิมพ์

(เวอร์ชันนี้สำหรับทดลองอ่าน ไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์) 

——————————————————————————————————————-

 

หน้า ๑

                   สัญญาลงนามเข้าร่วมเกมฆาตกร                   

ระเบียบการเข้าร่วมเกม

ว่าด้วยกติกาการเล่นเกมฆาตกร

พ.ศ. ๒๕๕๗

___________________

 

ข้อ  ๑      ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ เป็นต้นไป

ข้อ  ๒     ในระเบียบนี้

“ฆ่า” “ฆาตกรรม” “สังหาร” หมายถึง การกระทำใดๆ อันเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

“ฆาตกร” หมายถึง ผู้ที่กระทำการใดๆ อันเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

“ตาย” หมายถึง สภาวะเมื่อบุคคลใดๆ สิ้นสภาพการมีชีวิต โดยตัดสินจากการวัดสัญญาณชีพ

“เกม” หมายถึง บิงโกเกมฆาตกร

“ผู้เล่น” หมายถึง บุคคลใดๆ ที่ได้ลงนามในสัญญาเข้าร่วมเกม และยังไม่สามารถชนะเกมได้

“เจ้าหน้าที่เกม” หมายถึง เจ้าหน้าที่ผู้ดำเนินเกม

ข้อ ๓       การเข้าร่วมเกมเกิดขึ้นเมื่อบุคคลต้องการฆ่าคน แต่ไม่สามารถกระทำได้ด้วยตัวเองเนื่องจากเหตุใดๆ อาทิ เงื่อนไขทางกฎหมาย หรือข้อจำกัดทางสภาพเศรษฐกิจและสังคม จึงประสงค์ให้เกมฆ่าเป้าหมายแทนตนเป็นจำนวนหนึ่งคน ผู้ต้องการสมัครพึงขอให้ผู้เล่นอื่นส่งชื่อสมัครร่วมเป็นสมาชิกเกม เจ้าหน้าที่เกมจะตรวจสอบประวัติก่อนติดต่อกลับไปยังผู้ร้องขอเพื่อคุยรายละเอียด พร้อมมอบเครื่องวัดสัญญาณชีพให้สวมสำหรับติดตามความเคลื่อนไหวผู้ร้องขอ เจ้าหน้าที่เกมจะดำเนินการฆ่าเป้าหมายให้สำเร็จ จากนั้นผู้ร้องขอจะถูกผนวกเข้าเป็นผู้เล่นเกมโดยอัตโนมัติ และจะสามารถล็อกอินเข้าตารางบิงโกเริ่มต้นขนาด ๒ คูณ ๒ ได้

ข้อ ๔       ในแต่ละช่องของตารางบิงโกจะมีใบหน้าและชื่อของผู้เล่นรายอื่นแสดงอยู่ รูปเหล่านี้เกมเป็นผู้สุ่มให้ ผู้เล่นเจ้าของตารางสามารถกดเข้าชมรายละเอียดของผู้เล่นในตารางได้เพื่อทำการติดตามค้นหา และสังหาร

ข้อ ๕       ผู้เล่นจะออกจากเกมได้ต่อเมื่อได้รับชัยชนะ กล่าวคือสามารถติดตามฆ่าผู้เล่นรายอื่น ดังที่ปรากฏอยู่ในแต่ละช่องของตารางตัวเอง จนสามารถลากเส้นขีดฆ่าได้เป็นเส้นตรงแนวตั้ง แนวนอน หรือแนวทแยง จากด้านหนึ่งจรดด้านตรงข้าม หรือมุมหนึ่งจรดมุมตรงข้าม

ข้อ ๖       การทำร้ายหรือฆ่าผู้เล่นรายอื่น สามารถกระทำด้วยวิธีใดๆ หรือใช้อาวุธใดๆ ก็ได้ โดยผู้เล่นทุกคนจะได้รับความคุ้มครองให้พ้นจากอำนาจกฎหมายรัฐด้วยประการทั้งปวง อย่างไรก็ตาม ความคุ้มครองนี้ไม่ครอบคลุมถึงการทำลายทรัพย์สิน ร่างกาย หรือทำลายชีวิตบุคคลนอกเกมมิว่าด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ

ข้อ ๗       ผู้เล่นใหม่จะได้รับความคุ้มครองพิเศษเป็นเวลาสามสิบวันหลังจากเริ่มเกม ในระหว่างนี้รูปและชื่อจะไม่ปรากฏขึ้นในตารางผู้เล่นรายอื่น

 

หน้า ๒

 

 

ข้อ ๘       หลังจากครบทุกสามสิบวัน หากผู้เล่นยังไม่สามารถชนะเกม ตารางจะเพิ่มคอลัมน์และแถวมาอย่างละ ๑ คูณ ๑ โดยอัตโนมัติ

ข้อ ๙       กรณีที่บุคคลในช่องตารางถูกฆ่าตายโดยผู้เล่นรายอื่นหรือเหตุใดๆ เกมจะสุ่มเป้าหมายรายใหม่ขึ้นมาแทน เพื่อให้ผู้เล่นที่ไม่ได้เป็นผู้ฆ่า สามารถเล่นเกมต่อไป

ข้อ ๑๐     กรณีที่ผู้เล่นแนะนำผู้เล่นหน้าใหม่เข้าเกม แล้วผ่านการตรวจสอบจากเกมจนลุล่วง สามารถเลือกขีดฆ่าช่องใดช่องหนึ่งในตารางของตนเองได้

ข้อ ๑๑     ผู้เล่นต้องเก็บข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับเกมเป็นความลับ หากเปิดเผยเกมต่อบุคคลภายนอกไม่ว่าด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ จะมีความผิด พิจารณาการเอาผิดตามสัดส่วนความเสียหาย

ข้อ ๑๒    การถอดเครื่องวัดสัญญาณชีพของตนออกโดยพลการ ถือเป็นความผิดร้ายแรง เทียบสัดส่วนความเสียหายด้วยชีวิตของผู้เล่นนั้นๆ

ข้อ ๑๓     การแลกใช้สิทธิพิเศษ (กดดูหัวข้อถัดไป)

. . . . . . . . . .

 

 

วันแรกในเกม

ผมปิดหน้าจอแสดงกติกาในแอปปลิเคชั่นบิงโก ที่จริงเกมยอมให้ผู้สมัครเข้าถึงหน้านี้ได้ตั้งแต่ตอนเริ่มทำสัญญากัน และผมก็เคยอ่านมันไปแล้ว — ถึงจะแค่ไม่กี่หน และอย่างไม่ละเอียดนักก็เหอะ แปลกดีที่สัญชาตญาณพามาหยุดตรงหน้านี้ แทนที่จะเป็นหน้าอื่นๆ ซึ่งเพิ่งได้รับอนุญาตให้เข้าถึงได้เมื่อเช้า อันเป็นสัญญาณว่าเป้าหมายที่ผมเลือกไว้ ถูกฆ่าตายเรียบร้อย

เรียกเว็บเบราเซอร์ขึ้นแสดงแทน มันยังค้างอยู่ที่หน้าข่าวการเสียชีวิตของ นาย ปิติณรงค์ ท้าวสันเทียะ ชายวัยห้าสิบกว่า เจ้าของตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายขายพื้นที่เช่า จากบริษัทบริการที่ปรึกษาและธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่ง เนื้อข่าวรายงานว่าผู้ตายทะเลาะวิวาทกับผู้ใช้ถนนอีกรายที่ขับมาเฉี่ยวชน เป็นเหตุให้อีกฝ่ายบันดาลโทสะชักปืนขึ้นยิง แล้วหลบหนีไปยังจับตัวไม่ได้จนบัดนี้

ดูเหมือนว่านั่นจะเป็นการจัดฉากของเกม เพื่อจัดการเป้าหมายตามที่ผมร้องขอ แม้ว่าในช่อง ‘เหตุผลที่ให้ฆ่า’ ผมจะกวนตีนตอบไปว่า ‘แค่อยากให้มันตาย’

แต่นั่นก็เป็นความจริง

ที่จริงยิ่งกว่า คือผมไม่รู้จักไอ้แก่นั่นด้วยซ้ำ

“เป็นอะไร” คำถามดังจากคนข้างๆ ในที่นั่งคนขับ เสียงของฟูกไม่ได้แผ่วเล็กและหวานใสอย่างตัวการ์ตูนญี่ปุ่นอีกต่อไป ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เริ่มทุ้มต่ำเป็นเสียงคนทั่วไป…คนทั่วไปที่มีความลับ

เมื่อผมยังไม่ตอบ ดวงหน้ารูปหัวใจผินจากหน้ารถมาหา “เธอหนักใจเรื่องฆ่าคนเหรอ”

“ใครบอก” ผมเลิกคิ้วนิ่ง

มุมปากทาลิปมันเป็นสีชมพูระเรื่อของฟูกกระตุกขึ้นนิดหนึ่ง ไม่เชิงยิ้ม ไม่ใช่ทั้งรอยยิ้มธรรมชาติ หรือยิ้มจงใจอย่างที่ใครๆ มักชินตา

ลูกฟูกเป็นผู้หญิงตัวเล็ก หัวโตๆ ตาโตๆ ปากนิดจมูกหน่อย เส้นผมน้อย ใครก็ว่าน่าเอ็นดู เธอพอจะใช้รูปร่างหน้าตาหากินด้วยการรับจ้างเป็นพริตตี้ ส่วนมากเป็นพวกแต่งคอสเพลย์เข้ากับบุคลิกแอ๊บแบ๊วมากกว่าแต่งชุดเซ็กซี่ จะว่าไปก็เพราะแม่ให้ ‘ของ’ มาน้อยจนตกมาตรฐานพริตตี้ส่วนใหญ่ แต่มันไม่เป็นปัญหากับผมนี่

เรื่องที่เป็น ‘ปัญหา’ คือรอยช้ำตรงมุมปากนั่นต่างหาก ถึงตอนนี้จะจางลงมาก แต่ในสายตาผม รอยนั่นยังชัดไม่ต่างจากวันแรกที่ได้เห็น

ฟูกนี่เองที่ทำให้ผมเข้าร่วมเกม แลกกับความตายของไอ้ปิติณรงค์

เปล่า มันไม่ได้เป็นคนทำให้เกิดรอยช้ำ

แต่มันเป็น ‘ต้นเหตุ’ ที่ก่อให้เกิดรอยช้ำ!

ผมถอนหายใจหงุดหงิดขึ้นมา ฟูกเองก็คงจะรู้ว่าเพราะอะไร จึงเบนกลับไปเพื่อให้รอยช้ำพ้นสายตาผม

ช่วยไม่ได้ที่ประโยคถัดไปของผมยังร้อน พยักเหมือนจะชี้ไปยังมุมปากอีกฝั่งซึ่งมองไม่เห็นแล้ว “แล้วกับไอ้คนทำนั่นจะว่ายังไง”

รถคันนี้เป็นของผม พูดให้ถูกคือแม่ซื้อให้ แม้จะหัดให้ฟูกขับด้วยตัวเอง แต่ปกติผมไม่เคยปล่อยให้เธอรับหน้าที่สารถี กระนั้น วันนี้เรามีภารกิจสำคัญ และผมเชื่อมั่นในฝีมือตัวเองมากกว่าเธอ

คนขับพยายามใช้คำพูดและน้ำเสียงเพื่อหรี่ไฟในใจผม “บอกแล้วไงว่าเราไม่รู้จักมัน”

เถอะ! ถึงทำท่าอย่างนั้นแต่อย่านึกว่าผมไม่รู้ คนเรา—ที่จริง— ‘คนอย่างเธอ’ งำความแค้นไว้ได้ลึกและยาวนานขนาดไหน!

