Jul
How To
เลิกยึดติดค่านิยมของสังคมด้วยการ “ไม่ทำ” เพื่อความสุขของตัวเอง
บางครั้ง ค่านิยมของสังคม ในปัจจุบัน ทำให้เรารู้สึกอึดอัดไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่ชอบทำงานบริษัท แต่ต้องทำ เพราะสังคมยอมรับคนที่มีหน้าที่การงานเป็นหลักแหล่ง ไม่ได้เป็นคนแอ๊คทีฟ ขยัน มุ่งมั่น แต่กำลังอดทนและพยายามเป็นเพราะสิ่งรอบข้างบีบให้เราทำแบบนั้น
ถ้ากำลังทรมานกับสิ่งที่ทำอยู่ ก็จงหยุดซะ อย่าให้ค่านิยมของสังคมที่ว่าต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ถึงจะดีมากำหนดสิ่งที่เราอยากทำหรืออยากเป็นจริงๆ
ลอง “ไม่ทำ” สิ่งเหล่านี้ตาม ค่านิยมของสังคม แล้วชีวิตจะมีความสุขขึ้นอีกเยอะ
ไม่เหนื่อยจนเกินไป
ร่างกายของคนเรามีขีดจำกัด อะไรที่มากเกินไปจะทำให้ร่างกายอ่อนแอได้ เช่น แดดแรงมาก ฝนตกหนักมาก อากาศหนาวมาก สิ่งเหล่านี้ทำให้เราป่วยได้ทั้งนั้น รวมไปถึงความเหนื่อยด้วย หากเราทำกิจกรรมอย่างกระปรี้กระเปร่าโดยตลอด ไม่หยุดหย่อนแล้วละก็ จะทำให้รู้สึกเหนื่อย ฝืน และอ่อนล้าเกินไป การมีช่วงเวลาพักเชิงบังคับ หรือเป็นเวลาตายตัวเป็นสิ่งที่ดี
ช่วงวันหยุดจงพักผ่อนให้เต็มที่ นอนหลับอุตุอย่างสบายใจในห้อง คิดทบทวนเรื่องที่ตัวเองทำไปในช่วงนี้ หรือจัดข้าวของที่มีให้เข้าที่ รีเซตนิสัยที่ทำต่อเนื่องจนเคยชิน เช่น ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป หรือการกินอาหารขยะ
ช่วงเวลาที่พักทำให้ได้ชาร์จพลังงานในการดำเนินชีวิตและมีความรู้สึกอยากทำงาน เป็นการเตรียมรับมือกับช่วงที่จะออกไปทำกิจกรรม อาการป่วยหรือเหนื่อย เป็นสัญญาณร้องขอความช่วยเหลือจากร่างกาย ดังนั้นตอนที่รู้สึกป่วยหรือเหนื่อยก็ควรพักผ่อนสบายๆ โดยไม่ต่อต้านสภาพร่างกายจะดีกว่า ไม่จำเป็นต้องรู้สึกเสียใจกับงานที่ค้างคาเพราะป่วย ในบางครั้งก็ควรพักผ่อนและนอนให้เต็มที่กันเถอะ
ไม่ทำเองทั้งหมด
สังคมการทำงานปลูกฝังให้เรารู้จักรับผิดชอบงานของตัวเอง และลงมือทำในสิ่งที่ไม่ถนัด ไม่เคยทำเพื่อความเจริญก้าวหน้า จนทำให้ไม่กล้าที่จะขอความช่วยเหลือจากคนอื่นที่มีความเชี่ยวชาญกว่าและทำได้ดีกว่า
การเป็น “โรคตัวเองทำเร็วกว่า” ก็น่าจะเป็นพวกชอบความสมบูรณ์แบบมากเกินไป และไม่ค่อยเชื่อใจคนอื่น แต่ในโลกนี้ไม่มีความสมบูรณ์แบบ และการทำได้เองคนเดียวก็มีข้อจำกัด การมอบหมายให้คนอื่นทำบางส่วนและทำให้สำเร็จไปแบบส่งๆ เป็นเรื่องธรรมดาของโลก คนเรามีจุดแข็งจุดด้อยด้วยกันทั้งนั้น แบ่งงานให้แต่ละคนทำในเรื่องที่ถนัดจะดีกว่า
