สำหรับคนที่อยาก วิ่งลดน้ำหนัก การจำกัดอาหารแบบสุดขีด ลดน้ำหนักได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น เมื่อกลับมากินอาหารแบบปกติ น้ำหนักก็พร้อมจะดีดขึ้นมาเท่าเดิม การลดความอ้วนเพียง 1-2 เดือนแล้วล้มเลิก ไม่ได้ทำให้น้ำหนักเปลี่ยนแปลงไปอย่างถาวรแน่นอน วิธีต่อไปนี้จะทำให้คุณกินอาหารที่เหมาะสม และ วิ่งลดน้ำหนัก ได้ดียิ่งขึ้น
กินแค่พออิ่ม
ทฤษฎีหนึ่งเคยระบุว่า หากเว้นช่วงว่างระหว่างมื้ออาหารนานเกินไป ร่างกายจะเข้าใจว่ากำลังเข้าสู่ภาวะขาดสารอาหาร จึงต้องการกักตุนสารอาหารปริมาณมาก กักเก็บพลังงานเข้าไปให้เยอะที่สุดจนกลายเป็นความอ้วน
จากข้อมูลนี้ทำให้เข้าใจไปว่า คนที่กินอาหารน้อยครั้งกลับได้รับพลังงานรวมใน 1 วันมากกว่าคนที่กินอาหารมากครั้ง และอัตราการเผาผลาญของแต่ละคนไม่เท่ากัน ต่อให้คนสองคนกินอาหารเหมือนกัน ปริมาณเท่ากัน แต่บางคนกลับอ้วนง่ายกว่า
ขณะที่บางคนเปลี่ยนมื้ออาหารจาก 3 มื้อต่อวัน เป็น 5 มื้อ กลับผอมลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะบางคนกินอาหารแต่น้อย เพราะไม่อยากให้ท้องว่าง รู้สึกหิวค่อยกินเพิ่ม หรือบางคนงานยุ่งมากจึงกินอาหารแค่วันละ 2 มื้อ แต่ได้รับสารอาหารครบถ้วนก็ได้เหมือนกัน
ดังนั้น จำนวนมื้ออาหารไม่ใช่เรื่องสำคัญ แค่พอ “ท้องว่างแล้วกินพออิ่ม” ก็เพียงพอแล้ว
ควบคุมอาหาร
การวิ่งต้องใช้พลังงานมาก แต่ถ้าวิ่งแล้วยังกินดื่มแบบไม่ยั้งก็ไม่มีทางลดความอ้วนได้ ถึงจะวิ่งจนคล่องตัวแล้วก็ต้องระวังการกินที่ทำให้ร่างกายได้รับปริมาณแคลอรีมากกว่าที่นำไปใช้
วิธีลดแคลอรีที่ง่ายที่สุดคือ การลดปริมาณอาหารลง ซึ่งต้องมีการวางแผนที่ดี เพราะถ้าลดอาหารโดยไม่สมดุลกับสารอาหารที่ร่างกายต้องการ จะทำให้มีพลังงานไม่เพียงพอสำหรับวิ่ง สิ่งที่พบคือ น้ำหนักจะลงชั่วระยะหนึ่ง แต่ระบบของร่างกายทำงานผิดปกติ ต่อไปจะทำให้ลดความอ้วนได้ยาก
ซึ่งการลดปริมาณแคลอรีจะต้องรู้วิธีคำนวณแคลอรีของอาหารแต่ละชนิดอย่างถูกต้อง ซึ่งเป็นงานที่ยาก จึงขอแนะนำให้ใช้วิธีควบคุมอาหารแทนจะดีกว่า
อย่าควบคุมอาหารเคร่งครัดเกินไป
ถ้าสามารถทำตามโปรแกรมวิ่งและควบคุมอาหารได้ตามแผน ไขมันในร่างกายจะลดลงอย่างเห็นผลได้ชัดในเวลา 1-2 เดือน แต่ถ้าทำได้ไม่สมบูรณ์ เอาแค่ควบคุมอาหารให้เหมาะกับตัวเองก็พอ