อย่างจะปลอบขวัญ เพราะถึงอย่างไรเธอก็คือคนของผม อยู่ในความดูแลของผม ผมยกมือพาดไปนวดหลังคอฟูกเบาๆ “เราจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนี้กับเธออีก”

“ขอบใจ” ฟูกตอบ ผมคงหูฝาด เพราะมันเหมือนขอไปที ทั้งที่น่าจะมีความหมายกับเธอมากๆ ครั้นพยายามพินิจ คนข้างๆ ก็ยังไม่หันมา ทำคล้ายไม่รู้สึกว่ากำลังถูกจ้อง นั่นทำให้การตีความสายตาจากด้านข้างช่างยากเย็น

ผมดึงสายตากลับมาขณะที่มือยังค้างอย่างนั้น เธอคงงอนขึ้นมา มันจะมีความหมายเป็นอย่างอื่นอย่างไรได้ ในเมื่อผมยอมเอาตัวเองเข้ามาเสี่ยงเพื่อเธอขนาดนี้แล้ว

ใช่ และผมหมายความตามนั้นจริงๆ เราจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนี้กับเธออีก

บางที…อาจเพราะประสบการณ์นั้นร้ายกาจเกินไปสำหรับผู้หญิง เธอจึงไม่อยากระลึกถึงมันไม่ว่าทางใด

แต่ก็เพราะประสบการณ์ร้ายกาจนั้นนั่นละ ฟูกถึงยอมเปิดปากเล่าความจริงให้ผมฟังได้ หลังจากทำตัวแปลกๆ มาเป็นเดือนๆ

. . . . . . . . . .

 

เพราะช่วงสายมัวเสียเวลากับการเช็กข่าวและหาข้อมูลเกี่ยวกับเป้าหมาย กว่าจะขับมาถึงที่นี่จึงเป็นเวลาเย็นมากแล้ว หมู่บ้านจัดสรรแห่งนี้เก่าโทรม บางหลังคล้ายถูกทิ้งร้าง อาจเพราะตัวโครงการไม่ได้รับการดูแลที่ดี จากหมู่บ้านสำหรับคนรายได้น้อยหลายพันหลังเมื่อหลายสิบปีก่อน เดี๋ยวนี้จึงมีสภาพดุจชุมชนแออัด ถนนใหญ่ที่ตัดผ่านเพื่อเชื่อมโครงการแต่ละเฟสเข้าด้วยกันกลายเป็นถนนสายหลักที่ใครจะเข้าจะออกก็ได้ ไม่มีการรักษาความปลอดภัยใดๆ ทั้งสิ้น

ปลายทางของเราเป็น ‘ปลายทาง’ จริงๆ ตัวบ้านสองชั้นตั้งอยู่ริมสุดโครงการ มีรั้วคอนกรีตโปเกกั้นตัวบ้านจากทุ่งนาไพศาลชานเมือง แผ่นดินทรุดยังผลให้มันแตกร้าวและพับเป็นแนวคลื่น ช่วงล่างบางส่วนเกิดเป็นรูโหว่น่าหวาดเสียว

เวลานี้ตัวบ้านยืนทะมึน นอกจากแดดสุดท้ายของอาทิตย์แดงฉานด้านหลัง ไม่มีแหล่งกำเนิดแสงใด ไม่มีสุ้มเสียงอื่นเว้นแต่สายลมต้นฤดูแล้งและเหล่าแมลงกลางทุ่ง ราวกับพวกมันชวนกันประกาศให้ผมกับคนรักได้รู้ ไม่มีใครอยู่ในบ้านนี้

“แต่แอปมันก็บอกว่าที่นี่” ฟูกยังก้มจ้องหน้าจอโทรศัพท์มือถืออย่างตั้งคำถาม

แอปปลิเคชั่นบิงโกมีพื้นหลังดำสนิท ครั้งแรกที่โหลดมาสมัคร มันบังคับให้กรอกประวัติส่วนตัวและรายชื่อ ‘ผู้แนะนำ’ เข้าเกม ที่สำคัญต้องยอมรับเงื่อนไขไม่แพร่งพรายข้อมูลใดๆ ให้คนภายนอกล่วงรู้ จากนั้นรอจนกว่าข้อมูลจะได้รับการตรวจสอบเรียบร้อย เจ้าหน้าที่ในเกมจึงจะตัดต่อกลับมาเพื่อนัดอธิบายกติกา (ที่จริงอ่านเองก็ได้) ถ่ายรูปเต็มตัว และครึ่งตัวด้านหน้า ด้านหลัง ด้านข้างทั้งสองข้าง เพื่ออัพเดทลงในหน้าประวัติของเรา แล้วสอบถามเป้าหมายที่ผู้สมัครใหม่ต้องการให้เกมช่วยฆ่า ท้ายสุดจึงมอบเครื่องวัดสัญญาณชีพให้ติดไว้ตรงหน้าอก

ฟูกเล่าว่า แม้เกมไม่ได้กำหนดแน่นอนว่าจะจัดการเป้าหมายในกี่วัน แต่ส่วนใหญ่ก็มักเรียบร้อยไม่เกินสามวัน ราวกับว่าพวกมันมีเครือข่ายนักฆ่ามือฉมังโยงใยเต็มไปหมด จะเข้าถึงใครก็ได้ หรือจะฆ่าด้วยวิธีไหนก็ง่ายเท่าปอกกล้วย

รายของผม เพียงสามสิบชั่วโมงนับจากแจ้งชื่อเป้าหมายให้เจ้าหน้าที่เกม โทรศัพท์มือถือผมก็ได้รับสัญญาณเตือนจากแอปปลิเคชั่น ปิติณรงค์ถึงที่ตาย ความแค้นของฟูกได้รับการสะสาง แล้ววันแรกในเกมของผมก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ

หลังจากเจรจากับเจ้าหน้าที่เกมในชุดคล้ายพนักงานส่งของเมื่อครั้งนั้น ฟูกจึงได้รับอนุญาตให้บอกผมทุกเรื่องราวเกี่ยวกับเกม แฟนสาวยอมเผยหน้าจอแอปปลิเคชั่นของเธอให้ผมเห็นเป็นครั้งแรก มันดูง่อยๆ ไม่มีอะไรซับซ้อน จากหน้าแรกที่ต้องล็อกอินด้วยลายนิ้วมือทุกครั้ง หน้าจอจะแสดงภาพตารางบิงโกของเรา สำหรับฟูกนั้นยังเป็นตารางขนาด 2×2 แต่ละช่องมีรูปถ่ายหน้าตรงของเป้าหมายพร้อมกำกับชื่อไว้ดังนี้

 

ตารางของลูกฟูก

บานเช้า

ชัยพฤกษ์

ทวี

พลิ้ว

 

ตารางนี้สามารถซูมขยายขนาด ครั้นกดเข้าไปจะพบข้อมูลประวัติของผู้เล่นรายนั้นๆ ชื่อ ชื่อสกุล ชื่อเล่น อายุ น้ำหนัก ส่วนสูง ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน ที่อยู่ที่ทำงานหรือสถานศึกษา สาเหตุที่เข้าร่วมเกม สิทธิพิเศษที่เลือกใช้ และรูปถ่ายที่เจ้าหน้าที่เกมเคยถ่ายไว้

ด้านข้างตารางมีปุ่มกดขอใช้สิทธิพิเศษอื่นๆ ผมกับฟูกเห็นตรงกันว่าไม่ควรให้ความสนใจ ในเมื่อแต่ละสิทธิต้องยอมแลกด้วยการขยายขนาดตารางออกไปตามแต่ข้อกำหนดของเกม

ทันทีที่ปิติณรงค์ถูกส่งไปปรโลก และผมเองย่างเท้าเข้าโลกของเกมประหลาดนี่เต็มตัว ตารางของลูกฟูกก็อัพเดทตามที่เธอได้แจ้งเจ้าหน้าที่เกมไว้ นั่นคือเลือกให้ขีดฆ่าช่องหนึ่งแลกกับการแนะนำผู้เล่นเข้ามาใหม่ได้สำเร็จ

 

ตารางของลูกฟูก

บานเช้า

ชัยพฤกษ์

ทวี

 

เหตุที่ฟูกเลือกคนชื่อพลิ้ว ไม่ใช่เพราะรายนั้นดูจะเป็นผู้เล่นที่เอาชนะยากที่สุด – แน่ละ เจ้าหล่อนเป็นเพียงอดีตนางโชว์วัยกลางร่างอึ๋ม ที่ดูจะต้องอาศัยเครื่องสำอางรักษา ‘ภาพ’ พอสมควร ฟูกตัดสินใจเลือกรายนี้เพราะอ่านประวัติแล้วสะท้อนใจในความพ้องกับเรื่องของตัวเอง เลยเถิดถึงขั้นคิดว่ายายพลิ้วนั่นเหมือนคนเคยรู้จักผ่านตา

‘—ถูกคนมีเงินไล่ออกจากงาน แถมมันยังรังแกจนเปิดร้านอะไรต่อในพื้นที่นั้นไม่ได้–’

ตอนที่เล่า ดวงตากลมโตของฟูกแดงเรื่อ และริมฝีปากบางก็คอยแต่จะเม้มหาย ราวกับว่านั่นเป็นเรื่องของตัวเอง

ผมเคยรู้เรื่องบาดแผลนั้นของเธอ ปกติฟูกขี้อ้อนเหมือนเด็กสาวในวงไอดอลสไตล์ญี่ปุ่น แต่ทุกทีที่หัวข้อสนทนาพาดพิงถึงเรื่องนี้ ตาของเธอจะแข็งขึ้น แสดงแววเจ็บปวดลึกล้ำ แล้วน้ำเสียงก็เปลี่ยนไปจนคล้ายๆ เสียงเดี๋ยวนี้

‘—พ่อเราถูกเลย์ออฟ ตอนแรกก็พยายามจะมาเปิดร้านอาหารกับลุงชุม–’ เธอหมายถึงนายชุมสาย พ่อของชมพูนุท อดีตเพื่อนสนิทที่หลังๆ ฟูกหมางเมินไป ‘แต่ไปๆ มาๆ มันขายไม่ดีจนล่ม พ่อก็เลย…ก็เลยให้แม่ เรา กับน้องสาวกินยา แล้วเขาก็กินตาม…’

ฟูกเป็นคนเดียวที่รอดชีวิต แต่ชีวิตที่รอดมาก็ไม่สบายนัก ต้องอาศัยอยู่กับญาติ ช่วยงานในบ้านเหมือนคนรับใช้ ขณะที่ลูกของทางนั้นไม่ต้องกระดิกทำอะไรสักอย่าง

จากงานในบ้าน แฟนของผมต้องเขยิบออกมาหางานข้างนอกเพื่อจุนเจือเรื่องเงิน เพิ่งจะหลังจากที่เราคบกันนี่เอง ความเป็นอยู่ในชีวิตของฟูกจึงดีขึ้น

คนรักไม่เคยลงรายละเอียดลึกไปกว่านั้น แต่ท่าทางในแต่ละทีที่เล่าก็ประกาศชัดว่าสาหัสปวดเจ็บ ผมจึงไม่แปลกใจเลย ตอนที่รู้ว่าเธอถลำเข้าเกมเพี้ยนๆ นี่เพื่อแก้แค้น

‘—เราเพิ่งจะสืบรู้เมื่อไม่นานนี้เอง จริงๆ ร้านอาหารที่พ่อเปิดมันยังพอจะไปต่อได้ แต่ที่ล่ม เป็นเพราะมีคนตั้งใจจะให้ล่มต่างหาก!

‘ลุงชุมตัดช่องน้อยแต่พอตัว แกแอบไปตกลงยกเลิกสัญญากับไอ้ปิติณรงค์ สมัยนั้นมันยังเป็นคนดูแลพื้นที่ให้เช่าของอาคาร ปิติณรงค์โน้มน้าวให้ลุงทำอย่างนั้นเพราะมันรู้จักกับคนเช่าคนใหม่ที่อยากได้ที่จนตัวสั่น’

ฟูกจึงวางปึ่งกับอดีตเพื่อนรัก แล้วก็ตัดสินใจเลือกให้เกมฆ่านายชุมสาย เหลือปิติณรงค์ที่ ‘โทษเบาหน่อย’ ไว้ก่อน จนกระทั่งเรื่องทั้งหมดถูกถ่ายทอดสู่ผม ฟูกจึงขอให้ผมใส่ชื่อไอ้ปิติณรงค์ในช่องเป้าหมายที่อยากให้เกมพิฆาต แลกกับการเข้าร่วมเกมเพื่อตามหาคนที่ทำร้ายเธอ และต้องฆ่าคนอีกสองคนในตารางที่เพิ่งถูกแสดงขึ้นเมื่อเช้า

 

ตารางของขีดขิน

ขวัญยืน

เตชะพิทย์

ยูตะ

เผ่าเทพ

 

พูดตามตรง ผมแทบไม่ได้สนใจเปิดดูด้วยซ้ำ ใจจดจ่อกับคนในตารางของฟูกมากกว่า ตอนนี้เวลาในเกมของเธอกำลังนับถอยหลัง อีกเพียงสิบวันก็จะครบกำหนดที่ตารางจะขยายเป็น 3×3

กำหนดการที่ฟูกจะถูกล่า

. . . . . . . . . .