การรับความช่วยเหลือจากคนอื่นทำให้ได้ทำอะไรเยอะแยะหลากหลายมากกว่าทำด้วยตัวเองคนเดียว ได้สร้างความสัมพันธ์กับคนอื่น และสร้างความเชื่อใจได้มากขึ้นด้วย เพื่อที่จะได้มีชีวิตที่สบายๆ ฝึกให้ขอความช่วยเหลือจากคนอื่น และให้คนอื่นมาขอความช่วยเหลือกันเถอะ
ไม่เสียสละตัวเองให้งาน
มีหลายคนที่ขมักเขม้นกับการทำงาน แต่พอถึงวันหยุดมักจะรู้สึกว่า “ไม่มีอะไรทำ ว่างจัง” คนแบบนี้มักจะเป็นคนที่ชอบทำงาน ชอบแก้ปัญหา ชอบใช้สมองหนักๆ อยากมีสิ่งที่ได้เคลื่อนไหวร่างกายและสมองทำอยู่ตลอดเวลา
แต่การรู้สึกว่าถ้าไม่มีปัญหาหรืองานอยู่บนบ่าแล้วจะไม่สงบใจไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องเท่าไหร่ ที่เป็นปัญหาคือ เป็นคนที่ไม่ได้ชอบงานมากขนาดนั้น แต่เพราะไม่มีอะไรทำก็เลยทำงาน พอไม่มีงานก็จะรู้สึกกังวล
ถ้าหากไม่มีสิ่งที่อยากทำโดยสมัครใจ หากมีวันหยุดก็จะเป็นกังวลและพยายามหาเรื่องน่ารำคาญด้วยตัวเอง จริงๆ แล้วเราควรจะมี “สิ่งที่อยากทำ” นอกเหนือไปจากงาน เพื่อที่จะสนุกกับชีวิตไปอีกนานๆ จะดีกว่า
เพราะเราไม่ได้มีชีวิตเพื่อทำงาน แต่มีงานเพื่อให้ชีวิตสนุกต่างหาก
ไม่สิ้นหวัง
ตอนที่รู้สึกหดหู่จะไม่สามารถคิดอย่างอื่นได้นอกจาก “ถึงจะคิดยังไงก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ทุกอย่างมันแย่ไปหมด” แต่ในกรณีส่วนหใญ่ เมื่อได้พักสักพักจนใจเย็น แล้วมาลองคิดดูใหม่ ก็จะเห็นทางแก้ไขใหม่อะไรสักอย่าง
ตอนที่รู้สึกสิ้นหวัง ให้ปิดมือถือ ปิดคอมพิวเตอร์ กินของที่ชอบเข้าไปเยอะๆ ซ่อนตัวอยู่ในห้อง และเอาแต่นอนไปอย่างเดียวเถอะ ไม่ต้องคิดเรื่องอะไร โยนเรื่องที่เกลียดออกไปให้หมด มาใช้ชีวิตโดยทำเรื่องที่ไม่ทรมานกันเถอะ
ในระหว่างที่ซ่อนกายอยู่ในความมืดแบบนั้นสักพัก พลังกายและพลังใจก็จะฟื้นตัว สามารถคิดในแง่บวกและมองไปข้างหน้าได้และคิดว่า “ลองพยายามดูสักหน่อยแล้วกันนะ”
คนเราหากมีพลังใจและพลังกายเพียงพอเสียอย่างแล้ว เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ทำอะไรอยู่อย่างนั้น ก็จะเกิดความรู้สึกอยากทำอะไรสักอย่างให้ก้าวไปข้างหน้าเองโดยธรรมชาติ
ข้อมูลจากหนังสือ สิ่งที่ต้องขีดฆ่าออกจากชีวิตคุณ
วางขายแล้วที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ
สั่งซื้อออนไลน์ คลิก
บทความอื่นๆ
เทคนิคการหยุดพัก “เรื่องที่ต้องทำ” เพื่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดีขึ้น
เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ด้วยการพักผ่อนให้ถูกวิธี
พัฒนาการทำงานของคุณให้ดีขึ้น ด้วยการพยายามให้ถูกวิธี
5 เหตุผลที่คุณไม่ควรลาออกจากงานประจำ มาเป็นผู้ประกอบการเต็มตัว