หรือจะเลือกควบคุมอาหารเฉพาะช่วงไหนที่รู้สึกว่ากินอาหารเยอะเกินไปก็ได้ เพราะสิ่งสำคัญของการควบคุมอาหารคือต้องทำอย่างสม่ำเสมอจนกลายเป็นความเคยชิน และสามารถปรับสัดส่วนอาหารให้เหมาะกับความชอบส่วนตัวได้ เช่น ถ้ารู้สึกว่า “หากไม่ได้กินเนื้อหมูหรือเนื้อวัวแล้วไม่มีแรง” ก็สามารถกินได้ แต่ควบคุมปริมาณและวิธีการปรุงก็พอ
“กล้าทิ้ง” เพื่อสร้างนิสัยการกินเสียใหม่
ถ้าอยากรู้ว่าตัวเองกินปริมาณเท่าไหร่ถึงจะอิ่ม ก็ต้องเริ่มจาก “กล้าทิ้ง” เสียก่อน ถ้าสมมติว่ามีกับข้าว 5 อย่าง ตอนแรกก็ตั้งใจจะกินให้หมด แต่ในใจก็รู้ว่าต้องอิ่มก่อนแน่ๆ จึงยกออกไป 1 จาน แล้วระหว่างกินถ้ารู้สึกว่ากินไม่หมดแน่ๆ ก็ให้ยกออกอีก 1 จาน แล้วกินจนหมด ลองทำวิธีนี้บ่อยๆ ท้ายที่สุดก็จะรู้ว่ากินกับข้าวแค่ 2-3 อย่างก็อิ่มแล้ว
ในช่วงแรกที่ “หัดทิ้ง” อาจรู้สึกเสียดายของ แต่ถ้าเห็นว่ามีอาหารเหลือกินบ่อยๆ ต่อไปก็จะซื้อของกินน้อยลง หรือทำอาหารน้อยลงไปเอง แต่ถ้าอดใจไม่ได้ ยังฝืนกินต่อไปจนหมดก็เท่ากับเพิ่มแคลอรีส่วนเกินให้ร่างกาย
มาค้นพบเคล็ดลับผอมเร็วจากเทรนเนอร์มืออาชีพ
ได้ในหนังสือ วิ่งถูกวิธี เบิร์นดีมีแต่เฟิร์ม
วางขายแล้วที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ
หรือสั่งซื้อออนไลน์ คลิกที่นี่
บทความอื่นๆ
6 อาการบาดเจ็บจากการวิ่ง ที่นักวิ่งหน้าเก่าและใหม่ควรรู้
5 เคล็ดลับวิ่งลดน้ำหนัก ลดความอ้วน ผอมเร็ว คำแนะนำจากเทรนเนอร์มืออาชีพ
ลดน้ำหนักเร่งด่วน ปลอดภัย ด้วยสูตรน้ำผักและน้ำเต้าหู้ เทคนิคจากญี่ปุ่น
5 วิธีลดความอ้วน ลดน้ำหนัก สำหรับผู้สูงอายุ
10 กฎข้อห้าม อย่ากินแบบนี้ถ้าอยากลดความอ้วน
3 ท่าลดต้นขา ท่าโยคะลดความอ้วนที่จะช่วยให้ขาเรียวสวย เห็นผลใน 1 เดือน
ความเชื่อผิดๆ ที่ทำลายระบบเผาผลาญ : กินแบบนี้ถึงได้อ้วน
Pingback: 6 อาการบาดเจ็บจากการวิ่ง ที่นักวิ่งหน้าเก่าและใหม่ควรรู้
Pingback: ลดน้ำหนักเร่งด่วน ปลอดภัย ไม่โยโย่ ด้วยสูตรน้ำผักและน้ำเต้าหู้ เทคนิคจากญี่ปุ่น
Pingback: นี่คือเหตุผลว่าทำไมวิธีการลดน้ำหนักที่ควรเลือกใช้คือ เดินลดความอ้วน
Pingback: อาหารที่ควรกินและหลีกเลี่ยง เมื่อต้องการ ลดน้ำหนัก ลดความอ้วน