 

“แล้วยี่สิบวันก่อนหน้านี้ทำอะไร” ผมกระชับเป้ที่พกติดตัวมา ชะเง้อผ่านประตูรั้วเหล็กดัดสนิมกรังเข้าไปในตัวบ้าน

“ก็หาคนอื่นอยู่ ไม่ได้คิดว่าจะ…ทำคนนี้”

จนถึงตอนนี้ คำว่า ‘ฆ่า’ ก็ยังดูจะหนักเกินไปสำหรับฟูก ต่อให้เธอจะเคยย้ำกับผมเองว่า ‘มันไม่ยากหรอก ยังไงคนที่เข้ามาในเกมก็เป็นคนเลว เป็นฆาตกรด้วยกันทั้งนั้น’

“คนนั้นก็ตัดออก คนนี้ก็ไม่เอา แล้วจะเอาคนไหน”

เจ้าของบ้านหลังที่เรายืนอยู่ข้างหน้านี้คือชายชื่อชัยพฤกษ์ จากหน้าประวัติ เป็นชายวัยราวสี่สิบ รูปร่างผอม บริเวณลำคอมีรอยแผลเป็นขนาดยาว ในประวัติระบุว่าเป็นโรคประหลาดชื่อไฟโบรมัยอัลเจีย มันก่อให้เกิดอาการปวดเรื้อรังตามร่างกายจนนอนไม่ได้ เหนื่อยง่าย เครียดและซึมเศร้า สาเหตุการเข้าร่วมเกมที่เจ้าตัวแจ้งไว้ได้แก่ ‘ต้องการผู้ช่วยทำการุณยฆาต’

“ก็เขาป่วย มาทำเขาก็เหมือนทำร้ายคนไม่มีทางสู้ เราเลยสนใจบานเช้ากับทวีมากกว่า”

“ป่วยจริงรึเปล่าก็ไม่รู้ แล้วที่ว่าไปสนใจอีกสองรายนั่น ก็ยังไม่เห็นได้อะไรอยู่ดี” ผมบ่น นิสัยเอาแต่ใจแก้ได้ยาก โดยเฉพาะเมื่อคบกับคนรักที่อยู่ในสถานะต้องพึ่งพาเราแทบทุกอย่าง

นี่พอเครื่องติดแล้ว เดี๋ยวผมก็จะวนกลับไปเรื่องเก่า เป็นต้นว่า…แค่อยากให้คนสองคนตาย ทำไมไม่ปรึกษาก่อน ถึงผมจะไปจัดการคนเลวพวกนั้นให้ไม่ได้ แต่เงินอำนวยความสะดวกได้ แทนที่จะต้องลงมาเล่นเกมบ้าบออะไรอย่างนี้

ฟูกเองก็รู้ดี และคงเบื่อจะบอก ‘ก็เราเกรงใจ กวนเธอบ่อยไปแล้ว’

เธอจึงทำเหมือนทุกที แสร้งเหความสนใจของผมไปยังเรื่องอื่นด้วยเสียงดัดเล็ก และท่าทางเหมือนตัวการ์ตูนน่ารัก “เอ๋ หรือว่าจะไปโรงพยาบาลน้า”

“เกิดกลัวตายจริงๆ ขึ้นมามากกว่า” เสียงผมยังลงน้ำหนักด้วยอารมณ์ แต่คงเพราะอารมณ์นั้นถูกเบี่ยงไปที่คนอื่นแทน แฟนสาวจึงไม่ต้องฉวยกลยุทธ์เดิมมาใช้

“มีอะไรรึเปล่า” ผมถามเมื่อเห็นเธอนิ่งลง

“เพิ่งนึกได้น่ะ มันอาจเป็นอย่างที่เธอพูดก็ได้ คนพวกนี้ย้ายที่อยู่หนีกันหมดเพราะไม่อยากให้คนอื่นๆ ในเกมตามเจอ แต่เรา…”

ในหัวฟูกคงไม่ทันหาทางหนีทีไล่เตรียมไว้เลย ผู้หญิงก็อย่างนี้!

ผมส่ายหน้า ปลอบไปว่า “ไม่เป็นไรหรอก ยังไงคอนโดเราก็มียามหลายคน เขาไม่ปล่อยให้คนแปลกหน้าเข้ามาง่ายๆ แน่–”

คำท้ายขาดไปดื้อๆ จู่ๆ เสียงสวบสาบดังขึ้นข้างหลังพร้อมความรู้สึกคล้ายถูกจ้อง ครั้นผมกับฟูกหันกลับไปก็พบแต่ความเปล่าว่าง

ไม่มีใครอยู่บนถนนในซอยหมู่บ้านเงียบร้างนี่สักคน

“กลับกันเถอะ” แฟนสาวก้าวมากระซิบใกล้ มือที่แตะแขนผมเย็นเฉียบ

ผมรั้งมือหนี คนอย่างขีดขินไม่มีอะไรให้กลัว

กำลังจะก้าวหาที่มาของเสียง มือของฟูกก็ดึงไว้อีก

ก่อนที่ผมจะหงุดหงิดใส่ เธอบอกเบา “เมื่อกี้ที่เธอบอกว่าชัยพฤกษ์อาจไม่ได้ป่วยจริง บางทีเขาจะ…”

ผมชะงัก

มือล้วงลงกระเป๋าเป้ที่สะพายมา ควานหาของที่ซุกก้นเป้…

บางทีชัยพฤกษ์อาจหลอกให้ศัตรูตายใจ แล้วก็เดินเข้ามาในกับดัก!

ดันฟูกไปด้านหลัง เป็นจังหวะเดียวกับเสียงแสกสากดังอีก

ปืนกระบอกเล็กในมือถูกดึงขึ้นเล็ง

สิ่งที่ปรากฏต่อตากลับเป็นตะกวดตัวใหญ่ มันปีนขึ้นจากหลุมใต้กำแพงบ้านหลังข้างๆ

“ขิน!” ฟูกสะอึกมาเกาะแขนด้วยความกลัว ผมยอมรับว่าตัวเองก็ใจหายวาบ

สัตว์เลื้อยคลานตัวมหึมาแลบลิ้นจ้องตรงมาที่เราเช่นกัน การเคลื่อนไหวของมันพลอยทำให้ของบางอย่างที่ถูกทิ้งอยู่แถวนั้นขยับขึ้น

หน้ากาก

หน้ากากหน้าคน ไร้สีสัน มีเพียงร่องรอยบาดแผลทั่วไป จนแทบเชื่อได้ว่าเป็นแผ่นหนังใบหน้ามนุษย์!

ผมกลืนน้ำลายตั้งสติ บอกตัวเองได้

หน้ากากแบบคนร้ายในหนังฮาโลวีนต่างหาก!

“กลับกันเถอะ ม่ะ…ไม่ดียังไงไม่รู้”

ทั้งที่เคยหัวเราะเยาะผู้หญิงว่าเชื่อเรื่องโชคลางโง่ๆ ถึงตอนนั้นกลับรู้สึกแบบเดียวกัน โดยเฉพาะเมื่อกวาดสายตาพบว่าที่หน้าต่างของบ้านเก่าโทรมหลังหนึ่งมีเงาใครยืนอยู่ ต่อเมื่อเห็นผมจ้องเข้า เจ้าตัวก็รีบรูดม่านผลุบหาย

“ไปที่รถ” ผมเบี่ยงปลายคางเป็นเชิงชี้บอกคนข้างๆ มือยังกำอาวุธแน่น…

. . . . . . . . . .

-2-

 

หลังจากล้มเหลวในเคสชัยพฤกษ์ ฟูกกับผมก็หันมาสืบข้อมูลฝั่งทวีและบานเช้าแทน

รายบานเช้านั้นมีที่อยู่ตามทะเบียนบ้านในจังหวัดสระบุรี ก่อนหน้านี้ฟูกเคยค้นเบอร์โทรศัพท์จนเจอและโทรไปแสร้งถาม ได้ความว่าเจ้าหล่อนเดินทางเข้ามาทำงานในกรุงเทพนานโขและไม่เคยกลับบ้านอีก ชื่อโรงงานเย็บผ้าที่ได้มาก็เป็นโรงงานที่เลิกกิจการไปแล้ว จึงยากจะตามต่อ ครั้นมีผมร่วมโจนลงเรือลำเดียวกัน ผมก็ได้พาเรือเล็กๆ ของเราโต้คลื่นไปถึงต้นทาง เพื่อจะได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากญาติเพียงแค่ นอกจากตัวบานเช้าเอง พี่น้องฝาแฝดชื่อบานเย็นก็เดินทางเข้ากรุงมาพร้อมกันด้วย ทั้งคู่น่าจะทำงานอยู่ที่เดียวกันตลอด

คิดว่าข้อมูลนี้น่าจะช่วยจำเพาะตัวเป้าหมายได้มากขึ้น เราจึงตามต่อไปยังละแวกที่โรงงานเย็บผ้าดังกล่าวเคยตั้งอยู่ ถามหาร้านรวงและชาวบ้านว่าพอจะรู้จักฝาแฝดสาวชื่อเช้าชื่อเย็นบ้างหรือไม่ ปรากฏว่ามีสองสามรายที่จำได้ ถึงกระนั้นก็ไม่รู้อยู่ดีว่าย้ายไปไหนแล้ว

ด้านทวีเป็นคนกรุงเทพ จากข้อมูลเดิมที่ฟูกรวบรวมได้ เจ้าตัวเป็นลูกชายคนโตของครอบครัวยากไร้ฝั่งธนบุรี ตัวทวีเอง ตั้งแต่เล็กถูกส่งเข้าสถานสงเคราะห์ซึ่งก่อตั้งโดยบาทหลวงชาวอิตาเลียน น่าอัศจรรย์ใจว่ามันอยู่ไม่ไกลจากคอนโดผมนี่เอง ภายใต้ศรัทธาในความรักของพระผู้เป็นเจ้า ทวีเติบโตมากับเพื่อนกำพร้าและเด็กถูกทอดทิ้งอีกหลายสิบคน เจ้าตัวเชื่อมั่นในคำสอนของคุณพ่อบาทหลวง เมื่อเพื่อนตบแก้มขวา ทวีจะยื่นใบหน้าฝั่งซ้ายให้ ใครๆ ก็ว่าเจ้าตัวเป็นคนจิตใจดีจนน่าจะได้บวชเรียนและเป็นผู้ช่วยดูแลเด็กๆ รุ่นต่อไป เสียแต่เนื้อแท้ของทวีเป็นพวกอยู่ไม่สุข คนรอบๆ สถานสงเคราะห์คุ้นเคยกับภาพเด็กชายปีนป่ายขึ้นกำแพงเพื่อหนีจากชั่วโมงเรียน บางครั้งตกลงมาบาดเจ็บ แต่ทวีไม่เคยเข็ด ความทรมานจากวิชาการดูจะทำให้เจ้าตัวเข็ดหลาบยิ่งกว่า พอหนีออกมาได้ ก็จะเตร่กลับไปที่บ้าน

อาจเพราะยังติดต่อกับทางนั้นอยู่ไม่ขาด เข้าวัยหนุ่มทวีจึงออกมาทำงานส่งเงินให้ครอบครัว ขณะเดียวกันก็ยังมีน้ำใจให้คนรอบข้าง และหาโอกาสช่วยงานคุณพ่อบาทหลวงเสมอ ทวีรักงานส่งอาหาร นัยว่ามันเติมเต็มจิตใจ แม้ไม่มีทรัพย์มากพอจะเผื่อแผ่คนยากไร้ประทังความหิว อย่างน้อยเจ้าตัวก็ได้ช่วยขนส่งเพื่อบำบัดความหิวนั้น

ตอนที่ฟังเรื่องทั้งหมด ผมถึงกับคัน ถ้ามันดีขนาดนั้นจู่ๆ จะมาร่วมเกมประสาทแดกนี่ทำไม!

ปัจจุบันทวีเช่าบ้านอยู่กับเมีย รายเมียบอกว่าราวหนึ่งเดือนที่ผ่านมา สามีไม่กลับบ้าน ย้ายไปพักกับน้องสาวแถวหนองแขมเพราะใกล้ที่ทำงานใหม่ ต่อเมื่อติดตามไปพบน้องสาว รายนั้นก็บอก พี่ชายไม่ได้กลับทุกวัน เห็นว่าเร่งเก็บเงินด้วยการวนรถรับส่งอาหารจนดึก บางคืนจึงต้องไปขออาศัยร่มเงาสถานสงเคราะห์เดิม

อย่างไรก็ตาม หลังจากลองโทรถามบาทหลวงผู้ดูแลที่แห่งนั้น สถานสงเคราะห์ยังคงไม่ใช่จุดหมายซึ่งชายวัยกลางใช้ซุกหัว ยังมีที่พักอีกแห่งไม่ไกลจากสถานสงเคราะห์ด้วย

ฟูกอยากจะขอให้คนพวกนั้นช่วยโทรแจ้งหากพบทวี แต่ก็เกรงเป้าหมายจะรู้ตัว ดีไม่ดีหากคนรอบๆ ช่วยระวังจะยิ่งเจอตัวลำบาก ผมชมเชยว่าเธอคิดถูก ในที่สุดเราจึงวางแผนแยกกันดำเนินการ

‘ตอนนี้ทวีมักจะตระเวนไปพักสี่ที่ ถ้าเราวางคนคอยจับตาไว้ทุกที่ อย่างน้อยเร็วๆ นี้จะต้องมีสักคนเจอตัวมัน’

‘แต่เรามีกันแค่สองคน…’ ฟูกท้วง

ผมเห็นว่าเรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหา มีเพื่อนหลายคนที่พอจะไหว้วาน แต่ถึงอย่างนั้นฟูกก็ยังค้าน

‘แล้วถ้าเพื่อนเธอถามว่าทำไปทำไม เธอคิดว่าจะโกหกพวกมันได้ตลอดเหรอ ไอ้ยอร์ชงี้ ถ้ามาสนใจมากๆ เข้า จะเสี่ยงความลับเรื่องเกมรั่วนะ’

เป็นอันว่าเราไม่สามารถใช้เพื่อนได้ ผมจึงเปลี่ยนไปหมายตารายใหม่ คนที่มีอำนาจน้อยเกินกว่าจะซักเราจนขาว

‘ไอ้ก้าน่าจะพอใช้ได้’

จังก้าเป็นรุ่นน้องตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม มันเลือดร้อน ตัวโย่ง แถมยังใจใหญ่เกินวัย มันเคยโวว่าตั้งแต่สมัยประถมก็สนิทกับอาจารย์มากกว่าเพื่อนนักเรียน เดี๋ยวนี้ตามมาเป็นลูกไล่ในกลุ่มผมกับเพื่อนเพราะรู้สึกว่าเท่กว่า

ไอ้ก้ารู้จักฟูกดี มันเป็นญาติห่างๆ กับชมพูนุทเพื่อนสนิทของฟูก แม้ระยะหลังฟูกจะตีตัวออกห่างชมพูนุทมาด้วยเงื่อนปมในอดีต แต่ไอ้ก้าก็ยังวนเวียนอยู่ในกลุ่มพวกเรา ถ้าผมออกปากใช้งานมัน และกำชับมันรูดซิปปากให้สนิท มันคงไม่กล้าขัดขืน

‘งั้นก็เหลืออีกคนสำหรับอีกที่’ ฟูกประเมิน ‘เรามีคนรู้จักที่พอจะให้ช่วยงานนี้ได้’

ไม่อย่างว่องไวกว่าที่คาด แค่คืนเดียว เราก็ตามเจอตัวทวี ไอ้ก้าเป็นคนแจ้ง ‘—ที่สถานสงเคราะห์ ตอนนี้เลยเฮีย!’

เวลานั้นเป็นช่วงตีหนึ่ง ผมผละจากจุดกบดานไปหาแฟนสาว แล้วเรารุดสู่จุดหมาย สถานสงเคราะห์แห่งนั้นตั้งอยู่ในเขตโบสถ์คริสต์ เบื้องบนมีไม้กางเขนขนาดใหญ่ประดับไฟสีแดงดูอันตรายมากกว่า

ดึกโขแต่จังก้ายังตาใส มันแทบจะโลดเต้นด้วยความตื่นใจเมื่อเห็นเรา ‘เอาไงต่อดี ตามไปรีดเงินมันเลยมั้ย ไอ้เลว เสือกยืมเฮียแล้วไม่คืน!’

ฟูกอึกอัก ‘ไม่ได้’

‘ทำไมล่ะ!’

เพราะว่าพวกกูต้องกันมึงออกไปให้ได้ก่อนน่ะซี่!

‘เข้าไปหามันตอนนี้ก็ยังไม่มีเงินหรอก ต้องรอตอนเช้า เผื่อบังคับให้มันไปหาเงินมาได้’

‘วะ!’ ไอ้รุ่นน้องงุ่นง่านราวกับเป็นเรื่องของมันเอง

‘มึงกลับไปก่อนเหอะ ขอบใจมากที่มาช่วยจนหาแม่งเจอ เดี๋ยวเราอยู่ดูต่อเอง’

‘ไม่ได้ดิเฮีย เผื่อตอนเช้ามันเจอพวกเฮียแล้วเปิดไปก่อน ผมจะได้ช่วยดักอีกทาง’

ผมมองตาฟูก เราคิดไว้เหมือนกันว่าจะเจอปัญหานี้

ไอ้จังก้าช่วยเราได้ แต่ถึงจุดหนึ่ง มันจะไม่ยอมถูกเขี่ยให้หมดส่วนร่วมไปง่ายๆ…

‘ไอ้ก้า กูบอกแล้วไงว่าเรื่องนี้เป็นความลับ ยิ่งคนเยอะก็ยิ่งกระโตกกระตาก–’

‘ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมจะต้องลับขนาดนั้น กะอีแค่เรื่องยืมเงิน’

‘กูมีเหตุผลของกู!’ พอผมเริ่มคำราม มันก็หน้าหด

. . . . . . . . . .

 

วันที่ 4 ในเกม

ตลอดทางที่ผ่านมา ชายร่างผอมในแจ๊คเก็ตเขียวอันเป็นเอกลักษณ์ของบริษัทรับส่งอาหาร กระสับกระส่ายหันมองกระจกซ้ายขวาอยู่บนมอเตอร์ไซค์ของตน ถึงกระนั้นกลับไม่ทันระวังว่ามีเก๋งของเราลอบขับตามมาตั้งไกล

“เลี้ยวเข้าไปแล้ว” ผมรำพึงจากที่นั่งคนขับ สายตาชำเลืองตามซอยที่รถคันหน้าผลุบหาย ถึงไม่เคยเดินทางมาแถวนี้ แต่พอจะรู้ว่ามันเป็นชุมชนเก่าแก่ริมคลองใหญ่

หักหัวรถตามไป สองข้างเป็นอาคารตึกแถวขนาดสามชั้น ชั้นล่างเปิดร้านรวงต่างๆ ตามวิถีชาวบ้าน ไม่มีกระทั่งร้านสะดวกซื้อเชนใหญ่ บ่ายเช่นนี้ไม่มีคนพลุกพล่าน วัยรุ่นคงออกไปเรียนและทำงาน พวกคนแก่ หรือเด็กที่ยังอยู่ในช่วงปิดเทอมเช่นเดียวกับผมและฟูกน่าจะหนีร้อนหลบในอาคารกันหมด

เนื่องจากเป็นซอยไม่ใหญ่ มีรถยนต์และรถเข็นขายของจอดเกะกะเป็นระยะ ทั้งผมและมอเตอร์ไซค์คันหน้าจึงคืบคลานช้ากว่าปกติ ไม่นานรายนั้นก็เลี้ยวซ้ายหายเข้าซอยย่อยแคบลงไปอีก

“รถตามไม่ได้ มันเข้ามาทำอะไรของมัน แถวนี้ไม่น่ามีร้านอาหารดังๆ ด้วยซ้ำ”

“มีอยู่ร้านนึง” ฟูกตอบ ท่าทางกังวลใจ “แอบรถข้างทาง เราต้องรีบวิ่งตามมันก่อนจะถึงที่นั่น”

ผมไม่ชอบถูกสั่ง โดยเฉพาะจากคนรัก ฟูกคงทันรู้ตัว และรู้ว่าผมข้องใจหนัก เสียงบอกถัดมาจึงติดแอ๊บนิดๆ “เจ้าของร้านคือคนที่แนะนำเราเข้าเกมน่ะ!”

ผมพลอยเบิกตา ไม่ต้องแปลกใจแล้วว่าทำไมแฟนสาวรู้จักที่นี่ ฟูกซ่อนความลับนี้จากผมอย่างน้อยก็สองเดือนละมัง แล้วนี่…การที่เจ้าของร้านก็อยู่ในเกม ย่อมเป็นไปได้ว่าอาจต้องการตัวทวีเช่นเดียวกับเรา!

ปรากฏว่ามอเตอร์ไซค์ของเป้าหมายลัดเลาะไปตามซอยแคบๆ แต่ไม่ใช่ทางเดียวกับที่ฟูกเลือก

ร่างเล็กในเสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงขาสั้นโชว์ขาเรียวยาวของแฟนสาว วิ่งลุเข้าซอกแคบหว่างตัวอาคาร บางหนต้องป่ายปีนขึ้นบนกำแพงเตี้ยๆ โดดลงบนสะพานข้ามคลองแคบๆ แล้วเลาะริมคลองมุดไปออกลานกว้างแห่งหนึ่ง เป็นลานคอนกรีตโล่งๆ ขนาดใหญ่เท่าสนามฟุตบอลได้ บางช่วงเขรอะเป็นคราบดำๆ เฉพาะช่วงไม่เปื้อนจะเห็นเป็นรอยเส้นขาวจางๆ ลากแบ่งพื้นที่เป็นช่องๆ ละม้ายตารางขนาดมหึมา ด้านตรงข้ามกับซอยที่เราวิ่งทะลุออกมา มีแนวเสาขึงลวดหนามโปร่งๆ พอให้เห็นเขตแดน  ส่วนด้านที่ติดกับคลองใหญ่ลึกสุดปลูกต้นไม้เป็นทิว

ครั้นเริ่มกังขาว่าฟูกอาจทึกทักมาผิดทาง คนขับมอเตอร์ไซค์ในชุดเขียวก็พ้นซอยแคบออกมาจากอีกทาง มุ่งหน้าเลียบด้านนอกของแนวลวดหนาม ลึกเข้าไปยังด้านริมคลอง จากจุดนี้พอจะเห็นยอดสิ่งก่อสร้างทรงเหลี่ยมโผล่พ้นทิวไม้ตรงมุมสุดรั้วลวดหนาม

“เมื่อก่อนตรงนี้เป็นตลาดใหญ่” ฟูกอธิบายเสียงกระหืดกระหอบเมื่อผมเร่งฝีเท้าขึ้นไปข้างๆ

เราวิ่งข้ามลานมายังฝั่งรั้วลวดหนาม ทแยงเข้าหาตัวอาคารโดดเดี่ยวแห่งนั้นที่ทวีกำลังมุ่งตรงไป ระยะใกล้ขึ้นทำให้เห็น ถนนถัดจากรั้วออกไปนั้นมีขนาดกว้างพอสำหรับรถเก๋งสวนกันได้ อีกฝั่งถนนเป็นกำแพงสูงทึบเหยียดยาว คงเป็นเจ้าของเดียวกันทั้งหมด

อีกไม่กี่เมตรทวีจะถึงอาคารหลังดังกล่าว ผมกับฟูกก็แตะรั้วลวดหนาม เราพอจะก้มลอดเส้นลวดออกมาได้ไม่ยากเพราะมันถูกขึงไว้กับแนวเสาเฉพาะความสูงระดับคาง สะดือ และหัวเข่า สามเส้นขนานกัน

จากจุดนี้สามารถเห็นอาคารเป้าหมายของทวีถนัดขึ้น มันตั้งอยู่ริมคลอง ติดกับรั้วด้านนอกของลานตลาด จุดนั้นถนนที่ทวีใช้เดินทางเข้ามาหักเป็นรูปตัว L เลี้ยวหายสู่ปลายของกำแพงสูงทึบ

อาคารดังกล่าวถูกล้อมด้วยรั้วอิฐต่างหาก แต่เพราะประตูรั้วด้านหน้าเปิดกว้างจึงมองทะลุเข้าไปเห็นตัวอาคารด้านในซึ่งมีรูปทรงคล้ายตึกแถวติดกันสองคูหา คูหาหนึ่งมีสามชั้น ขณะอีกคูหามีสี่ชั้น ผนังอาคารตกแต่งด้วยอิฐสีน้ำตาลแกมส้ม หน้าต่างทั้งหมดเจาะเป็นช่องโค้ง ด้านหน้าชั้นล่างแต่งระแนงเป็นตารางยื่นออกมาเลี้ยงไม้เลื้อยปกคลุมต่างหลังคา รอบอาคารมีพื้นที่เล็กน้อยสำหรับจอดรถ แต่ตอนนี้ปรากฏเก๋งเก่าแค่คันเดียวจอดชิดสุดกำแพงรั้วที่ก่อสูงทึบท่วมศีรษะ ด้านหน้าประดับป้ายไม้ขดด้วยเชือกเป็นตัวอักษรว่า ‘The Table Cafe’

จุดนั้นเองที่นายทวีจอดมอเตอร์ไซค์คู่ชีพเพื่อก้าวลงไป

ผมรีบรูดซิปกระเป๋าเป้ทั้งๆ ที่เท้ายังไม่หยุด เอื้อมลงแตะอาวุธที่นอนรอเย็นเยียบ ทันทีที่แตะ สัมผัสนั้นกลับให้ความรู้สึกละม้ายเกล็ดลื่นของสัตว์เลื้อยคลาน

สัตว์ที่คืบคลานออกจากส่วนร้าวใต้บ้านของชัยพฤกษ์มาพร้อมหน้ากากฆาตกร!

หากเป็นคนอื่นคงสะดุ้งกับความรู้สึกนั้น ทว่าผมแค่กระตุกนิ้วขึ้นนิดหนึ่งแล้วก็ตัดสินใจคว้าลงหมับ

ประสบการณ์บ่มให้รู้ว่าผมไม่เหมือนคนอื่น มั่นใจว่าเหนือกว่าคนอื่น!

อึดใจนั้น ภาพในอดีตวาบกลับมากลางสมอง ภาพแสงไฟสลัวรางแวบวาบ ขวดแก้วกระทบเกิดแสงสะท้อนเข้าตาลอยมาตรงหน้า เสียงโวยวาย เสียงการต่อสู้ กลิ่นเหล้า และกลิ่นเลือด…

‘ไปเรียนต่อที่กรุงเทพนะ ลืมมันไปซะ ไหนๆ คนมันก็ตายไปแล้ว–’

ไม่หรอก ผมไม่ลืม ในเมื่อมันคือผลงานชิ้นสำคัญ!

เหตุการณ์หนนั้นคล้ายช่องประตูที่พาข้ามสู่อีกสถานะ สถานะที่คนอายุแค่สิบสี่ทั่วๆ ไปจะไม่มีวันนึกจินตนาการได้ แล้วอีกห้าปีล่วงไป ผมก็กลายเป็นชายหนุ่มอายุสิบเก้าที่ไม่มีใครเท่าทัน

คนส่วนใหญ่ชื่นชมบุคลิกภาพ บางคนกระซิบว่าเพราะผมเป็นลูกชายโทนของเศรษฐินีร้านของฝากในขอนแก่น ย่อมได้รับการฝึกมาอย่างดี

แต่ไม่ใช่

รัศมีที่แผ่ออกมา ทั้งความทะนงและหยันโลก เป็นเพราะเรื่องคราวนั้นต่างหาก!

กำลังจะชักปืนออกมาเพื่อเล็งจากระยะไกล ถึงไม่ตายในนัดแรก อย่างน้อยต้องเกิดจุดเจ็บ เปิดโอกาสให้เข้าซ้ำไม่ยาก

ตั้งแต่เช้า กว่าจะหาทางสลัดจังก้าออกไปได้ กว่าจะออกตามทวีมาจนพบที่เหมาะๆ อย่างนี้ ไม่มีเหตุผลเลยถ้าจะปล่อยให้มันหลุดมือ นี่เป็นทางเดียว…อาจแค่เหนี่ยวไกครั้งเดียวก็จะพาฟูกออกจากเรื่องเหี้ยๆ นี่ได้…

‘มันไม่ยากหรอก ยังไงคนที่เข้ามาในเกมก็เป็นคนเลว เป็นฆาตกรด้วยกันทั้งนั้น’

จังหวะที่กำลังจะเคลื่อนนิ้วเข้าโกร่งไก จู่ๆ มันกลับกระตุกชะงัก

อีกภาพวาบเข้าแทรกหลังม่านตา เป็นภาพหน้าจอแสดงส่วนหนึ่งของประวัติทวี

หากเป็นก่อนหน้านี้คงนึกขำเพราะรู้สึกว่ามันงี่เง่า แต่ตอนนี้ผมกระจ่างแล้วว่าเรื่องงี่เง่าสามารถดับชีวิตคนบางคน และเปลี่ยนให้อีกคนอับจนหนทางได้เพียงไหน

‘สาเหตุที่ร่วมเกม : โดนคนสั่งอาหารโทรมาแกล้งสั่งแล้วไม่รับของหลายครั้ง ต้องชดใช้เงินค่าอาหารเหล่านั้นเองทั้งหมด หนสุดท้ายจึงยื่นชื่อ เบอร์โทร และที่อยู่ให้เกมจัดการ’

. . . . . . . . . . .

 

“เฮ่ย!” เสียงร้องของคนข้างๆ ลบความคำนึงในชั่วอึดใจนั้น กะพริบตาอีกทีผมก็พบว่าเป้าหมายไม่ได้อยู่ตามลำพัง

ชาย – ไม่สิ – หญิงรูปร่างและท่าทางเหมือนผู้ชายเดินออกมาส่งถุงขนมให้พร้อมรอยยิ้ม รายนี้สวมเครื่องแบบของร้านสีน้ำตาลเข้ม ท่าทางผ่าเผยเกินกว่าจะเป็นแค่ลูกจ้าง บางทีจะเจ้าของ

อย่างไรก็ดี สิ่งที่กระตุ้นเสียงร้องของฟูกไม่ใช่ใครคนนั้น

จากถนนอีกสายที่ตอนแรกเราเห็นเลี้ยวหายสู่อีกด้านของกำแพงสูงทึบ ร่างเปรียวในเสื้อยืดกางเกงดำยาวของใครอีกคนวิ่งโผล่มา ใบหน้าสวมหน้ากากผ้าสีเทาเข้ม ในมือเงื้อมีดยาวคล้ายดาบขึ้นเตรียมฟันใส่จุดที่ทวีและเจ้าของร้านกำลังส่งของให้กันอยู่

ปลายเท้าข้างหนึ่งของผมถีบพื้นโจนใส่เจ้าของมีดรายนั้น เสียงถีบเท้าดังเรียกทวีและเจ้าของร้านหันมอง ครั้นเห็นสายตาผมจ้องไปยังอีกฝั่งก็หันตาม แล้วเลยแตกตื่นหลบทันก่อนคมมีดจะตวัดหา

ผมวาดปลายเท้าใส่ข้อมือคนร้ายจนมีดฟาดฉับตัดกิ่งไม้ใกล้ๆ ร่วงผล็อย ร่างของมือมีดเองก็เสียหลักกระเด็นไปแอ้งแม้งด้านข้าง ถึงกระนั้นยังมีสติประคองตัวลุก

ตั้งใจจะปราดเข้ากระทืบบนใบมีดให้แปะพื้นตามเก่า เสียงสตาร์ทมอเตอร์ไซค์ก็ดังขึ้น ฟูกตะโกน “ขิน!”

เป้าหมายหลักของเราออกรถหนีกลับทางเดิมแล้ว!

“เฮ่ย!”

ผมดึงเท้ากลับเพื่อวิ่งตามรถคันนั้น แต่แค่ออกตัวได้สองก้าว เจ้าของคาเฟ่ก็กวาดเท้าตัดหน้าขา

ผมคะมำลงกับพื้น แต่ก็พลอยให้รอดจากใบมีดชายข้างหลังที่ทะลึ่งตามมา

เห็นผมถอยห่าง มือมีดก็พุ่งความสนใจไปยังเจ้าของคาเฟ่แทน ใบมีดตวัดไปมาน่าหวาดเสียว เสียงวืดหวือดังตัดอากาศ เห็นถนัดว่าเป้าหมายมีสติและชำนาญการต่อสู้พอตัว ไม่ว่าคมอาวุธจะมาข้างไหนจึงหลบได้ทันตลอด

ผมฉวยจังหวะนั้นล้วงมือเข้าในกระเป๋าเป้อีกครั้ง ดึงอาวุธที่เตรียมไว้ขึ้นมา ทว่าของบางอย่างลอยปะทะแก้มอย่างแรงจนหงายล้มอีกรอบ

“ขิน!”

อิฐหัก! มันลอยมาจากมือชายอีกคน — วัยปลายสี่สิบ แล้วก็เพิ่งโผล่ตามไอ้มือมีดมา!

รายนี้มีรูปร่างสูงใหญ่ ไม่ถึงกับมีกล้ามอย่างคิงคอง แต่แข็งแรงอย่างคนออกกำลังเป็นนิจ ผมตัดเป็นระเบียบแซมสีดอกเลากว่าครึ่ง หน้ามีริ้วรอยและตกกระ ตาคมปลาบเปล่งประกายกล้า สวมเสื้อยืดคอกลมขาวธรรมดากับกางเกงผ้าเดนิม ที่เตะตากลับเป็นรองเท้าบูทมอเตอร์ไซค์กับนาฬิกาข้อมือโครโนสวิส ถ้าจากระยะไกลนี่ไม่ทำให้เห็นผิด มันน่าจะเป็นรุ่นทรีเอปส์ รุ่นที่หน้าปัดแสดงรูปวานรสามตัว มิซารุปิดตา คิกะซารุปิดหู และอิวาซารุปิดปาก อย่ามองสิ่งชั่ว อย่าฟังสิ่งชั่ว และอย่าพูดสิ่งชั่ว

ครั้นมือมีดหันตามไปเห็นก็เบิกตา รีบถลาหลบไปตามทางที่ทวีเพิ่งขับรถหนี ร่างเพรียวลมนั้นออกแรงนิดเดียวก็วิ่งในแนวตั้งฉากกับพื้นโลกไต่กำแพงสูงทึบข้างๆ ขึ้นไปข้างบนได้ง่ายๆ แบบพวกฟรีรันนิ่ง เมื่อนั้นชายเจ้าของลิงสามตัวหมุนกลับวิ่งไปตามทางเดิม — ทางที่มือมีดวิ่งมาแต่ต้น มันคงวกไปบรรจบกับถนนที่ทวีและไอ้มือมีดหนีออกไป ณ ที่ใดที่หนึ่ง

“ขิน เป็นอะไรมั้ย!”

รู้สึกตัวอีกทีเมื่อฟูกก้มมาหา มือสั่นเทาลูบแก้มผมข้างที่ถูกปะทะ

ผมเพิ่งรู้สึกถึงอาการเจ็บแสบบนผิวตื้น และเต้นกระตุกในชั้นเนื้อลึกจนแทบถึงโครงกระดูก รับรู้ว่ามีของเหลวไหลเยิ้มลงมาพร้อมเศษดิน

เจ้าของคาเฟ่บอกว่า “พาเขาเข้าไปในร้านก่อน!”

. . . . . . . . . . .

 

ภายในเดอะเทเบิลคาเฟ่ยังรักษาเสน่ห์ของตึกเก่าเป็นหลัก พื้นปูนเปลือย ผนังปูนฉาบหลายช่วงกะเทาะแหว่งเห็นการเรียงตัวของอิฐแดงข้างใน เพดานแสดงเสาและคานไม้เก่าที่เสริมโครงโลหะใหม่ให้แข็งแรงขึ้น เคาน์เตอร์กาแฟ โต๊ะเก้าอี้รอบร้าน ตู้ ชั้นวาง และส่วนประดับทำใหม่เน้นงานไม้และสีน้ำตาลดำ บ่มให้บรรยากาศโดยรวมดูขรึมขลัง เข้ากันกับเสียงเพลงฝรั่งเศสคลอผะแผ่ว เคล้าด้วยกลิ่นกาแฟและขนมอบ

ไม่มีส่วนไหนของร้านบ่งบอกเลยว่า ผู้เป็นเจ้าของคือหนึ่งในฆาตกรร่วมเกมประหลาดนั่น!

สาวห้าวตัดผมสั้นรูปร่างผอมบางพาผมกับฟูกเข้ามาในร้าน ท่าเดินกับการยกมือเรียกลูกน้องเหมือนชายหนุ่ม “ขอชุดทำแผล”

“ได้ๆ” ผู้ขานรับเป็นชายแก่ผอมเกร็งที่เหี่ยวไปทั้งตัว ผมเป็นสีเงินแทบทั้งหัว ดูไม่เข้ากับร้านมากที่สุด

อีกรายที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ด้วยกันบอก “ผมไปเอง” เจ้าตัวหายไปหลังร้านแวบเดียวก็กลับมาใหม่พร้อมกระเป๋าพยาบาล

“ขอบใจอิศ” เจ้าของร้านพยักบอก

คนชื่ออิศที่ผมได้รู้ภายหลังว่าชื่ออิศรวิชช์เป็นหนุ่มวัยไล่เลี่ยกับสาวห้าว รูปร่างท่าทางภูมิฐาน ตาเล็กแต่สายตาคมกริบ ไม่ปริปากถามแต่คล้ายกวาดข้อมูลจากผมกับฟูกโดยการมองแค่ไม่กี่นาที ในหน้าไม่มีรอยยิ้มต่างจากพนักงานในร้านคาเฟ่ทั่วไป จะว่าตกใจเพราะเห็นสภาพของผมก็ไม่เชิง ตรงข้ามกับชายแก่รายแรกที่ชะเง้อจดจ่อ

โหนกแก้มผมช้ำถลอกและมีแผลเปิงจนต้องปิดผ้ากอซ อิศรวิชช์คอยช่วยเจ้าของร้านทำแผล เรียบร้อยแล้วจึงนำข้าวของผละออกไป ทิ้งผมกับฟูกให้นั่งคุยต่อกับพี่ปา หรือนามเต็ม ‘ปาจรีย์’ ตามที่ปรากฏในแอปปลิเคชั่นบิงโกหน้าประวัติส่วนตัวของฟูกตรงช่อง ‘ผู้แนะนำเข้าเกม’

ตลอดเวลาที่อิศรวิชช์อยู่ใกล้ๆ ผู้เป็นนายไม่พูดอะไรเลย จึงยากจะตัดสินว่าลูกน้องรู้เรื่องเกมบ้างหรือไม่ ผมสังเกตว่าอิศรวิชช์ กระทั่งตาแก่หลังเคาน์เตอร์ที่ดูสนอกสนใจกว่า ต่างก็ไม่ได้ปริปากถามใดๆ ฟูกเองก็คงประเมินสถานการณ์เช่นเดียวกับผม ชั้นต้นจึงไม่ยอมหลุดความลับอันจะทำให้ละเมิดข้อตกลงในเกม เธอเคยย้ำ ไม่มีใครรู้ว่าเกมแอบดักฟังผ่านเครื่องวัดสัญญาณชีพที่หน้าอกพวกเราหรือผ่านทางแอปปลิเคชั่นมือถือหรือไม่ ฉะนั้นระวังไว้ปลอดภัยกว่า

รอจนเหลือแค่เราสามคนที่นั่งห่างจากเคาน์เตอร์กาแฟมามุมในสุดของร้าน ฟูกค่อยเอ่ยขึ้นด้วยท่าและถ้อยพิพักพิพ่วนพิกล “คนเดียวกับวันนั้นแน่ๆ”

พี่ปายังจ้องแผลของผมทั้งที่ปากถามกลับเบาๆ “เธอจำได้?”

ฟูกพยัก “ปานดำที่แขนซ้าย”

เจ้าของร้านชะงักไปแค่นิดเดียว แต่ก็ไม่พ้นสายตาของผม

ผมมุ่นคิ้ว ตวัดเสียงถาม หงุดหงิดที่ถูกทิ้งให้งงลำพัง “ไอ้ดาบนั่นหรือคนที่มาทีหลัง”

“ดะ…ดาบ–” ฟูกตะกุกตะกัก

“ไปเจอมันมาเมื่อไหร่!”

พี่ปาเผยอริมฝีปากคล้ายจะพูดบางอย่าง แต่ฟูกแทรก “หลังจากเราเริ่มเกมได้ไม่นานน่ะ ตอนนั้นนัด…พี่ปา…” คำเรียกดูไม่คล่อง “ไปคุยกันข้างนอก…เรื่องเกม”

ผมเพ่งมองคนพูด เสียงห้วนขึ้น “ปิดอะไรอีกเนี่ย!”

“เฮ่ย” เจ้าของร้านดีดนิ้ว “เชื่อใจแฟนหน่อย”

หน้าตื่นของฟูกจึงสงบลง ผมเองก็สะกดใจรอ

พี่ปาล้วงสมาร์ทโฟนออกจากกระเป๋ากางเกงซึ่งมีผ้ากันเปื้อนสีน้ำตาลนวลๆ ทับอยู่ ทิ้งตัวพิงพนักขณะเขี่ยนิ้วดูหน้าจอด้วยมือแค่ข้างเดียว “วันนั้นพอดีจะไปซื้อของมาเติมด้วย ก็เลยได้เจอกะฟูกข้างนอก แล้วไอ้ดาบนั่นก็โผล่มาแบบนี้ มันไวจนแทบไม่ทันมอง ท่าทางฉันคงอยู่ในช่องวิกฤตของมันจริงๆ”

“ช่องวิกฤต?” คิ้วผมยิ่งขมวด

“ช่องท้ายๆ ในตารางบิงโกที่จะทำให้ลากเส้นชนะได้ไง”

พี่ปาผงกหัวให้ฟูก “อีกเดี๋ยวมันคงตามมาหาฉันอีก” ว่าพลางยื่นโทรศัพท์มาทางเราให้มองเห็นทั้งคู่

แอปปลิเคชั่นบิงโกแสดงหน้าซึ่งผมกับฟูกไม่เคยเห็นมาก่อน ด้านบนมีข้อความว่า ‘ผู้ล่าคุณ’ ด้านล่างมีภาพใบหน้าบุคคลหลายรายพร้อมชื่อกำกับ รูปแบบเดียวกับที่ปรากฏในช่องตารางบิงโก

“คนพวกนี้คือเจ้าของตารางที่เกมสุ่มรูปฉันไปโผล่อยู่” เจ้าของโทรศัพท์แจกแจง “มีสามคนที่ฉันอยู่ในช่องวิกฤตของมัน สองในนั้นดูคล้ายๆ ไอ้ดาบ เธอพอจะมองออกมั้ยว่าคนไหน”

เมื่อฟูกลองกดดูที่ภาพใบหน้าแต่ละราย แอปปลิเคชั่นจะดึงตารางบิงโกของรายนั้นแสดงขึ้นมา

รายหนึ่งเป็นชายร่างผอมครอบครองตารางขนาด 6×6 เจ้าตัวเลือกฆ่าคนในช่องตรงขอบขวาของตารางเป็นหลัก เหลือเพียงมุมล่างสุดช่องเดียวที่ยังไม่ถูกขีดฆ่า — ใช่ ในช่องคือพี่ปา

ส่วนอีกรายเป็นหญิงสาวผอมซูบทรงเดียวกัน ตารางขนาด 3×3 ของเจ้าตัวถูกขีดฆ่าไปแล้วสามช่อง ตรงมุมซ้ายขวาด้านบน และมุมซ้ายล่าง ทำให้เกิดช่องวิกฤตอีกสามช่อง ได้แก่ช่องตรงกลางบนสุด ช่องซ้ายและกลางของแถวที่สอง ปาจรีย์อยู่ในช่องสุดท้ายนี้เอง

“ไต้ฝุ่น” ลูกฟูกตอบพลางกดต่อเข้าไปดูหน้าประวัติของชายหนุ่มรายแรกอย่างถือวิสาสะ ผมกวาดตามอง

–อายุยี่สิบห้า มีพื้นเพจากราชบุรี จบการศึกษาในมหาวิทยาลัยระดับต้นๆ ของประเทศในสาขาวิชาคอมพิวเตอร์ ทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ในบริษัทญี่ปุ่นมีชื่อ—

“จะทำยังไงต่อ” ผมถามขึ้นพร้อมๆ กับที่ฟูกส่งโทรศัพท์คืนเจ้าของ

พี่ปาพินิจหน้าจออันแสดงรูปผู้ล่า ขณะเดียวกันก็เลิกคิ้วให้เราดุจเป็นคำที่เข้าใจยาก

“ก็ถ้าปล่อยไว้ พี่ไม่ปลอดภัยแน่”

ผู้ถูกถามขยับตัวเพื่อสอดโทรศัพท์กลับเข้ากระเป๋ากางเกง มุมปากเคลือบยิ้มขำๆ “นายก็เห็นนี่ ไม่ใช่แค่ฉันที่กำลังถูกล่า”

ผมเป็นฝ่ายชะงักบ้าง ท่าทางเก๋าพอตัวของคนพูดประกาศว่า เจ้าตัวน่าจะอยู่ในเกมมาจนเจนสนาม

ถอนลมทิ้ง ปรายตามองฟูกอย่างชั่งใจ เมื่อได้คำตอบว่า แฟนสาวยังไม่น่าออกปากพี่ปา จึงตัดสินใจถามเอง “ก่อนหน้านี้มีไอ้เหี้ยตัวนึงพยายามจะ–”

อาการของผมคงสะกิดบอกคนรัก พอรู้ว่าผมจะพูดอะไร ฟูกก็ยกมือมารั้งแขน หน้าเผือดสี

พี่ปามองเราสลับกัน แล้วเพ่งสายตารอคำต่อจากผม

ผมดึงแขนจากมือเล็กและนุ่มนวล “—มันพยายามจะล่วงเกินฟูก ตอนนี้ฟูกยังอยู่ในเกมไม่ครบสามสิบวันด้วยซ้ำ แล้วเราก็ไม่รู้ว่ามันเป็นใคร พี่พอจะนึกออกมั้ยว่าเป็นใครได้บ้าง”

พี่ปาเลื่อนสายตาจากผมไปยังแฟนสาว ฟูกก้มหลบสายตาพลางกลืนน้ำลายคล้ายฝืดฝืน ไม่รู้จะเกิดอายอะไรขึ้นมากับเรื่องแค่นี้!

ด้วยความรำคาญ ผมตวัดสายตากลับไปอย่างจะคาดคั้นผู้อาวุโสกว่า ทั้งอายุจริง และอายุในเกม

เจ้าหล่อนขยับตัวพิงพนักลงไปตามเก่า “คิดว่าในเกมนี่มีคนเล่นอยู่สักกี่คนกันล่ะ”

“หมายความว่าไง” รำคาญฉิบหาย ไอ้พวกชอบลิ้นเล่น!

“คนมากน่ะมันไม่ใช่แค่จำนวน ยิ่งคนมาก ประเภทของคนก็มากตามไปด้วย เราไม่มีทางรู้หรอกว่ามีพวกเพี้ยนๆ หรือเหี้ยๆ แบบไหนบ้างรวมอยู่ในนี้ เท่าที่เคยเจอ คนที่เข้ามาส่วนใหญ่ก็มักจะรู้สึกว่าคนอื่นๆ ในเกมมีค่าน้อยกว่ามนุษย์ปกติ เพราะนึกจะฆ่าใครก็ได้ ฆ่าทิ้งไปก็ไม่มีใครเอาเรื่อง แถมยังเหมือนได้คะแนนเพิ่มอีก ไม่แปลกที่บางคนอาจเผลอคิดว่าจะทำระยำกับใครก็ได้”

พูดจบ เจ้าตัวหมุนข้อมือดูนาฬิกา “โอ๊ย จะสี่โมงละ เมื่อกี้จะยิงโปรใหม่ในเฟซบุ๊กก็ยังไม่ทันเรียบร้อย…”

. . . . . . . . . . .

-3-

 

ขากลับบรรยากาศในรถยังไม่ผ่อนคลายนัก งานวันนี้นับว่าไม่คืบ ตรงข้ามกับเวลาของฟูกที่นับถอยหลังสู่ตำแหน่งผู้ถูกล่าอยู่ทุกอึดใจ

อย่างไรก็ตาม เพราะเหนื่อยมาทั้งวัน เราตัดสินใจพักเอาแรงก่อน ค่อยฮึดใหม่วันพรุ่ง

กว่าจะถึงคอนโด ฟ้าหน้าหนาวก็เริ่มหลัวๆ ผมเทียบรถหน้าอาคารเพื่อปล่อยฟูกลงไปรับพัสดุที่แม่ส่งมาให้ ส่วนตัวเองจะเอารถไปจอดแล้วค่อยเจอกันบนห้องทีเดียว

ตอนที่ลงจากรถ แมวจรตัวโปรดย่องมาป้วนเปี้ยนข้างช่องจอดของผม เห็นหน้ามันแล้วพอจะทุเลาความทุกข์ร้อนลงได้ พยักบอกมันด้วยเสียงอ่อนยิ่งกว่าตอนคุยกับฟูก “ว่าไง โทษทีนะ วันนี้ไม่มีขนมให้กินว่ะเพื่อน”

ห้องชุดที่ผมขอให้แม่ซื้อนี้มีขนาดสองห้องนอน ตั้งใจเผื่อสำหรับแม่ลงมาเยี่ยมจะได้พักด้วยกัน — ซึ่งไม่ค่อยมีวาระนั้นหรอก รูปแบบคอนโดแถบชานเมืองหรูหราที่สุดก็ไม่มาก เลี้ยงหมาเลี้ยงแมวก็ไม่ได้ แค่พออยู่สบายกว่าบ้านญาติที่แม่ฝากผมไว้ตั้งแต่ย้ายมาเมื่อขึ้นชั้น ม.4 ผมพักที่นั่นได้ปีเดียวก็ขอแม่โยกมา รับคำมั่นว่าดูแลตัวเองได้ ตอนแรกแม่ไม่ยอม แต่พอยุ่งงานเข้าก็หยวน คล้ายกับลืมว่าผมเคยก่อเรื่องอะไรจนต้องระเห็จมา

ที่จริง เพราะเรื่องนั้นต่างหาก ผมจึงมั่นใจว่าเป็นผู้ใหญ่มากพอที่จะดูแลตัวเอง

เสียงตัวล็อกหน้าประตูห้องคลายออก แสดงว่าฟูกตามมาถึงแล้ว ผมกำลังกระดกแก้วดื่มน้ำเย็นอยู่ในส่วนครัว แม้ได้ยินเสียงกุกกักเหมือนคนเข้ามากำลังทุลักทุเลจึงไม่ได้ออกไปช่วย ชีวิตของฟูกสอนให้เธอช่วยตัวเองได้ ไม่เรื่องมาก ต่อให้ภาพลักษณ์จะดูแบ๊วใสแค่ไหนก็ตาม นั่นทำให้เราคบกันได้นานมาถึงปีกว่า

“อ้าว มีสองอัน?” ผมทักเมื่อเห็นของซ้อนกันในอ้อมกอดเธอ กล่องใหญ่มากข้างล่าง ซองน้ำตาลเล็กกว่าข้างบน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าของแม่ผมผู้เยอะสิ่งนั้นเป็นอันไหน

“ซองนี้ไม่รู้ใครส่ง ไม่ได้จ่าหน้าอะไรเลย” ฟูกนำกล่องทั้งสองใบมาวางบนเคาน์เตอร์ครัว ท่าทางหนักพอดู “นี่พี่พ้อมแกช่วยเข็นใส่รถขึ้นมาให้ด้วย ทำไมที่นี่จ้างรปภ.ผู้หญิงแทนที่จะเป็นผู้ชายก็ไม่รู้”

ผมจินตนาการถึงหญิงวัยราวสี่สิบผู้เพิ่งมาเริ่มงานได้ราวเดือนกว่าๆ หน้าดำมันย่อง ริมฝีปากอูมเพราะแผงฟันหน้าขนาดใหญ่ ผมตัดสั้นมีสีเงินแซมอย่างคนไม่ได้ดูแลตัวเอง ในชุดฟอร์มฟ้า ร่างดูท้วมเกินจริงเพราะขนาดหน้าอก

“ค่าแรงถูกกว่ามั้ง แล้วจริงๆ งานก็ไม่ได้หนักอะไร น้ำมั้ย” ประโยคสุดท้ายผมชูโถแก้ว ต่อเมื่อแฟนสาวพยักจึงรินให้ ส่วนตัวเองเคลื่อนไปคว้ามีดมากรีดกล่องกระดาษ

“พี่พ้อมแกชอบเธอมากเลยนะ นี่เดินขึ้นมาก็ชมใหญ่”

“หึงคนแก่รึไง” ผมขำ พูดตามตรงก็คือรื่นรมย์ขึ้นหลังจากได้เจอแมว “ถ้าแกไม่ชอบสิแปลก ให้ของออกบ่อย นี่คงเห็นว่ามีของมาส่งกล่องเบ้อเริ่ม เลยมาเสนอหน้าไว้ เผื่อมีอะไรกระเด็นไปถึงบ้าง”

ใครๆ ก็ว่าผมใจใหญ่มาตั้งแต่เล็ก แต่ไม่เห็นเกี่ยว! ของชนิดที่คนอย่างผมหรืออย่างแม่ผมยกให้คนอื่นล้วนเป็นสิ่งที่เราไม่ต้องการ หรือไม่ก็ต้องการใช้มันล่อสิ่งที่ใหญ่และสำคัญกว่า

อย่างที่เห็น เวลาผมเบื่ออาหารหรือผลไม้ที่แม่ขยันส่งมา หรือบางทีเก็บไว้จนลืม รู้ตัวอีกทีปรากฏว่าใกล้เน่า แค่ทอดของพวกนี้ต่อไปให้ คนอย่างพี่พ้อมก็สำนึกในบุญคุณจนเห็นผมเป็นเทวดา เชื่อสิว่าไม่มีใครในตึกนี้ที่แกตั้งใจยืนตะเบ๊ะให้เท่าผมอีกแล้ว

จะว่าไป ของที่ซื้อเลี้ยงหมาหรือแมวจรยังดีกว่าของพวกนั้น

ภายในกล่องของแม่อัดแน่นไปด้วยกุนเชียง หมูหยอง ขนมตุ้บตั้บ ถั่วตัด และของฝากเด่นๆ จากขอนแก่น เห็นแล้วก็เดาได้ว่าหนนี้แม่คงไม่ว่างและให้ผู้ช่วยจัดแทน รายหลังมักนึกไม่ออกว่าจะส่งอะไรมา จึงปรากฏแต่ของสิ้นคิดจากในร้านของเราเอง ช่างไม่ต่างกับตอนเด็กๆ เวลาที่พ่อต้องดูผมแทนแม่ แล้วพ่อก็นึกไม่ออกจริงๆ ว่าผมชอบกินอะไร จึงจัดให้แต่ของเฝือๆ

บ้านของผมทำกิจการร้านขายของฝากในตัวเมือง ไม่ใช่เจ้าใหญ่ที่สุด แต่ก็นับว่าทำให้เราอยู่กันอย่างสบายตลอดมา พ่อมักนำกำไรไปต่อยอดธุรกิจอื่น ต่อเมื่อธุรกิจใหม่ทยอยล้มเราก็ยังไม่กระเทือน อันที่จริง รากฐานที่ปู่วางไว้นั้น แม้แต่พ่อผู้เคยเป็นหัวเรือใหญ่ของบ้านล้ม เราก็ยังไม่สะท้าน

พ่อนิสัยคล้ายผม ใจนักเลง โผงผาง แต่ชอบสังสรรค์และติดเพื่อนมากกว่า ใครที่ถูกนับเป็นเพื่อน พ่อทุ่มเพื่อเขาได้หมดตัว และหากความสัมพันธ์สะดุด ทุกอย่างกลับด้าน พ่อก็จะเค้นทุกอย่างคืนได้กระทั่งลมหายใจ

อาจเพราะอย่างนั้น ความตายจึงมาเยือนพ่อไวกว่าที่ควร ในรูปของกระสุนปริศนาที่จวบบัดนี้ยังหาต้นตอไม่ได้ แม่เดาว่าอีกฝ่ายน่าจะเงินหนา เส้นใหญ่ หรือไม่ก็เป็นพวกคนมีสีซะเอง ไม่ว่าแม่จะใช้กำลังภายในอย่างไรคดีจึงไม่คืบ ท้ายสุดต้องถอยมาเสียก่อนจะถูกเงามืดรุกฆาตอีกคน

แม่เลี้ยงผมลำพังตั้งแต่ผมอายุสิบสอง แต่ก็ไม่ต่างนักจากก่อนหน้า แม่แค่ยุ่งกว่า และเราเจอหน้ากันน้อยลง จากนั้นยิ่งแทบไม่ได้เจอกันอีกเลยหลังจากผมย้ายลงมากรุงเทพ นั่นไม่เป็นปัญหา แม่เคยถามว่า ‘ยี่สิบสี่ชั่วโมงในวันนึง แกอยากเห็นหน้าแม่หรือแบงก์พันมากกว่ากันล่ะ แกนึกว่าแม่ชอบขี้หน้าคนทุกคนที่ต้องไปคอยประจ๋อประแจ๋ด้วยเหรอ เวลาคุย บางทีแม่ก็นึกถึงแบงก์พันลอยมาทับหน้ามันไว้เท่านั้นแหละ’

เรื่องของผมกับเรื่องของพ่อไม่น่าเหมือน แต่กลับเหมือนกัน มันเน้นย้ำให้เห็นอำนาจเงิน นี่เองยิ่งเสริมส่งทัศนคติหยันโลกจนมันแผ่ออกมาเป็นบุคลิกที่ไม่มีใครเลียนแบบได้ของนายขีดขิน

ผมดูของที่ฟูกลำเลียงออกจากกล่อง ชี้สั่ง “เก็บไว้ให้พี่พ้อม แล้วก็แบ่งให้ไอ้ก้ามันบ้าง”

ไอ้รุ่นน้องตัวโตแต่นิสัยยังเด็ก มันชอบกินของหวาน ส่วนผมแทบไม่กินอะไรทั้งนั้น ของส่วนใหญ่ฟูกจะนำไปให้ญาติที่เคยอุปการะเธอ ฟูกยังกลับไปที่นั่นทุกอาทิตย์ ทั้งที่ผมไม่เห็นจำเป็น

‘ยังไงเขาก็เลี้ยงเรามา’

คนพูดคีบซองจดหมายเล็กๆ ที่ตกอยู่ตรงซอกข้างในกล่องขึ้นมาให้ “แม่เขียนหาเธอด้วย”

ผมรับมาฉีกอ่าน เป็นข้อความสั้นๆ เขียนด้วยลายมือผู้ช่วยแม่

‘ปิดเทอมแล้ว ถ้าว่างก็ขึ้นมาหาแม่บ้าง คิดถึง’

ความคิดถึงของแม่ ดูท่าคงไม่มากพอจะทำให้แม่พิมพ์แชทส่งมาหาผมด้วยซ้ำ

“เฮ่ย!” เสียงร้องของฟูกเรียกให้สายตาผมหันไป แฟนสาวกำลังผงะถอยจากซองน้ำตาลที่เพิ่งถูกเปิด ท่าทางตกใจจนหลังชนขวดน้ำเปล่าร่วงพื้น

ปากซองเผยอขึ้นบัง จากจุดที่ยืนอยู่ผมมองไม่ชัด “อะไร”

วางความคิดถึงของแม่แล้วก้าวไปใกล้ ของในกล่องค่อยชัดเจนต่อตา

มันคือหน้ากากแบบคนร้ายในหนังฮาโลวีน

หน้ากากแบบเดียวกับที่เราเห็นตอนไปบ้านชัยพฤกษ์!

. . . . . . . . . .

 

ตอนที่เราลงไปถึงล็อบบี้ พี่พ้อมกำลังจะผลัดเวร ผมต้องงุ่นง่านรอกระบวนการไร้สาระของพวกรปภ.อยู่พักหนึ่ง ระหว่างนั้นผมไม่ได้คุยกับฟูก ในหัวหมุนติ้วอยู่กับหน้ากากในกล่องที่ติดมือมาด้วย

มันหมายความว่ายังไง ทำไมมีของแบบนี้ส่งมาหาเรา!

จะว่าบังเอิญก็เกินไป มันพ้องจนชวนให้คิด ผู้อยู่เบื้องหลังต้องการส่งสารถึงเรามากกว่าว่า มันรู้!

รู้ว่าผมกับฟูกเพิ่งเดินทางไปหาชัยพฤกษ์ และได้เจอของแบบเดียวกันนี่!

แต่ตอนนั้น หมู่บ้านโทรมกลางแสงสุดท้ายแทบไม่มีมนุษย์เลย มันเหมือนร้าง กระทั่งบ้านของเป้าหมายที่เราไปหาก็ไม่มีใครอยู่ จะมีก็แต่…

ใช่ เงาผลุบหายของใครบางคนจากบ้านหลังใกล้ๆ นั่น!

แต่มันจะส่งมาให้เราทำไม จะว่ามันเป็นผู้ล่าผมกับฟูกก็ไม่มีทางเป็นไปได้ เรายังเข้าเกมมาไม่ครบสามสิบวันด้วยซ้ำ!

“คุณขิน” เสียงเรียกดังขึ้นข้างๆ พี่พ้อมวิ่งออกจากแถวตรงมาหาแล้ว ภาษากลางของรปภ.สาวใหญ่หน้าคล้ำ ทรงโต ยังติดสำเนียงอีสาน “มีอะไรรึเปล่าคะ”

“พัสดุนี่ไม่ได้จ่าหน้าซอง” ผมชูซองน้ำตาลต้นเหตุให้แกดู “พี่รู้มั้ยว่าใครเป็นคนส่งมา”

“เอาะ…อ้อ” คงสำเหนียกได้ถึงกระแสร้อนรนจากผม และรู้ว่ากำลังจะเจอปัญหา แกเริ่มเอ่ออ่า “พี่เป็นคนรับมาเอง แต่ไม่รู้ว่าใคร ขะ…เขาใส่หมวกกันน็อค เปิดฝาหน้าออกมาก็เจอหน้ากากผ้า ร้อนจะตาย”

“หมายความว่าพี่เป็นคนเจอมันเองเหรอ!” เสียงผมเริ่มกระชาก ฟูกต้องยื่นมือมาแตะศอกไว้จากข้างหลัง

หน้าเป็นฝ้าของรปภ.ซีดลง ตกใจจนหลุดภาษาถิ่น “มะ…มันส่งหยัง”

ผมไม่ตอบ แต่กวาดตาแหงนมองรอบด้าน ชั้นล่างของคอนโดเป็นล็อบบี้ค่อนข้างหรูคล้ายโรงแรม ตกแต่งด้วยแกรนิตทั้งเคาน์เตอร์ด้านหน้าและพื้น เฟอร์นิเจอร์ล้วนเงาวับจำพวกโลหะและแก้วกระจก ทั้งแจกัน ชุดรับแขก และชั้นวางเครื่องโชว์ต่างๆ ครั้นเปิดไฟจากโคมระย้าเวลาสายัณห์ ทุกมุมต่างเลื่อมระยับพราย

สาวเท้ายาวๆ พ้นช่องประตูกระจกที่เปิดอ้าอยู่ สู่โถงด้านหน้าใต้ชายคาอาคารคอนโด ติดกับวงเวียนอันมีรูปปั้นหญิงงามเทินน้ำพุอยู่ แหงนจ้องสิ่งที่จดใจ “กล้อง!”

ฟูกกับพี่พ้อมวิ่งตามมา ลูกบ้านและรปภ.คนอื่นที่วนเวียนอยู่แถวนั้นพลอยหันดูเราเพราะเสียงดังของผม

“ปกติพวกเดลิเวอรี่อาหารกับแมสเซนเจอร์จะมาจอดส่งของตรงนี้ กล้องนี่จะจับภาพได้ ผมอยากเห็นไอ้คนส่งกล่องนี่มา!”

“ม่ะ…ไม่มีหรอกค่ะ” พี่พ้อมหน้าแหย “เพิ่นส่งให้ที่ข้างถนนนู่น ตอนพี่โบกรถลูกบ้านเพิ่งเสร็จค่ะ ตรงนั้นไม่มีกล้อง”

คงเพราะผมทำหน้ายักษ์เหมือนกำลังจะระเบิด แกเลยรีบแจกแจงรัว “พะ…เพิ่นใส่แจ๊คเก๊ตบังหมดเลย แต่ไม่น่าตัวใหญ่ ขับมอไซค์มาคนเดียว…อ้อ แจ๊กเก๊ตสีเขียวแบบคนส่งของ–”

ผมหันมองตาฟูก ถึงไม่พูดแต่ก็อ่านได้ว่ากำลังคิดแบบเดียวกัน

ทวี?!

หมอนั่นอาจใช้ฟังก์ชั่นในแอปเกมแบบที่พี่ปาเปิดให้ผมกับฟูกดูวันนี้ รายชื่อคนที่กำลังตามล่ามัน!   

มันรู้ว่าฟูกกำลังตามหา เลยส่งหน้ากากบ้านี่มาขู่ ถ้างั้นมันเกี่ยวข้องยังไงกับชัยพฤกษ์?

“มีกล้องอยู่แถวๆ หน้าทางเข้าคอนโดตัวนึง ถึงจะอยู่ไกลจากถนน แต่ก็น่าจะพอจับภาพอะไรได้บ้าง” ฟูกออกความเห็น “พี่ช่วยเช็กหน่อยได้มั้ยคะ เราอยากรู้ว่าคนส่งมาเป็นใคร”

“ตะ…ต้องรอนิติน่ะค่า ป่านนี้คงกลับกันหมดแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะรีบตามให้นะคะ”

“แล้วถ้ามันมาอีก พี่แอบถ่ายรูปมันมาให้เรา อย่าให้มันรู้ตัว!”

คำสั่งผมทำแกเบิกตา “น่ะ…นี่มันเรื่องอะไรกันเหรอคะ ต้องทำขนาดนั้น”

แทนคำตอบ ผมแย่งของที่สั่งให้ฟูกถือลงมาไว้ในมือตัวเอง ยื่นให้พี่พ้อมแทบจะด้วยการเสือกส่ง “แค่ทำตามที่บอกก็พอ นี่ของฝาก ของดีอันดับหนึ่งที่บ้านผมเลย!”

. . . . . . . . . .

 

ฝักบัวแบบเรนเชาเวอร์คืออีกเหตุผลที่ผมเลือกเช่าคอนโดแห่งนี้ ผมชอบการยืนใต้สายน้ำอุ่นพร่างพรม แรงน้ำช่วยนวดผิวและกล้ามเนื้อเพิ่มความรู้สึกผ่อนคลาย ไอน้ำอุ่นกำจายแตะประตูกระจกจนเป็นฝ้าขาว

ผมอาบเสร็จก่อนลูกฟูก ขยับออกมายืนหน้าบานกระจกในส่วนแห้ง ใช้ผ้าขนหนูยีเส้นผมสีทองของตัวเอง ภาพในกระจกเงาเผยให้เห็นว่าน่าจะผอมลงไปนิดหนึ่ง

ร่างของผมสูงชะลูด แขนยาว ขายาว แถมผิวค่อนข้างสว่าง ส่งดูโดดเด่นเสมอมา ความรู้สึกถูกจ้องด้วยสายตาชื่นชมกลายเป็นเรื่องเคยชิน แม่เคยบ่นเสียดายที่ผมไปสักตัวอักษรจีนตรงสีข้างเป็นแถวยาว ที่จริงตอนไปทำผมไม่ได้สนใจความหมาย เลือกจิ้มจากรูปร่างตัวอักษรที่ต้องตา ปรากฏว่าคำทั้งสี่หมายถึง มิตรภาพ พลังชีพ โชคชะตา และ ความกล้าหาญ

กล้ามเนื้อยังพอมี แต่ด้านข้างเห็นซี่โครงขึ้นเป็นริ้ว

ช่างเหอะ ผมไม่สนใจตัวเอง สนใจฟูกมากกว่า

แฟนสาวเพิ่งปิดน้ำก้าวตามออกมา ร่างที่กำลังใช้ผ้าขนหนูห่อพันอยู่นั้นมีขนาดค่อนข้างเล็ก เดี๋ยวนี้นับว่าเริ่มมีสัดส่วนเพราะผมขุนเนื้อหนังเธอขึ้นมา จากเดิมที่พวกเพื่อนโดยเฉพาะไอ้ยอร์ชมักแซวว่าฟูกเป็นแฟนซึ่งไม่ตรงไทป์ผมมากที่สุด ถึงขนาดปรามาสว่าจะคบกันไม่ยืด จึงกลายเป็นว่าถูกหักปากกาเซียน

หากถึงอย่างไรไอ้ยอร์ชก็ยังหัวเราะ

‘ที่คบกันไอ้ฟูกได้นานน่ะ มึงตั้งใจจะเอาชนะพวกกูต่างหาก แล้วมึงก็สั่งให้มันเปลี่ยนตัวเองจนตรงไทป์มึงแล้ว เพราะงั้นจะเหมาว่าพวกกูเดาผิดไม่ได้’

ยังมีหยดน้ำเกาะตรงข้างแก้มป่องอันทำให้ดวงหน้าของเธอเป็นรูปหัวใจ ตอนแต่งกับไม่แต่งหน้า ฟูกหน้าตาไม่ต่างกันนัก นี่เป็นอีกอย่างที่ผมชอบ และเธอย่อมรู้ดีเช่นเคย

“เราว่าไม่น่าใช่ทวี” คนรู้ดีเอ่ยแสดงภูมิรู้ เธอหมายถึงคนที่ส่งหน้ากากบ้านั่นมาให้ “ไม่มีเหตุผลที่มันต้องทำอย่างนี้”

ผมเลิกคิ้วมอง “จำที่พี่ปาบอกได้มั้ย”

‘คนมากน่ะมันไม่ใช่แค่จำนวน ยิ่งคนมากประเภทของคนก็มากตามไปด้วย’

มือที่กดผ้าซับข้างแก้มอยู่จึงชะงักลง ตากลมโตครุ่นคิด

“หรือจะเป็น…ไอ้เหี้ยนั่น” ผมยื่นมือไปแตะตรงมุมปากของเธอ ถึงตอนนี้รอยช้ำน่ากลัวหายไปหมดจด แต่แน่นอน ประสบการณ์ที่ได้มาย่อมไม่อาจลบไปหมดใจ

ฟูกเข้าใจที่ผมหมายถึง เธอก้มหน้า หันหนี ห่อตัวลงนิดหน่อย

ผมวาดแขนออกไปโอบร่างนุ่มเข้าหาตัว ก้มจุ๊บหน้าผากมน “ไม่มีอะไรต้องกลัวอีกแล้ว เราจะรีบจบเกมนี้กัน”

“หมายถึงเธอจะรีบ…ฆ่ามัน…?”

เสียงฟูกไม่มั่นใจ คล้ายตั้งคำถาม ผมตัวสูงกว่าเธอถึงหนึ่งช่วงศีรษะ เมื่อยืนประชิดกันอย่างนี้จึงไม่มีทางเห็นสีหน้าเธอได้ชัด ถึงกระนั้นก็เท่าทันว่าเธอกำลังหมายถึงอะไร

ใช่ วันนี้ตอนที่ตามถึงตัวทวี ทั้งที่มีโอกาสจัดการมัน ผมกลับรีรอ นิ้วมือเกร็งจนไม่อาจกระดิกเหนี่ยวไก

ทำไมเราไม่ฆ่ามันซะให้จบเรื่อง

“ถามหน่อยสิ” ฟูกดันตัวเองห่างออกไปนิดเพื่อเงยหน้าจ้องตาผม

ใบหน้าของแฟนสาวบ้องแบ๊วเหมือนพวกการ์ตูนมังงะ ปกติเธอก็มีวิธีปรุงแววตาให้เข้ากับรูปลักษณ์ ทว่าตอนนี้ ลูกฟูกตัวจริงกลับปรากฏขึ้นทางสายตา

ลึกซึ้ง และ…ฉลาดกว่าที่เคยรู้จัก

มันเต็มไปด้วยการประเมินทางได้ทางเสีย ก่อนท้ายสุดจะตัดสินใจปริปาก

“เธอเคย…ฆ่าคนมาก่อน…ใช่มั้ย”

 

(อ่านต่อได้ในนิยายฉบับเต็ม) 

Leave a Reply

แจ้งเตือนการใช้งานคุกกี้ เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดการประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดีที่สุด ได้แก่ คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ คุกกี้เพื่อการทำงานของเว็บไซต์ และคุกกี้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ศึกษารายละเอียดและการตั้งค่าคุกกี้เพิ่มเติมเพื่อความเป็นส่วนตัวของท่านได้ใน นโยบายคุกกี้ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า